Sunday, 29 June 2025
PoliticsQUIZ

ส่วนราชการเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดโรงงานหมิงตี้ฯ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกส่วนราชการได้เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโรงงานหมิงตี้ เคมิคอล อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ระเบิด ตามบัญชาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงการเฝ้าระวังในพื้นที่อีกระยะหนึ่ง เพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้ไม่ให้เกิดซ้ำ พร้อมยืนยันจะให้การดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและความเสียหายตามสิทธิ รวมทั้งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งค้นหาสาเหตุ เพื่อป้องกันไม่ได้เกิดเหตุขึ้นอีกในอนาคต   

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือจากส่วนราชการ อาทิ กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคมจะได้ตรวจสอบสถานะความเป็นผู้ประกันตนที่ได้รับบาดเจ็บทั้งผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 38  มาตรา 39 และมาตรา 40 ให้เข้ารับการรักษาพยาบาลตามสิทธิประโยชน์ในเรื่องของการรักษาพยาบาล และสิทธิอื่น ๆ ที่พึงได้ โดยแยกเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน ซึ่งมีสิทธิได้รับสิทธิความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 เป็นค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น และค่าทดแทนกรณีหยุดพักรักษาตัว ร้อยละ70 ของค่าจ้างรายเดือน กรณีลูกจ้างสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกาย จะจ่ายร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือนตามระยะเวลาที่กำหนดแต่ไม่เกิน 10 ปี ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้ให้เงินช่วยเหลือสำหรับการย้ายบ้านชั่วคราว จากไม่สามารถอยู่อาศัยในที่พักเดิมได้ ครอบครัวละ 18,000 บาท การเคหะแห่งชาติ จัดหาโรงแรม/ห้องพักราคาถูก สำหรับผู้ต้องการที่อยู่อาศัยเร่งด่วน หากไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่าย การเคหะแห่งชาติจะจัดสรรห้องพักเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป โดยติดต่อที่สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง สำหรับกระทรวงศึกษาธิการจัดหาที่พักให้ครู บุคลากร และครอบครัว ของโรงเรียนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 

นางสาวรัชดา กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย บูรณาการร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันภัย ตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านประกันภัยอย่างเร่งด่วน เพื่อบูรณาการการจ่ายสินไหมทดแทนให้กับประชาชนผู้เดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ สำหรับรายที่ไม่ได้ทำประกันภัยครอบคลุมความสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นไว้ จะได้รับการชดใช้จากการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก ซึ่งโรงงานได้ทำประกันภัยดังกล่าวรองรับไว้ด้วยวงเงินเอาประกันภัย 20 ล้านบาท 

“หน่วยงานยังมีการเฝ้าระวังในพื้นที่ เพื่อไม่เกิดเหตุซ้ำรวมทั้งหาทางกำจัดสารเคมีที่เหลืออยู่ และหลังจากนี้ จังหวัดสมุทรปราการจะร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสำรวจความเสียหายและผลกระทบกับประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหาย เพื่อให้การเยียวยาตามระเบียบหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินต่อไป” นางสาวรัชดา กล่าว 

“ธีรรัตน์” จี้ รัฐเร่งชดเชยผู้ประสบภัยเหตุโรงงานกิ่งแก้วระเบิด เหน็บอย่าทำงานแบบผักชีโรยหน้า ขอให้ดูสถานการณ์จริง เตรียมลงพท.โรงงานน้ำหอมไฟไหม้

ที่รัฐสภา น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล จำกัด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่า สำหรับพื้นที่เขตลาดกระบังมีวัดหลายแห่งที่รับช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งตนได้รับการประสานนำข้าว อาหาร น้ำ และเครื่องนุ่งห่ม เข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากยังขาดแคลนอยู่ และจากการลงพื้นที่ก็ยังไม่เห็นการดำเนินการใดที่เป็นรูปธรรมจากภาครัฐเลย ทั้งการเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุ การชดเชยผู้ประสบภัยและผู้อพยพ ดังนั้น อยากให้รัฐเร่งดำเนินการชดเชยผู้ประสบภัยหรือดำเนินการด้านกฎหมาย และสอบถามข้อเท็จจริงว่าเหตุใดโรงงานจึงตั้งอยู่เขตพื้นที่ชุมชนหรือถ้าโรงงานก่อตั้งมาก่อนเหตุใดจึงปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ เพื่อป้องกันเกิดปัญหาเช่นนี้อีก รัฐต้องมาทำงานอย่างจริงจัง 

