Tuesday, 20 May 2025
TheStatesTimes

กระแสชอปปิงผ่าน ‘ไลฟ์สด’ ในจีน ส่งสัญญาณสดใส หลังหลายร้านแห่ใช้ ‘AI’ ขายแทนคน สร้างความแปลกใหม่

(11 ธ.ค.66) ตามรายงานของแมคคินซี่ย์ แอนด์ คอมพานี (McKinsey & Company) บริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ระดับโลก ระบุว่า ยอดขายสินค้าผ่านไลฟ์สดในจีนพุ่งสูงขึ้น 19% ในช่วงเทศกาลวันคนโสด (Singles Day) เมื่อเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม ปรับตัวลง 1%

นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในจีนเมื่อช่วงต้นปี 2563 กลุ่มผู้ค้าปลีกในจีนได้หันไปว่าจ้างนักไลฟ์สด หรือไม่ก็พัฒนาตนเองเป็นนักไลฟ์สดเพื่อขายสินค้า ขณะที่บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์ เช่น ออสติน หลี่ ได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นเศรษฐีเงินล้านเพียงชั่วข้ามคืน ผ่านการไลฟ์สดขายสินค้า

ดาเนียล ซิปเลอร์ นักวิเคราะห์ของแมคคินซี่ย์กล่าวว่า การไลฟ์สด โดยเฉพาะการไลฟ์สดเพื่อขายสินค้านั้น กำลังเป็นที่นิยมในประเทศจีนมากกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก และขณะนี้บริษัทค้าปลีกหลายแห่งกำลังหันมาใช้เอไอ แทนคนในการไลฟ์สดขายสินค้า และหลายบริษัทเริ่มใช้อวตาร (Avatar) หรือภาพกราฟิกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้แทนภาพลักษณ์จริงของมนุษย์

เสี่ยวเฟิง หวัง นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์เรสเตอร์กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อไลฟ์สดขายสินค้า ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเทศกาลวันคนโสดในจีนปีนี้ โดยคุณภาพของเอไอ หรืออวตาร ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และดูเหมือนคนจริง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเอไอที่พัฒนาโดยบริษัทเทนเซ็นต์

นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์เรสเตอร์ กล่าวว่า

“เราคาดว่ากลุ่มผู้ค้าปลีกในจีนจะใช้ AI ในการไลฟ์สดขายสินค้าเพิ่มขึ้นอีก เพื่อสร้างความแตกต่างจากการขายสินค้าทั่วไป และเพื่อลดต้นทุนในการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง” 

'เศรษฐีนีมาเลเซีย' กรี๊ด!! แหวนราคา 36 ล้านหายในโรงแรมหรูที่ปารีส เจ้าหน้าที่พลิกโรงแรมหานาน 2 วัน สุดท้ายพบอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น

สื่อฝรั่งเศสรายงานเหตุวุ่นวายใน The Ritz โรงแรมสุดหรูในใจกลางนครปารีส ของฝรั่งเศส เมื่อมีนักท่องเที่ยวสาวชาวมาเลเซียออกมาโวยวายว่าแหวนเพชรเม็ดโต ราคาหลัก 1 ล้านเหรียญ (ประมาณ 36 ล้านบาท) ถูกขโมยจากห้องพักในโรงแรมหรูชั้นนำของฝรั่งเศส และกลายเป็นคดีที่มีการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ของฝรั่งเศสในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 

หญิงสาวชาวมาเลเซียรายนี้ ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม เป็นนักธุรกิจหญิงชั้นนำ ที่สามารถเรียกได้ว่ามีฐานะในระดับเศรษฐีนีของมาเลเซียเลยทีเดียว โดยเธอเข้าพักในโรงแรม Ritz ที่ตั้งในย่านหรูของกรุงปารีส จนเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เธอได้ถอดแหวนเพชรเม็ดโต ราคาถึง 1 ล้านเหรียญวางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างหัวนอน ก่อนที่จะออกจากโรงแรมไปชอปปิงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะกลับมาพบว่า แหวนเพชรของเธอได้หายวับไปจากห้องแล้ว 

และในวันนั้น เธอได้แจ้งตำรวจในทันที โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษก็รีบรุดมายังที่เกิดเหตุ เพื่อสอบสวน และประสานงานกับทางโรงแรมว่ามีบุคคลแปลกปลอมเข้ามาขโมยของในโรงแรมหรือไม่?

