Saturday, 10 May 2025
TheStatesTimes

'หมีหมา' บุกห้องครัวแก่งกระจานกลางดึก ชาวเน็ตแซว!! หิวเก่ง จนท.เผยชื่อ 'ทุเรียน'

(7 พ.ย.66) กลางดึกวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้โพสต์ภาพหมีหมา ชื่อเจ้าทุเรียน ได้บุกเข้ามาในครัวของที่พักเจ้าหน้าที่อุทยานฯ

โดยเพจได้โพสต์แซวว่า “แม่ครัวครับ…เอาผัดกะเพราไข่ดาว 1 จานครับขอแบบพิเศษนะครับ มุมน่ารักของเจ้าหมีที่ชื่อทุเรียน555 #หมีหมาหรือหมีคน #เจ้าทุเรียนตัวแสบ555”

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะความน่ารัก อีกทั้งยังแซวกันให้พรึบว่า… 

“สงสัยหิว หิวเก่ง หิวบ่อย หรือหิวตลอดเวลา”
“นี่แหละเชฟหมีตัวจริง”
“จะโดนแม่ครัวกินไหมคะ”
“น้อนนน”
“น่ารักอะ”
“นั่งคอยเรียบร้อยมากๆๆ”
“นั่งรอแป๊บนะพี่ เดี๋ยวทำให้”
“55 ความพยายามสูงครับ มาทุกคืน”

ทั้งนี้ ยังมีผู้เผยด้วยว่านอกจากมีหมีที่ชื่อทุเรียนแล้ว ก็ยังมีอีกตัวที่ชื่อขนุนด้วย

และล่าสุด นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า ตามที่มีภาพข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ถ่ายภาพหมีในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโพสต์ใน Tiktok ภาพดังกล่าวเป็น หมีหมาหรือหมีคน (Malayan Sun Bear) ชื่อวิทยาศาสตร์ Helarctos malayanus พบได้ที่หน่วย กจ.4 บ้านกร่าง ซึ่งนักท่องเที่ยวพบเห็น และสามารถถ่ายภาพได้ทุกวัน เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ว่า ‘น้องขนุน’ มีตำหนิรูปพรรณที่บริเวณหน้าจะมีรอยแผลเป็นค่อนข้างเยอะ และจุดสีดำบริเวณสัญลักษณ์ตัวยูที่หน้าอกด้านขวา

ส่วนภาพหมีหมาที่พบว่ากำลังนั่งบนโต๊ะกินข้าว เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ว่า ‘น้องทุเรียน’ เป็นหมีที่พบประจำที่หน่วย กจ.19 เขาพะเนินทุ่ง ตำหนิรูปพรรณที่บริเวณหน้าจะมีรอยแผลเป็นค่อนข้างเยอะ และจุดสีดำบริเวณสัญลักษณ์ตัวยูที่หน้าอกด้านขวา

หมีทั้งสองตัว มีความคุ้นเคยกับการกางเต็นท์ของนักท่องเที่ยวและเป็นหมีนิสัยดี ไม่ดุร้าย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้นำอาหารไปไว้ในเต็นท์ และเฝ้าระวังไม่ให้หมีมารบกวนเต็นท์พัก และตักเตือนนักท่องเที่ยวให้อยู่ในระยะปลอดภัยขณะถ่ายภาพ และไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า อันจะทำให้สัตว์ป่าเสียสัญชาตญาณการดำรงชีวิตในธรรมชาติ

สำหรับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีข้อมูลการศึกษาวิจัยพบการกระจายพันธุ์ของหมีทั้งสองชนิดคือ หมีหมา (Helarctos malayanus) และหมีควาย (Ursus thibetanus) หรือที่เรียกว่า ‘หมีคอวี’ ซึ่งมาจากลักษณะทางกายภาพที่หมีควายมีขนสีขาวบริเวณหน้าอกเป็นรูปตัววี

ส่วนหมีหมา เป็นหมีที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร ขนตามตัวสั้นสีดำปนสีน้ำตาล ขนบริเวณอกโค้งเป็นรูปตัว U สีขาวนวล บริเวณหน้าตั้งแต่ตาไปถึงปลายจมูกสีค่อนข้างขาว หรือน้ำตาลอ่อน ปกติหมีหมาหากินกลางคืน บางครั้งก็ออกหากินกลางวัน มักหากินเป็นคู่ อยู่ในป่าทึบ ไม่ชอบอยู่ตามเขา ดุร้ายและขึ้นต้นไม้เก่งกว่าหมีควาย มีอุปนิสัยโมโหง่าย ชอบนอนบนต้นไม้หรือตามโพรงไม้สูงๆ ไม่ชอบนอนพื้นดิน บางครั้งร้องคล้ายเสียงสุนัขเห่ากระโชก จึงเรียกว่า หมีหมา เมื่อยืน 2 ขา จะยืนตัวตรง จึงเรียกอีกชื่อว่า หมีคน 