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหามลพิษส่วนตัวมีความกังวล รัฐอย่าทำงานแบบผักชีโรยหน้าหรือลูบหน้า ปากจมูก แต่ขอให้มาดูสถานการณ์จริงและแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยเผยแพร่ข่าวสารและประชาสัมพันธ์ทำให้ได้รับความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือจากภาคประชาชนด้วยกันเอง ส่วนเหตุการณ์ไฟไหม้ที่โรงงานน้ำหอมที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังนั้น ตนจะลงพื้นที่ไปมอบหน้าหากอนามัยให้แก่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง 

“ศรีสุวรรณ” ยื่น “ปลัดสปน.” ตรวจสอบองค์กรผู้บริโภคทิพย์

ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะนายทะเบียนกลาง ตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 หลังจากที่มีเครือข่ายสื่อมวลชนปกป้องผลประโยชน์ชาติ ได้นำข้อมูลการจัดตั้งองค์กรผู้บริโภคจังหวัดต่าง ๆ 16 องค์กรมาให้เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เป็นที่ตั้งข้อสังเกตถึงองค์กรเหล่านี้อาจถูกจัดตั้งขึ้นมาลอย ๆ หรือไม่ เพื่อให้ครบตามจำนวนและจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคได้ จึงได้ทำการสุ่มตรวจสอบองค์กรผู้บริโภคตามบัญชีรายชื่อที่ สปน.ประกาศในระดับจังหวัด พบว่าองค์กรผู้บริโภคที่แจ้งไว้กับทางราชการนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อเลย และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกโดยการพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้าน พบว่าหลายองค์กรไม่มีที่ตั้งตามที่แจ้งไว้ หรือไม่มีการทำกิจกรรมตามที่จดแจ้ง ชาวบ้านในพื้นที่ไม่รู้จักเลย ซ้ำร้ายกว่านั้นที่อยู่ที่จดแจ้ง ในทะเบียนราษฎร์ไม่มีเลขที่นี้ในสารบบเลย บางองค์กรไม่มีที่ตั้ง ไม่มีคนที่อ้างว่าเป็นประธานเครือข่ายอยู่ในพื้นที่เลย อาจถือได้ว่ามีคุณลักษณะไม่เป็นไปตาม ม.6 ประกอบ ม.5 ของกฎหมายข้างต้น จึงได้ทำบันทึก เก็บหลักฐานทั้งหมดมามอบให้นายทะเบียนกลาง หรือปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในวันนี้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ตาม ม.8 แห่ง พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคฯ กำหนดไว้ว่า ผู้ใดเห็นว่าองค์กรของผู้บริโภคที่ได้แจ้งไว้ตาม ม.6 มีลักษณะไม่ถูกต้อง ตาม ม.5 ให้มีสิทธิยื่นคำคัดค้านพร้อมทั้งหลักฐานต่อนายทะเบียนกลางได้ เมื่อนายทะเบียนกลางได้รับคำคัดค้านแล้ว ต้องดำเนินการสอบข้อเท็จจริงแล้ววินิจฉัยโดยเร็ว ในกรณีที่เห็นว่าองค์กรของผู้บริโภคนั้นมีลักษณะไม่ถูกต้องตาม ม.5 ให้เพิกถอนการรับแจ้ง พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ร้องและองค์กรของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องทราบ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หากการสอบข้อเท็จจริงและวินิจฉัยองค์กรผู้บริโภคเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะตามที่กฎหมายบัญญัติ ผู้ที่ร่วมจัดตั้งย่อมเข้าข่าย “แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่รัฐ” ตาม ป.อ.มาตรา 137 ที่บัญญัติไว้ความว่า “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” สมาคมฯ จึงขอให้นายทะเบียนกลางดำเนินการเอาผิดบุคคลและหรือองค์กรผู้บริโภคนั้น ๆ ตามกฎหมายข้างต้นหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไปด้วย และถือเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ผ่านมาไม่สมบูรณ์ อาจถือเป็น “โมฆะ” ตามกฎหมาย การทำนิติกรรมใดๆขององค์กรดังกล่าวย่อมเป็นโมฆะและจะกระทำมิได้ด้วย

