Saturday, 14 June 2025
Region

ปทุมธานี - บิ๊กแจ๊ส อนุมัติงบ 25 ล้านให้กับพุทธศาสนา สร้างอาคารปฏิบัติธรรมและอุโบสถ ปลูกฝังเยาวชนประชาชนเป็นดี

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 ที่วัดโบสถ์ ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานีพร้อมด้วยคณะบริหาร และเจ้าหน้าที่ อบจ.ปทุมธานี ร่วมมอบเงินอุดหนุนวัดโบสถ์เพื่อสมทบการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมจังหวัดปทุมธานี เป็นจำนวนเงิน 15,000,000 บาท โดยมี พระราชวรเมธาอาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (ฝ่ายธรรมยุต) รับถวายเพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม ส่วนวัดเทพสรธรรมาราม ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานีพร้อมด้วยคณะบริหาร และเจ้าหน้าที่ อบจ.ปทุมธานี ได้มอบเงินสมทบการก่อสร้างอุโบสถวัดเทพสรธรรมาราม เป็นเงินจำนวน 10,000,000 บาท

โดยมี พระอาจารย์เทียนชัย ชัยทีโป เป็นเจ้าอาวาสวัดเทพสรธรรมาราม รับถวาย ซึ่งขณะนี้ทางวัดอยู่ระหว่างการก่อสร้างอุโบสถเพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และทำกิจกรรมของสงฆ์ทางพระพุทธศาสนาต่อไป ทางด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจากวัดโบสถ์เป็นวัดสายธรรมยุติมีการปฏิบัติธรรม แต่ยังขาดอาคารที่ใช้ปฏิบัติธรรม ทางวัดได้ของบประมาณส่วนหนึ่งมาทาง อบจ.จึงได้สนับสนุนเป็นงบประมาณ 15 ล้านบาท โดยทางวัดก็จะเดินหน้าก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรม ต่อไป ประชาชนและเยาวชนของเราจะได้เข้ามาร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรมภายในวัดแห่งนี้ ถือว่าโครงนี้เป็นการปลูกฝังให้เด็กเยาวชนของเราให้มีความเข้าใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา รวมถึงเป็นการฟื้นฟูศาสนาของเราต่อไป

ในส่วนของการฉีดวัคซีนตนมีความมั่นใจว่าวัดทุกวัดในจังหวัดปทุมธานีทาง อบจ.ได้ดำเนินการฉีดพ่นฆ่าเชื้อทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคาร รวมถึงพระสงฆ์ทุกองค์ในจังหวัดปทุมธานี ทั้งธรรมยุติและมหานิกาย ได้ฉีดวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มให้พระสงฆ์ทุกรูปในจังหวัดปทุมธานี ทั้ง 2 เข็มเรียบร้อยแล้ว   ซึ่งทาง อบจ.ได้สร้างความมั่นใจให้กับพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญกับวัดทุกวัดในจังหวัดปทุมธานี อย่างปลอดภัย  ตนเองอยากจะทำกำไลริสแบนด์เป็นสัญลักษณ์ให้ทราบว่าฉีดครบ 2 เข็มแล้ว


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

ลำพูน - ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการตามมาตรการ Bubble and Seal ของ "แพนดอร่าฯ" พร้อมเตรียมจัดสถานที่พักโรงแรมเป็น Local Quarantine เพื่อรองรับพนักงานที่มีความเสี่ยงต่ำ และลดการติดเชื้อเพิ่ม

วันที่ (7 ก.ย. 64)  นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นายแพทย์สุผล ตติยนันทพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำพูน , นายชาตรี กิติธนดิตถ์ ปลัดจังหวัดลำพูน , นายโยธิน ประสงค์ความดี นายอำเภอเมืองลำพูน , นายแพทย์โภคิน ศักรินทร์กุล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษโรงพยาบาลลำพูน , ฝ่ายปกครองจังหวัด  ตลอดจนเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินการ ตามมาตรการ Bubble and Seal   ณ ลานสนามบิน สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์  ตำบลป่าสัก อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ถูกจัดให้เป็นสถานที่ Bubble and Seal ของบริษัท แพนดอร่าโพรดักชั่น จำกัด  มีพนักงานที่เข้ารับการสังเกตุอาการ จำนวน 700 คน                  

นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า จากสถานการณ์ ของสถานประกอบการ บริษัท แพนดอร่า มีพบผู้ติดเชื้อภายในสถานประกอบการและได้มีการดำเนินการตามมาตรการ Bubble and Seal นั้น  ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ ได้รวบรวมข้อมูล และมีการวิเคราะห์ รวมถึงมีการติดตามสถานการณ์ อย่างต่อเนื่อง ตามลำดับ ในช่วงเวลานี้พนักงานบริษัท จำนวน 700 คน เดิมทีเป็นกะ 08  กะที่เวลาทำงานในช่วงกลางวันของทาง บริษัท แพนดอร่าฯ จำกัด นั้น ได้ย้ายออกมา และไม่ได้มีการปฏิบัติงานในช่วงเวลานี้  การทำ Bubble and Seal ต้องมีการปรับเปลี่ยน ประกอบกับการรวมพนักงานอยู่ ถึง 700 คน โดยไม่ได้มีการทำงานนั้น ก็อาจจะทำให้มีการเพิ่มยอดของผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นได้   

   

ทางจังหวัดลำพูน โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ได้มีการปรับกระบวนการดำเนินงานเพิ่มเติม คือ ในส่วนของผู้ที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ของพนักงาน บริษัท แพนดอร่าฯ ช่วงเวลานี้ จะมีการดำเนินการย้ายไปรักษาตัวที่ โรงพยาบาลสนาม หรือ โรงพยาบาลสนามของทาง บริษัท แพนดอร่าฯ เอง ส่วนที่ไม่เป็นผู้ป่วยแต่เป็นผู้ที่มีความเสี่ยง จะดำเนินการนำแยกออกไปสังเกตอาการ ที่โรงแรม ที่พักต่างๆ ที่เป็น Local Quarantine ในพื้นที่จังหวัดลำพูน

ทั้งนี้  เพื่อเป็นการบริหารการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหมู่พนักงานเอง และในส่วนของพี่น้องประชาชนในภาพรวมของจังหวัดลำพูนจะได้มีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 การบริหารจัดการนั้นเป็นไปตามขั้นตอน ได้มีการคัดแยก กลุ่มคน และมีการนำพนักงาน เข้าสู่ที่พักในโรงแรม ที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ ตามมาตรการของทางสาธารณสุข ขอให้เชื่อมั่นในความปลอดภัย และมาตรการต่าง ๆ ที่ทางจังหวัด ได้มีการประชุมเตรียมพร้อม โดยทางผู้บริหาร บริษัท แพนดอร่าฯ เอง ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการดำเนินการไปพร้อม ๆ กัน ที่สำคัญคือพี่น้องพนักงาน บริษัท แพนดอร่าฯ ได้มีความเข้าใจและได้มีการเตรียมตัว เข้าสู่ จุดต่าง ๆ ที่ทางจังหวัดลำพูน และทาง บริษัท แพนดอร่าฯ ได้เตรียมพร้อมในช่วงเวลา ต่อไป


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์ วิจิตรสกลการ / ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดลำพูน

อุดรธานี - “โจ๊ก” ที่ปรึกษา สบ.9 ชมโรงพักอุดรฯ ขับเคลื่อน SMART SAFTY ZONE ตรงจุดดึงท้องถิ่นร่วมมือได้ดีทำให้อาชญากรรมลดลง

วันที่ 9 กันยายน 2564 เวลา 09.30 น.  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ. 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจ ตามโครงการ SMART SAFTY ZONE  “เมืองอัจฉริยะ” อันจะนำไปสู่ความปลอดภัยจากอาชญากรรมอย่างยั่งยืน  สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นสถานีหนึ่งนำร่องใน 15 สถานีตำรวจทั่วประเทศ โดยมี นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี ,นายวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี, นายธนดร พุทธรักษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี ,พล.ต.ต.วรัตน์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ รอง ผบช.ภ.4 ,พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ,พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี, พ.ต.ท.พัฒนวงศ์ จันทร์พล รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี และตัวแทนจาก มทบ.24 กอ.รมน. และนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ เข้าร่วมประชุมที่ศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์ฮอลล์ เทศบาลนครอุดรธานี

พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวว่า สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับคัดเลือกจากตำรวจภูธรภาค 4 ให้เป็นสถานีนำร่องตามโครงการ  SMART SAFTY ZONE  ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้เลือกพื้นที่ย่านศูนย์การค้าให้เป็นพื้นที่ “อุดรเซฟตี้โซ” มีพื้นที่ 4.3 ตร.กม. ทิศเหนือจดกับ ถนนวัฒนานุวงศ์ ทิศใต้จดกับถนนโพศรี ทิศตะวันออกจดกับ ถนนทองใหญ่ ถนนเลียบทางรถไฟ และทิศตะวันตกจดกับถนนฑีฆธนานนท์ และถนนประจักษ์ศิลปาคม  ซึ่งเป็นพื้นที่จุดเสี่ยงภัยอาชญากรรม มีตลาดยูดีทาวน์, เซ็นทรัล, ตลาดเซ็นเตอร์พ้อยท์, ตลาดนัดรถไฟ, ตลาด ปรีชา, สถานีรถไฟ, รพ.กรุงเทพ, ซอยสัมพันธมิตร และ โรงเรียน เทศบาล 7 ถนนประจักษ์ศิลปาคม

โดยสร้างเครือข่ายป้องกันอาชญากรรม มีการดำเนินการร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น รวมทั้งฝ่ายความมั่นคง สร้างเครือข่ายป้องกันอาชญากรรม วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยอาชญากรรม การปรับปรุงสภาพแวดล้อม กำหนดแผนป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก การตรวจพื้นที่ และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการ เพื่อยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ ยกระดับการทำงานของตำรวจตามกรอบความคิดเรื่องราชการ 4.0 และก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล  ซึ่งมีกล้องวงจรปิดของภาครัฐและเอกชนตามเส้นทาง และที่สาธารณะ 83 ตัว  เพื่อเชื่อมโยงสัญญาณไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ไปยังสถานีตำรวจ  ติดเสาไฟฟ้าส่องสว่างตามเส้นทางหลัก 128 ต้น และปรับภูมิทัศน์จุดเลี่ยง ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง กล้องวงจรปิดเพิ่ม และตัดกิ่งต้นไม้ให้โล่งโปร่งมองเห็นได้

โดยได้ทำการทาสีตีเส้นจราจรให้เห็นเด่นชัดบนถนน ปิดอาคารร้างไม่ให้เป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากร ซึ่งได้สร้างความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน  ด้วยการติดตั้งตู้แจ้งเหตุ ปล่อยแถวสายตรวจรถจักรยานยนต์ 191 และสายตรวจเดินเท้า บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ศูนย์การค้ายูดีทาวน์ ตลาดรถไฟ เมื่อได้รับแจ้งเหตุต้องเข้าตรวจสอบพื้นที่ทันท่วงที ใช้เครื่องมือพร้อมตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีจากกล้องวงจรปิดควบคู่กันไป มีอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน บินหาคนร้ายที่ก่อเหตุ ทำให้ประชาชนอุ่นใจ รับรู้ เข้าใจ และให้ความร่วมมือ มากยิ่งขึ้น หลังจากทำโครงการได้ 3 เดือน จากสถิติพบว่าการแจ้งเหตุอาชญากรรมลดลง อย่างเห็นได้ชัด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ.9)  กล่าวว่า โครงการ SMART SAFETY ZONE  มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนารูปแบบวิธีการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก การสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากอาชญากรรม จัดระบบการป้องกันอาชญากรรมในรูปแบบบูรณาการทุกภาคส่วน โดยใช้นวัตกรรมและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางตามแนวคิดเรื่อง “เมืองอัจฉริยะ” อันจะนำไปสู่ความปลอดภัยจากอาชญากรรมอย่างยั่งยืน ขอชื่นชมตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี  ได้ขับเคลื่อน โครงการ SMART SAFETY ZONE ได้เป็นอย่างดีในอันดับต้น ที่ได้รับความร่วมมือจากเครือข่าย ทั้งองค์การส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนในการป้องกันอาชญากรรมได้เป็นอย่างดี เป็นการป้องกันมากกว่าการปราบปราม ซึ่งเป็นการตอบโจษและถูกใจประชาชนที่สุด

จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ปฎิบัติการส่วนหน้า สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี ที่ชั้นล่างศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า อุดรธานี  จากนั้นเดินทางไปประชาสัมพันธ์โครงการพร้อมกับแจกหน้ากากอนามัยผู้ประกอบการ และประชาชนที่ศูนย์อาหาร ภายในศูนย์การค้ายูดีทาวน์  เสร็จแล้วเดินทางดูศูนย์ควบคุมสั่งการอุดรเซฟซี้โซน งานสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นศูนย์รวมกล้องวงจรปิดภายในเขตเทศบาลนครอุดรธานี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล  กล่าวต่อว่า โครงการ SMART SAFETY ZONE เป็นโครงการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นผู้ริเริ่ม และนำร่อง ใน 15 สถานีตำรวจ หนึ่งในนั้นคือ สภ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี วันนี้ได้รับมอบหมายให้มาตรวจเยี่ยม ติดตามผล จะเห็นได้ว่าในพื้นที่ SMART SAFETY ZONE อาชญกรรมลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งลัก วิ่ง ชิง ปล้น และเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ  ตัวเลขเหล่านี้เป็นสถิติชี้วัดความเดือดร้อนของประชาชน ความต้องการของประชาชน โครงการ SMART SAFETY ZONE เป็นการป้องกันนำการปราบปราม ป้องกันไม่ให้เหตุเกิด ซึ่งตรงใจประชาชนมาก ความเสียหายไม่เกิด ประชาชนไม่ล้นคุก เป็นการแก้ปัญหาได้อย่างท่องแท้

ที่ปรึกษา (สบ. 9)  กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นนวัตกรรมที่เข้ามาทุกส่วนในจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะในใจกลางเมือง จะเห็นภาพทุกจุด และยังเชื่อมโยงกับกล้องวงจรปิดของเอกชนด้วย มีการดึงกล้องจากบ้านเรือนประชาชนมาที่สถานีตำรวจ ตำรวจกำลังมีน้อย จึงต้องร่วมกับประชาชนทำให้ตำรวจมีกำลังมาก นายก อบจ. ศูนย์การค้ายูดีทาวน์ ยังเพิ่มกล้องให้อีก นับวันยิ่งมีความปลอดภัยมากขึ้น  ผบ.ตร.จะนำการอย่างต่อเนื่อง และจะขยายโครงการออกไปอีก ผลประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชนทั้งสิ้น

จากลงพื้นที่อุดรธานี รู้สึกพึงพอใจ ซึ่งจะได้นำเรียนท่าน ผบ.ตร. เพื่อให้รับทราบความก้าวหน้าของโครงการ ซึ่งอนาคตข้างหน้าจะเพิ่มอีก 15 จังหวัด เพราะมีงบประมาณจำกัด แต่ได้ความร่วมมือจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หากตำรวจทำจริงก็ยิ่งอยากจะให้งบประมาณ กำลังอยู่ที่ตำรวจ ให้ตำรวจไปทำงาน ท้องถิ่นจะได้ปลอดภัยดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี

ปทุมธานี - ผู้ว่าฯปทุมธานี ให้เกียรติเป็นประธาน กิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2564 ณ วัดสะแก ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก

วันที่ 9 กันยายน 2564 เมื่อเวลา 10.00 น นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธาน ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2564 โดยมีพระอธิการเริงชัย ฐานุตตฺโร เจ้าอาวาสวัดสะแก พร้อมด้วย ประมงจังหวัดปทุมธานี นายอำเภอสามโคก / ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดปทุมธานี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคก หัวหน้าส่วนราชการ / ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสะแก และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน

เนื่องในวันประมงแห่งชาติประจำปี 2564 ตามมติครมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2549 อนุมัติให้ในวันที่ 21 กันยายนของทุกปีเป็นวันประมงแห่งชาติ ทั้งนี้เพื่อได้รำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่ทรงมีพระบรมราชโองการ ให้ตั้งกรมรักษาสัตว์น้ำขึ้นมาเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2469 ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นกรมการประมงและเป็นกรมประมงในปัจจุบัน วัตถุประสงค์ในการจัดงานมีดังนี้

1.เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้พี่น้องประชาชนให้เกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำ รวมทั้งสิ่งแวดล้อมในแหล่งน้ำธรรมชาติ

 2.เพื่อเพิ่มพูนผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและรณรงค์ให้ชุมชนมีส่วนร่วมและตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและร่วมกันบริหารจัดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนและ

3.เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชนชาวประมงและประชาชนในการบูรณาการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ในการจัดพิธีปล่อยพันธุ์ปลา

ในการจัดพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนพันธุ์น้ำจืดจากศูนย์วิจัยและพัฒนา เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดปทุมธานีจำนวน 500,000 ตัว ชนิดพันธุ์ ของปลาประกอบด้วย