‘นายกฯ มาเลเซีย’ ย้ำ!! พร้อมเคียงข้างปาเลสไตน์ ไม่สนแม้ถูกกดดัน - เสี่ยงโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตร

(7 พ.ย. 66) นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เน้นย้ำถึงสิทธิของปาเลสไตน์ในการปกป้องตนเอง และกล่าวว่ามาเลเซียจะยังคงความสัมพันธ์กับกลุ่มฮามาสต่อไป แม้ว่าจะถูกกดดันจากสหรัฐก็ตาม

นายอันวาร์กล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้ (7 พ.ย.) ว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะหยุดยั้งประเทศอื่น ๆ ไม่ให้สนับสนุนกลุ่มฮามาสเป็นการกระทำฝ่ายเดียว และมาเลเซียจะไม่ยอมรับในเรื่องนี้ พร้อมระบุว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นคือสิทธิอันชอบธรรม และเป็นการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์”

คำพูดดังกล่าวของนายอันวาร์คือการตอบคำถามจากสมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้านที่ต้องการทราบจุดยืนของมาเลเซียที่มีต่อกฎหมายป้องกันการสนับสนุนทางการเงินระหว่างประเทศแก่กลุ่มฮามาส (Hamas International Financing Prevention Act) ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อบุคคล องค์กร และรัฐบาลประเทศใด ๆ ที่ให้สนับสนุนกลุ่มฮามาส กลุ่มญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ หรือกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของมาเลเซีย โดยในปีที่แล้ว การค้าทวิภาคีมีมูลค่ารวมประมาณ 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความตึงเครียดใด ๆ ก็ตามในความสัมพันธ์ อาจส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขทางการค้าได้

“ผมจะไม่ยอมรับการข่มขู่ใด ๆ ทั้งสิ้น รวมถึงเรื่องนี้ด้วย” นายอันวาร์กล่าว “นี่เป็นการกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียว และเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่าเรา ในฐานะสมาชิกของสหประชาชาติ จะยอมรับเฉพาะการตัดสินใจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเท่านั้น”

นายอันวาร์กล่าวเสริมว่า มาเลเซียจะให้การสนับสนุนความพยายามของประเทศใด ๆ ก็ตาม รวมถึงปาเลสไตน์ ในการนำอิสราเอลขึ้นดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ

‘เศรษฐา’ ยัน!! ยังไม่เคาะขึ้นเงินเดือน ‘ข้าราชการ’ ย้ำ!! แค่เตรียมศึกษาข้อมูล ไม่ได้แปลว่าจะปรับขึ้นทันที

(7 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปดูเรื่องราคาสินค้าหรือไม่ ภายหลังมีข้อสั่งการเตรียมขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ว่า ตนไม่ได้บอกว่าจะขึ้นเงินเดือน แต่ให้ไปศึกษา และการให้ไปศึกษา ไม่ได้หมายความว่าจะให้ขึ้นทันที

เมื่อถามว่า จะทำให้สินค้าจ่อขึ้นราคาล่วงหน้าหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้ขึ้นราคา มันยังตั้งไม่ได้ ยังไงเรื่องนี้กรมการค้าภายในก็ต้องดูแลอยู่แล้ว

‘นักธุรกิจอินเดีย’ แนะคนรุ่นใหม่ควรทำงาน ‘สัปดาห์ละ 70 ชม.’ เพื่อผลักดันให้ประเทศเติบโตและประสบความสำเร็จมากขึ้น

(7 พ.ย.66) นายนารายนะ เมอร์ธีย์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอินโฟซิสต์ (Infosys) จากอินเดียและเป็นพ่อตาของนายริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้จุดกระแสถกเถียงบนโซเชียลมีเดียเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากระบุว่า คนหนุ่มสาวควรทำงานสัปดาห์ละ 70 ชั่วโมงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอินเดีย

