Sunday, 29 June 2025
PoliticsQUIZ

วัชระขีดเส้น 30 วันให้โตโยต้าตอบให้ชัดจ่ายสินบนจนท.ไทยนับพันล้านจริงหรือไม่

นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา กรณีที่ได้ส่งหนังสือไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมาถึงนายนินนาท ไชยธีรภิญโญ  ประธานคณะกรรมการ นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายประมนต์ สุธีวงศ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีข่าวให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐไทยเพื่อให้ชนะคดีหรือกลับคำตัดสินกรณีภาษีประมาณ 350 ล้านดอลลาร์ ที่ทางการไทยเรียกเก็บจากการนำเข้ารถโตโยต้าพรีอุส และอ้างว่าเกี่ยวกับผู้พิพากษาอาวุโส 3 ท่านในศาลยุติธรรม สร้างความเสื่อมเสียให้กับกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นอย่างมาก 

นายวัชระ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง อาจเป็นการแอบอ้างหรือเป็นการดิสเครดิตศาลยุติธรรม รู้สึกเสียใจที่ปรากฏเรื่องในทางลบเป็นอย่างยิ่งกับศาลยุติธรรม ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่จะมาลงทุนในประเทศไทยในอนาคต และมีผลกระทบต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเพื่อให้ความจริงปรากฏ จึงขอให้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยรายละเอียดในเรื่องที่ลูกค้าและประชาชนสงสัยในธรรมาภิบาลของบริษัทโดยด่วนที่สุด 

ล่าสุดทางบริษัท โตโยต้า มีหนังสือตอบกลับมายังนายวัชระว่า บริษัทยึดมั่นที่จะทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งในไทยและประเทศอื่น ๆ ให้ความสำคัญต่อข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำความผิดอย่างจริงจัง และกำลังให้ความร่วมมือกับการสอบสวนที่ยังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ เนื่องจากการสอบสวนยังคงดำเนินการไม่เสร็จ และตามที่บริษัทได้เคยแจ้งต่อสาธารณะไปก่อนหน้านี้ว่า ขอบเขต ระยะเวลา และผลสรุปของกรณีดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยุติ ดังนั้น จึงอาจเป็นการด่วนสรุปเกินไปที่จะคาดเดาผลของการสอบสวนที่ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่นั้น

จากการชี้แจงของบริษัทโตโยต้านี้ นายวัชระ ได้ถามกลับบริษัท โตโยต้า ว่า การที่อ้างว่าเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวน ใครเป็นผู้สอบสวน เป็นภาครัฐหรือเอกชน มีใครเป็นกรรมการสอบสวนบ้าง และเมื่อผลการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ จะเสร็จเมื่อใด มีการกำหนดระยะเวลาได้หรือไม่ และสิ่งสำคัญที่สุดที่บริษัทสามารถตอบได้ทันทีในขณะนี้ก็คือ มีการจ่ายเงินนับพันล้านบาทให้ใครจริงหรือไม่ ซึ่งบริษัทย่อมต้องมีข้อมูลในฝ่ายบัญชีอยู่แล้ว หากมีการจ่ายจริงก็ต้องบอกว่าจ่ายให้ใคร เป็นจำนวนเท่าใด หรือหากไม่ได้จ่ายก็ต้องบอกให้สาธารณชนได้ทราบ ทั้งนี้ หากยังไม่ได้คำตอบใดๆ ก็จะไปยื่นหนังสือทวงถามอีกครั้งหนึ่งภายใน 30 วัน

รองโฆษกรัฐบาล ยัน รัฐดูแลประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ชี้วัคซีน mRNAอยู่ในแผนวัคซีนหลัก รอแค่ส่งมอบ ยก องค์การอนามัยโลก รับรองซิโนแวก-แอสตราฯ-ซิโนฟาร์ม มีประสิทธิภาพ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่มีการ เตรียมฟ้องรัฐบาล หลังจากคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติให้จัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติม โดยอ้างว่าการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดได้ ว่าองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย เผยแพร่ข้อมูลว่าวัคซีนที่ได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งไทยมีวัคซีน 3 ชนิดที่ให้บริการไปแล้ว ได้แก่ แอสตราเซเนกา ซิโนฟาร์ม และ ซิโนแวค ขณะที่แผนจัดหาวัคซีน มีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ มีงานวิชาการรองรับ เป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ และทำตามหลักภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ขององค์การอนามัยโลก

