3 สายการบิน พาสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้!!
เช็กกฎเกณฑ์และข้อกำหนดของแต่ละสายการบินเพื่อความมั่นใจก่อนเดินทางและอย่าลืมพกความอุ่นใจทำประกันเดินทางต่างประเทศไว้ด้วยนะ

เช็กกฎเกณฑ์และข้อกำหนดของแต่ละสายการบินเพื่อความมั่นใจก่อนเดินทางและอย่าลืมพกความอุ่นใจทำประกันเดินทางต่างประเทศไว้ด้วยนะ
โปรแรงส่งตรงถึงบ้าน รีบสั่งผ่าน GrabFood เลย 👉 https://bit.ly/3ixcjBY
ลองกันหรือยัง ไส้กรอก ต๊อกบอกกีชีส สูตรเผ็ดพ่นไฟ เผ็ด x3 ซอสสูตรพิเศษที่ผสมโคชูจังแบบเกาหลีแท้ๆ เพิ่มความฟินด้วยมอสซาเรลล่าชีส หอมมัน อร่อยลงตัว อิ่มสะดวกที่ 7-Eleven
มาปล่อยของกันเถอะ ใต้บ้าน คาเฟ่ คือคำตอบ! ในบรรยากาศชิลๆ เครื่องดื่มอร่อย แฮ้งค์เอ้าท์ก็ได้!
ระหว่างวันที่ 22 - 25 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา พลเรือเอก สมประสงค์ วิศลดิลกพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ และผู้อำนวยการการท่องเที่ยวกองทัพเรือ พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมและประเมินผลแหล่งท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2
โดยมี พลเรือตรี โชคชัย เรืองแจ่ม ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ ในการนี้ ได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเทึ่ยวต่าง ๆ ภายในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 อาทิ พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แหลมสนอ่อน ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ "โคก หนอง นา" พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 และค่ายพักแรม พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อรับทราบ ปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง ของแหล่งท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 และนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาให้มีความพร้อม ในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพี่น้องประชาชน ได้อย่างแท้จริง
กองทัพเรือ ให้ความสำคัญในการสนับสนุนพื้นที่ในหน่วยทหาร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพี่น้องประชาชนและบุคคลทั่วไป โดยนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปี งบประมาณ 68 กำหนดให้ หน่วยของกองทัพเรือพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภายในกองทัพเรือ ให้สะอาด เรียบร้อย สวยงาม และมีมาตรฐาน
นิราช/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645
(27 เม.ย. 68) ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ถนนพหลโยธิน กทม. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ 16 นายตำรวจ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” และ “นักข่าวภาคสนาม-ผู้ประกาศข่าวดีเด่น” และมอบทุนการศึกษาบุตร-ธิดาผู้สื่อข่าว โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคม ฯ, นายสมชาย จรรยา อุปนายก ฯ, นายสุรชัย นิโครธานนท์ อุปนายกฯ, นายธนากร ริตุ ประชาสัมพันธ์สมาคมฯ, น.ส.ขนิษฐา อมรเมศวรินทร์ ประชาสัมพันธ์สมาคมฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคม ฯ และคณะสื่อมวลชน-ตำรวจผู้รับมอบรางวัล และบุตร-ธิดาผู้สื่อข่าว
นายไพโรจน์ ได้กล่าวว่าทุกองค์กรย่อมมีคนดีและคนไม่ดี ทางสมาคมฯ มีวัตถุประสงค์สนับสนุนผู้ที่ทำดีเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละท่านและเชิดชูให้กับบุคคลที่ทำคุณงามความดีเพื่อสังคม โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวพร้อมด้วยตัวแทนจากสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ได้มีการประชุมคัดเลือกและพิจารณามอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาต่าง ๆ ให้กับข้าราชการตำรวจที่มีผลงานดีเด่นจนเป็นที่ยอมรับของสังคม และมีสื่อมวลชนได้เสนอชื่อข้าราชการตำรวจเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการคัดเลือกและลงมติเหลือเพียง 16 รางวัล ส่วนรางวัล “นักข่าวภาคสนามดีเด่น” 8 รางวัล และรางวัลผู้ประกาศข่าวดีเด่น 5 รางวัล สำหรับรางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาต่าง ๆ
1.พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรม ดีเด่น
2. พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น เจ้าของวลีที่ว่า “ทำงานเหนื่อยเพื่อตัวเอง อยู่แค่สิ้นลม แต่ทำงานเพื่อสังคม มันอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย”
3. พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น
4. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรม ดีเด่น
5. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามองค์กรอาชญากรรม ดีเด่น
6. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามยาเสพติด ดีเด่น
7. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ดีเด่น
8. พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบชายแดนใต้ ดีเด่น
9. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวนและปราบปราม ดีเด่น
10. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาปราบปรามคอร์รัปชัน ดีเด่น
11. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวน ดีเด่น
12. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสืบสวน ดีเด่น
13. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาสอบสวน ดีเด่น
14. ร.ต.อ.ศรัณยพงศ์ อ่อนสิงห์ รองสารวัตรตำรวจทางหลวงนครปฐม รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดีเด่น
15. จ.ส.ต.เมธาวุฒิ เพ็ชรศรี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองขอนแก่น รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ดีเด่น
16. จ.ส.ต.วรวิทย์ ณะรัตตะ ผบ.หมู่ ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส รางวัลเชิดชูเกียรติ “ต้นแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” สาขาวีรบุรุษชายแดนใต้
สำหรับรางวัลเชิดชูเกียรติผู้สื่อข่าวภาคสนามดีเด่น และผู้ประกาศข่าวดีเด่น ที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชนและเป็นกระจกเงาสะท้อนสังคม ได้แก่ น.ส.ดารินทิพย์ วิมลพัฒน์ จากช่อง 7 นายสุวรรณ เพ็งอ้น จากช่อง 3 น.ส.ทัศนีย์ ดำมุณี จากช่อง 9 นายกฤษฎากร ภูกาบเงิน จากช่อง 8 นายสุธิวัฒน์ ครุฑสุธา ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม เดลินิวส์ นายณเดช โรจนประดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ข่าวสดออนไลน์ น.ส.ปิยะธิดา เพชรดี ผู้สื่อข่าว อัมรินทร์ออนไลน์ และนายนเรศ หมีเทพ ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ไทยรัฐ
ส่วนรางวัลเชิดชูเกียรติผู้ประกาศข่าวดีเด่น คือ น.ส.อรชพร ชลาดล ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี, น.ส.เปรมสุดา สันติวัฒนา ผู้ประกาศข่าวช่อง 7, น.ส.ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ ผู้ประกาศข่าวช่อง 3, นายณัฐธีร์ โกศลพิสิษฐ์ ผู้ประกาศข่าว โมโน 29 และนายภาณุพงศ์ กรรณาธิกรณ์ ผู้ประกาศข่าว ททบ.5
(27 เม.ย. 68) พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยม กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ณ ค่ายตากสิน อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมี พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยวิชาการนาวิกโยธินในฐานะ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ส่วนแยก 3 พร้อมด้วยกำลังพลในสังกัดกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด รับการตรวจเยี่ยม
โอกาสนี้ ผู้บัญการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชมกำลังพลกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังและตั้งใจ ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ ป้องกันประเทศบริเวณพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออก และให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน ตลอดจนปฏิบัติงานตามที่รัฐบาลมอบหมายอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง พร้อมทั้งเน้นย้ำ กำลังพลทุกนายในการปฏิบัติงานโดยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท หมั่นฝึกฝนและเตรียมกำลังให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดต่อไป
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้พบปะทักทายกำลังพล และเยี่ยมชม ยุทธโธปกรณ์ของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดในการปกป้องอธิปไตยและช่วยเหลือประชาชน ก่อนเข้ารับฟังการบรรยายสรุป เพื่อรับทราบถึงปัญหา ข้อขัดข้อง ตลอดจนข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน
สำหรับกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เกิดขึ้นตามที่ กองบัญชาการทหารสูงสุด (ปัจจุบันคือ กองบัญชาการกองทัพไทย ) ได้สั่งการให้ กองทัพเรือรับผิดชอบ ในการป้องกันพื้นที่บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดรวมทั้งให้มีหน้าที่ในการให้ความคุ้มครองเรือประมง ในน่านน้ำไทย และสนับสนุนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในการป้องกันมิให้เรือประมงไทยล้ำเขตน่านน้ำกัมพูชาเนื่องจากในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด มีการตั้งหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่หลายหน่วยงาน โดยมีกองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด ปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดน และกองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายใน ภาค 1/1 ปฏิบัติภารกิจในการรักษาความมั่นคงภายในซึ่ง กองทัพเรือ เป็นหน่วยรับผิดชอบในการปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว กองบัญชาการทหารสูงสุดจึงสั่งการให้ กองทัพเรือจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2522 เพื่อควบคุมบังคับบัญชากำลังทั้งสิ้นที่ปฏิบัติในพื้นที่ ทั้งด้านการป้องกันชายแดน และการรักษาความมั่นคงภายใน โดยมี ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ผบ.