(อนึ่งปารีส มักมีข่าวนักท่องเที่ยวถูกลักเล็ก ขโมยน้อยอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเอเชียที่ดูมีฐานะ ซึ่งถูกตั้งฉายาว่า 'Crazy Rich Asians' มักเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพอยู่เสมอ)

แต่หลังจากพลิกโรงแรมหาอยู่นานถึง 2 วัน พนักงานโรงแรมก็พบแหวนเพชรหรูของเศรษฐีนีมาเลเซียอยู่ในถุงภายในเครื่องดูดฝุ่น สร้างความโล่งใจทั้งลูกค้า ทั้งทีมตำรวจที่สามารถปิดคดีได้ และได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพ 

นับเป็นความโชคดีของเศรษฐีนีมาเลเซียที่ไม่สูญแหวนเพชรหรูของเธอในทริปที่ปารีส เพราะถึงแม้ทางโรงแรมจะยืนยัน มั่นใจเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยเพียงใดก็ตาม แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุโจรปล้นภายในโรงแรมแห่งนี้ 

เมื่อย้อนกลับไปช่วงเดือนกันยายน ปี 2018 เจ้าหญิงองค์หนึ่งแห่งราชวงศ์ซาอุฯ เคยแจ้งตำรวจว่าเครื่องเพชรมูลค่ามากกว่า 8 แสนยูโร (ประมาณ 30 ล้านบาท) ได้สูญหายไปจากห้องสูท ของโรงแรม The Ritz แห่งนี้เช่นเดียวกัน และไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ซึ่งในปีเดียวกัน ก็เคยเกิดเหตุแก็งโจรบุกปล้นร้านเครื่องเพชรที่อยู่ในโรงแรม โดยใช้ค้อนทุบตู้กระจก กวาดเครื่องเพชร และนาฬิกาแบรนด์เนมไปได้ถึง 4 ล้านยูโร (154 ล้านบาท) ก่อนจะถูกจับตัวได้ในเวลาต่อมา 

ดังนั้น ไม่มีที่ใดที่ปลอดภัย สำหรับทรัพย์สินมีค่าของคุณ แม้ว่าสถานที่นั้นจะเป็นโรงแรม 5 ดาวหรูหราที่สุด ในย่านคนรวยที่สุด แต่ถ้าคุณประมาทก็หนีไม่พ้นมือโจรอยู่ดี 

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

‘อี้ แทนคุณ’ ห่วง!! หลังพบกิจกรรมปลุกปั่นต่อต้านรัฐบาลเพื่อนบ้าน ซ้ำ!! มีนักการเมืองบางพรรคแจมด้วย เร่งจี้ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบ

(11 ธ.ค.66) ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเพจดังวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ได้ส่งข้อมูลให้ตนตรวจสอบภาพกิจกรรมการประชุมสัมมนาของกลุ่มองค์กรหนึ่ง   โดยมีทั้งนักการเมือง พระภิกษุสงฆ์เป็นวิทยากร โดยมีผู้รับการอบรมเป็นเยาวชนจำนวนหลายสิบคน มีการมอบประกาศนียบัตรและถ่ายภาพร่วมกัน โดยสถานที่จัดเป็นห้องประชุมแห่งหนึ่งที่มีคนให้ข้อมูลว่าคล้ายห้องประชุมของพรรคบางพรรคในประเทศไทยหรือไม่นั้น ตนอยากให้ฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลังกับหน่วยข่าวกรองเพื่อตรวจสอบอย่างเร่งด่วน 

โดยตนได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ากิจกรรมดังกล่าวจัดที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมีนักการเมืองไทยร่วมกับเครือข่ายร่วมจัด มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา และมีลักษณะปลุกปั่นยุยงให้นำความขัดแย้งไปสู่การขยายผลหรือไม่ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2566 และเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก CNRP America โดยแปลเป็นภาษากัมพูชาในลักษณะว่าจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย มีการติดธงชาติของประเทศกัมพูชาไว้ผนังด้านหนึ่ง ซึ่งตนเป็นห่วงว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่อ่อนไหวเปราะบางอาจกระทบความสัมพันธ์และขัดกับหลักการของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยเรื่องการไม่แทรกแซงกิจการภายในกันและกัน

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีคนส่งภาพเทียบใบหน้าเหมือนกับนักการเมืองของพรรคบางพรรคเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวด้วย จะทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเกิดความเข้าใจผิดได้ว่าคนไทยรู้เห็นเป็นใจซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น โดยประเด็นดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและต้องช่วยกันตามหาคนรับผิดชอบ เพื่อยืนยันว่าคนไทยเคารพในวิถีอาเซียนไม่เข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายและจัดการงานนอกสั่ง และในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นประชาชนชาวไทยทุกคนมีแต่ส่งกำลังใจ ความเข้าใจและภาวนาขอให้สถานการณ์ทุกอย่างของประเทศเพื่อนบ้านเราคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นเสมอ 

