Sunday, 15 June 2025
Region

จันทบุรี - มูลนิธิคุณพุ่ม มอบทุนการศึกษาแก่เด็กพิเศษผ่านตัวแทนผู้ปกครอง นักเรียนเด็กพิเศษในจังหวัดจันทบุรีภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 แบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ส่งเสริมการศึกษาของเด็กพิเศษเยาวชนไทย

วันนี้ 7 ก.ย. 64 ที่ ห้องประชุมจันทบูร ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดจันทบุรี ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดจันทบุรีได้จัดพิธีมอบทุนสนับสนุนการศึกษาสำหรับเด็กออทิสติกและเด็กพิการในมูลนิธิคุณพุ่ม ประจำปี 2564 โดยนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานนำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ปกครองร่วมพิธีภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เว้นระยะห่าง

โดยปีนี้เป็นการมอบทุนผ่านผู้ปกครองและนักเรียนที่เป็นตัวแทนจำนวน 25 ทุน ที่เหลือ 77 ทุน เป็นการโอนผ่านบัญชีธนาคาร รวมทั้งสิ้น 102 ทุน ทั้งนี้สืบเนื่องจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีพระกรุณาธิคุณ ประทานทุนสนับสนุนการศึกษาสำหรับเด็ก ออทิสติก และเด็กพิการในมูลนิธิคุณพุ่ม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กและเยาวชนพิการให้ตรงตามความจำเป็นเฉพาะบุคคล ได้รับการพัฒนาศักยภาพของตนเองตามพระประสงค์ และในปีการศึกษา 2563 ทรงประทานทุนให้กับเด็กออทิสติก เด็กพิการซึ่งมีฐานะยากจน และขาดโอกาสจากทั่วประเทศ จำนวน 10,633 ทุน และศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดจันทบุรี ได้รับการจัดสรรโควตา จำนวน 102 ทุน ทุนละ 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 510,000 บาท

ซึ่งตัวแทนผู้ปกครองของเด็กนักเรียนศูนย์การศึกษาพิเศษ จังหวัดจันทบุรีที่ได้รับพระราชทานทุนฯ ได้กล่าวคำสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และสัญญาว่าจะนำทุนที่ได้รับในครั้งนี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่สูงสุดเพื่อให้ผู้พิการได้รับการพัฒนาตามศักยภาพของตนเองตามพระประสงค์ของทูลกระหม่อมฯและวัตถุประสงค์ของมูลนิธิคุณพุ่มต่อไป

โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีได้เยี่ยมชมสถานที่จัดการเรียนการสอนเตรียมพร้อมหากสถานการณ์โควิด คลี่คลายจะได้พร้อมกลับมาสอนเด็กได้ตามปกติ 


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี / พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สตูล - ผู้ว่าฯสตูล พร้อมด้วย สำนักงานคณะกรรมการอิสลาม ร่วมกับองค์กรมุสลิม เดินหน้ามอบถุงปันสุข ให้แก่ผู้ที่กักตัว และจะส่งมอบให้พื้นที่ต่าง ๆ ครบทั้ง 7 อำเภอ

วันนี้ 7 กันยายน 2564 นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายอรุณ อุมาจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล ร่วมกับองค์กรมุสลิมในจังหวัดสตูล นาวาตรีหญิงโนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล,นายยาลา ใบกาเด็ม นายอำเภอเมืองสตูล ร่วมส่งมอบถุงปันสุข โดยผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ เพื่อส่งมอบให้กลุ่มเสี่ยงที่กักตัวเองที่บ้าน ในพื้นที่อำเภอเมืองสตูล 3 แห่ง ประกอบด้วย ตำบลฉลุง 34 ถุง, ตำบลบ้านควน 30 ถุง และเขตเทศบาลคลองขุด (วัดหน้าเมือง) 100 ถุง ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมคณะ ได้เดินมอบถุงปันสุข ถึงครัวเรือน พร้อมให้กำลังผู้ที่กักตัวด้วย

