Saturday, 28 June 2025
PoliticsQUIZ

“แรมโบ้" เหน็บ “โฆษก พท. สวยแต่หน้า หลังไม่ฟังกระแสปชช. พอใจ” นายกฯ-รบ. ประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วัน ชี้ หากไม่ช่วย อย่าเอาเท้าราน้ำ ขัดขวางทุกเรื่อง 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) วิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี เตรียมเปิดประเทศใน 120 วัน โดยถามถึงความเสี่ยง และความพร้อมของการฉีดวัคซีนครบหรือไม่นั้น ว่า นายกฯรับทราบสถานการณ์ประเทศเป็นอย่างดีว่าขณะนี้เป็นอย่างไร เพราะทำงานแก้ไขปัญหาโควิดมาตลอด พิจารณาทั้งปัจจัยภายในและภายนอกควบคู่กันไป รวมทั้งพยายามรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและปากท้องประชาชนทุกกลุ่ม ส่วนที่ออกแถลงการณ์เตรียมเปิดประเทศในอีก 120 วัน เริ่มจากจังหวัดภูเก็ต ทราบดีว่ารัฐบาลเตรียมที่จะทำอะไรอยู่ ซึ่งแม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้างจากการระบาดของเชื้อโควิด แต่นายกฯอยากให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้น เพราะทุกอย่างต้องมีแผน ต้องเตรียมการล่วงหน้า ต้องมีเป้าหมายร่วมกันของทุกภาคส่วน ไม่ใช่อยู่อย่างหวาดผวาจนเกินเหตุ จนละทิ้งความกล้าเผชิญหน้าอย่างมีเหตุผล และมีความรู้เท่าทันสถานการณ์

นายเสกสกล  กล่าวว่า การประกาศเปิดประเทศของนายกฯ มั่นใจว่านายกฯ ไม่ได้คิดเอง แต่อยู่ในฐานะผู้นำที่จะต้องตัดสินใจนำพาประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หรือดีที่สุด บนพื้นฐานของการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน จากคณะที่ปรึกษาต่างๆ เชื่อมั่นว่าจากนี้ไปจนถึง 120 วัน นายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันหารือเพื่อหามาตรการให้รัดกุมมากที่สุดก่อนที่จะเปิดประเทศ มีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นรายวัน ขณะเดียวกันเชื่อว่าเมื่อถึงเวลา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่น่าจะได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว เช่นเดียวกันกับคนไทยที่ ศบค. ยืนยันแล้วว่าภายในเดือนตุลาคมนี้คนไทยจะต้องได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 50 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ 

นายเสกสกล  กล่าวว่า หากโฆษกพรรคพท.หรือแม้แต่คนในพรรคไม่อยากช่วยเหลือประชาชน และประเทศชาติ ขอย้ำว่า มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ ขัดขวางไปทุกเรื่อง แม้ว่านายกฯ และรัฐบาล จะทำดีแค่ไหน เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติ พรรคพท.จะออกมาตำหนิ ขัดขวาง และจะสนใจเฉพาะผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง อาศัยจังหวะที่ประเทศเกิดวิกฤต เรียกร้องให้นายกฯลาออก เพราะมีความหวังว่าจะเข้าไปเป็นรัฐบาล ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนของพรรคพท.ถึงไม่อยากให้ประเทศพ้นวิกฤตตรงนี้ให้ได้ก่อน  

“โฆษก พท. หน้าตาดูสวยดี แต่ความคิดกลับดูไม่สวยงามเหมือนหน้าตาเอาเสียเลย ไม่ลองหัดไปฟังกระแสตอบรับจากประชาชนดูบ้างว่า สิ่งที่นายกฯต้องการเปิดประเทศเพื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับคืนสู่ภาวะปกติ เป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้ประเทศไทยรอดพ้น น่าเสียดายความคิดที่ดูไม่สวยงามเอาเสียเลย ขอถามกลับสักคำ ความคิดสั้นๆแคบๆเพียงแค่นี้ เป็นความคิดส่วนตัว หรือเป็นมติพรรค ผมจะได้ป่าวประกาศให้คนไทยได้รับรู้ว่า พรรคพท.ไม่เอาด้วย เพราะไม่อยากให้ประชาชนกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องการให้เศรษฐกิจดีขึ้น และไม่ต้องการให้คนไทยพ้นภัยจากโควิดร้าย" นายเสกสกล กล่าว

“วิรัช” รับ กระแสดัน “ธรรมนัส” เสียบเลขาฯ เป็นความจริง ย้อนสื่อ ข้อมูลเหมือนอยู่ในเหตุการณ์

ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่พรรค ถึงความชัดเจนที่จะมีการเสนอชื่อร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคว่า มีความใกล้เคียง ขอให้รอการประชุมอย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งคิดว่าใช้เวลา 2-3 ชม.ก็เรียบร้อย ดังนั้นสิ่งที่จะพูดล่วงหน้า ของให้ผ่านที่ประชุมเสียก่อน 

เมื่อถามว่าจะมีการเสนอชื่อเพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่นายวิรัช กล่าวว่า ก็ทำนองนั้น ต่อข้อถามว่าก่อนการเสนอชื่อได้มีการหารือกับกลุ่มต่างๆ ของพรรคหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า เมื่อสักครู่ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือว่าที่คนใหม่ ทุกอย่างอยู่พร้อมกันหมด

เมื่อถามว่าขณะนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรรค ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้วหรือยัง นายวิรัช กล่าวว่า วันนี้ข่าวลงไปทุกอย่างหมดแล้วก็เลยไม่รู้จะตอบอย่างไร ต่อข้อถามว่าข่าวที่เสนอออกไปเกี่ยวกับตำแหน่งต่างๆ จะ อาทิ รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการ ตรงกับความจริงใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า เหมือนกับนั่งอยู่ในเหตุการณ์ การประชุมวันนี้ตำแหน่งกรรมการพรรคจะมีสัดส่วนลดลง ส่วนการเปลี่ยนตัวเลขาฯพรรค เพื่อเตรียมการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะนายกฯรัฐมนตรีบอกว่าจะอยู่ครบวาระ

ชุมชนหลังวัดปทุมฯ ร้องโควิดระบาดอีกรอบ พบคนติดเชื้อแล้วเกือบ 60 คน กักตัวอีก 60 ครัวเรือน วอนขอรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่ด่วน

นายใจพิชญ์ สุขุมาลจันทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตปทุมวัน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะอีกครั้ง ภายหลังจากที่เกิดการระบาดรอบที่แล้วกรณีคลัสเตอร์ห้างดังย่านปทุมวัน จึงขอเรียกร้องสำนักงานเขตขอรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่เข้ามาตรวจหาเชื้อคนในชุมชนหลังวัดปทุมวนารามโดยด่วน ทั้งนี้จากการที่ตนพร้อมด้วยครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ลงพื้นที่ชุมชนหลังวัดปทุมวนารามหลังได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.สุวรรณวิลาศ จันทร์เดชะ ผู้นำชุมชนหลังวัดปทุมวนารามว่าขณะนี้ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม พบการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างน่าเป็นห่วงอีกครั้งภายหลังจากที่พบการระบาดของรอบที่แล้วจากกรณีคลัสเตอร์ห้างดังเมื่อเดือนก่อน โดยช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 60 คนและค่อยๆ ทยอยส่งตัวไปรักษาตามขั้นตอนในโรงพยาบาลจนขณะนี้ ยังเหลือผู้ติดเชื้อในชุมชนอีกประมาณ 10-20 คน 

นายใจพิชญ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาหลักที่ผ่านมา คือภาครัฐไม่ใส่ใจแก้ปัญหาโควิดระบาดในชุมชนอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างคลัสเตอร์ห้างดังรอบที่แล้ว รัฐแก้ปัญหาให้แต่คนรวย คือมาตรวจเชื้อในชุมชนจริง แต่ตรวจให้แต่พนักงานของห้างและคนใกล้ชิดเท่านั้น คนในชุมชนมีเป็นพันคน เขาตรวจแค่ 3-4 ร้อยคนแล้วก็กลับไป แต่คนในชุมชนอีก 5-6 ร้อยคนที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างแออัด กลับไม่ตรวจหาเชื้อให้เขา พอเรียกร้องไปที่สำนักงานเขตก็บอกให้ไปตรวจเชื้อกับรถตรวจเชื้อที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ เอาเอง โดยที่คนในชุมชนทั้งหมดเป็นแรงงานหาเช้ากินค่ำ การลาไปตรวจหาเชื้อไกลๆ ต้องลางาน ขาดรายได้ และไม่ได้มีหลักประกันว่าจะได้ตรวจ 

นอกจากนี้ชาวชุมชนหลังวัดปทุมวนารามก็ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด แต่ก็ไม่กล้าไปถาม ผอ.เขต ผู้นำชุมชนก็ไม่กล้าร้องเรียนบ่อยเพราะกลัวถูกเพ่งเล็ง วิธีการทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกแบบนี้ ชาวชุมชนหลังวัดปทุมวนารามไม่สบายใจ อยากให้เห็นคนจนได้รับการปฏิบัติดูแลรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมแม้ในยามป่วยไข้แบบนี้ ทั้งนี้ ชาวชุมชนหลังวัดปทุมวนารามกังวลกับการกลับมาระบาดใหม่รอบนี้  เพราะยังมีผู้ติดเชื้อคงค้างอยู่ในชุมชนอีกประมาณ 15-20 คน และมีผู้มีความเสี่ยงสูงกักตัวอีก 60 ครัวเรือน จึงอยากขอรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่เข้ามาตรวจเชื้อโดยด่วน และแยกตัวผู้ป่วยออกไปโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะกลายเป็นคลัสเตอร์ระลอกสองเร็วๆ นี้