กปช.จต.) เป็น ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งการใช้กำลัง และควบคุมบังคับบัญชากำลังทหาร , ตำรวจ , อาสารักษาดินแดน , ราษฎรอาสาสมัครต่าง ๆ และกำลังอื่น ๆ ที่ปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด กองทัพเรือจึงมีคำสั่งเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งของกองบัญชาการทหารสูงสุด และเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น ตลอดจนเพื่อเป็นการ กำหนดอำนาจ การบังคับบัญชาของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ต่อหน่วยกำลังต่าง ๆ ที่ขึ้นควบคุมทางยุทธการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงมอบให้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) เป็น ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ผบ.กปช.จต.) รับผิดชอบในการป้องกันชายแดน ที่ติดต่อกับ ประเทศ กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ทั้งทางบกและทางทะเล และให้ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จัดตั้งกองกำลังด้าน จันทบุรี - ตราด (กจต.) เพื่อปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดนที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดทั้งทางบกและทางทะเล ให้ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็น ผู้บัญชาการกองกำลังด้านจันทบุรี - ตราด อีกตำแหน่งหนึ่ง
ทั้งนี้ ภารกิจของ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในปัจจุบัน คือการป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล อำนวยการในการปกครอง พื้นที่ ควบคุมรักษาระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายทั้งปวงในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติเนื่องจากพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด มีระยะทางตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านจังหวัดจันทบุรีและ จังหวัดตราด มีระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร
(28 เม.ย.68) นาวาเอก พนม คมสัน รองเจ้ากรมโรงงานฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นประธานในพิธีเปิดอบรมทหารกองประจำการก่อนปลดเป็นทหารกองหนุน ผลัดที่ 1/66 ในสังกัดพื่นที่สัตหีบ โดยแบ่งออกเป็นรอบเช้า ชุดที่ 1 จำนวน 220 นาย รอบบ่าย ชุดที่ 2 จำนวน 260 นาย รวมจำนวน 480 นาย ณ สโมสรสัญญาบัตร ฐานทัพเรือสัตหีบ
ตามที่กองทัพเรือ ได้อนุมัติให้ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นหน่วยดำเนินการจัดการอบรมทหารกองประจำการก่อนปลดเป็นทหารกองหนุน ที่สังกัดต่าง ๆ ในพื้นที่สัตหีบ ประกอบด้วย กองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ ทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ และโรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ โดยได้กำหนดหัวข้อในการอบรม จำนวน 4 หัวข้อ ได้แก่ การให้ความรู้เกี่ยวสถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย หัวข้อที่ 2 การให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและพิษภัยจากยาเสพติด ได้รับวิทยากรจากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ มาให้ความรู้ หัวข้อที่ 3 การให้ความรู้และการลดความเสี่ยงต่อโรคติดต่อร้ายแรง ได้รับวิทยากรจากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ มาให้ความรู้ หัวข้อที่ 4 การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่ควรทราบ ได้รับวิทยากรจากแผนกพระธรรมนูญ ฐานทัพเรือสัตหีบ มาให้ความรู้
ภาพข่าว สมนึก เชื้อสนุก
(28 เม.ย. 68) เวลา 09.00 นาฬิกา ที่สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พันเอกหญิง สุชาดา แจ่มสุวรรณ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 ให้การต้อนรับเยาวชนกองทัพภาคที่ 3 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พร้อมให้โอวาทแก่เยาวชนที่ร่วมกิจกรรมทัศนศึกษานอกพื้นที่ ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 ก่อนจะเดินทางไปยังแหล่งเรียนรู้และสถานที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรมนำเยาวชนในพื้นที่พื้นภาคเหนือตอนล่าง เดินทางไปทัศนศึกษาภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 28 – 30 เมษายน 2568 ภายใต้แนวคิด “เรียนรู้วิถีคนเมือง สัมผัสวัฒนธรรมล้านนา เสริมสร้างปัญญา พัฒนาเยาวชน” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางสังคม ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ทหารยุคใหม่ รวมถึงการดำเนินงานตามศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ภายในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 3 โดยมีเยาวชนจำนวนทั้งสิ้น 25 คน จาก เยาวชนที่เคยเข้าร่วมและสนับสนุนกิจกรรมของหน่วย / มัคคุเทศก์น้อย / เยาวชนจากโรงเรียนในโครงการทหารพันธุ์ดี “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” / นักเรียนที่สนใจสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนทหารในส่วนของกองทัพบก