“วิษณุ” เผย “ผจว.-อปท.” ไม่ต้องมา เซ็นร่างงบ 65 ได้ ชี้ อยู่ที่สภาฯ ผ่อนสั้นผ่อนยาว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จากทั่วประเทศ ที่ต้องเดินทางเข้ากทม. เพื่อเซ็นลงนามในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สภาผู้แทนราษฎร แต่มีความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีแผนรองรับหรือไม่ ว่า ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงไม่รู้ว่ามีปัญหาอย่างไร ส่วนวิธีการอื่นที่ไม่ต้องเดินทางมาเซ็นที่สภาฯสามารถทำได้ แต่กมธ. ไม่ยอมเท่านั้นเอง ตนก็ไม่รู้และไม่ทราบเรื่องว่ามาเซ็นอะไร แต่สามารถเซ็นผ่านทางช่องทางอื่นได้ เพราะไม่ได้ผิดข้อบังคับ หรือรัฐธรรมนูญ อยู่ที่จะผ่อนสั้นผ่อนยาวกันอย่างไร 
 

ศบค.ชุดเล็ก-กทม. จ่อ เปิดศูนย์วอล์คอินแล็ป ที่อาคารนิมิบุตร รับตรวจหาเชื้อโควิด-19 สั่ง ตจว. ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง เฝ้าระวังเข้ม โดยให้คิดว่าสายพันธุ์เดลต้าเข้าพื้นที่นั้นแล้ว

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ ยังมีประชาชนที่ร้องเรียนจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถหาที่ตรวจเชื้อ โควิด-19 ได้ เพราะไปโรงพยาบาลแล้วไม่รับตรวจ ศบค. จะปรับแผนอย่างไรเพื่อให้ประชาชนได้รับการตรวจหาเขื้อ ว่า การตรวจทางห้องปฏิบัติการมีประชาชนจำนวนมากที่มีความสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อหรือไม่จึงต้องการเข้ารับการตรวจ แต่ก็ได้เห็นจากข่าวว่าหลายคนไปถึงโรงพยาบาลแล้วได้รับการปฏิเสธ ซึ่งในความจริงรัฐบาลไม่ได้ห้ามการตรวจหาเชื้อ ที่ประชุมพูดย้ำเสมอ และมีการทบทวนว่าแต่ละแล็ปนั้น จะต้องเป็นห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐาน ซึ่งหลายห้องปฎิบัติการทำได้มาตรฐานและแม่นยำ 

ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยได้รับการตรวจยืนยันผลเป็นบวก แล้วไปที่การจัดการเตรียมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจัดหาเตียงได้ทันทีเพราะผลแล็ปที่ถือมานั้นถูกต้อง แต่ก็จะได้ยินกันบ่อยว่ามีลักษณะการตรวจที่เรียกว่า แรพิดเทสต์ ซึ่งบางทีผู้ป่วยถือผลแล็ปไปโรงพยาบาลจัดเตียงให้ไม่ได้ ต้องให้ไปตรวจซ้ำใหม่เพราะถือว่า แรพิดเทสต์นั้น ยังมีข้อจำกัดในการยืนยันการติดเชื้อ บางแห่งเป็นการตรวจแบบเจาะเลือดปลายนิ้วมือ หากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีเชื้อปริมาณมากการตรวจแบบแรพิดเทสต์สามารถตรวจจับได้จริงว่าเป็นผลบวก แต่ก็พบว่าความไวของการตรวจแบบแรพิดเทสต์นั้นค่อนข้างต่ำ 

หมายความว่าบางทีผลออกมาลบแต่คนๆนั้นอาจเป็นผู้ติดเชื้อ แต่การตรวจแบบแรพิดเทสต์ งั้นตรวจไม่เจอ ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้บอกไว้ว่า สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ผู้ป่วย ฉุกเฉินจะต้องผ่าตัดเร่งด่วนหลายโรงพยาบาลก็ใช้การตรวจแบบแรพิดเทสต์เหมือนกัน หรือ กรณีคนที่มีอาการหรือมีเชื้อจำนวนมากตรวจแล้วเจอแน่ แรพิดเทสต์ ก็จะรายงานผลได้แม่นยำ แต่ยังมีความ เป็นห่วงว่าการที่ไม่อนุญาตให้บางแล็ปตรวจนั้น เป็นเพราะเริ่มมาตรฐานของการตรวจมากกว่า

ทุกโรงพยาบาลตอนนี้มีการรับตรวจแต่จะเน้นไปยังสองกลุ่มหลัก คือ ทุกโรงพยาบาลตรวจเป็นมาตรฐานในกลุ่มที่เตรียมการผ่าตัด การคลอดลูก ทำฟัน หรือจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เข้าห้องไอซียู แต่ละโรงพยาบาลมีมาตรฐานที่จะต้องตรวจกลุ่มนี้อยู่แล้ว