นายอรุณ อุมาจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล กล่าวว่า สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล ร่วมกับองค์กรมุสลิมในจังหวัดสตูล มีแนวคิดจะจัดกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในจังหวัดสตูลที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยการเดินหน้ามอบถุงปันสุข ให้แก่ ผู้ที่กักตัวที่ LQ , HQ และเยียวยาครอบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในเบื้องต้น และผู้ที่ได้รับผลกระทบในด้านของการประกอบอาชีพ ทั้ง 7 อำเภอในพื้นที่จังหวัดสตูล

ทั้งนี้ นายอรุณ อุมาจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมแบ่งปันน้ำใจบริจาคเงินสมทบทุน ในโครงการคนสตูลจะดูแลกัน ร่วมบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี สนง.กอจ.สตูล โครงการคนสตูลจะดูแลกัน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เลขที่บัญชี 586-1-28877-1 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 089-8785731 และ 081-7987303


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ชลบุรี - ศรชล.ภาค1 ร่วมหน่วยงานพื้นที่สัตหีบ รื้อถอนทำลายซากเรือ จัดระเบียบสร้างความสวยงามให้ชายทะเลอ่าวสัตหีบ

วันนี้ (7 ก.ย.64) ที่บริเวณชายทะเลหน้าโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ศรชล.ภาค 1 บูรณาการหน่วยงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จัดโครงการอาสาสมัครรักษ์ทะเลไทย ศรชล.ภาค 1 ภายใต้ (กิจกรรมรื้อถอนและทำลายซากเรือของกลางที่คดีถึงที่สุดแล้ว) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาความเสื่อมโทรมของชายหาดและทะเลอ่าวสัตหีบบริเวณหน้าโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ให้กลับมามีความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และความสวยงามของทัศนียภาพ

ซึ่งปัจจุบันเกิดปัญหาจากซากเรือประมงของกลางที่สะสมอยู่จำนวนมาก ทำให้กีดขวางและเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ รวมถึงทำลายทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล อาทิ สัตว์น้ำและหญ้าทะเล อีกทั้งการจอดเรือที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้ทัศนียภาพของอ่าวสัตหีบขาดความสวยงามและส่งผลกระทบด้านความมั่นคงต่อพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งเป็นเขตปลอดภัยในราชการทหาร

นอกจากนี้โครงการดังกล่าว ยังช่วยส่งเสริมประชาสัมพันธ์ถึงความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในพื้นที่ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และมีส่วนร่วมพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เกิดเป็นรูปแบบของกิจกรรมการท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืนต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

กาฬสินธุ์ – หมอใหญ่เตือน! เปิบเนื้อหมูดิบ เสี่ยงป่วยโรคหูดับเสียชีวิต แนะผู้บริโภคต้องไม่ประมาท โดยเลือกซื้อเนื้อสุกรจากแหล่งที่เชื่อถือได้

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์เตือนบริโภคเนื้อหมูดิบเสี่ยงได้รับเชื้อและป่วยโรคหูดับเสียชีวิต หลังพบโรคหูดับในภาคเหนือ แต่ยังไม่พบในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ แนะผู้บริโภคต้องไม่ประมาท โดยเลือกซื้อเนื้อสุกรจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และนำมาปรุงสุกก่อนบริโภค เพื่อความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพ ของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร และในกลุ่มผู้นิยมบริโภคเนื้อสุกรในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยผู้บริโภคเนื้อสุกรหลายรายมีความกังวล ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดเหมือนโรคลัมปี สกิน ในโค หรือโรคเพิร์ส ในสุกรในพื้นที่หรือไม่ หลังพบมีการแพร่ระบาดของโรคหูดับ ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย และพบว่ามีผู้ป่วยหลายรายได้รับเชื้อ มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต ซึ่งทางด้านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ยืนยันยังไม่พบในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมเตือนบริโภคเนื้อหมูดิบเสี่ยงได้รับเชื้อและป่วยโรคหูดับเสียชีวิต และควรนำมาปรุงสุกก่อนบริโภค เพื่อความปลอดภัย

นายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากกรณีการเกิดโรคหูดับในบางจังหวัดเขตภาคเหนือของประเทศไทย ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานั้น ซึ่งมีทั้งผู้ได้รับเชื้อและเสียชีวิต สาเหตุเกิดจากการบริโภคเนื้อสุกรที่ไม่ผ่านการปรุงสุก ทั้งนี้ อาจจะมีพื้นฐานมาจากวัฒนธรรมการบริโภคเนื้อสุกรดิบ จึงเป็นความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อดังกล่าว ทั้งนี้ โรคหูดับหรือ โรคติดเชื้อสเตรฟโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus Suis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย  สามารถเข้าสู่ร่างกายของคนได้ 2 ทาง คือการบริโภคเนื้อสุกร เครื่องในสุกร หรือเลือด ที่ไม่ผ่านการทำให้สุก เช่น ลาบ ลู่ ปิ้งย่างที่ไม่สุก นอกจากนี้ยังเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา จากการสัมผัสโรค หรือสุกรที่เป็นโรค

นายแพทย์อภิชัย กล่าวอีกว่า เชื้อดังกล่าว ที่ปกติจะอยู่ในสุกรเกือบทุกตัว โดยฝังอยู่ในต่อมทอนซิลของสุกร แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดโรค แต่เมื่อร่างกายอ่อนแอ เครียด หรือป่วย โรคจะไปกดภูมิคุ้มกัน แบคทีเรียตัวนี้จะเพิ่มจำนวน และทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดและทำให้สุกรป่วยและตายได้ เมื่อนำเนื้อสุกรที่ตายด้วยโรคดังกล่าวมาบริโภคโดยไม่ผ่านการปรุงสุก จึงทำให้เชื่อเข้าสู่ร่างกายและเจ็บป่วย ในรายที่อาการรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้

“อาการของผู้ป่วยโรคหูดับ หลังได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายภายใน 3 วันจะมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดตามข้อ มีจ้ำเลือดตามตัว ตามผิวหนัง ซึม คอแข็ง ชัก มีการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึก เมื่อเชื้อเข้าสู่เยื่อหุ้มสมอง และกระแสเลือด ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ข้ออักเสบ ม่านตาอักเสบ เนื่องจากเยื่อหุ้มสมองอยู่ใกล้กับประสาทหูชั้นในทั้งสองข้าง เชื้อจึงสามารถลุกลาม จึงทำให้เกิดหนองบริเวณปลายประสาทรับเสียง และปลายประสาททรงตัว ทำให้หูตึง หูดับ จนกระทั่งหูหนวก ซึ่งอาการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายใน 14 วัน หลังจากเริ่มมีอาการไข้ และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที ผู้ป่วยจะเสียการได้ยิน และอาจชีวิตในเวลาต่อมา” นายแพทย์อภิชัยกล่าว

นายแพทย์อภิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคนี้ไม่มีประวัติพบผู้ป่วยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้ อาจจะมีผลมีจากชาว จ.กาฬสินธุ์ ไม่นิยมบริโภคเนื้อสุกรดิบ อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทและไม่เกิดความกังวลในการบริโภคเนื้อสุกร จึงขอประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้บริโภค เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และนำมาปรุงสุกก่อนบริโภค เพื่อความปลอดภัยก็จะไม่เสี่ยงกับการได้รับเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อพยาธิ โรคท้องร่วง และป่วยโรคหูดับเสียชีวิตดังกล่าว

หนองบัวลำภู - สนง.เกษตรหนองบัวลำภู ทำโครงการสมุนไพรต้านภัยโควิด-19 ผลิตฟ้าทะลายโจรแจกเกษตรกรกว่า 2 หมื่นต้น พร้อมสนับสนุนผลิตเชิงการค้า

นายอำพน ศิริคำ เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า จากการที่ได้เกิดวิกฤตการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่า 220 ล้านคน คร่าชีวิตผู้คนกว่า 4.5 ล้านคน สำหรับในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อกว่า 1.2 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 12,000 คน และยังส่งผลทางเศรษฐกิจมหาศาลยากที่จะประเมิน ในประเทศไทยได้มีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรรักษาโรคดังกล่าวปรากฏว่าหายขาดไปแล้วเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น สำนักงานเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู จึงได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอจัดทำโครงการสมุนไพรต้านภัยโควิด-19 โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

1 ผลิตฟ้าทะลายโจรแจกเกษตรกรและประชาชนทั่วไป

2 ส่งเสริมเกษตรกรผลิตฟ้าทะลายโจรเชิงการค้าเชิงการค้า

โดยมีเป้าหมายผลิตฟ้าทะลายโจรภายในปี 2565 ไม่น้อยกว่า 20,000 ต้นโดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการ โดยมีแนวทางการดำเนินงานดังนี้