โดยสิ่งที่เกิดขึ้นนี้หากพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองที่มักเคลื่อนไหวปลุกปั่นให้เยาวชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากวิถีอาเซียนและวิถีการเมืองไทยที่ควรจะเป็นนั้น ฝ่ายความมั่นคงควรต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด และเรื่องนี้มีพระภิกษุสงฆ์มาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติคงต้องเข้ามาดูแลใกล้ชิดมากขึ้น เพราะขัดกับมติมหาเถรสมาคมที่ห้ามพระภิกษุสงฆ์ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองด้วยต่อไป

‘เบสท์ คำสิงห์’ เคลื่อนไหว หลังคุณพ่อเจอข่าวหนัก ท่ามกลางชาวเน็ตแห่ซัปพอร์ต ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้

(11 ธ.ค.66) กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนติดตาม หลังสาวอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยอ้างว่า ถูกอดีตนักมวยดัง ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ กระทำอนาจารในโรงแรม หลังรู้จักกันในผับแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น 

ล่าสุดในอินสตาแกรมของ ‘เบสท์ - รักษ์วนีย์ คำสิงห์’ ลูกสาวสุดรักของ ‘สมรักษ์’ ได้โพสต์ภาพไปหน้าที่บรรจุอัฐิคุณยาย ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว เขียนข้อความว่า "ที่สุดของหัวใจเบสท์”

โดยหลังจากโพสต์เผยแพร่มีแฟนๆ แห่เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจสาวเบสท์อย่างมากมาย อาทิ เป็นกำลังใจให้น้องนะคะ น้องเก่งมาก ผ่านอะไรมาตั้งหลายอย่างแล้ว ขอให้ครั้งนี้ผ่านมันไปให้ได้, ยิ้มเยอะๆ นะคนสวย ปัญหาทุกอย่างเข้ามาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป แฟนคลับอยู่ข้างๆ น้องเบสเสมอ กอดๆ, เข้มแข็งไว้นะพี่เบสท์

‘สุริยะ’ ไฟเขียว!! จัดตั้งคณะทำงานกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ ช่วยประชาสัมพันธ์ - ดูแลนักลงทุนที่มาลงทุนในไทย

‘บอร์ดเร่งรัดลงทุน อีอีซี’ ไฟเขียวจัดตั้งคณะทำงานกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์เชื่อมร่วมมือ ‘บีโอไอ-กนอ.’ ดึงลงทุนเข้าประเทศ พร้อมอัปเดต 4 โปรเจกต์หลัก เร่งเคลียร์ส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน ลุ้นอัยการตีความบัตรส่งเสริมการลงทุน คาดเริ่มสร้างปีหน้า เสร็จตามแผนในปี 71 ส่วน ‘เมืองการบิน-แหลมฉบังเฟส 3-ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด’ เปิดใช้ปี 70

(11 ธ.ค. 66) นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เป็นประธานฯ ว่า ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเห็นชอบข้อเสนอการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อลดความซ้ำซ้อนการดำเนินงานหน่วยงานภาครัฐ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ

ทั้งนี้ ในด้านพื้นที่การให้สิทธิประโยชน์ สกพอ. จะให้สิทธิประโยชน์เฉพาะในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ตามมาตรา 48 ของ พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 35 เขต แบ่งเป็นพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม 28 แห่งและพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ 7 แห่ง โดยพื้นที่นอกเหนือเขตส่งเสริมฯ ดังกล่าว จะเป็นไปตามกฎหมายของบีโอไอและ กนอ. ด้านผู้รับสิทธิประโยชน์ สกพอ. จะให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และต้องเป็นโครงการที่ไม่เคยได้รับการส่งเสริมลงทุน และไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์ร่วมกับโครงการจากบีโอไอมาก่อน

นายจุฬา กล่าวต่อว่า กรณีโครงการเคยได้รับส่งเสริมลงทุนจากบีโอไอ สกพอ. จะพิจารณาเฉพาะสิทธินอกเหนือ เช่น สิทธิประโยชน์ถือครองห้องชุด สิทธิประโยชน์ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายศุลกากร เป็นต้น ด้านการอนุมัติอนุญาตตามกฎหมาย สกพอ. ได้มีระบบบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (EEC One Stop Service) รองรับการอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต รับแจ้งจดทะเบียนตามกฎหมายต่างๆ เช่น กฎหมายว่าขุดดินถมดิน การควบคุมอาคาร การจดทะเบียนเครื่องจักร กฎหมายคนเข้าเมือง เป็นต้น