‘กรณ์’ ท้า เพื่อไทย-ปชป. ประกาศคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ พปชร. หาก พปชร.-ส.ว. ขวางแก้ยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ยํ้าอย่าเล่นละครตบตาประชาชน

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญเที่ยวที่แล้ว คือการเล่นละครฉากใหญ่ที่จบไปแล้วรอบหนึ่ง รอบนี้ถ้าจริงใจจะแก้เพื่อประชาชน พรรคไหนเสนอแก้รัฐธรรมนูญ แล้วไม่ยืนคำขาดแก้ 272 ห้าม ส.ว. แต่งตั้งเลือกนายก อย่าบอกว่าอยู่ข้างประชาธิปไตย

"พรรคพลังประชารัฐ เขาชัดเจนว่าไม่แก้ ม.272 แน่ แต่ขอพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมั่นคงกับประชาธิปไตย ขอให้ชัดเจน! กล้ายื่นคำขาด หากพลังประชารัฐ และ ส.ว. ไม่โหวตแก้ ม.272 ห้าม ส.ว. แต่งตั้งเลือกนายก จะไม่ยกมือแก้รัฐธรรมนูญมาตราอื่นทุกกรณี” นายกรณ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวต่อว่า ข้อบกพร่องหลักทางประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญปี 60 คือ มาตรา 272 ที่ยอมให้ ส.ว. มาเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทราบดี ทั้งสองพรรคอย่าเล่นละครเสนอร่างแก้มาตรา 272 ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางผ่านด่านพลังประชารัฐและ ส.ว. พอถึงเวลาที่ร่างแก้เรื่อง ส.ว. ถูกตีตก ทั้งคู่ก็จะบอกว่า เราได้พยายามแล้ว และก็เดินหน้าลงคะแนนแก้ไขเรื่องที่ตนได้ประโยชน์ต่อไป ทั้งหมดนี้จะเป็นจริงหรือไม่ การกระทำจะเป็นข้อพิสูจน์

นายกรณ์ ทิ้งท้ายว่า ดังนั้น ผมขอท้าทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ให้แสดงจุดยืนให้ชัด ประชาชนจะได้เห็นชัดๆ ว่าทั้งสองพรรคกำลังเดินตามเกมส์ของพลังประชารัฐเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อตัวเอง พูดให้ชัดว่าหากข้อเสนอยกเลิกอำนาจ ส.ว. ถูกปฏิเสธ ท่านก็จะไม่สนับสนุนร่างอื่น อย่าให้กลายเป็นละครตบตาประชาชนครับ

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10159714407619740&id=71254499739


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘พลังประชารัฐ’ ลงมติเอกฉันท์ประกาศ ‘ประวิตร’ คงยืนหนึ่งหัวหน้าพรรคต่ออีกสมัย ‘ธรรมนัส’ นั่งเก้าอี้เลขาพรรคคนใหม่ ขณะที่ ‘นฤมล’ นั่งเหรัญญิก

วันนี้ (18 พ.ค.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สรุปผลการประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประจำปีครั้งที่ 1/ 2564 ในวาระเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคชุดใหม่ โดยในที่ประชุมได้มีการนับคะแนน และลงมติในตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค รวม 26 คน ดังนี้

• พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย แบบไร้คู่แข่ง โดยมีการเสนอเพียงรายชื่อเดียว บัตรดี 582 คะแนน บัตรเสีย 12 คะแนน

• ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรค โดยมีการเสนอชื่อเพียงรายชื่อเดียว ด้วยคะแนนเสียง 556 คะแนน บัตรเสีย 14 คะแนน ไม่ลงคะแนน 23 คะแนน

• นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค คะแนนเสียง 565 คะแนน

• นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค

ทั้งนี้ในส่วนคณะกรรมการบริหารพรรค ในที่ประชุมได้มีการนับคะแนนและลงมติ จำนวน 22 คน ดังนี้