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนความกังวลว่าวัคซีนซิโนแวคที่สั่งซื้อมาต่อเนื่องอาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อที่กำลังแพร่ระบาด ในปัจจุบันข้อมูลทางการแพทย์ พบว่ายังไม่มีวัคซีนชนิดใดที่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่ชนิด mRNA แต่ทุกชนิดรวมทั้งเทคโนโลยีเชื้อตาย สามารถลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้  

ดังนั้น ในระหว่างรอส่งมอบวัคซีน mRNA อาทิ วัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ตามแผนวัคซีนหลัก ในช่วงไตรมาสที่ 4 และโมเดอร์นาซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือก รัฐบาลจึงเร่งจัดหาและฉีดวัคซีนให้ประชาชนในวงกว้างให้มากที่สุดเพื่อลดการป่วยหนักและการเสียชีวิต ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ซึ่งแผนการดังกล่าวภาครัฐได้ดำเนินการและสื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพิ่งอนุมัติจัดหาในการประชุม ครม.ที่ผ่านมา 

“บิ๊กตู่” รับโควิดแพร่ระบาดรุนแรง “ลั่น” จำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มงวด “วอน” ทุกฝ่ายร่วมมือป้องกันตัวเองและใช้สติในการรับข้อมูล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้ ทุกคนทราบดีว่าการแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น จากการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดที่แพร่ระบาดได้ง่ายยิ่งขึ้น มาตรการทุกอย่างที่รัฐบาลจะออกมา จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรัดกุม โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และธุรกิจต่าง ๆ 

“ผมได้ติดตามสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่องด้วยความไม่สบายใจ และรับรายงานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์และความจำเป็นในการใช้แผนเผชิญเหตุ เพื่อกำหนดมาตรการการควบคุมโรคที่จะต้องเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่หากไม่ดำเนินการ อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดความรุนแรงมากกว่านี้ ซึ่งเราอาจมีความจำเป็นต้องกำหนดมาตรการเข้มงวดมากยิ่งขึ้นในการจำกัดการเคลื่อนย้าย การป้องกันมิให้มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรม การปิดสถานที่เพิ่มเติม และมาตรการอื่นๆที่จำเป็น โดยในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ผมได้เรียกประชุม ศบค. ชุดใหญ่ในเช้าวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) เพื่อพิจารณามาตรการที่ฝ่ายต่าง ๆ ได้เสนอเข้ามา และจะแจ้งผลการพิจารณาให้ทราบโดยทันที”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน ช่วยกันดูแล ป้องกันตัวเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติไปด้วยกัน ไม่มีใครหรือประเทศใด ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาโควิดได้สำเร็จโดยคนเพียงคนเดียว หรือหน่วยงานเดียว ในยามที่เปรียบเสมือนการทำสงครามกับเชื้อไวรัสในครั้งนี้ สิ่งที่จะทำให้เราชนะได้ คือความสามัคคีของคนในชาติ ความมีวินัย ความอดทน การร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือกันของคนในชาติ และอีกสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ความมีสติในการรับข่าวสารในยามวิกฤต ที่มีผู้ไม่หวังดีสร้างข้อมูลเท็จที่มุ่งร้ายให้เกิดเข้าใจผิดและสับสนวุ่นวายในสังคมอย่างมากมาย ซึ่งต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการของรัฐที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้อื่นด้วย 

“ผมขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคนที่ทำงานอย่างเสียสละ และขอสัญญาว่าจะดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด ผมและรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

คนกรุงโล่งใจ นายก สั่ง รมว.เฮ้ง เปิดจุดตรวจโควิดเพิ่มที่สนามไทย - ญี่ปุ่น ดินแดง เร็ว ๆ นี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนั้น
ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไปจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้มีข้อสั่งการให้ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม
บูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) 
เพื่อดำเนินการเปิดจุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ขึ้น  แก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และประชาชนทั่วไป ให้สามารถมาตรวจคัดกรองโควิด-19 ได้ ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ในเร็วๆ นี้