แม้ผู้คนจำนวนมากบนโซเชียลมีเดียแสดงความไม่พอใจต่อความคิดเห็นของนายเมอร์ธีย์ แต่กลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเห็นด้วยว่า การทำงานหนักอาจเป็นเรื่องจำเป็นหากอินเดียต้องการแข่งขันในเวทีโลก

“หากคุณต้องการเป็นหมายเลข 1 หากคุณต้องการดีที่สุด เช่นนั้นคนหนุ่มสาวก็ต้องทุ่มเททำงานหนักและอุทิศเวลาให้กับงาน” นายอายุชมาน กปูร ผู้ก่อตั้งเซโน (Xeno) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์จากอินเดีย ระบุ

อินเดียกำลังพยายามแข่งขันกับสหรัฐและจีน หากเราต้องการบรรลุความยิ่งใหญ่ ใช่ นั่นคือเวลาและสิ่งที่เราต้องเสียสละ” นายกปูร กล่าว

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ระบุว่า ปัจจุบันชาวอินเดียทำงานเฉลี่ย 47.7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งสูงกว่าสหรัฐ ซึ่งอยู่ที่ 36.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อังกฤษ ซึ่งอยู่ที่ 35.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และเยอรมนี ซึ่งอยู่ที่ 34.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ขณะเดียวกันชาวอินเดียยังทำงานมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น จีน ซึ่งอยู่ที่ 46.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สิงคโปร์ ซึ่งอยู่ที่ 42.6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ 36.6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

นายเมอร์ธีย์ ได้วิจารณ์คนรุ่นใหม่ในอินเดียที่รับพฤติกรรมไม่ค่อยน่าพึงปรารถนามาจากตะวันตก โดยเอ่ยว่า คนรุ่นใหม่อินเดียไม่ทำงานหนักมากพอ

“อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผลิตภาพการทำงานต่ำสุดในโลก คนหนุ่มสาวของเราต้องพูดว่า นี่คือประเทศของฉัน ฉันต้องการทำงาน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” นายเมอร์ธีย์กล่าว

‘แพทย์’ เตือน!! ไถฟีด ‘TikTok-Reels’ อาจกระตุ้นโรคจิตแฝง แนะ!! เล่นมากๆ จนเห็นภาพหลอน-สับสน ให้รีบพบจิตแพทย์

เมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช’ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท โพสต์ข้อความผ่านเพจ “สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์” ระบุว่า

“เจอ case เล่น TikTok และ Reel กระตุ้นโรคจิตแฝง

เร็ว ๆ นี้ เจอคนไข้ผู้หญิงราชการ อายุ ราว 40 ปี เล่น TikTok ติดงอมแงมต่อมาเห็นภาพหลอน

คือปกติคนไข้หูแว่วประสาทหลอนนี่เป็นคนไข้จิตเวช แต่นี่รับปรึกษาอายุรกรรมสมอง เพราะเป็นเร็ว เป็นแปลก ๆ

คนนี้เล่น TikTok Reel มา 4 เดือน post ทุกวัน ดู video วน ๆ ไปมา กดทั้ง Like ทั้ง Share มันสนุกรู้ใจ หัวเราะไป หลุดโลกความจริง เขาว่างั้น จนผลิตคอนเทนต์เอง วิ่งตาม Like Share คือมีคนกด Like Share Comment มีความสุขโดพามีนหลั่ง

คนไข้คนนี้ 5 วัน บอกว่ามีคนกระซิบให้ทำ video อย่างนั้น อย่างนี้ บอกเทคนิค เริ่มหลอนเห็นคนคุยด้วยไปนั่น ‘เค้ามาแล้ว มากระซิบด้วย เห็นไหม มีผู้ชายใส่ชุดดำมาตาม’ จนญาติเอามาส่ง รพ.

เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเจอ เพราะเดือนก่อนก็เจอ ป้าคนนึงนั่งเล่น TikTok วนไป โลกหลุดไปอยู่ใน TikTok จนวนหาทางออกไม่เจอ พอมาในชีวิตจริงก็มีชีวิตหลอน TikTok หลุดออกมาอยู่ด้วย มีคนบอกให้ทำนั่นนี่

Video วน Loop และความหลอน เราก็สงสัย เราเล่นวนไป สนุกดีหัวเราะก๊าก ๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย ไถไปเรื่อย ๆ เป็นวัน ลืมวันลืมคืนก็หนุกดี แต่คนที่มีโรคจิตแฝง หรือภาวะทางอารมณ์ไม่มั่นคงอาจไม่ใช่