1.ผลิตแปลงแม่พันธุ์โดยรวบรวมต้นพันธุ์จากพื้นที่ต่างๆไม่น้อยกว่า 3,000ต้น

2.ขยายพันธุ์แก่เกษตรกรในจังหวัดหนองบัวลำภู

3 ส่งเสริมเกษตรกรที่สนใจจะปลูกเป็นการค้าโดยเน้นเป็นกลุ่ม เช่นวิสาหกิจชุมชน แปลงใหญ่  โดยจะสนับสนุนความรู้วิชาการ กระบวนการผลิต และส่งเสริมด้านการตลาดด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากฟ้าทะลายโจรจากอดีตราคาซื้อขายตันละประมาณ 20,000 บาทเศษ ขณะนี้ได้ขยับตัวสูงขึ้นอีกกว่าเท่าตัวและยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีของเกษตรกรที่จะปลูกฟ้าทะลายโจรสร้างรายได้โดยใช้หลักตลาดนำการผลิต ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู  กล่าวอีกว่า ขณะนี้ในแต่ละสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู ทุกระดับ จะช่วยกันนำดินกรอกถุงดำและทยอยตัดชำต้นฟ้าทะลายโจรเป็นระยะ ๆ แล้วจะทยอยทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์คาดว่าจะเริ่มแจกเกษตรกรได้ราวเดือนมกราคม 2565 ซึ่งจะได้แจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

ดังนั้น เกษตรกรกลุ่มพืชสมุนไพร หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือแปลงใหญ่ กลุ่มใด สนใจจะปลูกฟ้าทะลายโจรเชิงการค้าขอให้สมัครได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอในจังหวัดหนองบัวลำภูหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู โทรศัพท์ 042-313301 , 042-316788


ภาพ / นายอำพน ศิริคำ เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าฝ่าย นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร เจ้าพนักงานธุรการ คนงาน พนักงานขับรถยนต์ ร่วมกันผลิตขยายพันธุ์ฟ้าทะลายโจร

ร้อยเอ็ด - สั่งทิ้งทวน...แลนด์มาร์คแห่งใหญ่! พ่อเมืองร้อยเอ็ดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน เพื่อจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อประโยชน์สาธารณะ

เมื่อเวลา 09.00 น. นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ด ณ ห้องประชุมพระเวสสันดร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระพรหมวชิรโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 (ธ) เจ้าอาวาสวัดบึงพระลานชัย , พระราชพรหมจริยคุณ เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ดจะเอาวาดวัดบ้านเปลือยใหญ่ , พระราชปริยัติวิมล เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธ) , พระญาณวิลาศ รองเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธ) , นายชนาส ชัชวาลวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด , นายสมชัย คล้ายทับทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

สืบเนื่องจากการประชุมฯ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 เรื่องการจัดสร้างพระพุทธรูปประจำจังหวัด มีมติที่ประชุมเห็นชอบการก่อสร้างพระพุทธรูปประจำจังหวัดร้อยเอ็ด และผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ด และได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานเพื่อจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ด คำสั่งจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 2703/2564 ประกอบกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2547 ควรมีการจัดตั้งพุทธศาสนสถาน ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับพุทธมณฑลในส่วนภูมิภาคให้แพร่หลายเพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นส่วนสาธารณะ ที่สงบ ร่มรื่น ราษฎรสามารถใช้ออกกำลังกายได้ ประกอบพิธีทางศาสนา ประชุมปรึกษาเรื่องทางศาสนา และใช้เป็นสถานที่แสดงธรรมได้

จังหวัดร้อยเอ็ดจึงได้กำหนดให้มีการประชุมขึ้นในครั้งนี้โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาในวาระสำคัญ ดังนี้

1. หารือถึงปัญหาการขับเคลื่อนการจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ดในช่วงที่ผ่านมา และแนวทางการแก้ไข