ทั้งนี้ จำเป็นต้องร่วมกับบีโอไอ และ กนอ. เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงาน โดยสิทธิประโยชน์ของ สกพอ. จะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 อีกทั้ง ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ สกพอ. บีโอไอ และ กนอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีคณะทำงานฯ ร่วมกัน ทำหน้าที่เป็นกลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ เพื่อเป็นศูนย์กลางรับรองนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายจุฬา กล่าวอีกว่า สำหรับการขับเคลื่อนโครงการโครงสร้างพื้นฐานนั้น ที่ประชุมฯ ได้รับทราบความก้าวหน้าโครงการลงทุน 4 โครงสร้างพื้นฐานหลักของอีอีซี ประกอบด้วย 1.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีมติให้เร่งรัดการส่งมอบพื้นที่ส่วนที่เหลือ ช่วงพญาไทถึงบางซื่อให้เสร็จภายใน พ.ค. 2567 ส่วนพื้นที่อื่น มีความพร้อมสำหรับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงและพื้นที่เชิงพาณิชย์ (TOD) แล้ว คงเหลือแต่รอให้เอกชนคู่สัญญาส่งเอกสารไปที่บีโอไอ เพื่อรับบัตรส่งเสริมการลงทุน ที่จะหมดอายุในวันที่ 22 ม.ค. 2567

ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อยู่ระหว่างเตรียมออกหนังสืออนุญาตเข้าพื้นที่ (NTP) ซึ่งในเงื่อนไขของการออก NTP ระบุไว้ว่าเอกชนคู่สัญญาจะต้องได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนก่อน เพื่อครบเงื่อนไขเริ่มต้นโครงการที่กำหนดในสัญญา โดย รฟท. จึงได้ยื่นไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม หากสำนักงานอัยการสูงสุดตีความว่า สามารถส่งมอบพื้นที่ได้โดยไม่ต้องรอบีโอไอ โดย รฟท. จะเร่งรัดเอกชนคู่สัญญาให้แล้วเสร็จภายใน ม.ค. 2567 ก่อนจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ตามแผนในปี 2567

อย่างไรก็ตาม ส่วนปัญหาการพิจารณาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวนั้น ปัจจุบันได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ซึ่งในวันที่ 13 ธ.ค. 2566 จะมีการประชุมร่วมกับเอกชนคู่สัญญาเพื่อพิจารณารายละเอียดร่างสัญญาอีกครั้ง ก่อนจะเสนอไปยังอัยการสูงสุด หากพิจารณาเห็นชอบก็จะเสนอกลับมายัง กพอ.เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติลงนามสัญญาใหม่ต่อไป อย่างไรก็ตาม คาดว่า โครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการในปี 2571

นายจุฬา กล่าวต่ออีกว่า 2.โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่ประชุมมีมติให้เร่งรัดกองทัพเรือประกาศจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างทางวิ่ง 2 และทางขับ ภายในกลาง ธ.ค. 2566 และเร่งรัดให้ สกพอ. รฟท. และเอกชนคู่สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และเอกชนคู่สัญญาโครงการสนามบินอู่ตะเภา สรุปแผนการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เงื่อนไขการเริ่มต้นโครงการครบสมบูรณ์ตามที่กำหนดในสัญญา และโครงการสนามบินอู่ตะเภา สามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายใน ม.ค. 2567 โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการตามแผนในปี 2570

3.โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มีมติให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเร่งรัด และกำกับการก่อสร้างงานถมทะเล (Infrastructure) ให้แล้วเสร็จและส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนคู่สัญญาภายใน พ.ย. 2568 ตามที่กำหนดในสัญญาร่วมลงทุน และคาดว่าเอกชนคู่สัญญาจะก่อสร้างโครงสร้างท่าเรือ (Superstructure) ในส่วนท่าเรือ F1 แล้วเสร็จและเปิดให้บริการปลายปี 2570

4.โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 มีมติให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ติดตามการถมทะเล (Infrastructure) ของเอกชนคู่สัญญา ให้แล้วเสร็จภายในธ.ค. 2567 โดยในปัจจุบันงานมีความคืบหน้าแล้วประมาณ 69.64% และคาดว่าเอกชนคู่สัญญาจะก่อสร้างโครงสร้างท่าเรือก๊าซเสร็จและเปิดให้บริการต้นปี 2570

'โซเชียลลาว' เดือด!! หลังคนไทยโพสต์ "เวียงจันทร์ก็แค่ปากซอย" เหมือน 'ดูถูกลาวไม่เจริญ' ทั้งที่ภาษาไทยหมายถึง 'ใกล้แค่นี้เอง'