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า การเปิดจุดตรวจคัดกรองโควิด-19 เพิ่มในครั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบ และพี่น้องประชาชนทั่วไป
ที่เดือดร้อนจากการตรวจโควิด-19 ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอีกทางหนึ่งด้วย กรณีตรวจพบเชื้อและมีอาการจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม ส่วนผู้ที่ตรวจพบเชื้อแล้วไม่มีอาการหรืออยู่ในระดับสีเหลืองตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ Hospitel ของประกันสังคม ซึ่งจะมีทีมแพทย์และพยาบาลดูแล

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดรายละเอียดขั้นตอนในการให้บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 โดยเร็ว จากนั้นจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ทราบในทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจคัดครองเชื้อโควิดได้ และหากพบว่าติดเชื้อจะได้เข้าสู่การรักษาได้อย่างทันท่วงทีต่อไป

“อุตตม” นำทีมเปิดตัว “ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์” เผย รวมพลังความคิดขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า

นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคลัง ในฐานะประธานที่ปรึกษา สถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future) เปิดเผยในโอกาสการเปิดตัว Thailand Future อย่างเป็นทางการ ว่า นับเป็นเวลาที่ประเทศไทยและคนไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ประการแรก ในช่วงหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา โควิดส่งผลกระทบเฉียบพลันรุนแรงและกระจายสู่ทุกภาคส่วน โจทย์เร่งด่วนก็คือ เราจะร่วมกันจัดการต่อสถานการณ์โควิดให้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงได้อย่างไร ทั้งเฉพาะหน้าและต่อเนื่องในอนาคต เพื่อความปลอดภัยซึ่งยึดโยงกับเรื่องปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนเช่นกัน

ประการที่สอง ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อน เราจำเป็นต้องมองไปข้างหน้า คำนึงถึงอนาคตของประเทศไทยในภาวะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในแทบทุกมิติของสังคม ซึ่งโควิดเป็นตัวเร่งที่มีอิทธิพลสูง ประเทศไทยจะขับเคลื่อนการพัฒนาในแนวทางใด ให้มีขีดความสามารถที่จะปรับตัวและจัดการกับความท้าทายใหม่ ๆ ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างโอกาสดี ๆ และความมั่นคงในชีวิตให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไป

จากโจทย์ที่สำคัญเหล่านี้ ทีม Thailand Future จึงเกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มคนจากหลายภาคส่วน หลากหลายประสบการณ์และอาชีพ จากทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ รวมทั้งหลายช่วงอายุ โดยอาสาทำงานแบบเวทีเปิด (Open Platform) ที่ส่งเสริมสนับสนุน การรวมพลังความคิดของคนไทย เพื่อร่วมกันคิด วิเคราะห์และตกผลึกในการแก้ไขปัญหา อุปสรรคที่สั่งสมมานาน รวมทั้งขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศอย่างคลอบคลุมและยั่งยืน

“ในเวลาแบบนี้ ภาครัฐไม่ควรเป็นคอขวดของการแก้ไขปัญหา หรือนิ่งเฉยกับข้อจำกัด ข้อจำกัดของภาครัฐมีทุกประเทศ สิ่งที่ต้องทำคือ รีบกระจายอำนาจออกไปสู่บุคคลและหน่วยงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานด้วยความชัดเจนและโปร่งใส เพื่อให้เกิดความคล่องตัวพอที่จะนำประเทศไทยให้รอดพ้นไปจากวิกฤตครั้งนี้ รวมถึงทะยานเหนือความท้าทายอื่น ๆ ที่ยังรอเราอยู่ หมดแล้ว ยุคสมัยของการทำนโยบายแบบบนลงล่างอย่างเดียว” นายอุตตม กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากที่เห็นภาพชาวบ้าน นอนรอตรวจโควิดหน้าวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยได้เสนอเพื่อเร่งดูแล ผู้ป่วยโควิด รายได้น้อย พร้อมเสนอทาง