กลุ่มที่สองคือให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ถือได้ว่ามีประวัติเสี่ยงสูง เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง เช่น มีประวัติว่าสามีติดเชื้อเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วแจ้งประวัติกับบุคลากรทางการแพทย์ เขา ก็จะรับตรวจเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ติดเชื้อ ซึ่งการตรวจของโรงพยาบาลในสองกลุ่มนี้ตัวเลขอยู่ที่ 300-400 รายต่อวัน ถือว่าเป็นภาระหน้างานเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าคนที่วอล์คอินเข้าไปขอตรวจโดยไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องผ่าตัดหรือไม่ได้มีประวัติเสี่ยงสูงใด ๆ บางครั้งโรงพยาบาลก็อาจจะบอกว่าขอให้สิทธิคิวกับผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องตรวจก่อน 

ที่ประชุมศบค.เล็กได้หารือกันว่าการที่กรุงเทพมหานครลงตรวจจะมีสองส่วนด้วยกันคือถ้าผู้ป่วยวอล์คอินเดินเข้ามาด้วยประวัติสัมผัสเสียงสูงกับผู้ติดเชื้อที่ยืนยันก่อนหน้านี้ พบว่าในจำนวนตรวจ 100 คน มี 90 คนเป็นผลบวก ถือว่าแม่นยำ 90% ขณะที่อีกส่วนหนึ่งทางกรุงเทพมหานครรายงานว่ามีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนที่ตลาด โรงงาน เมื่อไปตั้งจุดตรวจตาม6กลุ่มเขต พบว่าอัตราการตรวจจับการระบาดในระบบเฝ้าระวัง พบผู้ติดเชื้อเพียง 10% ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงจะมีการปรับระบบการตรวจ คือเน้นย้ำไปในการค้นหาสองส่วนคือส่วนการระบาด และตรวจตามไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อ เพื่อติดตามไปว่าอยู่ครอบครัวกับใครบ้าง ทำงานสัมผัสเสียงใกล้ชิดกับใครบ้าง แต่ประชาชนที่ไม่เข้าข่าย คือไม่ได้เป็นผู้สัมผัสเสียงสูง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน แต่ต้องการตรวจเอง ในที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องนี้เหมือนกันว่าในระยะอันใกล้นี้จะเปิดศูนย์วอล์คอินแล็ป ที่อาคารนิมิบุตร เพื่อให้ไปตรวจได้ หากตรวจพบมีผลติดเชื้อก็จะมีการจัดการพิจารณาเป็นผู้ป่วยสีเขียว สีเหลือง ก็จัดสรรไปยังศูนย์พักคอย 17 จุดของ กทม. และยังจะมีเพิ่มขึ้นอีก ส่วนสีแดง ก็หาเตียงรักษาในโรงพยาบาลต่อไป จึงขอให้ติดตามข้อมูลในระยะนี้ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการตรวจหาเชื้อ และการจัดการเตียง หรือการแยกกักที่บ้านมาให้ติดตาม

ขอเน้นย้ำไปยังจังหวัดปลายทาง เพราะขณะนี้มีรายงานทุกวันว่าต่างจังหวัดมีการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น และในวันเดียวกันนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่ากรุงเทพมหานครมีผู้ติดเชื้อเป็นสายพันธุ์เดลต้า จึงมีความเป็นไปได้ว่าแต่ละพื้นที่เหล่านั้นมีเดลต้าเข้าไปแล้ว ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไปยังทีมสาธารณสุข มหาดไทย ในพื้นที่จังหวัดให้มีการเตรียมทีม และเตรียมพื้นที่รองรับ เตรียมเตียงรับ ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ให้เหมาะสมรวมทั้งทีมสอบสวนโรค ถ้าเจอหนึ่งคนจะต้องรีบตามไปว่าใครเป็นผู้ที่สัมผัสเสียงสูง และให้ประชาสัมพันธ์ต่อชุมชนนั้นเฝ้าระวังว่าขณะนี้มีบุคคลพื้นที่เสี่ยงเดินทางเข้ามาในพื้นที่พี่น้องประชาชนในละแวกนั้นจะต้องช่วยกันเฝ้าระวังและพยายามที่จะเน้นย้ำมาตรการดูแลตนเอง เพื่อดูแลไปยังบุคลากรทางการแพทย์ด้วย

กมธ.ฯป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ เตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจงเหตุโรงงานกิ่งแก้ว-ลาดกระบัง ไฟไหม้ 14 ก.ค.นี้  ชี้ เป็นเป็นเรื่องด่วน ต้องรีบช่วยเหลือ