คนเป็นจิตเภท Schizophrenia นี่บางทีแยกโรคจริง โรคไม่จริงไม่ออก และมักเสพคอนเทนต์หลุดจากความจริง ตัวอัลกอริทึ่มก็จับสิ คราวนี้ feed ใส่หนัก ๆ หลอนหนักไปอีก

Tammy Qiu จาก Stanford University Human-Centered Artificial Intelligence ได้กล่าวถึงความเห็นของนักจิตวิทยาที่มีต่อ social media ที่มีอัลกอริทึ่มสำหรับ feed ให้คนติดหนึบว่า

‘การออกแบบ video หรือ content และการไถฟีดแบบไม่สิ้นสุด แบบนี้เป็นออกแบบ แบบเหยื่อล่อสมอง หรือที่เรียกว่า Hook นั่นเอง โดยการออกแบบหวังเอาชนะการยับยั้งชั่งใจในสมอง โดยการกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดพามีน (dopamine) ซึ่งเหมือนการเสพติดยาเสพติด’

และเราก็ทราบว่า เจ้า Dopamine นี้แหละ ที่ทำให้เกิดโรคจิตได้ด้วย คือมันแชร์จุดกำเนิดเดียวกัน ยาต้านโรคจิตจึงใช้ยาที่ต้านสาร Dopamine ไง เช่น Haloperidol

ในปี 2021 นักวิจัย Ghosh และคณะตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Recent Scientific Research ก็รายงานคนไข้ที่ติด video TikTok นี่แหละ แล้วก็เกิดอาการหลอนโรคจิตกำเริบแบบนี้เหมือนกัน บางคนหลอนมีคนสั่งนุ่นนี่

ส่วนตัวคิดว่า เหตุที่ทำให้หลอน ๆ จาก video platform แบบ TikTok Reel แบบนี้ เป็นได้หลายประการ การเล่นจนติดนาน ๆ กระตุ้น Dopamine สูงขึ้น นั่นก็เป็นสาเหตุของจิตหลอน ส่วนใหญ่คนปกติทั่วไปไม่น่าจะเป็นไร แต่ใครเป็น trait คือโรคจิตแฝงที่รอการกระตุ้นก็อาจแสดงอาการได้ง่ายขึ้น

Video ที่มีลักษณะหลอน ๆ มีเยอะ ทั้งที่แบบสาวจีนร้องเต้น ภาษาอะไรก็ไม่รู้วนไป วนมา นี่ก็หลอน คนทำเสียงดัง ๆ กรี๊ด ๆ ก็มี นี่ก็หลอน ที่ทำแบบ Live แล้วเจอกับคนที่ทำท่าแปลก ๆ พูดจาเหมือนหุ่นยนต์ แถมทำแบบนี้วนซ้ำ ๆ ที่เรียกว่า NPC Live หรือการแสดงเป็นบอต (bot) อันนี้ อาจารย์ว่าคนโรคจิตอาจดูหลอน ๆ ก็ได้นะ

อัลกอริทึ่มที่มันจะฟีดแต่เรื่อง ๆ ที่เราดู ก็จะทำให้คนที่ชอบดูอะไรแปลก ๆ หลอน ๆ ได้รับ ฟีดอยู่นั่นแหละนะ ไม่หลุดไปสักที อยู่ในโลกที่หลุดจากความจริง

ในทางกลับกัน คนที่เป็นโรคจิตเวช บางทีก็ไม่กล้า หรือไม่อยากออกไปสังคม ก็ใช้ TikTok Reel หรือ social media อื่น ๆ นี่แหละเป็นช่องทาง

อาจารย์แนะนำว่า ดูแลบุตรหลาน หรือคุณแม่ที่แก่เฒ่าหน่อย ว่าเล่นมากไปไหม เล่นแล้วมีสับสนใน social media กับความจริงไหม หรือดูแล้วหลอนไหม หากมีก็ชวนกันไปเจอจิตแพทย์ครับ

อาจารย์สุรัตน์

ป.ล.คือ ข้อดีมันก็มีนะครับ คลิปการสอนสุขภาพ คลิปสอนการเรียน คลิปกลุ่มอ่านหนังสือ ครับ เสพอย่างมีสติครับ”

'สำนักพุทธฯ' ประสาน 'ตร.ไซเบอร์' จัดการเพจดัง ใช้ AI ทำภาพพระ 'เล่นกีตาร์-แข่งจยย.' ไม่เหมาะสม