2. การมอบหมายภารกิจที่จำเป็นเบื้องต้นสำหรับการขับเคลื่อนการจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ด ด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านการจัดทำแผนแม่บท ด้านการจัดทำแบบแปลนและรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง การขอใช้พื้นที่อ่างธวัชชัยเพื่อจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ด การนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดท่านใหม่ที่มารับหน้าที่ให้รับทราบเรื่องการจัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ดด้วย

3. การจัดหางบประมาณในการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ด

4. การเตรียมจัดทำแผนเพื่อบูรณาการกับแผนพัฒนาจังหวัด 

ทั้งนี้ นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อ่างเก็บน้ำธวัชชัย เช่น กิจกรรมจิตอาสา กิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม พร้อมให้จัดทำผังการพัฒนาเชื่อมโยงไปยังสถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง พร้อมย้ำว่าการพัฒนาของจังหวัดร้อยเอ็ดควรเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจโดยควรทำเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะการดูแลผู้สูงวัย เนื่องจากจังหวัดร้อยเอ็ดมีศักยภาพด้านการสาธารณสุข พร้อมทั้งต้องพัฒนาพื้นที่โดยรอบควบคู่ไปกับการสร้างพุทธมณฑลจังหวัดร้อยเอ็ด


ภาพ/ข่าว  โกสิทธิ์ / ร้อยเอ็ด(ห)

เชียงใหม่ - ประธานหอฯ เชียงใหม่ ชี้! ภาวะเศรษฐกิจเชียงใหม่ครึ่งแรก และแนวโน้มโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยหลักทำให้เศรษฐกิจภาพรวมยังหดตัว

วันที่​ 7​ ก.ย.​ 2564​ เวลา​ 10.00​ น.​ ณ​ ห้องประชุม​ 1​ ชั้น​ 2​ สำนักงานหอการค้า​จังหวัดเชียงใหม่ นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ดร.กอบกิจ อิสรชีวัฒน์ รองประธานกรรมการหอการค้าจังหวัด เชียงใหม่  นายสมชาย ทองคำคูณ รองประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารฯได้ร่วมกันแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ไตรมาสที่ 1-2 ประจำปี 2564 และแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3 และ 4

นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงทั่วโลกต้นปี 2563  ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่หดตัวรุนแรงและสูญเสียรายได้ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อเนื่องหดตัวสูง ทั้งการบริโภคและการลงทุน ธุรกิจจำนวนมากปิดกิจการและเลิกจ้างแรงงาน  ภาวะเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 หดตัวใกล้เคียงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน จากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกที่สอง ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวหดตัวมาก  การใช้จ่ายปรับตัวดีขึ้นในกลุ่มสินค้าจำเป็น  ในไตรมาสที่สองเศรษฐกิจเชียงใหม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิดรอบสาม และการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดในประเทศ ส่งผลให้ภาคท่องเที่ยวและการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนหดตัวมากขึ้น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ด้านการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวสูงจากการเร่งเบิกจ่าย ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปี 2564  การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสามกระทบการท่องเที่ยวไตรมาส 3 ปี 64 อย่าง มาก รายได้ของธุรกิจและชาวเชียงใหม่หายไปมากช่วงปีเศษนี้ แผนการจัดหาและกระจายวัคซีน โควิด-19 ที่ชัดเจนมากขึ้น และสถานการณ์ ความรุนแรงของโควิด ณ ต้นเดือน ก.ย.น่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว หากธุรกิจ ท่องเที่ยวและธุรกิจท่ีเกี่ยวข้อง ได้รับการสนับสนุนเยียวยา ฟื้นฟูจากทางการ เช่น การเติมสภาพคล่อง การปรับโครงสร้างหนี้ คาดว่าการท่องเที่ยวจาก นักท่องเที่ยวในประเทศจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปี 64 เมื่อการท่องเท่ียวท่ีเป็นเครื่องยนต์หลักของจงัหวดัเชียงใหม่กลับมา เดินเครื่องได้ ธุรกิจอื่น ๆ ท่ีเก่ียวเนื่อง การจ้างแรงงาน การใช้จ่าย การลงทุนจะเริ่มขยับขึ้นมาได้