(12 ธ.ค.66) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'พระราม เดินดง' ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประตูชัย ว่า... "เวียงจันทร์ก็แค่ปากซอย" ลงกลุ่ม 'เที่ยวลาว ด้วยตัวเอง' ก็ได้เกิดเป็นกระแสดรามาในหมู่คนลาวขึ้นมาทันที

โดยจากเฟซบุ๊ก 'Kittinun Nakthong' ได้เผยว่า "ชาวลาวเคืองนักท่องเที่ยวไทยรายหนึ่ง โพสต์ภาพประตูชัยพร้อมคำว่า 'เวียงจันทน์ก็แค่ปากซอย' ชี้ภาษาลาวถือเป็นคำพูดดูถูกประเทศ ไม่เจริญ มีความเจริญน้อยเหมือนแค่ปากซอยหน้าบ้าน ไม่ได้เข้าไปในตัวเมือง"

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถือเป็นการตีความ บนพื้นฐานของการเข้าใจความหมายที่ไม่ตรงกัน โดยชาวเน็ตไทย ต่างก็ออกมาอธิบายว่า คำนี้เป็นคำที่คนไทยมักใช้เวลามาเที่ยวลาวกันนานมากแล้ว ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยถึงว่า "ประเทศลาวอยู่ใกล้ไทย เดินทางไปเที่ยวไม่ยาก ใกล้เหมือนออกไปปากซอยเท่านั้น"

ถึงกระนั้นก็ยังคงมีชาวลาวที่ยังไม่ทราบความหมายของคำดังกล่าวและเข้ามาคอมเมนต์เชิงตัดพ้อ และมองว่านี่คือการเหยียดจากคนไทย ไม่อยากมาเที่ยว ก็ไม่ต้องมา ขณะที่คนไทยบางกลุ่มก็เริ่มเดือด เพราะอธิบายความหมายที่แท้จริงจากมุมคนไทย ก็ดูเหมือนคนลาวจะไม่รับฟังใดๆ และหาเรื่องอื่นมาโต้เถียงกันจนลุกลามในโลกโซเชียลอยู่ขณะนี้

'อลงกรณ์' ฝากข้อคิดถึงสมาชิก ปชป. ขออย่าทำร้ายพรรคให้บอบช้ำไปกว่านี้

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.66 นายอลงกรณ์ พลบุตร ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่มไลน์เพื่อนอลงกรณ์ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายหลังพรรคประชาธิปัตย์เลือกนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรค ความว่า...

ผมฝากข้อคิดทุกคนนะครับ

พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง เป็นพรรคของสมาชิกทุกคน ไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเป็นของทุกคน ไม่ใช่หัวหน้าพรรคคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นท่านควงจนถึงท่านเฉลิมชัย

ผมเป็นสมาชิกพรรคเหมือนท่านทั้งหลาย ทำงานรับใช้พรรคภายใต้หัวหน้าพรรคชวน, บัญญัติ, อภิสิทธิ์, เฉลิมชัยและคนต่อ ๆ ไป โดยไม่เคยเป็นคนของใคร ยึดแต่เป็นคนของพรรค

ผมเคยเป็นเลขาท่านชวน เป็นประธานปราบคอร์รัปชันของท่านบัญญัติ เป็นรัฐมนตรีสมัยท่านอภิสิทธิ์ และเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรสมัยท่านจุรินทร์ เป็นรองหัวหน้าพรรค 4 สมัย เป็น สส. 6 สมัย

วันนี้ไม่ได้เป็นกรรมการบริหาร แต่ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ผมภูมิใจตลอดชีวิตตั้งแต่เป็นสมาชิกในปี 2534 ไม่ว่าในยามพรรครุ่งเรืองหรือตกต่ำ 

ผมคิดว่า สมาชิกมีหน้าที่ช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนพรรค เรามีสิทธิ์เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับหัวหน้าพรรคหรือคณะกรรมการบริหาร เพราะเรามีประชาธิปไตยในพรรค 

ประชาธิปไตย คือ การเคารพความแตกต่างและตัดสินด้วยเสียงข้างมาก 

พรรคเรายึดหลักการนี้มาตลอด

ผมก็เคารพหลักการนี้เช่นกัน

วันนี้พรรคบอบช้ำมามาก ถ้าสมาชิกไม่ช่วยพรรค แล้วจะหวังให้ใครมาช่วยพรรค นอกจากพวกเรา 

หรือจะไม่ช่วยพรรคก็เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่อย่าทำร้ายพรรคให้บอบช้ำมากกว่านี้เลย