(7 พ.ย. 66) นายสุพัฒน์ เมืองมัจฉา ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ.ทำหนังสือถึงตำรวจไซเบอร์ เพื่อขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบข้อมูล หลังจากที่ พศ.ตรวจพบมีเพจเฟซบุ๊กนำเสนอรูปภาพที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ที่สร้างขึ้นมาจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นภาพพระภิกษุกำลังเล่นดนตรี 9 ภาพ โดยอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ของทางคณะสงฆ์ และอาจทำให้พุทธศาสนิกชนเกิดความไม่สบายใจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว

นายสุพัฒน์ กล่าวว่า พศ.จึงขอความอนุเคราะห์ในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อดำเนินการนำภาพที่ไม่เหมาะสมออกไป พร้อมกันนี้พศ.กำลังตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพเอไอ พระสงฆ์แข่งจักรยานยนต์ เพื่อประสานตำรวจไซเบอร์ดำเนินการต่อไปด้วย

โฆษกพศ. กล่าวต่อว่า ขณะนี้พบว่ามีผู้ใช้เอไอไปสร้างภาพที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้ที่พบเห็นภาพดังกล่าวได้ และถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่มีการนำเอไอมาใช้สร้างภาพของพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมเสื่อมเสียแล้วนำส่งต่อในโลกออนไลน์ หากพบภาพที่สงสัยว่าเป็นพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมเสื่อมเสียจริงหรือไม่ สามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์โทร 0-2441-7992

สภ.เมืองสมุทรปราการ “ปล่อยแถวภารกิจดูแลรักษาความปลอดภัยงานเจดีย์และงานกาชาด 2566”

ลงพื้นที่คุมเข้มด้านความปลอดภัย พร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานการชาดประจำปีเจดีย์ปากน้ำ กำชับ! เจ้าหน้าตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบลงพื้นที่กว่า 200 นายทุกวัน
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 เวลา 20.00 น. ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือน ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ,พ.ต.ท.ไมตรี บูรณทอง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรปราการ, พ.ต.ท.ยอดรัก กิตติลัภนะรัตน์ สว.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ ร่วมกันปล่อยแถวระดมข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัย ภายในงานองค์พระสมุทรเจดีย์และกาชาด 2566 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-14 พ.ย.66 

ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ยังได้กำชับการปฏิบัติเพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นภายในพื้นที่
จัดงานดังกล่าว โดยเน้นย้ำการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบราม ตามนโยบายของ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ซึ่งรายละเอียด ดังนี้

1.กำชับ เร่งรัดกวดขันการกระทำความผิดเกี่ยวกับสถานบริการในพื้นที่ ไม่ให้มีเยาวชนเข้าไปใช้บริการ ยาเสพติด เปิดเกินเวลา อย่าให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด ทำการเชิญผู้ประกอบร่วมประชุมทำความเข้าใจ กำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
2.กวดขัน จับกุม การกระทำความผิดเกี่ยวกับอบายมุข การพนัน ทุกรูปแบบ ทุกพื้นที่ต้องไม่มีโดยเด็ดขาด
3.ให้มีการปิดล้อมตรวจค้นประจำสัปดาห์ กก.สส.ฯ กำหนดเป้าหมายให้แต่ละสภ.ฯ และต้องดำเนินการขอหมายค้นทุกเป้าหมาย การเข้าปฏิบัติต้องวางแผนก่อนทุกครั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไม่มีการสูญเสีย
4.งานจราจร เจ้าหน้าที่ต้องออกมายืนปฏิบัติหน้าที่บนถนนตามจุดที่มีปัญหา ในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อให้บริการพี่น้องประชาชน แก้ปัญหาจราจร ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผู้บังคับบัญชาควบคุมการปฏิบัติ
5.การป้องกันเหตุธนาคาร ร้านค้าทองในพื้นที่ ออกแผนให้ครอบคลุม รัดกุม กวดขันตรวจตราอย่าให้มีเหตุเกิดในพื้นที่
6.เหตุ นร. ทะวิวาทในพื้นที่ให้เชิญสถาบันมาร่วมประชุมกำหนดมาตรการป้องกัน และตรวจจุดเสี่ยงอย่าให้มีเหตุเกิด
7.กำชับความประพฤติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย การเรียกรับ หรือ แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการปฏิบัติหน้าที่ทุกช่องทาง ต้องไม่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาต้องสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย

โดยมีการปล่อยแถวข้าราชการตำรวจเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยของวันระหว่างการจัดงาน รวมถึงการจัดตั้งจุดตรวจทุกช่องทางเข้าออกงาน ตรวจอาวุธกลุ่มผู้มาร่วมงานที่มีลักษณะต้องสงสัยเพื่อสกัดกั้นการเกิดเหตุทะเลาะวิวาท ในการเฝ้าระวังกลุ่มวัยรุ่นทั้งคนไทย และต่างด้าวก่อเหตุทะเลาะวิวาท, เหตุล้วงกระเป๋า,เหตุเด็กหลงกับผู้ปกครอง โดยบูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและดูแลความสงบเรียบร้อย ภายในงานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์  สำหรับในส่วนด้านการจราจร ทั้งภายในงานและส่วนการจรจรรอบนอกงาน ซึ่ง สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้มีการจัดทำช่องทางการเดินเท้าให้เหมาะต่อการเคลื่อนย้าย ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินและเกิดความวุ่นวายขึ้น   พร้อมทั้งขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนที่ต้องการมาร่วมงาน ใช้ขนส่งสาธารณะในการเดินทาง เพื่อลดความแออัดการจราจรบริเวณการจัดงานและพื้นที่ใกล้เคียง

มุกดาหาร กฐินน้ำบูชาพญานาค “มหัศจรรย์พญานาคราชลุ่มน้ำโขงเรืองแสง” แผ่รัศมีบันดาลสุขมอบโชคชัยคืนลอยกระทง 

จังหวัดมุกดาหาร กำหนดในวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2566 (ตรงกับวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำเดือน ๑๒) 26 พย.จุดเทียนขึ้นภูบูชาพระใหญ่ 27 พย.บ่ายทอดกฐินน้ำบูชาพญานาค ณ ปากถ้ำพญานาค กลางลำน้ำโขง กลางคืน ตรงลอยกระทง “มหัศจรรย์พญาอนันตนาคราชลุ่มน้ำโขงเมืองมุกดาหารเรืองแสง” เปล่งประกายแผ่รัศมีสีแสงให้ประชาชนได้ชื่นชม อำนวยชัยให้ศิษย์พญานาค ผู้ศรัทธา และประชาชนที่ได้เห็นรับโชคชัย 

พ.ต.ท.ดร.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ด้วยจังหวัดมุกดาหาร องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลเมืองมุกดาหาร เทศบาลตำบลบางทรายใหญ่ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด หอการค้า YEC สภาอุตสาหกรรม สมาคมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด ท่าทรายอัญเชิญสถิต มูลนิธิการกุศลมุกดาหารเต็กก่าจีหมกเกาะ ผู้ประกอบการในแม่น้ำโขง ห้างยักษ์ร้านใหญ่ เหล่าสานุศิษย์สายพญานาค และประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกันจัดงานกฐินน้ำบูชาพญานาค ปีที่ 16 กำหนดในวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2566 (ตรงกับวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำเดือน ๑๒) 

26 พย. ช่วงเย็นจุดเทียนขึ้นภูบูชาพระใหญ่ ณ องค์พญานาคฟ้า 27 พย. เวลาบ่ายทอดกฐินน้ำบูชาพญานาค ณ จุดที่เชื่อกันว่าเป็นถ้ำพญานาคใต้พิภพ กลางลำน้ำโขง ภาคกลางคืน “พญาอนันตนาคราชลุ่มน้ำโขงมุกดาหารเรืองแสง” เปล่งประกายแผ่รัศมีสีแสงกลางลำน้ำโขงให้ประชาชนได้ชื่นชม อำนวยโชคชัยความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ขับไล่โรคภัยไข้เจ็บให้ศิษย์พญานาค ผู้ศรัทธา และประชาชนที่ได้เห็นได้รับบุญกันทั่วหน้า คืนลอยกระทง 
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด กล่าวต่อว่า สำหรับพิธีทอดกฐินน้ำ บูชาพญานาค ปีที่ 16 กำหนดจัดขึ้นบนเรือบัครับน้ำหนักได้กว่า 50 ตัน ล่องเรือสู่ทิศเหนือกลางลำน้ำโขง ณ จุดที่เชื่อกันว่าเป็นถ้ำพญานาคที่อยู่ใต้พิภพ ณ บริเวณศาลพญานาคสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 มุกดาหาร สะหวันนะเขต สำหรับกลางคืนวันที่ 27 พย. ตรงกับคืนลอยกระทง “มหัศจรรย์พญาอนันตนาคราชลุ่มน้ำโขงมุกดาหารเรืองแสง” พญานาค 2 ตน ลำตัวยาว 30 เมตรเศษ และ 20 เมตรเศษ ล่องลอยอยู่กลางลำน้ำโขง แสดงอภินิหารของพญานาคาผู้ทรงฤทธิ์ในลุ่มน้ำโขง เปล่งสีแสง แผ่รัศมีให้เหล่าสานุศิษย์และประชาชนผู้ศรัทธาได้รับบารมีของแสงที่ส่องออกจากตัวพญานาคสู่โลกมนุษย์ งานนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดดำเนินการเต็มพลัง