1.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ ได้รับคะแนน 560 คะแนน

2.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ได้รับคะแนน 547 คะแนน

3.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้รับคะแนน 539 คะแนน

4.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับคะแนน 545 คะแนน

5.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้รับคะแนน 542 คะแนน

6.) นายอนุชา นาคาศัย ได้รับคะแนน 544 คะแนน

7.) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ได้รับคะแนน 547 คะแนน

8.) นายสุรพล ฟองงาม ได้รับคะแนน 545 คะแนน

9.) นายนิโรธ สุนทรเลขา ได้รับคะแนน 545 คะแนน

10.) นายไผ่ ลิกค์ ได้รับคะแนน 534 คะแนน

11.) นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ได้รับคะแนน 534 คะแนน

12.) นางประภาพร อัศวเหม ได้รับคะแนน 535 คะแนน

13.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ได้รับคะแนน 537 คะแนน

14.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม ได้รับคะแนน 538 คะแนน

15.) นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้รับคะแนน 491 คะแนน

16.) นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ได้รับคะแนน 531 คะแนน

17.) นายสุชาติ อุสาหะ ได้รับคะแนน 532 คะแนน

18.) นายรงค์ บุญสวยขวัญ ได้รับคะแนน 533 คะแนน

19.) นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ได้รับคะแนน 540 คะแนน

20.) นายสุรสิทธิ์ นิธิวรลักษณ์ ได้รับคะแนน 539 คะแนน

21.) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ได้รับคะแนน 542 คะแนน

22.)นายสมเกียรติ วอนเพียร ได้รับคะแนน 541 คะแนน

ทั้งนี้คณะกรรมการพรรคชุดใหม่ พร้อมที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเพื่อให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง และพร้อมที่จะเป็นส่วนเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนให้ครอบคลุมในหลายมิติที่จะช่วยแก้ปัญหาในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และความปลอดภัย เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง และพี่น้องประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่พี่น้องประชาชนเป็นคนฐานราก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องช่วยกันดำเนินการตามแนวทางของรัฐบาล เพื่อให้กิจกรรมด้านเศรษฐกิจสามารถกลับมาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว พรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะผนึกความร่วมมือในการปฏิบัติการทุกด้านอย่างเข้มแข็ง

อย่างไรก็ตามการจัดประชุมดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น อนุญาตภายใต้มาตรการป้องกันโรค และควบคุมโรคติดต่อโควิด-19


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ณัฐชา-ก้าวไกล' ชวนนับถอยหลังจับตา 120 วัน ได้เปิดประเทศหรือล้มเหลว เหน็บ!! ก่อนเปิดประเทศไปเปิดข้อมูลวัคซีนก่อน

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และโฆษกพรรคก้าวไกล เชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยช่วยกันนับถอยหลัง 120 วันเปิดประเทศว่า...

นายกรัฐมนตรีจะทำได้ตามประกาศจริงหรือไม่ เพราะการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจด้วยความมั่นใจขนาดนี้จะต้องเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศมาแล้วอย่างเต็มที่ ต้องมีการจัดการอย่างเป็นระบบ มีแผนหลักแผนสำรอง และพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาอีกขั้นที่จะยกระดับขึ้นเมื่อมีการเปิดประเทศไปแล้ว

“ด้วยใจจริงผมอยากให้ท่านทำสำเร็จ เพราะอยากเห็นพี่น้องประชาชนยิ้มได้อีกครั้งหากเศรษฐกิจของเรากลับมาเดินหน้าต่อไป แต่เอาเข้าจริงขอยอมรับตามตรงว่าไม่ค่อยมั่นใจในตัวท่านนายกสักเท่าไหร่ จึงขอชวนมานับถอยหลังไปพร้อมกัน เพราะถ้าครั้งนี้ล้มเหลวก็จะเป็นการนับถอยหลังเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลด้วย คือหากพังอีกแล้วยังหน้าด้านอยู่ต่อ ประชาชนคงต้องหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดแน่ เพราะหลายคนคงแทบไม่เหลืออะไรแล้ว

"ที่ผ่านมาการที่รัฐบาลไม่เยียวยาหรือทำให้พวกเขาเข้าถึงแหล่งทุนได้เลย การประกาศเปิดประเทศครั้งนี้ จึงเหมือนการวัดใจเฮือกสุดท้ายของหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดกิจการต่างๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาฟื้นฟูกิจการได้คงต้องไปดิ้นรนไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบมาลงทุน

"ดังนั้น ถ้าเปิดประเทศไปแล้ว แต่ผลที่ออกมาคือการระบาดใหญ่ระลอกใหม่แล้วตามมาด้วยการปิดกิจการอีกครั้ง โดยที่เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบที่รัฐไม่เคยเหลียวแลเหมือนที่ผ่านมา นอกจากทุนไม่เหลือ รายได้ไม่เข้าแล้ว หนี้และดอกเบี้ยก็จะทับถมชีวิตเขาซ้ำเข้าไปอีกยาวนาน”

นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สิ่งที่ประชาชนอยากรู้มากที่สุดหลังจากที่นายกรัฐมนตรีออกมาพูดว่าพร้อมเปิดประเทศภายใน 120 วัน คือท่านจะมีแผนบริหารจัดการที่ชัดเจนอย่างไร เพราะเมื่อวานนี้นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ไปตอบกระทู้ถามสดในสภาแทนท่าน ก็ยังบอกได้แค่ว่าแผนเปิดประเทศภายใน 120 วัน เป็นเรื่องของการเรียกขวัญกำลังใจที่นายกต้องการมอบให้แก่พี่น้องประชาชนเพียงเท่านั้น เรื่องแผนต่างๆ ตอบไม่ได้ให้รอฟังความชัดเจนต่อไป นี่หรือวุฒิภาวะของฝ่ายบริหารประเทศนี้ ท่านพูดเรื่องสำคัญต่อชีวิตพวกเขาด้วยแผนที่เลื่อนลอยแบบนี้ไม่ได้

“ขอเรียกร้องเลยว่า ก่อนจะประกาศเปิดประเทศ ช่วยเปิดเผยข้อมูลการฉีดวัคซีนก่อนจะดีกว่า เพราะที่ผ่านมามีแต่ข่าวลือทั่วไปหมดว่ามีไอ้โม่งแอบมาฉวยเอาวัคซีนไปสร้างฐานเสียงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง เรื่องแบบนี้จริงหรือไม่ต้องตอบกันด้วยข้อมูลไม่ใช่ข้ออ้าง ขณะนี้มีวัคซีนเท่าไหร่ ฉีดให้ใคร และจะกระจายไปไหนอย่างไรบ้าง ต้องกล้านำเสนอข้อมูลส่วนนี้ให้ได้อย่างตรงไปตรงมา ก่อนที่จะเพ้อฝันไปถึงการเปิดประเทศ ไม่ใช่วัคซีนมาล็อตนึงหน่วยงานต่างๆ ก็ตีกันที แต่ไม่ได้เป็นการจัดสรรตามความจำเป็นทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจอย่างที่ควรจะเป็นจนหมอต้องออกมาท้วงกันวุ่นไปหมด หรือกระทั่งวัคซีนแอสตราเซเนก้าที่บอกว่าเป็นวัคซีนหลัก ถึงตอนนี้จะเข้ามาได้ตามเป้าหมายเดือน มิ.ย. 6 ล้านโดส และ 10 ล้านโดส ในเดือนถัดๆไปได้จริงหรือไม่ ก็ต้องเปิดข้อมูลกำลังการผลิตของสยามไบโอไซน์ว่าอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะในฐานะที่เอาภาษีของประชาชนไปหนุนกว่า 600 ล้านบาท ก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะต้องรู้ ประชาชนไม่ได้อยากรู้ว่าแผนการเรียกขวัญและกำลังใจเป็นอย่างไร ขวัญและกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนเวลานี้คือการรู้ว่าวัคซีนมีเท่าไหร่ และเขาจะได้ฉีดหรือไม่เท่านั้นเอง”

ณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ก่อนเปิดประเทศ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้รัฐบาลต้องตระหนักถึงสถานการณ์ตามความเป็นจริงให้ดี เพราะในอนาคตประเทศไทยอาจมีโอกาสเผชิญกับสถานการณ์เดียวกันกับประเทศชิลี ที่ขณะนี้มีการประกาศปิดกรุงซานติอาโก เมืองหลวงอีกครั้ง ทั้งที่ชิลี ถือว่ามีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สูงระดับต้นๆ ของโลก คือประมาณ 75% ของประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดส และเกือบ 58% ได้รับวัคซีนครบถ้วน 2 โดสแล้ว โดยวัคซีนส่วนใหญ่เป็นซิโนแวค นั่นจึงหมายความว่าการใช้วัคซีนนี้อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร และนี่ก็คือวัคซีนตัวหลักอีกชนิดเรากำลังระดมฉีดอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสายพันธุ์ใหม่เข้ามาเป็นตัวแปรเพิ่มซึ่งเริ่มพบเจอแล้ว ขอถามว่าท่านมีแผนรองรับในประเด็นเหล่านี้แล้วหรือยังก่อนที่จะเปิดประเทศภายใต้ปัจจัยเสี่ยงที่ยังสูงมากอย่างนี้