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากที่เห็นภาพชาวบ้าน นอนรอตรวจโควิดหน้าวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยได้เสนอเพื่อเร่งดูแล ผู้ป่วยโควิด รายได้น้อย พร้อมเสนอทางออกว่า

กลัว แต่ ไม่มีที่ตรวจ.. ติด แต่ ไม่มีที่รักษา เจ็บหนัก แต่ ไม่มีเตียงให้นอน.. เดือดร้อน แต่ ยังไม่ได้รับเยียวยา

หลังจากที่เห็นภาพชาวบ้าน นอนรอตรวจโควิดหน้าวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เช้าวันนี้ เป็นภาพที่น่าเศร้ามาก นี่หรือเมืองหลวงของประเทศไทยเรา ภาพนี้สะท้อนถึงปัญหาการเข้าถึงบริการสาธารณสุขทุกวันนี้ วัคซีนถูกเลื่อน ผู้ป่วยไปถึงหน้าโรงพยาบาลแต่ถูกปฏิเสธการรักษา และแม้แต่การตรวจเชื้อก็ยังเข้าถึงยากมาก

นายกรณ์ กล่าวว่า ทีม ‘กล้าอาสา-หาเตียง’ ของพรรคกล้า เราทำงานช่วยบรรเทาความเดือดร้อนมากว่า 3 เดือน วันนี้พบปัญหาที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนเข้ามาอีก ต้นตอคือ ระบบราชการ ปัญหาเฉพาะหน้าคือเรื่องการเข้าถึงการตรวจและการรักษา ในสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลต้องแก้ไขเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนใน 4 เรื่องหลักคือ

1.) โรงพยาบาลส่วนใหญ่ปิดตรวจ ระบบจองคิวได้คิวข้ามเดือน

2.) ประชาชนต้องหนีไปตรวจตามแล็บต่าง ๆ ซึ่งหลายที่เป็นการตรวจแอนติเจน พอผลออกมาเป็นบวก ก็ไม่สามารถเข้าระบบหาเตียงตามระบบได้ (ตามระบบหาเตียงต้องตรวจ PCR เท่านั้น) สรุปผู้ป่วยก็ต้องดิ้นรนออกไปตรวจที่หน่วยเชิงรุก

3.) โรงพยาบาลเอกชน หากยังมีรับตรวจอยู่บ้างก็จะคิดแพงมาก คิดเงินพ่วงค่ารักษาโควิดหลักแสน

"ตอนนี้ผู้ป่วยโควิดที่มีรายได้น้อย จนปัญญา แทบไม่มีที่ไปเลยครับ และผู้ป่วยจำนวนมากเข้าถึงยาได้ล่าช้า เพราะเข้าไม่ถึงการตรวจ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลควรพิจารณาให้มีการตรวจ Rapid Antigen ด้วยตัวเองได้และรู้ผลภายใน 20 นาที ความแม่นยำอาจจะน้อยกว่าการตรวจ PCR แต่จะช่วยให้ประชาชนรับยาที่เหมาะสมมารักษาได้เร็วขึ้น หากตรวจพบว่า มีเชื้อและมีอาการ การแยกตัวตามศูนย์พักคอยที่รัฐบาลและกทม. จัดตั้งจะดำเนินการได้ทันท่วงทีมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อในครอบครัว ซึ่งตอนนี้เป็นปัญหาหนักมาก จากหลายเคสที่เราช่วยหาเตียง ช่วงหลัง ๆ ติดยกครัว" หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว

ทั้งนี้ นายกรณ์ ได้นำเสนอแนวทาง เพื่อบรรเทาปัญหา คือ

1.) ไม่ว่าเตียงจะมี หรือไม่ ก็ต้องเปิดรับตรวจ รัฐบาลจะผลักภาระให้โรงพยาบาลที่รับตรวจ รับเคสทั้งหมดก็ไม่ถูกซะทีเดียว คอขวดหลักการนี้ ทำให้โรงพยาบาลปิดตรวจ จนลามเป็นสภาพที่เห็นในข่าว ต้องผ่อนคลายจุดนี้

2.) หากตรวจแล้วพบเชื้อ อาการไม่มาก และในสภาวะยังไม่มีเตียงเพียงพอ ควรจัดยาที่เหมาะสมให้ผู้ป่วย กักตัวเอง และคอยประเมินอาการ