จับตาพรุ่งนี้ 'ไอซ์-รักชนก' ขึ้นศาลคดี ม.112  หากศาลตัดสินจำคุก ส่งเรือนจำ หลุดจาก สส.ทันที

(12 ธ.ค. 66) โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ‘ไอลอว์’ (iLaw) โพสต์ข้อความใน X (ทวิตเตอร์) ‘iLawFX @iLawFX’ ว่าพรุ่งนี้ เวลา 9.00 น. ศาลอาญานัด ‘ไอซ์-รักชนก ศรีนอก’ ฟังคำพิพากษาในคดี #ม112 เธอถูกดำเนินคดีจากการทวีตและรีทวีตข้อความของผู้อื่นรวม 2 ข้อความ คดีนี้หากศาลตัดสินว่า มีความผิดและสั่งลงโทษจำคุก โดยไม่ให้ประกันตัวหรือให้เข้าเรือนจำเพื่อรอคำสั่งประกันตัว เธอจะหลุดออกจากตำแหน่ง สส.ทันที

ไอลอว์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไอซ์-รักชนก ปัจจุบัน เป็นสส.สังกัดพรรคก้าวไกล เขตบางบอน-หนองแขม กรุงเทพมหานคร เธอเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนหน้านี้ในปี 2557 ไอซ์เคยแสดงความคิดเห็นสนับสนุนการรัฐประหารบนโลกออนไลน์ เพราะคิดว่าการรัฐประหารจะทำให้การชุมนุมและความวุ่นวายยุติลง แต่เมื่อมีโอกาสถกเถียงกับเพื่อนในประเด็นการเมืองจึงเริ่มเปลี่ยนความคิด ปี 2564 ไอซ์-รักชนกเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นจากการตั้งคำถามตรงไปตรงมาบนแอพพลิเคชั่นคลับเฮาส์จนได้รับฉายาตัวแสบแห่งคลับเฮาส์ เธอเป็นสมาชิกกลุ่มพลังคลับเฮ้าส์เพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนไหวรณรงค์ เช่น การจัดฟรีคอนเสิร์ตเพื่อระดมทุนเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง นอกจากพื้นที่ออนไลน์ เธอยังไปร่วมการชุมนุมทางการเมือง และแสดงความคิดเห็นในพื้นที่ชุมนุมและโลกออนไลน์เรื่อยมา

วันที่ 10 สิงหาคม 2564 ‘มณีรัตน์ เลาวเลิศ’ ประชาชนทั่วไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดําเนินคดีกับผู้ใช้แอคเคาท์ทวิตเตอร์ชื่อ ‘ไอซ์’ หรือ @nanaicez กรณีพบแอคเคาท์ทวิตเตอร์ดังกล่าวทวีตและรีทวีตข้อความและรูปภาพจํานวน 2 โพสต์ ได้แก่ ทวีตที่เกี่ยวข้องการผูกขาดวัคซีนโควิด 19 และแคมเปญ #28กรกฎาร่วมใจใส่ชุดดํา โพสต์นี้มีภาพประกอบซึ่งภายในภาพเป็นลักษณะคนถือป้ายข้อความว่า “ทรราช (คํานาม) TYRANT ; ผู้ปกครองบ้านเมืองที่ใช้อํานาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง”

อีกข้อความหนึ่งเป็นการรีทวีตจากทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า ‘นิรนาม’ โพสต์ไว้ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 เป็นภาพป้ายข้อความที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า เราจะไม่เป็นไท และเขียนข้อความประกอบว่า “เราจะไม่เป็นไทจนกว่ากษัตริย์จะถูกแขวนคอด้วยลำไส้ของขุนนางคนสุดท้าย” ที่เป็นคำกล่าวของ ‘เดอนีส์ ดิเดโรต์’ นักปรัชญาฝรั่งเศส และมีแฮชแท็กประกอบ จากนั้นมีบุคคลอื่นรีทวีตของนิรนามประกอบข้อความอีกหนึ่งครั้ง และแอคเคาท์ที่เป็นเหตุในคดีนี้จึงรีทวีตข้อความของทั้งสองแอคเคาท์ดังกล่าว

จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่น่าเชื่อว่า ผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าวคือ ‘ไอซ์’ พนักงานสอบสวน บก.ปอท.จึงออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 ในชั้นสอบสวนเธอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา หลังเสร็จกระบวนการไม่ได้มีการยื่นคำร้องขอฝากขัง ต่อมาวันที่ 23 มีนาคม 2565 อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีต่อศาลอาญา ศาลสั่งปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพิจารณาด้วยหลักทรัพย์ 100,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ และกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการหรือเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหา และให้มารายงานตัวต่อศาลทุก 30 วัน จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ในชั้นศาลไอซ์ให้การปฏิเสธ เธอสู้คดีว่า มีคนส่งรูปไปในกลุ่มไลน์ โดยในภาพที่ส่งนั้นไม่ใช่ข้อความที่ตนโพสต์แต่มีชื่อแอคเคาท์ของตนติดอยู่ จากนั้นก็มีผู้นำภาพข้อความดังกล่าวไปแจ้งความ ซึ่งก็ได้พิสูจน์ไปว่าไม่ใช่คนทวีต โดยส่วนตัวไอซ์มองคดีที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่า หลักฐานอ่อนมาก มีเพียงภาพใบเดียว ไปหาหลักฐานโพสต์ต้นทางก็ไม่เจอ ระหว่างการพิจารณาทนายจำเลยยื่นคำร้อง เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่ ต่อมาวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉัยเห็นว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง

หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ศาลอาญานัดไอซ์ฟังคำพิพากษาในวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เวลา 9.00 น. ที่ห้องพิจารณา 807

คดีนี้หากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง หรือให้ลงโทษแต่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการสู้คดีชั้นอุทธรณ์ในวันเดียวกันกับที่มีคำพิพากษา ก็จะยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้เพราะยังไม่ถือว่าเข้าลักษณะต้องห้าม แต่หากศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก และในวันที่ศาลมีคำพิพากษาศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว หรือสั่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาคำสั่ง ซึ่งส่งผลให้จำเลยต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ก็จะถือว่าเข้าลักษณะต้องห้ามเป็นบุคคลที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกและถูกคุมขังตามหมายศาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (6) เป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่ง สส. ทันที

หาก ส.ส. พ้นตำแหน่งด้วยเหตุนี้ ในกรณีที่เป็น สส. แบบแบ่งเขต รัฐธรรมนูญมาตรา 105 (1) กำหนดให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่างลง (เลือกตั้งซ่อม) ยกเว้นอายุสภาเหลืออยู่ไม่ถึง 180 วัน โดยให้จัดการเลือกตั้งซ่อมภายใน 45 วัน นับจากวันที่สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพ (นำมาตรา 102 มาบังคับโดยอนุโลม) สำหรับตัวของอดีต สส. หากพ้นจากตำแหน่งในลักษณะที่คดียังไม่ถึงที่สุดและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวก็ยังถือว่าไม่เข้าลักษณะต้องห้ามสมัครรับเลือกตั้ง และกลับมาลงสมัครใหม่ได้อีก

'รมว.ปุ้ย' เร่งแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เอื้อ 'คุณภาพชีวิตคน-การค้ายุคใหม่' หนุน 'ชุมชน-ภาคอุตสาหกรรม' ใช้ 'มาตรฐาน' ลดโลกร้อน

(12 ธ.ค.66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาภายใต้กิจกรรม สมอ.สัญจร ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาว่า...

รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน พร้อมไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยถือเป็นวาระแห่งชาติที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งดำเนินการ และตนได้มอบเป็นนโยบายสำคัญให้หน่วยงานในสังกัดเร่งรัดดำเนินการให้สอดคล้องกับภารกิจและบริบทของแต่ละหน่วยงาน ทั้งในด้านกฎหมาย กฎระเบียบ มาตรฐาน และสิทธิประโยชน์ ตลอดจนกองทุนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะ 'มาตรฐาน' ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันทางการค้าในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มาตรฐานสินค้าชุมชน / มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการลดโลกร้อน ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับกฎกติกาใหม่ของการค้าระหว่างประเทศที่ให้ความสำคัญต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยนำมาเป็นข้อกีดกันทางการค้า 

กระทรวงอุตสาหกรรม จึงต้องเร่งดำเนินการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาคชุมชนฐานราก ภาคอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจนำมาตรฐานดังกล่าวไปใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้า ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน พร้อมๆ ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน

ด้าน นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ สมอ. ประกาศใช้มาตรฐานชุมชนไปแล้ว จำนวน 1,432 มาตรฐาน และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมจำนวน 829 มาตรฐาน ซึ่งเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จำนวน 778  มาตรฐาน และมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ (มตช.) เป็นมาตรฐานระบบการจัดการในองค์กรอีกจำนวน 47 มาตรฐาน เช่น มาตรฐานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มาตรฐานแนวทางการหาปริมาณคาร์บอนฟุตพริ๊นท์ มาตรฐานแนวทางการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส (มอก.เอส) จำนวน 4 มาตรฐาน 