“ผมเห็นด้วยว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าเพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ แต่นั่นคือหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลที่จะต้องเยียวยาประชาชน ไม่ใช่ไปบอกว่าให้ทุกคนต้องไปรับความเสี่ยงร่วมกัน เขารับกันมาเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีหรือคิดเป็น 3 ระลอกแล้ว ยังจะบอกให้เขาเสี่ยงต่อไปอีกหรือ ในวันนี้ ผมจึงอยากให้พี่น้องคนไทยมาร่วมกันนับถอยหลังดูความล้มเหลวของรัฐบาลอีกครั้ง ภายใน 120 วันนี้ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ตอนแถลงข่าว ท่านนายกรัฐมนตรีอาจมองภาพตัวเองว่ากำลังแสดงภาวะผู้นำเหมือนที่ผู้นำหลายประเทศอื่นทั่วโลกออกมาแสดงวิสัยทัศน์สร้างความเชื่อมั่นและนำพาประเทศของให้พ้นวิกฤตได้ แต่ยอมรับเถอะว่า ท่านยังไร้ศักยภาพและทิ้งห่างบุคคลเหล่านั้นอีกไกลหลายช่วงตัวนัก” นายณัฐชา กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ภายในสัปดาห์หน้า วาระแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราจะถูกลัดคิวเข้าสู่สภา แบบที่ประชาชนแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ภายในสัปดาห์หน้า วาระแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราจะถูกลัดคิวเข้าสู่สภา แบบที่ประชาชนแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แทนที่จะเดินหน้าผลักดัน พ.ร.บ. ประชามติ เร่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ยกร่างใหม่ทั้งฉบับ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

และมาตราที่กำลังถูกผลักดันให้แก้ไข แม้มีหลากหลายประเด็นจากหลายร่างฯ ของหลายพรรค แต่วาระที่พรรคพลังประชารัฐมุ่งมั่นจะแก้ และแน่นอนว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน ก็คือการแก้ระบบเลือกตั้ง ให้กลับไปเป็นแบบบัตร 2 ใบ ระบบรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งจะเอื้อต่อพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ทำให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า

ครั้งนี้จะเป็นการสืบทอดอำนาจครั้งที่ 2 ของระบอบประยุทธ์ หลังจากทำสำเร็จไปแล้วครั้งแรกผ่านการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และเข้าสู่การเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จผ่านตัวช่วยสำคัญคือ ส.ว. 250 เสียง

ครั้งนี้ ระบอบประยุทธ์จะอยู่อย่างมั่นคง สง่างาม ไม่ต้องอาศัยแม้แต่ตัวช่วยอย่าง ส.ว. เพราะได้ครองเสียงข้างมากในสภาจากการคุมกลไกการเลือกตั้ง คุมระบบราชการ จนได้ ส.ส. มากพอจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ แทบไม่ต้องง้อพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ แข็งแกร่งไม่ต่างจากพรรคไทยรักไทยในอดีต

ครั้งนี้คือการไฮแจ็ค หรือการปล้นวาระแก้รัฐธรรมนูญไปจากประชาชน ไม่สนใจเสียงเรียกร้องในประเด็นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดอำนาจ ส.ว. การปฏิรูปองค์กรอิสระและศาล เป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองเท่านั้น

ผมขอแรงพลังจากพี่น้องประชาชน ร่วมกันหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจระบอบประยุทธ์ครั้งที่ 2 ด้วยการร่วมลงชื่อ ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เข้าไปประกบเพื่อให้มีการอภิปรายในสภา และเพื่อพิสูจน์ว่า อำนาจการแก้รัฐธรรมนูญเป็นของเรา ประชาชน ไม่ใช่ของผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว

ร่วมแสดงพลังประชาชน หยุดระบอบประยุทธ์ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีกับ 2 ขั้นตอนง่ายๆ เข้าชื่อ #แก้รัฐธรรมนูญ ขั้นตอนง่ายๆ

1.) กรอกแบบฟอร์มเข้าชื่อให้ครบถ้วน https://bit.ly/2PgDAy8 (ดูวิธีกรอกฟอร์ม https://bit.ly/3x6prUy)

2.) ส่งไฟล์หรือภาพถ่ายแบบฟอร์ม ชัดๆ เป๊ะๆ

ผ่านช่องทางใดก็ได้ เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น

LINE : https://page.line.me/resolutioncon

ข้อความเพจเฟซบุ๊ก Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่

อ่านรายละเอียดและร่างฉบับเต็ม www.resolutioncon.com

 

ที่มา : https://www.facebook.com/382592748811072/posts/1114185418985131/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“จุรินทร์” ออนทัวร์ขอนแก่น ลั่นอีสานพร้อมลต.ระดับ 7 โว คนอีสานยอมรับนโยบายปชป.สูงมาก ปัดตอบ “ธรรมนัส”นั่งเลขา พปชร. ส่งผลปรับครม.ชี้อยู่ที่นายกฯ

จ.ขอนแแก่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะออนทัวร์อีสาน วันที่ 2 โดย ลงพื้นที่ จ. ขอนแก่น เป็นประธานในพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคง และติดตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตศูนย์คนไร้บ้าน ณ สหกรณ์เคหสถานแก่นนคร พร้อมมอบเช็คโครงการฟื้นฟู เช็คชำระหนี้ มอบโฉนดที่ดินกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ให้แก่เกษตรกร จ.ขอนแก่น ณ ห้องประชุมโรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อําเภอเมือง จ.ขอนแก่น และเปิดโครงการโมบายพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชน 
         