1.ปลาตะเพียนทอง 100,000 ตัว

 2.ปลาตะเพียนขาว 300,000 ตัว

 3.ปลาสร้อยขาว 50,000 ตัว

และ 4.ปลาหมอ 50,000 ตัว


ภาพ/ข่าว  สหรัฐ แก้วตา

อุดรธานี - กองทัพอากาศสิงคโปร์ ร่วมกับ กองบิน 23 มอบชุด PPE จำนวน 1,000 ชุด ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์

วันที่ 9 กันยายน 2564 นาวาอากาศเอก กษิดิ์เดช แม้นสงวน รองผู้บังคับการกองบิน 23 นาวาอากาศโท รักพงศ์ เถื่อนนาดี หัวหน้าแผนกยุทธการ กองบิน 23 พร้อมด้วย นาวาอากาศโท เดเร็ก ชาน หัวหน้าหน่วยบินแยกกองทัพอากาศสิงคโปร์ และคณะข้าราชการกองบิน 23 ข้าราชการกองทัพอากาศสิงคโปร์ ร่วมมอบชุด PPE จำนวน 1,000 ชุด ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ด้วยความห่วงใย และสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด -19

ในการนี้ นายแพทย์ทวีรัชต์ ศรีกุลวงศ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้รับมอบ โดยมี เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ เข้าร่วมรับมอบ และได้กล่าวขอบคุณทางกองทัพอากาศสิงคโปร์และกองบิน 23 ที่นำชุด PPE มามอบให้ในครั้งนี้ ซึ่งหมอ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานกันอย่างหนัก ก็เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวอุดรธานี ถึงแม้ว่าทุกภาคส่วนจะให้การสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์มาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมีสำรองไว้ถือว่าเป็นการดีที่สุด เป็นการสร้างความอุ่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์

ระยอง - กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง ‘โครงการลมหายใจเดียวกัน’ สนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อชุดตรวจ covid-19 แบบ Rapid Antigen Test Kit และจัดทำชุด PTT Group Care Box สำหรับผู้ป่วยสีเขียว

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง นำโดยคุณสมนึก แพงวาปี กรรมการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง ดร. วิสุทธิ์ หนูงาม ประธานอนุกรรมการชุมชนสัมพันธ์และการสื่อความกลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง และคณะผู้บริหารจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน), บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดระยอง และเทศบาลเมืองมาบตาพุด มูลค่ารวม 2,000,000 บาท

ดำเนินโครงการลมหายใจเดียวกัน สนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อชุดตรวจ covid-19 แบบ Rapid Antigen Test Kit และจัดทำชุด PTT Group Care Box สำหรับผู้ป่วยสีเขียว โดยได้รับเกียรติจาก นพ.สุรทิน มาลีหวล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ในปี 2564 กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยอง ได้ให้การสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงการแพร่ระบาดของ covid-19 ในโครงการลมหายใจเดียวกัน เช่น เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจให้โรงพยาบาลระยอง , มอบเครื่องวัดความดัน ให้กับโรงพยาบาลสนาม, สนับสนุนแอลกอฮอล์ชนิดน้ำและหน้ากากผ้าให้กับ 4 เทศบาล 

#กลุ่ม ปตท.เคียงข้างสังคมไทย ด้วยลมหายใจเดียวกัน


ภาพ/ข่าว  ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

ลำปาง - ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.32 จัดวิทยากรจิตอาสา 904 ร่วมกิจกรรม "มีแล้ว แบ่งปัน"

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 เวลา 13.00 น. พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่32/ ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 32 มอบหมายให้ วิทยากรจิตอาสา 904 ร่วมกับ ประชาชนจิตอาสา จังหวัดลำปาง ร่วมกิจกรรมจิตอาสาช่วยเหลือประชาชน "มีแล้ว แบ่งปัน" มอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค เยี่ยมเยือนให้กำลังใจ กับผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้  เพื่อแสดงถึงความรักความห่วงใย และบรรเทาความเดือดร้อน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ณ บ้านนาแก้ว ตำบลนาแก้ว อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

นครนายก - สำนักงานขนส่งจังหวัดนครนายก ขอเชิญร่วมประมูลทะเบียนรถเลขสวยรถกระบะ หมวดอักษร ‘บท’ เพิ่มบารมี ทวีทรัพย์ โดยเปิดประมูลทางอินเทอร์เนตเท่านั้น และจะปิดประมูลในวันที่ 18 กันยายน 2564