3.) ประชาชน ต้องเข้าถึงระบบตรวจ Rapid Antigen เพื่ออย่างน้อยถ้ามีอาการและผลเป็นบวก ควรเข้าศูนย์พักคอย จากนั้นค่อยตรวจ PCR ยืนยันอีกที

"หลายประเทศหันมาพึ่งพาการตรวจ rapid antigen มากขึ้น จริงอยู่มี false negative บ้าง แต่ยังดีกว่าสถานการณ์ปัจจุบันที่การเข้าถึงการตรวจเชื้อโควิดยากมาก ตามศูนย์ต่าง ๆ ประชาชนต้องไปรอเข้าคิวตั้งแต่เช้ามืด การตรวจในโรงพยาบาลเอกชนก็ราคาสูงจนเป็นอุปสรรคต่อการรับการรักษาให้ทันท่วงที ทำให้เกิดการกระจายเชื้อจำนวนมาก" นายกรณ์ กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐบาลเยียวยาผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจากกรณีไฟไหม้โรงงานเม็ดโฟมพลาสติก

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุระเบิดภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 หมู่ 15 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564​ ส่งผลให้ตัวอาคารของโรงงานได้รับความเสียหายถูกเพลิงไหม้หมดทั้งหลัง เนื่องจากมีสารเคมีเกิดการรั่วไหลออกมา เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยที่เข้าดับไฟเสียชีวิต จำนวน 1 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 40 ราย และบ้านเรือนประชาชนเสียหายจากแรงระเบิดจำนวนมาก​ นายอนุชา​ นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ได้อนุมัติในหลักการจ่ายเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่เข้าช่วยดับไฟ กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ โรงงานหมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ดังนี้​ 1.กรณีนายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ อายุ 19 ปี เสียชีวิต ช่วยเหลือค่าจัดการศพ​ 50,000 บาท และเงินทุนเลี้ยงชีพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 10,000​บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท​ 2.กรณีบาดเจ็บช่วยเหลือเป็นเงินทุนเลี้ยงชีพ ได้แก่​ ผู้บาดเจ็บสาหัส หากต้องพักรักษาตัว ตั้งแต่ 20 วันขึ้นไป เงินทุนเลี้ยงชีพ รายละ 30,000 บาท  ผู้บาดเจ็บ หากพักรักษาตัวน้อยกว่า 20 วัน เงินทุนเลี้ยงชีพ รายละ 15,000 บาท

นายธีรภัทร กล่าวว่า สำหรับผู้บาดเจ็บ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย จะได้เร่งรัดประสานงานกับจังหวัดสมุทรปราการสำรวจและตรวจสอบรายละเอียดเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่เข้าช่วยดับไฟ และได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

รัฐบาลสนับสนุนถุงยังชีพกรณีต้องปิดหมู่บ้านจากการแพร่ระบาดของโควิด-19​ ไปแล้ว​ 17​ จังหวัด​ 45​ อำเภอ

นายธีรภัทร  ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลได้มีแผนดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ทั่วประเทศ และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้น การติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัด ได้มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีประสานผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19  ในภาพรวม ปัญหาและอุปสรรค และแนวทางการแก้ไขปัญหาในแต่ละจังหวัด รวมถึงความช่วยเหลือสนับสนุนถุงยังชีพ ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี 

ในการนี้​ นายอนุชา​ นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาเห็นชอบให้สนับสนุนถุงยังชีพให้กับประชาชน ในจังหวัดต่าง ๆ ที่คณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัดได้มีคำสั่งปิดหมู่บ้านหรือชุมชน ส่งผลให้ประชาชนและครอบครัวของประชาชนได้รับผลกระทบไม่สามารถจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคได้ โดยเห็นสมควรจัดหาถุงยังชีพ เพื่อแจกจ่ายให้แก่ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการส่งมอบเงินจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ไปให้แก่จังหวัดที่มีมาตรการในการปิดหมู่บ้าน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 