ที่รัฐสภา นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ(กมธ.)การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุโรงงานหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ไฟไหม้และระเบิด ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งบ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้าง และเมื่อวันที่ 6 ก.ค.เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตน้ำหอมที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังด้วย ทางกมธ.ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องหาแนวทางช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนกับผู้ประสบภัย โดยที่ประชุมเสนอแนวทางดำเนินงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คือ 1.แจ้งเตือนข้อความผ่าน sms ในระยะที่เกิดสาธารณภัยให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบและอพยพหรือหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 2.ถอดบทเรียนเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานที่มีการกักเก็บสารเคมีหรือวัตถุอันตรายใกล้ชุมชน และ 3.เปิดช่องทางให้ผู้ได้รับผลกระทบแจ้งปัญหาความเดือดร้อนมายังกมธ.ฯและ 4.แนวทางการให้ความช่วยเหลือและบัญชาการเหตุการณ์ของหน่วยงานภาครัฐ และ 5.การจัดลำดับทีมเข้าให้ความช่วยเหลือและเตรียมพร้อมเผชิญเหตุฉุกเฉิน 

นายกัญจน์พงศ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นกมธ.ฯจะมีหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามความชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่งเรื่องมายังกมธ.ฯเพื่อติดตามและประสานงานเร่งรัดให้ความช่วยเหลือต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการประชุมกมธ.ฯวันที่ 14 ก.ค.จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้ว่าฯสมุทรปราการ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และอธิบดีกรมโรงงานและอุตสาหกรรม เพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นและการแก้ไขปัญหาที่ล่าช้า 

"ผบ.นทพ." ตรวจเยี่ยมกองอำนวยการควบคุมแคมป์คนงานและจุดควบคุมที่พักแรงงานในพื้นที่เขตลาดกระบัง

พล.อ.นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) ได้ตรวจเยี่ยมกองอำนวยการควบคุมแคมป์คนงาน นทพ. พื้นที่เขตลาดกระบัง และร่วมประชุมทำความเข้าใจในหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน รับทราบปัญหาข้อขัดข้อง และมอบแนวทางในการแก้ปัญหาเพื่อให้สามารถดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี นางสาวเบญจพร  ศักดิ์เรืองแมน ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง, ผู้แทน กรมควบคุมโรค, ศูนย์บริการสาธารณสุข 45 ร่มเกล้า, ศูนย์บริการสาธารณสุข 46 กันตารัติอุทิศ, สน.ลาดกระบัง, สน.จระเข้น้อย, สน.ฉลองกรุง, สน.ร่มเกล้า, หน.ฝ่ายโยธา, หน.ฝ่ายเทศกิจ, เจ้าพนักงานสาธารณสุข และชุดเฉพาะกิจความมั่นคง กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เข้าร่วมประชุม

พร้อมนี้ได้ร่วมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชุดควบคุมแคมป์คนงาน ณ จุดควบคุมที่พักแรงงาน นทพ. ซึ่งเป็นกำลังพลที่ นทพ. จัดสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) กทม. ในการดูแลควบคุมแคมป์คนงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจัดกำลังพลจากสำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สนภ.1 นทพ.), สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สทพ.นทพ.) และสำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สสน.นทพ.) สนธิกำลังกับตำรวจ เทศกิจ และเจ้าหน้าที่เขตลาดกระบัง เข้าดูแลควบคุมแคมป์คนงานในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เขตลาดกระบัง จำนวน 12 แห่ง เพื่อควบคุมเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งประสานการปฏิบัติในการส่งผู้ป่วยติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษาต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่เสี่ยง ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยพลการหรือหลบหนี ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และสั่งการของ พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของชาติให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วต่อไป

 "พายุ เนื่องจำนงค์" ทีมงาน”จุรินทร์” โบกมือลาปชป. ซบพรรคกล้า

นายพายุ เนื่องจำนงค์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตคณะทำงานนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศลาออกจากคณะทำงานรองนายกฯ และคณะที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ หลังจากลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ขอกราบขอบพระคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ให้ความเชื่อถือและมั่นใจแต่งตั้งผมเข้าเป็นคณะทำงานรองนายกฯ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ผมได้ทำงานและเรียนรู้จากท่านรองนายกฯอย่างใกล้ชิด และดีใจที่มีโอกาสกลับมาทำงานในฝ่ายบริหารประเทศที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากที่ต้องออกมาเพื่อมาดูแลธุรกิจครอบครัวเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว 