โดยนายจุรินทร์ กล่าวถึงเมื่อคืนวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีโอกาสได้พบปะสมาชิกพรรคว่า ตอนนี้ภาคอีสานถือว่ามีความพร้อมในระดับที่หากนับ 10 ก็มาถึง7 แล้ว ขณะนี้ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการจัดตั้งตัวแทนเขตครบทุกเขตในภาคอีสานทั้งหมดแล้ว จากนี้จะได้มีการเตรียมการพิจารณาตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้ง ซึ่งหลายเขตมีผู้ให้ความสนใจและแจ้งความจำนงไว้แล้ว บางเขตมีการเคาะตัวผู้สมัครไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอบอกว่าเป็นใครบ้าง นอกจากนั้นยังได้พูดคุยกันกับบรรดาผู้ที่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งมาแล้ว และในส่วนของตัวแทนเขตทั้งหมด ซึ่งได้ประเมินกันว่า สำหรับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้เป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชนภาคอีสานในระดับที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประกันรายได้เกษตรกร โดยเฉพาะในส่วนของข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ที่คนภาคอีสานปลูกมาก รวมทั้งมันสำปะหลัง แม้แต่ยางพารา ก็ถือว่าราคาดี และเป็นนโยบายที่พี่น้องประชาชนภาคอีสานให้การยอมรับ รวมทั้งการผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เรื่องนี้ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากพี่น้องภาคอีสาน

เมื่อถามถึงการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ โดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งตามธรรมเนียม เลขาธิการพรรคจะต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่ขอให้ความเห็นเรื่องพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นเรื่องภายในพลังประชารัฐ ที่จะต้องไปพิจารณาตัดสินใจกันเองว่าจะจัดการกับการบริหารจัดการพรรคอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและก้าวก่ายด้วย เพียงแต่ถ้าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องดูว่านายกรัฐมนตรีมีความประสงค์อย่างไร จะปรับเฉพาะในส่วนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือว่าจะปรับอย่างไร ก็ต้องเริ่มต้นที่นายกฯ ตนไม่สามารถที่จะตอบไปล่วงหน้าได้

เมื่อถามว่า หากมีการปรับ ครม. พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันตำแหน่งเดิมใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังไม่มีสัญญาณอะไรว่าจะปรับครม. ทั้งนี้ประชาธิปัตย์ก็ยืนยัน ตนก็ยืนยันหลายครั้งว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะหน้าที่อะไร ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ เราก็จะทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ และยึดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง การมาอีสานครั้งนี้ก็เพื่อที่จะเดินหน้านโยบายโครงการที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องชาวอีสาน

ศรชล.ภาค2 จัดพิธีส่งเรือและกำลังพลไปปฏิบัติภารกิจแก้ปัญหาปะการังที่เกาะโลซิน

ที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)  ถึงกรณีการแก้ไขปัญหาอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการัง บริเวณเกาะโลซิน ซึ่งตั้งอยู่ฝั่ง อ่าวไทย บริเวณจังหวัดปัตตานี ซึ่งหลายฝ่าย มีความเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบ และสร้างความเสียหายแก่ปะการัง ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ โดยโฆษก ศรชล. แจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นของวันนี้ (18 ม.ย.64) เวลา 17.00 น.พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผอ.ศรชล.ภาค 2 / ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 (ผบ.ทรภ.2) เป็นประธานในพิธีส่งกำลังทางเรือออกเดินทางไปแก้ไขปัญหากรณีอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการังบริเวณเกาะโลซิน ร่วมกับนาย อภิชัย เอกวนากุล และ น.ส.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ใน บก.ทรภ.2 นายทหารฝ่ายอำนวยการใน ศรชล.ภาค 2 ร่วมพิธี

โดยกำลังทางเรือที่ไปปฏิบัติภารกิจ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย เรือหลวง ราวี เรือ ต.991 พร้อมชุดปฏิบัติงานใต้น้ำจำนวน 15 นาย ร่วมกับกำลังจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้แก่ เรือ Liveaboard จำนวน 1 ลำ เรือบรรทุกเครื่องมือประมงอวน จำนวน 1 ลำ นักดำน้ำอาสาสมัครจำนวน 30 คน และเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ  ที่จะเดินทางไปสมทบพื้นที่ปฏิบัติการใน วันที่ 19 มิถุนายน โดย ผอ.ศรชล.ภาค 2 ได้ให้โอวาทแก่กำลังพล ขอให้ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง ปฏิบัติตามกฎของการปฎิบัติการใต้น้ำอย่างเคร่งครัดและระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายกับปะการัง โดยขอให้การปฎิบัติภารกิจครั้งนี้สำเร็จโดยราบรื่น