ด้านดร.กอบกิจ อิสรซีวัฒน์ รองประธานกรรมการหอการค้าจังหวัด เซียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ไตรมาส 1 ปี 2564 หดตัวมากขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากการแพร่ระบาดระลอกสอง ประกอบกับสถานการณ์หมอกควัน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวและอัตราการเข้าพักลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังคงหดตัวสูง จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ เข้าสู่ไตรมาส 2 ภาคการท่องเที่ยวหดตัวมากขึ้น จากการระบาดของโควิดระลอกสาม ที่กระจายวงกว้างและรุนแรงมาก และจากมาตรการควบคุมการระบาดของจังหวัดต่าง ๆ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวในประเทศชะลอการเดินทาง โดยภาพรวมช่วงครึ่งปีแรก 2564 ภาคการท่องเที่ยวหดตัวรุนแรง สูญเสียรายได้ต่อเนื่องเกือบ 2 ปี ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดกิจการ  แรงงานภาคท่องเที่ยวไม่มีรายได้ 

ภาคอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ไตรมาสแรกของปี หดตัวน้อยลงจากไตรมาสก่อน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ส่งผลให้การใช้จ่ายสินค้าในชีวิตประจำวันปรับดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าจำเป็น ในขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนกำลังซื้อที่เปราะบาง เมื่อเข้าสู่ไตรมาส 2 การอุปโภคบริโภคหดตัวเพิ่มขึ้น จากการระบาดของ COVID-19 ระลอกสาม  ทำให้การใช้จ่ายในหมวดสินค้าใน 

ชีวิตประจำวันและหมวดบริการหดตัว ด้านการใช้จ่ายหมวดสินค้าคงทนชะลอกำลังซื้อโดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ ขณะที่กลุ่มรถจักรยานยนต์ยังขยายตัวได้ตามความต้องการซื้อของลูกค้ากลุ่มเกษตร โดยภาพรวมครึ่งปี 2564 การใช้จ่ายกระเตื้องเล็กน้อยในช่วงต้นปี และชะลอลงเมื่อพบการระบาดระลอกที่สาม

ภาคการลงทุนภาคเอกชน ชะลอลงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาทั้งสองไตรมาส การลงทุนเพื่อการก่อสร้างชะลอตัว ตามภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ชะลอลงตามกำลังซื้อที่อ่อนแอ ทำให้ผู้ประกอบการเลื่อนแผนการลงทุนออกไป การลงทุนเพื่อการผลิตขยายตัวเล็กน้อย จากการลงทุนในกลุ่มธุรกิจขนส่ง ทั้งสินค้า  E-Commerce และสินค้าเกษตร โดยยังมีความต้องการซื้อรถยนต์เชิงพาณิชย์ สะท้อนจากยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัว รวมทั้งมีการลงทุนนำเข้าเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและรองรับคำสั่งซื้อในอนาคต เฉพาะธุรกิจรายใหญ่บางรายเท่านั้น โดยภาพรวมช่วงครึ่งปีแรกของปีการลงทุนภาคเอกชนชะลอลงมาก   

ไตรมาสแรก (ม.ค. - มี.ค) การใช้จ่ายของภาครัฐลดลงจากไตรมาสก่อน รายจ่ายประจำหดตัวโดยลดลงมากในหมวดเงินอุดหนุนทั่วไปของสถาบันการศึกษา และหมวดรายจ่ายอื่นของงบกลาง ส่วนทางด้านรายจ่ายลงทุนขยายตัวสูงต่อเนื่อง จากการเร่งเบิกจ่ายของ หน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะในหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในไตรมาส 2 การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวสูงจากไตรมาสก่อน จากการเร่งรัดการเบิกจ่าย โดยรายจ่ายประจำขยายตัว ส่วนรายจ่ายลงทุนก็ขยายตัวสูงตามการใช้จ่ายในหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐาน และหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน    

รายได้ภาคเกษตร ในครึ่งแรกปี 2564 โดยรวมลดลงเล็กน้อย เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสุกรลดลงจากโรคระบาด  ราคาสุกรเพิ่มสูงตามความต้องการจากตลาดภายในและต่างประเทศ ส่วนราคาข้าวโพดสูงขึ้นเล็กน้อย  ราคาที่สูงยังไม่สามารถชดเชยรายได้ที่เสียไปจากผลผลิตที่ลดลงมาก สำหรับผลผลิตพืชสำคัญชนิดอื่น เช่น ข้าว ลำไยนอกฤดู มะม่วง เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและราคาอยู่ในเกณฑ์ดี 

การผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัว เครื่องชี้สำคัญ เช่น การใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 3.7 แต่ปรับตัวดีขึ้นช่วงไตรมาสสอง  ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 อุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออกฟื้นตัวตามเศรษฐกิจต่างประเทศ  แต่ประสบปัญหาขาดตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้การขนส่งล่าช้า และต้นทุนการขนส่งสูงขึ้นมาก การผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศโดยรวมหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจ  สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์จากโคนมและหมวดอาหารแปรรูปฟื้นตัวดี และช่วงปลายไตรมาสสอง โรงงานแปรรูปผลิตผลเกษตร คอนกรีตผสมเสร็จเริ่มต้นผลิต 

เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ตามราคาพลังงานจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ด้านตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้น อัตราการว่างงานสูงขึ้นเป็นเฉลี่ยร้อยละ 2.9 ในไตรมาสที่สอง  เทียบกับอัตราว่างงานร้อยละ 1.6 ช่วงก่อนโควิดไตรมาสที่ 4 ปี 2562  ธุรกิจปรับตัว เช่น การลดชั่วโมงการทำงาน ให้พนักงานหยุดงานโดย   ไม่รับค่าจ้าง  รวมทั้งเปลี่ยนเงื่อนไขการจ้างจากรายเดือนเป็นรายวัน และเลิกจ้างแรงงานประเภทสัญญาชั่วคราว   

ภาคการเงิน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ยอดเงินฝากคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์ลดลงจากช่วงก่อนหน้า เนื่องจากย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น จากที่โอนย้ายมาฝากกับธนาคารพาณิชย์ช่วงเกิดโควิดระลอกแรก ด้านสินเชื่อคงค้างยังคงขยายตัวต่อเนื่องในสินเชื่อประเภทค้าส่งค้าปลีก บริการและอุปโภคบริโภค ขณะที่สินเชื่อที่ให้กับสถาบันการเงินประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมลดลง

 


ภาพ/ข่าว  พัฒนชัย / เชียงใหม่

ชัยภูมิ – ผู้ว่าฯสั่งจับตา เตือนประชาชนทุกพื้นที่ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดไปจนถึง 11 ก.ย. นี้ หลังฝนเริ่มตกหนักต่อเนื่องแล้วหลายพื้นที่ บริเวณลำชีน้ำเริ่มหนุนสูง รวมทั้งเขื่อนลำปะทาวใกล้เต็มเริ่มปล่อยระบายน้ำออกนอกเขื่อนแล้ว!

( 8 ก.ย.64 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ( ผวจ.ชัยภูมิ) ประกาศแจ้งเตือนประชาชน พร้อมสั่งแจ้งผู้นำชุมชนทุกหมู่บ้านในพื้นที่เสี่ยงใกล้เชิงเขา อยู่ใกล้ริมตลิ่งลำน้ำชี และเขื่อนปล่อยน้ำไหลผ่าน  ให้เตรียมความพร้อมช่วยกันเฝ้าระวังในช่วงระหว่าง 7- 11 ก.ย.64 นี้ ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และ จ.ชัยภูมิ จะเกิดฝนตกหนักฟ้าคะนอง เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ทุกพื้นที่

ซึ่งหลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่มาต่อเนื่องตั้งแต่วานนี้ (7 ก.ย.64)ที่ผ่านมา ซึ่ง จ.ชัยภูมิ เป็นจังหวัดเป็นแหล่งจุดต้นกำเนิดแม่น้ำชี ที่จะไหลผ่านไปเกือบทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน ล่าสุดเริ่มทำให้มีน้ำป่าไหลหลากลงสู่ลำแม่น้ำชีเริ่มหนุนสูงใกล้ล้นตลิ่งอีกไม่ถึง 1 เมตร แล้วหลายพื้นที่ผ่านลงมาจาก อ.หนองบัวแดง,อ.หนองบัวระเหว,อ.บ้านเขว้า,อ.จัตุรัส และผ่านมาเชื่อมในเขต อ.เมืองชัยภูมิ บางส่วนในเขตตำบลบ้านค่ายและตำบลบุงคล้า ติดรอยต่อเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ  ก่อนที่จะไหลผ่านไปยังพื้นที่ อ.เนินสง่า,คอนสวรรค์ และเชื่อมไหลผ่านออกต่อไปยังจังหวัดขอนแก่น ต่อไป