โดยระหว่างการทัศนศึกษา เยาวชนจะได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ของชาติ อาทิเช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และประวัติศาสตร์ด้านการทหาร พร้อมทั้งเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของ กองทัพภาคที่ 3 หรือ โครงการทหารพันธุ์ดี และเดินทางสัมผัสวิธีชีวิตคนเมือง ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ณ จังหวัดเชียงใหม่อดีตศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนา ตลอดจนนิทรรศการเกี่ยวกับการก่อตั้งโครงการในการดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ อันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติโดยส่วนรวม
กองทัพภาคที่ 3 มุ่งหวังให้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง “พลเมืองรุ่นใหม่” ที่มีคุณภาพ มีความเข้าใจในประวัติศาสตร์และมิติทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย ที่หล่อหลอมจนกลายมาเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความรู้ควบคู่คุณธรรม และเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก
(27 เม.ย. 68) เวลา 13.30 น. ที่กรมทหารพรานที่ 21 ต.ศรีสองรัก อ.เมืองเลย จ.เลย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) พร้อมด้วยนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ในพื้นที่อำเภอชายแดน ของจังหวัดเลย โดยมี พล.ต.ต.วีระเดช เลขะวรกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย นายกิตติคุณ บุตรคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พันเอก สุพรเทพ ไชยยงค์ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 3 ( ร.8 ) นางสาวภูมารินทร์ คงเพียรธรรม ปลัดจังหวัดเลย พันเอกอินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 นายสุชิน จันทร์ป่าน นายอำเภอปากชม และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมแถลงข่าว
โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 เวลา 02.00 น. กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 สืบทราบจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนย้ายยาเสพติดเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณพื้นที่บ้านปากมั่ง ตำบลหาดคัมภีร์ อำเภอปากชม จังหวัดเลย จึงได้ประชุมวางแผนการปฏิบัติ ร่วมกับ ชป.505 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,จนท.สภ.ปากชม จากนั้นได้วางกำลังซุ่มเฝ้าตรวจพบ เรือกีบ 1 ลำ แล่นเข้ามายังฝั่งไทยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ ประมาณ 5 คน กำลังแบกกระสอบสีดำขึ้นจากเรือมาวางริมถนน จากนั้นได้มีรถยนต์กระบะถอยเข้ามาเพื่อทำการขนกระสอบสีดำขึ้นท้ายกระบะ จนท.ชุดซุ่ม จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ พบเห็นว่าเป็น จนท. จึงได้กระโดดลงน้ำแม่โขงหลบหนีไปได้ แต่จนท.สามารถควบคุมตัวไว้ได้ 2 คน ต่อมาจึงได้ประสานหน่วยที่เกี่ยวมาร่วมทำการตรวจสอบกระสอบสีดำ พบเป็นกระสอบบรรจุยาบ้ารวม ทั้งหมดประมาณ 15 กระสอบ พบเป็นยาเสพติดทั้งหมด 5,566,000 เม็ด พร้อมทั้งนำส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ให้ สภ.ปากชม เพื่อทำการขยายผลในส่วนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
กรณีที่มีการตรวจยึดจับกุมในครั้งนี้ นบ.ยส.24 ในพื้นที่ 7 จังหวัด 25 อำเภอ พื้นที่ตามแนวชายแดน ในห้วงที่ผ่านมานั้น มีสถิติการจับกุมในพื้นที่อำเภอชายแดนของจังหวัดเลย จำนวน 186 ครั้ง ผู้ต้องหา 240 ราย โดยมีของกลางยาบ้ามากถึง 14,898,762 เม็ด, ไอซ์ 993 กิโลกรัม และเคตามีน 250 กิโลกรัม การจับกุมในพื้นที่รับผิดชอบของ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งหมด 7 จังหวัด 25 อำเภอ จำนวน 696 ครั้ง ผู้ต้องหา 974 คน โดยมี ของกลางยาบ้ามากถึง 104,955,437 เม็ด, ไอซ์ 4,084 กิโลกรัม, เฮโรอีน 124 กิโลกรัม, เคตามีน 777 กิโลกรัม, และอื่นๆ (ยาอี 3,490 เม็ด, happy Water 1,156 ซอง, ฝิ่น 1 กรัม) รวมมูลค่ามากถึงเจ็ดพันกว่าล้านบาทเศษ
เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259777