“วันนี้ผมได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง คณะทำงานรองนายกฯ และคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากที่ได้ทำการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อเลือกเส้นทางการเมืองที่เหมาะสมของตัวผมต่อไป ผมยังเคารพรักท่านรองนายกฯและมีความปรารถนาดีให้กับพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รวมถึงผู้ใหญ่ทุกๆท่านในพรรคสำหรับความทรงจำและความรู้สึกที่ดีที่มีให้ต่อกันมาเสมอครับ" ทั้งนี้มีรายงานว่านายพายุ เข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าแล้ว

‘พิธา’ ร่วมแต่งดำ รับหนังสือ ‘หมอไม่ทน’ ขอบคุณทุกบุคลากรด่านหน้า ยกเป็นปราการด่านสุดท้ายยามสังคมสิ้นหวัง จี้ รัฐบาลให้ความสำคัญ ‘ระบบสาธารณสุข’ อย่าปล่อยให้ล่มสลาย ตอกย้ำชัด สถานการณ์ความมั่นคงเปลี่ยนแล้ว เหตุใด กำลังพล-อาวุธ ยังมากกว่า พยาบาล-วัคซีน

วันที่ 7 ก.ค. 64 ที่อาคารรัฐสภา ตัวแทนบุคลากรสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน แต่งชุดดำพร้อมนำรายชื่อกว่า 215,409 คน ที่รวบรวมจากภาคประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เดินทางมายื่นข้อเรียกร้องผ่านพรรคก้าวไกลไปยังรัฐบาลและองค์การเภสัชกรรมให้เร่งรัดการนำเข้าวัคซีนชนิด mRNA พร้อมกับต้องเผยแพร่ข้อมูลในการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นปัจจุบัน โปร่งใส สม่ำเสมอ และตรวจสอบได้

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า ลำดับแรกต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณะสุขกว่า 300,000 ชีวิตที่ดูแลพี่น้องประชาชน รวมถึงพวกเราในช่วงกว่า 400 วันที่ผ่านมาที่มีวิกฤติโควิด พวกท่านเป็นหัวใจสำคัญ เป็นลมหายใจของระบบสาธารณสุข เป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทยในช่วงที่พวกเราสิ้นหวังและเป็นฮีโร่ตัวจริงในยามที่ประเทศไม่มีความหวังเหลืออยู่

“แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็ทราบดีว่าทุกท่านก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน และก็ไม่ได้อยากจะเป็นฮีโร่ เพียงแค่อยากทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เป็นมนุษย์ที่มีความอดทน มีเลือดเนื้อเชื้อไข มีขีดจำกัด มีลูกของตัวเอง มีเพื่อนของตัวเอง แต่ท่านต้องเสียสละเพื่อมาดูแลพ่อของผม แม่ของผม ลูกของผม เพื่อนของผม นี่เป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงในสังคมน้อยเกินไปมาก ผมจึงต้องขอคารวะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกคนที่ช่วยให้ประเทศไทยยังอยู่ได้ถึงตอนนี้”

พิธา กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่พวกเราพอทำได้คือ การยืนยันว่าเสียงของทุกคน เสียงของกว่า 200,000 คน ที่รวบรวมมาครั้งนี้มีค่า เป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ทุกคนจะได้กำหนดวาระของตัวเองได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ตอนนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยก็ตาม แต่นอกเหนือจากข้อเรียกร้องของตัวแทนบุคลากรทางสาธารณสุขและกลุ่มหมอไม่ทน คือเมื่อรัฐบาลมีแผนงานแล้วก็ควรต้องทำตามแผน ไม่ใช่ย้ายวัคซีนไปมาตามสถานการณ์ระลอกต่าง ๆ ดังที่ผ่านมา...

...สิ่งที่พรรคก้าวไกลเรียกร้องมาตลอด และจะขอเรียกร้องแทนหมออีกครั้งก็คือ วัคซีนชนิด mRNA ซึ่งตามแผนเดิมคือการกระจายวัคซีนไปให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขก่อนเพื่อให้ระบบสาธารณสุขไม่ล่ม เพราะถ้าพวกเขาอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน พวกเขาเป็นทั้งบุคกรด่านหน้า และปราการด่านสุดท้าย จึงไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่เป็นความเสียสละเพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือพวกเราได้ในยามที่การจัดการวัคซีนล้มเหลวเกือบทุกมิติ...