นางสาวทวีพร เพิ่มทวี ขนส่งจังหวัดนครนายก พร้อมทีมงาน ขอเชิญร่วมประมูลทะเบียนรถเลขสวยรถกระบะ หมวดอักษา "บท" เพิ่มบารมี ทวีทรัพย์ โดยเปิดประมูลทางอินเทอร์เนตเท่านั้น เปิดประมูลตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 และจะปิดประมูลในวันที่ 18 กันยายน 2564

ผู้ประมูลเลขสวยจะได้เป็นเจ้าของหมายเลขทะเบียนสวย ได้ใช้แผ่นทะเบียนที่มีลวดลายสวยงาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้ประมูล เป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลาน สามารถนำไปใช้กับรถใหม่ที่ยังไม่เคยจดทะเบียนมาก่อนได้ หากประสงค์จะขายรถ สามารถสงวนสิทธิเลขประมูลไว้กับตนได้ สำหรับรายได้จากการประมูลเลขสวยครั้งนี้ จะนำไปพัฒนาท้องถิ่น และนำไปป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดนครนายก หมายเลข 09-2424-2424 0926242424 081-1589-4224 ได้ทุกวัน...อย่าพลาด


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม // ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

ชุมพร - 'จุรินทร์' ติดตามความหน้า...การประกันรายได้สินค้าเกษตร และคืนโฉนดที่ดินให้สมาชิกกองทุนฯ ชุมพร พร้อมมอบเช็คฟื้นฟูอาชีพ-เช็คชำระหนี้ กว่า 9.2 ล้านบาท

จุรินทร์ลงพื้นที่จังหวัดชุมพรติดตามความคืบหน้า และประชาสัมพันธ์โครงการ ประกันรายได้สินค้าเกษตร พร้อมกับการคืนโฉนดที่ดินให้สมาชิกกองทุนฯ ชุมพร พร้อมมอบเช็คฟื้นฟูอาชีพ-เช็คชำระหนี้ กว่า 9.2 ล้านบาท รองนายกรัฐมนตรี "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) เป็นประธาน มอบคืนโฉนดให้กับสมาชิก กฟก.ชุมพร 29 รายที่ชำระหนี้ครบตามสัญญา มอบเช็คเงินโครงการฟื้นฟูฯ 3.6 ด้านบาท พร้อมแก้ปัญหาหนี้ให้เกษตรกรด้วยการชำระหนี้แทนสหกรณ์กว่า 5 แสนบาท

วันที 11 กันยายน 2564 กองทุนพื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) จังหวัดชุมพร มีการจัดกิจกรรม "มอบเช็คชำระการฟื้นฟูอาชีพ และมอบโฉนดที่ดินคืนให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฯ จังหวัดชุมพร" ณ โครงการ หนองใหญ่ในพระราชดำริ ตำบลบางลีก อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประชานในพิธี และมี นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร  นายชุมพล จุลใสสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 จังหวัดชุมพร นายสราวุธ อ่อนละมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 2 จังหวัดชุมพร นายอุดม ศรีสมทรง  พาณิชย์จังหวัดชุมพร นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตรจังหวัดชุมพร  นายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ประธานกรรมการบริหารกองทุนฯ นายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฯ ตัวแทนจากองค์กร หน่วยงานราชการต่าง ๆ และสมาชิกเกษตรกรเข้าร่วมงาน

นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าว่า ขอบคุณท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิยย์ และคณะที่ให้เกียรติมาตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดชุมพร และเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าและประชาสัมพันธ์โครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร มอบเช็คชำระหนี้ และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่เกษตรกรจังหวัดชุมพร จังหวัดชุมพร มีประชาคร 509,292 คน แบ่งการปกครองเป็น 8 อำเภอ โดดเด่นในเรื่อง เกษตรกรรม และการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า "ชุมพรเมืองน่าอยู่ บนพื้นฐาน การเกษตรกรรม และการท่องเที่ยวคุณภาพ เชื่อมโยงการพัฒนาสองฝั่งทะเล" สินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ปาส์มน้ำมัน ยางพารา ทุเรียน กาแฟ และมะพร้าว ผลิตภัณฑ์ชุมขนที่สำคัญ ได้แก่ ผลผลิตจากกล้วยเล็บมือนาง กาแฟ 3 ก 1 อาหารทะเลแปรรูป เป็นตัน

สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดชุมพร ได้แก่ หาดทรายรี หาดทุ่งวัวแล่น ศาลพ่อตาหินช้าง หลาดกล้วยพ่อตา เขามัทรี เกาะพิทักษ์ หลาดใต้เคี่ยม ปัจจุบันได้รับความนิยม แพร่หลายจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างความเข้มแข็ง ทางเศรษฐกิจและแช่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยการยกระดับการผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญของจังหวัดทุมพร จากข้อมูล ปี 2562 จังหวัดชุมพร มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) 116,164 ล้านบาท รายใต้เฉลี่ยต่อหัว 232,817 บาท/คน/ ปี รายได้ส่วนใหญ่มาจากภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 54.62 รองลงมาภาคบริการ ร้อยละ 36.82 และภาคอุตสาหกรรม ร้อยละ 8.56 จังหวัดชุมพร มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน จำนวน 1,045.017 ไร่ พื้นที่ให้ผลผลิต 1,010,522 ไร ,950,724 ตัน ต้นทุนการผลิต 8,639.15 บาท/ไร่ ต้นทุนการผลิต 3.01 บาท/กก. มีโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน จำนวน 36 โรง โรง A จำนวน 14 โรง โรง B จำนวน 14 โรง โรงงานไบโอดีเซล จำนวน 1 โรง โรงสกัดเมล็ดใน จำนวน 5 โรง และคลังรับฝากจำนวน 2 โรง มีลานเทรับซื้อผลปาล์ม จำนวน ราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันหน้าโรงงาน ปี 2564 (ม.ค. ส.ค.) ราคา 6.21 บาท/กก. ราคาน้ำมัน CPO 35.55 ปอร์เซ็นต์ น้ำมัน 17.86 ปริมาณการรับซื้อผลปาล์ม ปี 2564 (ม.ค.-ส.ค.) จำนวน 1,490,622,829 ตันโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี ระหว่างปี 2562 - 2564 มีการประกันรายได้ จำนวน 7 ครั้ง เกษตรกร จำนวน 54,418 ราย จำนวนเงิน 1,219.081 ล้านบาท ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2653 เนื่องจากปัจจุบัน ราคาผลปาล์มทะลายสูงกว่าราคาเป้าหมาย กก.ละ 4บาท จึงไม่มีการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน

จังหวัดชุมพร ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการส่งเสริมการผลิตปาล์มน้ำมันคุณภาพ ภายใต้ชุมพรทีม ร่วมกำหนดนโยบายยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้าน การตลาดในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันปาล์ม ให้มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงขึ้นจาก 17 % เป็น 18-19 %เพื่อ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรในอัตรา 300 บาท/ตัน และส่งผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (GPP) จังหวัดชุมพร ภาคการเกษตร (ปาล์มน้ำมัน) เดือนสิงหาคม 2564 มูลค่ารวม 9,477.17 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะทำงานชุมพรทีมได้ลงพื้นที่พบปะหารือกลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ลานเท และโรงสกัดน้ำมัน ปาล์มอย่างต่อเนื่อง รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมการผลิ ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป พี่น้องชาวชุมพรได้รับสิ่งดีๆ จากกิจกรรมที่เกิดขึ้น และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนพื้นฟู ในการประชุมครั้งนี้ เกษตรกรสร้างรายได้และมีอาชีพมั่นคงอย่างยั่งยืนตลอดไป 


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ประจำด่านตรวจ-จุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย เน้นย้ำการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ /จุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ในพื้นที่ อำเภอ สุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส จำนวน 2 ด่าน ได้แก่  1.ด่านตรวจโคกสยา และ 2. ด่านโคกมะเฟือง เพื่อพบปะเยี่ยมเยียน มอบนโยบายในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ โดยกำชับ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ให้ช่วยกันดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นการปฎิบัติงานแบบการบูรณาการร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมถึงได้กำชับกำลังพลเรื่องการตั้งด่าน โดยเฉพาะด่านเข้า-ออกเมือง หรือตามป้อมจุดตรวจ ให้มีความเข้มข้น จะมีการตั้งด่านแบบไม่เป็นเวลา เพื่อไม่ให้เป็นเป้าต่อการโจมตีหรือก่อกวนของผู้ไม่หวังดี นอกจากนี้ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้เน้นย้ำให้กำลังพลดูแลตนเอง ปฏิบัติตนตามมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid – 19 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสได้มอบเครื่องดื่ม อาหารว่างและอุปกรณ์ป้องกันตนเอง ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตรวจ / จุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top