สำหรับในปี 2567 สมอ. เตรียมประกาศใช้มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงาน เพิ่มอีก  96 มาตรฐาน ซึ่งจะดำเนินการกำหนดมาตรฐานควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมนำมาตรฐานไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์ และพัฒนาองค์กรให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยมีหลักการที่สำคัญคือ ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการผลิตของเสียให้น้อยที่สุด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ 

ทั้งนี้ ได้เริ่มนำร่องในกิจกรรม สมอ. สัญจร ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่30 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรีตและซีเมนต์ รวมทั้งผู้ผลิตชุมชน ในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) การใช้ปูนซิเมนต์ไฮโดรลิคแทนปูนซิเมนต์ปอร์ตแลนด์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนเชิงสร้างสรรค์ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจใหม่ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและผู้ผลิตชุมชนเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้พัฒนาในกระบวนการผลิตสินค้าให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนร่วมกันต่อไป

นอกจากนี้ ยังให้ความรู้ด้านการมาตรฐานแก่เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการมาตรฐาน ตระหนักถึงความสำคัญ สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน และเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

"ทั้งนี้ สมอ. จะเดินสายให้ความรู้ผู้ประกอบการ ร้านจำหน่าย ผู้ผลิตชุมชน และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ สามารถติดตามข่าวสารด้านการมาตรฐาน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.tisi.go.th หรือ http://www.facebook.com/tisiofficial หรือ โทร. 0 2430 6833 ต่อ 2310" นายวันชัยฯ กล่าว

ชื่นชม!! ‘นายอำเภอหันคา’ จ.ชัยนาท ไม่รับกระเช้าปีใหม่ ขอเป็นชุดนักเรียน-ของเล่น ไว้แจกเด็กๆ ในวันเด็กแห่งชาติ

เรียกเสียงชื่นชมในโลกออนไลน์จำนวนมาก หลังจากที่ นายอดิศร เกิดโต นายอำเภอหันคา จ.ชัยนาท โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘นายอำเภอเบียร์’ เรื่องการมอบกระเช้าปีใหม่ ขอเป็นชุดนักเรียนหรือของเล่นแทน โดยระบุว่า

“ประกาศ เทศกาลปีใหม่นี้ ท่านใดจะนำกระเช้ามาสวัสดีปีใหม่นายอำเภอ ผมขอเป็นชุดนักเรียนหรือของเล่นเด็ก เช่น จักรยาน, ตุ๊กตาแทนได้ไหมครับ จะได้เอาไปแจกเด็ก ๆ ในวันเด็ก”

ซึ่งเรียกเสียงชื่นชมในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ล่าสุด ทางนายอำเภอเบียร์ ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า…

“ผมจะพยายามเป็นนายอำเภอที่คนหันคาภาคภูมิใจ

ปกติก็ทำดีมาตลอดอยู่แล้ว ไม่เคยคิดว่าจะได้รับอะไรตอบแทน เพราะความสุขของผมคือการได้เห็นรอยยิ้มของพี่น้องประชาชน ชาวหันคาหรือคนที่เคยสัมผัสกับผมจะทราบดีว่าผมเป็นคนยังไง

แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาดังช่วงส่งท้ายปี ขอบพระคุณเพจโหนกระแสและพี่น้องประชาชนทุกๆท่านมาก ๆ ครับ”

ทั้งนี้ มีเสียงชื่นชมจากคนในโลกออนไลน์ เช่น

“ขอชื่นชมในความคิดของท่านค่ะสุดยอดเลยดีใจแทนเด็ก ๆ ในอำเภอหันคาด้วยค่ะ”
“ถ้าทุกอำเภอทำแบบนี้จะดีมากเลยนะครับ”
“ดีเลยครับ มีประโยชน์ต่อเด็กๆมากมาย”
“ดีจังค่ะ บุญต่อบุญกันไปสาธุค่ะ”
“สุดยอดท่านเป็นผู้นำที่น่ายกย่องจ้า”
“นายอำเภอคนนี้น่ารักมากๆเลยค่ะ #ผู้ให้ สุดยอดเลยค่ะ”
“ชื่นชมคะคนชัยนาทเหมือนกันคะ”

“ผมขอชื่นชมในตัวท่านครับที่ท่านเป็นคนเดียวในประเทศไทยหนึ่งเดียวในวงราชการไทยที่มีคุณค่าท่านเป็นบุคนตัวอย่างของข้าราชการในประเทศไทยท่านสุดยอดที่สุดครับผม”

“ความคิดดี เป็นตัวอย่างที่ดี ของข้าราชการไทย”
“ความคิดดีมีน้ำใจ สุดยอดคับท่าน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top