...ขณะนี้ แม้มีความคืบหน้าเรื่องการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส แต่ก็ยังมีการนำเข้าวัคซีนชิโนแวคอีก 10 ล้านโดส และวัคซีนโมเดอร์นาที่องค์การเภสัชฯ จะเป็นตัวกลางการซื้อ แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้จนกว่าวัคซีนจะมาถึงประเทศไทยจริง ๆ"

“อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นห่วง คือแผนจัดเก็บและกระจายวัคซีนชนิด mRNA แน่นอนว่าวัคซีนชนิดนี้มีข้อดีหลายอย่าง แต่มีข้อเสียเรื่องการจัดเก็บที่อุณหภูมิ -70 ถึง -80 องศา ซึ่งเมื่อไปดูงบประมาณใน พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มีงบประมาณ 10,000 ล้านบาท สำหรับเรื่องวัคซีนและทางการแพทย์ แต่มีงบประมาณซื้อตู้จัดเก็บวัคซีนเพียงตู้เดียวที่เก็บได้ -80 องศา มูลค่า 1.6 ล้านบาท จึงขอตั้งเป็นคำถามดัง ๆ ผ่านสื่อมวลชนไปยังรัฐบาลว่า เมื่อวัคซีนมาถึง การจัดเก็บและการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงได้เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว รัฐบาลหรือ ศบค.ต้องเอาข้อมูลมาเปิดเผย เพราะเคยมีปัญหาในการจัดเก็บ แม้แต่วัคซีนชิโนแวคก็ยังจัดเก็บจนกลายเป็นเจล ในฐานะ ส.ส. เราจึงมีความห่วงถึงการจัดเก็บวัคซีน mRNA”

ทั้งนี้ พิธา ยังกล่าวต่อไปว่า การมารับหนังสือครั้งนี้ ยังหวังไปไกลกว่าเรื่องวิกฤติโควิด เพราะคิดเสมอว่าความมั่นคงในอนาคตไม่ใช่ความมั่นคงทางทหาร แต่คือความมั่นคงทางสาธารณสุข ทางสิ่งแวดล้อม หรือทางมลพิษ ดังที่เห็นในสัปดาห์ที่ผ่านมา การดูแลบุคลากรทางสาธารณสุข ถ้ารัฐบาลนึกไม่ออกว่าจะต้องดูแลอย่างไร ก็ให้คิดว่าการดูแลให้เหมือนทหารทำอย่างไร ปกติแล้วไม่ชอบเปรียบเทียบแบบนี้ แต่คิดว่าคงเป็นคำพูดเดียวที่ท่านอาจจะเข้าใจ จึงต้องพูดแบบนี้

“หนึ่ง ดูว่าบุคลากรพร้อมหรือไม่ ในปีที่มีโควิดแบบนี้ มีทหาร 360,000 คน บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 300,000 คน เป็นไปได้อย่างไรที่ทหารยังเยอะกว่าพยาบาลในช่วงที่ความท้าทายเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้...

...สอง เมื่อบุคลากรพร้อม อุปกรณ์ต้องพร้อม งบประมาณอาวุธและเครื่องมือทางการทหารปีนี้ 26,000 ล้านบาท แต่งบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ทางการแพทย์ มี 10,000 ล้านบาท งบประมาณทางการทหารยังเยอะกว่า เครื่องช่วยหายใจ อ็อกซิเจน อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อพยุงชีวิตประชาชน...

...สาม จำนวนวัคซีนกับกระสุน เป็นไปได้อย่างไรที่กระสุนมีมากกว่าวัคซีน เรื่องนี้ต้องเปลี่ยน อย่าให้กลับตาลปัดเพื่อป้องกันระบบสาธารณสุขไม่ถูกกดดันอย่างที่เป็นทุกวันนี้

“ไม่ว่าท่านจะเป็นหมอ พยาบาล หรือผู้ที่อาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรง ท่านอาจเป็นคนทำความสะอาดห้องผู้ป่วย ท่านอาจจะเป็นบุคลากรแผนกซักฟอกในโรงพยาบาล ท่านอาจจะเป็น อสม. หรือ อสต. หรือท่านอาจเป็นอาสาแรงงานต่างด้าว ท่านมีความหมายอย่างยิ่งต่อพวกผม และพรรคก้าวไกลเวลานี้อย่างมาก”

สำหรับข้อเรียกร้องของตัวแทนบุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มหมอไม่ทน ต่อรัฐบาล และองค์การเภสัชกรรม มี 2 ข้อ ได้แก่