ดำเนินการจัดซื้อจัดหาถุงยังชีพ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในหมู่บ้าน ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม​ 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564​ รวมจำนวน 17 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ 45 อำเภอ 106 หมู่บ้าน 10 ชุมชน​ 53​ ตำบล​ 28,241 ครัวเรือน 90,744 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 19,768,700 บาท (สิบเก้าล้านเจ็ดแสนหกหมื่นแปดพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน) หากพี่น้องประชาชนต้องการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยเพิ่มเติม สามารถบริจาคเงินได้ที่กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เลขที่บัญชี  067-0-06895-0 ธนาคารกรุงไทย

ราเมศ เผย “จุรินทร์ ออนทัวร์” อุบลฯ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ “มอบโฉนดที่ดิน” ตามติด “จับคู่กู้เงิน” เปิด“พาณิชย์ลดราคา” เดินหน้าพบ เกษตรกร

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดศรีสะเกษ ว่าในวันที่ 9 ถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดการลงพื้นที่ทำกิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์” ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดศรีสะเกษ 

วันที่ 9 กรกฎาคม จะเป็นประธานเปิดและปล่อยขบวนรถโมบายพาณิชย์ลดราคา ติดตามโครงการจับคู่กู้เงิน ติดตามความคืบหน้าการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านปากแซง จังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 10 กรกฎาคม  จะมีการมอบเช็คชำระหนี้และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จากนั้นจะมีการพบเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ เปิดและปล่อยขบวนรถโมบายพาณิชย์ลดราคา มอบงบประมาณโครงการบ้านพอเพียง รวมถึงพบปะประชาชน จังหวัดอำนาจเจริญ
วันที่ 11 กรกฎาคม เป็นประธานมอบเงินชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนหัวนา และเป็นประธานเปิดและปล่อยขบวนรถโมบายพาณิชย์ลดราคา พื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ

นายราเมศ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “จุรินทร์ ออนทัวร์” ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก  หัวหน้าพรรคได้เดินทางไปแล้วหลายจังหวัดและจะมีกำหนดการเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน ติดตามนโยบายต่างๆของพรรค รับฟังในทุกเรื่อง ทุกข์สุข ปัญหาต่างๆ ร่วมกันคิด และให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ มุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศให้มากที่สุด

"ธนาธร" เปิดโครงการ "ก้าวหน้ากู้วิกฤตกิ่งแก้ว" ซ่อมบ้านปชช.รายได้น้อยที่เสียหายจากโรงงานระเบิดฟรี

ที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า จัดเฟซบุ๊กไลฟ์ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประชาสัมพันธ์โครงการ “ก้าวหน้ากู้วิกฤติกิ่งแก้ว” ซึ่งคณะก้าวหน้าได้รวบรวมอาสาสมัครกว่า 30 ชีวิต เตรียมเข้าพื้นที่ซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากกรณีเหตุระเบิดสารเคมีที่โรงงานหมิงตี้ เคมีคัล บนถนนกิ่งแก้ว เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยนายธนาธร กล่าวว่า แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะผ่านมาได้ 2-3 วันแล้ว แต่ยังมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบอีกเป็นจำนวนมาก ตนในฐานะที่เป็นคนที่เคยทำงานแถวนั้น รู้สึกเสียใจต่อความสูญเสียและผลกระทบที่พี่น้องประชาชนทุกคนได้รับ ถนนกิ่งแก้วทั้งเส้นเป็นถนนเศรษฐกิจที่สำคัญ ประกอบด้วยร้านค้าพาณิชย์ ตลาดสด โรงงานอุตสาหกรรม และบ้านเรือนของประชาชนมากมาย เหตุการณ์โรงงานไฟไหม้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย เป็นอาสาสมัครดับเพลิง และยังมีผู้บาดเจ็บไม่น้อยกว่า 30 ราย กระทบโรงงานอุตสาหกรรมโดยรอบประมาณ 1,120 โครงการ และกระทบหมู่บ้านและชุมชนเป็นจำนวน 994 หมู่บ้าน จนถึงวันนี้มีผู้แจ้งความที่ สภ.บางแก้ว เป็นจำนวน 432 คน มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายถึง 569 หลัง คณะก้าวหน้าจึงได้เริ่มโครงการ “ก้าวหน้ากู้วิกฤติกิ่งแก้ว” ขึ้นมา เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในส่วนที่คณะก้าวหน้ามีศักยภาพสามารถช่วยเหลือได้ โดยจะเป็นการเข้าไปฟื้นฟูชุมชนและบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย

นายธนาธร กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทีมงานของคณะก้าวหน้าได้เข้าไปสำรวจความต้องการและความเสียหายที่เกิดขึ้น ตั้งแต่บริเวณ ซ.กิ่งแก้ว 23-25 ซึ่งคณะก้าวหน้าได้รวบรวมอาสาสมัครได้ประมาณ 30 ราย ที่พร้อมเข้าไปซ่อมบ้านเรือนให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โครงการของเราส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท เอสเอส ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในซอยกิ่งแก้ว อีกส่วนหนึ่งโดย บริษัท ไทยซัมมิท รวมถึงกลุ่มช่างที่ทำงานรับเหมาก่อสร้างในชุมชนละแวกนั้นที่กำลังขาดงานและรายได้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เรานำอาสาสมัครทั้ง 3 กลุ่มนี้เข้ามารวมกันเป็นทีม ซึ่งพร้อมเข้าพื้นที่ปฏิบัติงานตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป คณะก้าวหน้าจะนำอาสาสมัครส่วนนี้เข้าไปซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนให้กับครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ไม่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจจะสามารถซ่อมแซมบ้านเรือนด้วยตัวเองได้ และจะเข้าไปซ่อมแซมอาคารเรียน-ห้องพักครูให้กับโรงเรียนกิ่งแก้วด้วย โดยโครงการนี้คาดว่าจะสามารถสำเร็จลุล่วงได้โดยใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ โดยสถานที่ที่จะใช้ในการประสานงานจะอยู่ในบริเวณโรงเรียนกิ่งแก้ว

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะอยู่ในชุมชนบริเวณนั้น ท่านใดต้องการเข้ามาพบปะพูดคุยกันสามารถมาพบกับเราได้ ขณะที่บ้านเรือนใดได้รับความเสียหายแล้วมีปัญหาทางเศรษฐกิจเดือดร้อนไม่สามารถซ่อมแซมได้ด้วยตัวเองก็มาบอกเราได้ หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง พวกเราจะเข้าไปช่วยทุกท่าน” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นว่ายังมีปัญหาอีกมากมายที่จะต้องสะสางกัน จากกรณีระเบิดและเพลิงไหม้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม มลพิษทางอากาศ สิ่งปนเปื้อนที่จะลงไปในแหล่งน้ำ รวมทั้งการเยียวยาพี่น้องประชาชนจากทางบริษัทหรือจากทางภาครัฐ ที่จะต้องเรียกร้องกันต่อไป รวมถึงการหามาตรการทางอุตสาหกรรม ที่จะควบคุมโรงงานที่มีสารเคมีไวไฟเก็บไว้เป็นจำนวนมากอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จะต้องอาศัยหน่วยงานของรัฐ แต่บางสิ่งที่พวกเราประชาชนคนละไม้คนละมือลงมือทำร่วมกันได้ เราก็อยากจะใช้ศักยภาพ ทรัพยากร และเครือข่ายที่พวกเรามีเข้าไปซ่อมแซมฟื้นฟูชุมชนให้กับคนที่ได้รับผลกระทบ 

“จากนี้ต่อไปภาครัฐก็คงจะต้องหาวิธีการที่จะเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ สืบหาต้นตอสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งจะนำมาสู่การปรับปรุงกระบวนการของภาครัฐที่เข้มงวดกับโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้นต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย แต่ในขณะเดียวกันบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดในบริเวณรอบนั้นมีจำนวนมาก นี่เป็นสิ่งที่พวกเราพอจะทำได้บ้าง เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อาจจะได้ไม่มากมายนัก แต่ผมและทีมงานคณะก้าวหน้าก็พร้อมที่จะตั้งใจอย่างเต็มที่ มีเรื่องราวอย่างไรจะมาเล่าให้ทุกท่านทราบต่อไป” นายธนาธร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top