รวมทั้งในส่วนของเขื่อนลำปะทาวตอนบน และตอนล่าง ความจุรวมกว่า 60 ล้าน ลบ.ม.ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูแลนคา อยู่รอยต่อของ 2 อำเภอเขต อ.เมืองชัยภูมิ และ อ.แก้งคร้อ ที่จะมีเส้นทางน้ำไหลผ่าน ลงมาในโซนเศรษฐกิจตัวเมืองเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ด้วยทั้งหมดในขณะนี้เกิดฝนตกตกเนื่องทำให้มีปริมาณน้ำใกล้เต็มเขื่อนลำปะทาวทั้ง 2 แห่งแล้ว ซึ่งทางเขื่อนลำปะทาวก็ได้เริ่มเตรียมแผนรับมือด้วยการทยอยปล่อยระบายน้ำออกมาจากเขื่อนลำปะทาวตอนล่างอย่างต่อเนื่องในขณะนี้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดน้ำป่าหลากล้นเขื่อนได้

ซึ่งนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ จึงขอแจ้งประกาศเตือนประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว ช่วยกันเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ที่ในช่วงตั้งแต่ 7- 11 ก.ย.64 นี้ จ.ชัยภูมิ ยังจะเกิดฝนฟ้าคะนองตกหนัก  และเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าหลากได้ ควรที่การเตรียมตัวให้พร้อมในการติดตามสภาพอากาศและปริมาณน้ำในพื้นที่ใกล้ตัวเอง เตรียมสิ่งของเครื่องใช้ของมีค่าที่จำเป็นและพร้อมเตรียมอพยพออกจากพื้นที่มาอยู่ในที่ปลอดภัยที่แต่ละพื้นที่ต้องมีการจัดเตรียมรองรับไว้ได้ทันทีในช่วงนี้ด้วย

นราธิวาส - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองพระบาท

วันนี้ 7 กันยายน 2564 เวลา 09.00 น. นายเจษฎา  จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  นางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายวารินทร์ บุษบรรณ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายกัส ยะมาแล เกษตรจังหวัดนราธิวาสและคณะข้าราชการจังหวัดนราธิวาส และกรรมการมูลนิธิพัฒนาเกษตรอนามัยในพระบรมราชูปถัมภ์

เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายผลไม้และของดีจังหวัดนราธิวาส จำนวน 114 กล่อง แด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตาม  พระราชอัธยาศัย ณ วังสระปทุม กรุงเทพมหานคร


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

ตราด - ผบ.ทร. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1

วันที่ 8 กันยายน 2564 เวลา 10.30 น. พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พร้อม นางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน นายกสมาคมภริยาทหารเรือและคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 อ.แหลมงอบ จ.ตราด โดยมี พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 นางนุชนภา อินทร์พรหม ประธานชมรมภริยาทหารเรือ ทัพเรือภาคที่ 1 และ นาวาเอก ปฏิรูป อยู่พรหม ผู้บังคับการฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 ให้การต้อนรับ

การตรวจเยี่ยมฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 ในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนการเดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยในพื้นที่ชายแดน จังหวัดจันทบุรีและตราด เพื่อเป็นการขอบคุณกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกล ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ตลอดปีที่ผ่านมาอย่างเต็มกำลังความสามารถ

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ลงนามในสมุดตรวจเยี่ยม พร้อมมอบเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล รวมถึงกล่าวให้โอวาท โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า “ขอแสดงความชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถในรอบปีที่ผ่านมา จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และได้รับการยอมรับจากหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาที่ผมปฏิบัติราชการในกองทัพเรือมากกว่า 37 ปี มีความเชื่อมั่นอยู่เสมอว่า ทุกหน่วยงานของกองทัพเรือ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ล้วนเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญเท่าเทียมกัน เพราะทุกหน่วยงานเป็นกลไกอันสำคัญยิ่ง ในการช่วยกันขับเคลื่อนกองทัพเรือให้เจริญก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้”

“พลังสามัคคี พลังราชนาวี”


ภาพ/ข่าว  ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 / กองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top