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า “มหัศจรรย์พญาอนันตนาคราชลุ่มน้ำโขงมุกดาหารเรืองแสง” คาดว่าจะมีกลุ่มลูกศิษย์ผู้ศรัทธาองค์พญานาคทั่วประเทศ ประชาชนผู้ศรัทธาองค์พญานาคและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในลุ่มน้ำโขง หลังจากมีกฐินพญานาค 3 พิภพเมื่อเดือนที่ผ่านมา ขอเชิญกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ เดินทางมาร่วมสักการะบูชาพญานาคลุ่มน้ำโขงมุกดาหาร ขอเชิญผู้ศรัทธานักท่องเที่ยวทุกท่านร่วมขอโชคขอพรพญานาค 3 พิภพ ที่จังหวัดมุกดาหาร เป็นกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น เป็นการสร้างงานสร้างเงินให้การท่องเที่ยวชุมชนในภูมิภาคนี้ จังหวัดตั้งใจที่จะจัดงานนี้ให้ยิ่งใหญ่สมความเข้มขลังของสิ่งสักสิทธิ์ที่อยู่ในลุ่มน้ำโขง
จึงขอเรียนเชิญลูกศิษย์ผู้ศรัทธาองค์พญานาคทุกท่านทุกแห่งทั่วโลก ท่านที่เคารพศรัทธาองค์พญานาค และประชาชนนักท่องเที่ยวทุกท่าน ร่วมงานกฐินน้ำบูชาพญานาค กลางลำน้ำโขง ที่จังหวัดมุกดาหาร พร้อมร่วมงาน “มหัศจรรย์พญาอนันตนาคราชลุ่มน้ำโขงมุกดาหารเรืองแสง” เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ท่าน คนรัก และครอบครัว ++++

‘ฮามาส’ เผย ยอดดับฉนวนกาซาทะลุหมื่น บาดเจ็บอีกนับ 2.5 หมื่นราย หลังเกิดสงครามครบ 1 เดือน ด้าน ‘ไบเดน’ ตั้งข้อสงสัยตัวเลขถูกหรือไม่

(7 พ.ย. 66) กระทรวงสาธารณสุขของฮามาสในฉนวนกาซา ออกมาระบุตัวเลขความสูญเสีย หลังสงครามอิสราเอล-ฮามาสเกิดขึ้นครบ 1 เดือน ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาล่าสุดอยู่ที่ 10,022 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กปาเลสไตน์ 4,104 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 25,408 คน

ขณะที่ตัวเลขความสูญเสียในฝั่งอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 1,400 ราย โดยเป็นเด็ก 31 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5,400 คน และมีผู้ถูกจับไปเป็นตัวประกันอีกมากกว่า 200 คน

ด้านนักการเมืองบางคนรวมถึง ‘ประธานาธิบดีโจ ไบเดน’ ของสหรัฐฯ ตั้งคำถามถึงความถูกต้องของตัวเลขผู้เสียชีวิตในส่วนของฮามาส เช่นเดียวกับ ‘กองกำลังป้องกันอิสราเอล’ (IDF) ที่ระบุว่า ข้อมูลใดๆ ที่องค์กรก่อการร้ายแจ้ง ควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง

บีบีซีได้เผยขั้นตอนที่นำมาสู่การประกาศตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยกระทรวงสาธารณสุขฮามาส ซึ่งระบุว่า เมื่อมีผู้เสียชีวิตอันเป็นผลจากการโจมตีของอิสราเอล โรงพยาบาลจะบันทึกรายละเอียดต่างๆ อาทิ ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ และหมายเลขประจำตัวประชาชนลงในคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะมีการถ่ายโอนข้อมูลจากโรงพยาบาลแต่ละแห่งไปยังระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เมื่อกระทรวงทำการประมวลผลแล้วจะมีการส่งข้อมูลไปยังสำนักงานสถิติกลางปาเลสไตน์ (PCBS)