สำหรับแผนการดำน้ำเพื่อกู้อวนโดยสังเขปจะเริ่มปฏิบัติการบริเวณเกาะโลซิน ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ เวลา 06.00 น. ทีมนักดำน้ำบน เรือหลวง ราวี จะเริ่มปฏิบัติการโดยใช้การดำโดย แบบ Nitrox (Specialty) ซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการอยู่ใต้น้ำให้นานขึ้น มากกว่าการดำน้ำด้วยถังอากาศแบบปกติ ใช้การตัดอวนออกเป็นผืนย่อยขนาด 3x3 เมตร ลอยขึ้นโดยใช้ถุงดึงขึ้นหรือใช้บอลลูนขนาดเล็ก ทำให้อวนที่ตัดแล้วลอยขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน

“เสกสกล” ตอก “อนุสรณ์” ปากไม่มีหูรูด มีหัวไว้เพียงคั่นหู ทำพรรคพท.ตกต่ำ ยัน บิ๊กตู่ อยู่ครบเทอม ไม่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยท้าให้นายกฯลาออก หากคะแนนนิยมดี ก็ให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะมีปรับ ครม.หลังเปลี่ยน เลขาฯ พปชร. ว่า นายกฯ ได้ยืนยันไปแล้วว่าจะอยู่จนครบเทอมของรัฐบาล และการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคยังยืนยันแล้วว่าไม่มีแรงกระเพื่อม และไม่เกี่ยวข้องกับการปรับ ครม. ซึ่งนายอนุสรณ์ไม่ควรที่จะคิดไปเอง เรื่องในพรรคตนเองยังเอาตัวไม่รอด อย่าได้เที่ยวมาก้าวก่ายพรรคคนอื่น นิสัยขี้อิจฉาริษยามากกว่า 

นายเสกสกล กล่าวว่า การที่นายอนุสรณ์ออกมาเรียกร้องให้นายกฯ ยุบสภาหรือลาออก เพื่อหวังผลทางการเมืองของพรรคตัวเองเพื่ออยากกลับมามีอำนาจรัฐเท่านั้น วันๆคิดถึงแต่ตัวเองไม่คิดถึงประชาชนว่ามีความเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน ทางที่ดีขอให้พรรคเพื่อไทยสู้กันตามกระบวนการจะดีกว่า รอการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่ามาตีเนียน หรือตีกินทางการเมืองในช่วงนี้

"นายอนุสรณ์ ปากไม่มีหูรูด มีหัวไว้เพียงให้ผมงอก หรือมีหัวไว้เพียงคั่นหู ไม่ได้เอาหัวไว้คิดให้มีเนื้อหาสาระอะไร  วันๆ มีแต่แกว่งปากหาเสี้ยน คนนิสัยประเภทนี้ออกมาพูดพล่อยๆ พล่ามๆ ไปวันๆ น้ำลายฟูมปาก ยิ่งแต่จะทำให้พรรคเพื่อไทยตกต่ำไปเรื่อยๆ ผมทำนายทายทักมาก่อนหน้านี้หลายหนว่า นายอนุสรณ์นี่แหละ จะทำให้คนในพรรคแตกแยกเละตุ้มเป๊ะ เพราะนายอนุสรณ์พูดมากเกินไป พูดโดยผู้ใหญ่ในพรรคไม่ได้สั่ง พูดมากเกินหน้าที่ ทำเป็นอวดรู้อวดตนว่าเก่ง ทั้งที่ประสบการณ์การเมืองก็น้อยนิด ไม่เคยเป็นสส.เข้าสภาแม้แต่สมัยเดียว ทำเป็นอยากโชว์บทบาทเอาใจนายใหญ่ เพื่อหวังรางวัลตอบแทนหรือเปล่า จนทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย และก็เป็นจริงตามที่ทายไว้ ไม่ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ และแกนนำในพรรคทยอยลาออกไปเรื่อยๆ จนจะเหลือแต่พวกตัวเล็กตัวน้อยพูดจ้อรายวัน ที่ยังคงทำให้พรรคเพื่อไทย เสื่อมเสียภาพพจน์ในสายตาประชาชน ซึ่งผมเคยเตือนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคมาแล้วว่า ระวังนายอนุสรณ์จะทำให้พรรคตกต่ำเสียหาย หรืออาจจะมีใครวางแผนส่งมาคอยทำลายพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า แต่นายสมพงษ์ไม่เชื่อ ในที่สุดสิ่งที่เตือนก็เริ่มเป็นจริง สภาพพรรคเพื่อไทยทุกวันนี้แทบจะไม่เหลือความเชื่อมั่นและไว้วางใจในสายตาประชาชน และสมาชิกพรรคเลย" นายเสกสกลกล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top