1.) เร่งรัดการนำเข้าวัคซีนชนิด mRNA เช่น วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานให้กระชับ เร็วที่สุด และพิจารณาเป็นวัคซีนหลักในการควบคุมโควิดในประเทศไทย และนำมาใช้กับประชาชนทุกคน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากวัคซีนดังกล่าวมีหลักฐานยืนยันว่ามีประสิทธิภาพที่สุด และสามารถควบคุมสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดหนักในขณะนี้ได้

2.) ต้องเผยแพร่ข้อมูลในการจัดหา และกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นปัจจุบัน โปร่งใส สม่ำเสมอ และตรวจสอบได้


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“รัฐบาล”แนะ ปชช. เช็คประกาศที่ดินผ่านอินเตอร์เน็ต ชี้ เพื่อรักษาสิทธิฯ-อำนวยความสะดวก

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำประกาศที่ดิน ว่า กระทรวงมหาดไทย รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมรับทราบการจัดทำระบบเผยแพร่ประกาศสำนักงานที่ดินเพื่อการรักษาสิทธิในที่ดินของประชาชนผ่านอินเตอร์เน็ต ที่เป็นระบบให้ประชาชนสามารถค้นหาเรียกดูประกาศสำนักงานที่ดินทั่วประเทศ เกี่ยวกับงานจดทะเบียนสิทธิและนิติบุคคลบางประเภทที่กฎหมายกำหนดว่าต้องประกาศก่อนจดทะเบียน เช่น กรณีของมรดก ใบแทน ออกโฉนดที่ดิน รังวัดข้างเคียง การจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร อาคารโรงเรือน การจดทะเบียนอาคารชุด เป็นต้น 

ทั้งนี้ประกาศผ่านอินเตอร์เน็ต เป็นการเพิ่มช่องทางการรับรู้และการเข้าถึงประกาศของสำนักงานที่ดินซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการมากขึ้น จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนและภาคธุรกิจเข้ามาใช้บริการระบบเพื่อรักษาสิทธิในที่ดิน โดยสามารถใช้บริการผ่าน 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ http://announce.dol.go.th หรือเข้าไปที่แอปพลิเคชัน Smart Lands คลิกเมนูค้นหาประกาศที่ดิน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการใช้งานเมื่อเข้าไปในระบบแล้ว ให้เลือกจังหวัด เลือกสำนักงานที่ดินที่ต้องการ และเลือกประเภทประกาศ จากนั้นกดค้นหา เพียงเท่านี้ประชาชนก็สามารถตรวจสอบประกาศของสำนักงานที่ดินทั่วประเทศได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อเข้าไปดูประกาศของสำนักงานที่ดินด้วยตนเอง ช่วยประหยัด ลดการลดทาง ลดความเสี่ยงในช่วงที่เชื้อโควิด-19 ยังแพร่ระบาดด้วย ระบบดังกล่าวนอกจากกระเพิ่มความสะดวกและลดภาระให้กับประชาชน ภาครัฐ และภาคธุรกิจ เช่น ธนาคาร ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ยังตรวจสอบประกาศเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือการจัดตั้งนิติบุคคลได้โดยสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจด้วย นอกจากนี้ ยังจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้คะแนนเพื่อการจัดอันดับความยากง่าย ในการประกอบธุรกิจของเอกชน ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สินของประเทศให้ดีขึ้นด้วย เนื่องจากสิ่งที่กรมที่ดินพัฒนานี้จะเพิ่มความโปร่งใสมากขึ้น จากเดิมที่การประกาศจะปิดไว้เฉพาะที่สำนักงานที่ดินเท่านั้นนำมาประกาศเพิ่มในช่องทางอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงง่ายโดยสะดวก

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  สถานะการเข้าใช้บริการระบบอินเตอร์เน็ต นับแต่เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 พบว่า ณ สิ้นปี 2563 มีประชาชนเข้าใช้ระบบจำนวน 115,248 ครั้ง และในปี 2564 วันที่ 7 มิ.ย. 2564 มีผู้เข้าใช้ระบบ 127,073 ครั้ง รวมตั้งแต่เปิดให้บริการมีประชาชนเข้าใช้งานระบบแล้ว 242,321 ครั้ง จำนวนประกาศที่นำขึ้นประกาศในระบบ ทั้งสิ้น 163,631 ฉบับ แยกเป็นประกาศอยู่ในสถานนะระหว่างประกาศ 11,380 ฉบับ และประกาศที่มีสถานะครบระยะเวลาประกาศ 30 วันแล้ว 152,251 ฉบับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top