อย่างไรก็ดี PCBS บอกกับบีบีซีว่า ตัวเลขดังกล่าวจะครอบคลุมเฉพาะผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ไม่ครอบคลุมถึงผู้เสียชีวิตใต้ซากอาคารหรือผู้ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ปกติแล้วจะมีการบันทึกสาเหตุการเสียชีวิตแบบเฉพาะเจาะจงไว้ด้วย แต่ขณะนี้ไม่สามารถทำได้เนื่องจากจำนวนตัวเลขการเสียชีวิตที่สูงมาก

ด้าน ‘ริชาร์ด เบรนเนน’ โฆษกองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เขาเชื่อว่าตัวเลขความสูญเสียในฉนวนกาซานั้นเชื่อถือได้ เพราะมั่นใจว่าระบบการจัดการข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขในกาซาได้ดำเนินการตลอดหลายปีที่ผ่านมา สามารถที่จะรับมือกับการวิเคราะห์ข้อมูลได้ และฐานข้อมูลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาถือว่ามีความแข็งแกร่ง

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความกตัญญูกตเวทิตาและสำนึกในพระคุณ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความกตัญญูกตเวทิตาและสำนึกในพระคุณ  ให้การสนับสนุนหีบบรรจุร่าง ถุงซิป และผ้าดิบ พร้อมกำลังทีมบรรเทาสาธารณภัย ในพิธีเคลื่อนย้ายร่าง “อาจารย์ใหญ่” ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา เพื่อรอประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ (เป็นกรณีพิเศษ)

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนพพร ปัญญาวีราภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วย นายวรพจน์ จรัสเศรษฐสิริ รักษาการหัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย นำกำลังทีมบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับคณะอาจารย์และนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ให้การสนับสนุน ประกอบพิธีเคลื่อนย้ายร่างผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา (อาจารย์ใหญ่) ประจำปีการศึกษา 2565 จำนวน 400 ร่าง เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตา และสำนึกในพระคุณของอาจารย์ใหญ่ โดยมูลนิธิฯ ให้การสนับสนุนหีบบรรจุร่างอาจารย์ใหญ่ จำนวน 360 ใบ พร้อม ถุงซิปสำหรับบรรจุร่าง และผ้าดิบ รวมงบประมาณทั้งสิ้น 579,546 บาท (ห้าแสนเจ็ดหมื่นเก้าพันห้าร้อยสี่สิบหกบาทถ้วน) พร้อมทั้งจัดกำลังทีมบรรเทาสาธารณภัย ทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ดำเนินการบรรจุและเคลื่อนย้ายร่างอาจารย์ใหญ่ เพื่อรอประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ (เป็นกรณีพิเศษ) โดยได้ดำเนินการบรรจุร่างและทยอยเคลื่อนย้ายร่างอาจารย์ใหญ่ไปยังวัดต่างๆ เรื่อยมา นับตั้งแต่ได้รับการประสานงาน

อาจารย์ใหญ่ เป็นชื่อที่แพทย์ทุกคนใช้เรียกผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาด้านการแพทย์ เพื่อเป็นการยกย่อง เชิดชูเกียรติที่อุทิศร่างเพื่อเป็นครูสอนนิสิตแพทย์ เพื่อนำความรู้นั้นไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยให้หายจากอาการเจ็บป่วย และสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขได้อีก ตราบชั่วชีวิตของการเป็นแพทย์ จึงนับว่าการอุทิศร่างกาย เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ เป็นการทำกุศลครั้งสุดท้ายแห่งชีวิต  ที่สร้างคุณประโยชน์ให้วงการแพทย์เป็นอย่างมาก โดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ให้การสนับสนุนคณะแพทยศาสตร์จากสถาบันต่างๆ อาทิ หีบบรรจุร่างอาจารย์ใหญ่ พร้อมถุงซิป และกำลังทีมบรรเทาสาธารณภัยในการบรรจุและเคลื่อนย้ายร่างอาจารย์ใหญ่เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ (เป็นกรณีพิเศษ) 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งขอขอบพระคุณ อาจารย์ใหญ่ทุกท่านที่เสียสละอุทิศร่างกาย เพื่อการศึกษาของนิสิตแพทย์ และเพื่อให้นิสิตแพทย์เหล่านี้เติบใหญ่เป็นแพทย์ที่ดีมีคุณธรรมต่อไปในอนาคต

ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top