Friday, 27 June 2025
PoliticsQUIZ

“บิ๊กแก้ว” พร้อมส่ง ทหาร คุมแคมป์แรงงาน กทม. พร้อมตั้งจุดตรวจเข้า-ออก ชุดลาดตระเวณ กั้นรั้วลาดหนาม สกัดเคลื่อนย้าย

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวถึงกรณี ศบค. ประสานหน่วยงานความมั่นคงให้ส่ง กำลังทหาร ตำรวจ คุมเข้มแคมป์คนงานก่อสร้างใน กทม. หลังพบว่ายังมีการเคลื่อนย้าย ว่าเป็นภาพรวมของนโยบาย ว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงจะเข้าไปดูแลในการควบคุม ตั้งแต่การตั้งจุดตรวจ การตรวจสถานที่ต่างๆ

ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังจากมีการตรวจแคมป์คนงาน ที่เป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาด โควิด-19 และยังมีการเคลื่อนย้ายกันออกไป ทั้งนี้ต้องไปดูว่า ศบค.ได้กำหนด แคมป์คนงานในแต่ละพื้นที่เอาไว้อย่างไร

ซึ่งในแนวทางปฏิบัติหากมีกรณีเช่นนี้เราจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจวแคมป์แรงงาน จะต้องได้รับการควบคุมแบบไหน การเข้าออก สามารถเล็ดออกจากพื้นที่ได้หรือไม่ จำเป็นต้องมีเครื่องกีดขวางมากั้นช่องโหว่ที่ยังปิดไม่ได้หรือไม่ เช่น รั้วลวดหนาม

โดยประสานกับผู้ประกอบการที่ดูแลพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบโดย

1.) จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเข้า-ออก และพิจารณาเป็นกรณีไปหากจำเป็นต้องเข้า-ออก

2.) ลาดตระเวนในพื้นที่เพื่อให้ไม่ให้มีการลักลอบ 

ทั้งนี้ยืนยันว่าจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจะเป็นส่วนเสริม และใช้ สารวัตรทหาร(สห.) ในการปฏิบัติงาน ยกเว้นกรณีมีแคมป์แรงงานหลายแห่งทีต้องควบคุม จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า แคมป์แรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของเหล่าทัพใด ก็จะประสานเหล่าทัพนั้นส่งกำลังทหารไปดูแล

ศธ.แจง แนวทาง 4 ON รับเปิดเรียน 14 มิ.ย.นี้ ย้ำ 4 จ.แดงเข้ม ยังไม่ให้ใช้พื้นที่ทำการสอน ชี้ บุคลากร ข้ามจว.หากมีความเสี่ยงให้กักตัว 14 วัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือศบค.แถลงว่า ศบค.ชุดเล็กได้พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดเรียนภาค 1/2564 ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งถึงความพร้อมโดยให้จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของผู้เรียน เหมาะสมกับสถานการณ์และสอดคล้องกับการเรียนวิถีใหม่ในรูปแบบ 4 ON โดยแยกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 4 จังหวัด ให้เปิดเรียนพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่บริเวณโรงเรียนหรือสถานศึกษา ทำการเรียนการสอน แต่ให้จัดการเรียนการสอน 4 รูปแบบ คือ

1.) ทางออนไลน์ หรือการเรียนผ่านช่องทางออนไลน์

2.) ออนแอร์ หรือการเรียนรู้ผ่านดีแอลทีวี หรือทางดิจิตอลทีวี

3.) ออนดีมานหรือการเรียนการสอนผ่านการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ

4.) ออนแฮนด์ หรือการจัดส่งหนังสือแบบเรียนและสื่อการเรียนรู้ถึงบ้านทางไปรษณีย์เท่านั้น

สำหรับจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 17 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 56 จังหวัด (สีส้ม) สามารถจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานได้ เช่น เรียนในที่ตั้งสามารถทำได้ โดยโรงเรียนทั้งหมดต้องผ่านเกณฑ์ประเมิน ไทยสต็อปโควิด 44 ข้อ และมีมาตรการปลอดภัยเพียงพอที่จะเปิดการเรียนได้ โดยการใช้สถานที่ของโรงเรียนต้องผ่านการประเมิน จากนั้นให้โรงเรียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทำการเปิดเรียนในที่ตั้งสถานศึกษา ส่วนกรุงเทพฯ ได้เพิ่มช่องทางออนสกูลไลน์ หรือมีกลุ่มไลน์แต่ละห้องเรียนหรือรายวิชา

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมบุคลากร โดยเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หากบุคลากรต้องข้ามพื้นที่จากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯขอให้ทุกคนสำรวจความเสี่ยงของตัวเองและสังเกตอาการ ไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้กักตัว 14 วัน ก่อนติดต่อประสานงานกับบุคคลอื่น และสถานศึกษาต้องเอาใจใส่บุตรหลานที่จะเดินทางไปเรียนด้วย

ข่าวบิดเบือน!! นักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ จีนไม่ออกวีซ่าและทุนรัฐบาลถูกยกเลิก

ก่อนหน้านี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อมูลเผยแพร่ในช่องทางออนไลน์ว่า นักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ จีนไม่ออกวีซ่าและทุนรัฐบาลถูกยกเลิก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทาง กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

จากการเผยแพร่ข้อมูลโดยระบุว่านักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ จีนไม่ออกวีซ่าให้ และทุนรัฐบาลถูกยกเลิก เพราะจีนเข้าใจว่ารัฐบาลไทยเลือกข้างอยู่ฝ่ายอเมริกา ทางกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า...

เรื่องทุนรัฐบาลถูกยกเลิกไม่เป็นความจริง แต่กรณีนักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ในขณะนี้เป็นข้อมูลจริง เนื่องจากขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาทั้งในจีนและต่างประเทศ ทำให้รัฐบาลจีนไม่มีนโยบายตรวจลงตราวีซ่าแก่นักศึกษาต่างชาติจากทุกประเทศ เพื่อเดินทางเข้าจีน โดยได้แนะนำให้ใช้การเรียนออนไลน์ไปก่อน

ส่วนกลุ่มนักศึกษาที่ไม่สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้ กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนในทุกระดับ และในทุกโอกาสที่ทำได้เพื่อร่วมกันหาทางออก

อย่างไรก็ดีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนยังมีความกังวลต่อความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จึงบังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับนักศึกษาต่างชาติจากทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนจะผลักดันเรื่องนี้ต่อไป และเห็นว่าเมื่อจีนมีมาตรการผ่อนคลายแล้ว นักศึกษาไทยควรเป็นกลุ่มแรกที่จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีน โดยหวังว่าเมื่อเงื่อนไขต่างๆ เอื้ออำนวย ปัญหาดังกล่าวน่าจะได้รับการแก้ไข

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่ www.mfa.go.th หรือโทร. 02-203-5000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ทุนรัฐบาลไม่ได้ถูกยกเลิก แต่กรณีนักศึกษาไทยกลับไปเรียนที่จีนไม่ได้ในขณะนี้เป็นข้อมูลจริง เนื่องจากขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รัฐบาลจีนไม่มีนโยบายตรวจลงตราวีซ่าแก่นักศึกษาต่างชาติจากทุกประเทศเพื่อเดินทางเข้าจีน

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

 

ที่มา : https://mgronline.com/factcheck/detail/9640000053919


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ธิษะณา กลุ่ม Re-solution’ ชวนประชาชนเข้าชื่อแบบใหม่ ส่งไลน์ได้ ไม่ต้องใช้สำเนาบัตร ไม่ต้องส่งเอกสาร วอนประชาชนช่วยกันเร่งเข้าชื่อแก้ รธน. สกัดสืบทอดอำนาจภาค 2 และรัฐบาลเฮงซวย

นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ แกนนำกลุ่ม Re-solution กล่าวถึง กรณีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรครัฐบาลที่มีข้อเสนอพยายามรวบหัวรวบหางแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยทำไปเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ปล่อยให้พรรครัฐบาลสามารถยื่นแก้ไขได้อย่างสะดวก ทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะได้รัฐธรรมนูญตามที่ฝ่ายรัฐบาลสืบทอดอำนาจต้องการ ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศนี้ก็ยังมีอยู่ต่อไป สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกหย่อมหญ้า 

“หากพวกเราปล่อยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างของพรรครัฐบาล ประเทศไทยจะยังมี ส.ว.250 คน ที่สามารถมาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้อยู่ แล้วพวกเขาก็จะเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนของระบอบประยุทธ์อย่างไม่แตกแถวเหมือนที่ผ่านมา แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ก็ตาม และพวกเขาจะกระโดดป้องผลประโยชน์ของชนชั้นนำ ขัดขวางผลประโยชน์และร่างกฎหมายของประชาชน หากพวกเขาเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นจะขัดขวางผลประโยชน์และลดอำนาจของพวกเขาเอง ทั้งๆ ที่การมี ส.ว.250 คน ไม่ได้มีประโยชน์กับประชาชน และเป็นอุปสรรคขัดขวางประเทศ และผลาญเงินภาษีของประชาชนปีละหลายพันล้านบาทด้วย” นางสาวธิษะณา ระบุ

นางสาวธิษะณา ในฐานะแกนนำกลุ่ม Re-solution ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า ประเทศไทยก็ยังจะมีองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่อิสระจากประชาชน แต่ไม่อิสระจากคณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจ ทำงานค้านสายตาประชาชน ปกป้องคนของระบอบประยุทธ์ กำจัดคนที่พวกเขาคิดว่าเป็นศัตรูทางการเมืองของระบอบ รวมทั้งประเทศของเราก็จะยังมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศที่เป็นโซ่ตรวนฉุดรั้งประเทศทำให้นโยบายที่สร้างสรรค์ ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ในประเทศแห่งนี้ และประเทศไทยก็อาจจะยังมีกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ สมคบกันสร้างสถานการณ์ปูทางให้เกิดการรัฐประหาร เกิดวงจรอุบาทว์การรัฐประหารไม่จบไม่สิ้น สุดท้ายก็จะกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพ และใช้งบประมาณสุรุ่ยสุร่ายไม่เห็นหัวประชาชนเหมือนที่ผ่านมา 

“อย่าปล่อยให้พวกเขาสามารถสืบทอดอำนาจภาค 2 ได้สำเร็จ มาร่วมกันเข้าชื่อรื้อระบอบประยุทธ์กันให้ถล่มทลายและรวดเร็วที่สุด เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศนี้ เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนดีขึ้น ไม่ต้องเจอกับรัฐบาลเฮงซวยภาค 2 และเพื่อส่งเสียงบอกพวกเขาว่าหยุดลุแก่อำนาจ หยุดกินรวบประเทศ ประชาชนรู้ทันพวกเขาหมดแล้วว่าพวกเขาต้องการอะไร ประชาชนจะใช้เสียงของตัวเองขัดขวางกลุ่มคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ประชาชนจะผลักดันร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนให้เป็นร่างแก้ไขหลักที่พิจารณากันในสภาแทนที่จะเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองที่มุ่งรวบหัวรวบหางแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่และกลุ่มคนไม่กี่คน แทนที่จะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ” นางสาวธิษะณา กล่าว

นางสาวธิษะณา ระบุว่าสืบเนื่องจากที่ พ.ร.บ. เข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2564 ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายหรือร่างรัฐธรรมนูญต่อสภาได้สะดวกมากขึ้น ประเด็นสำคัญคือทำให้การเข้าชื่อเสนอกฎหมายง่ายขึ้น และมีหลากหลายช่องทาง รวมทั้งไม่ต้องมีเอกสารเยอะเหมือนเมื่อก่อน ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน และสามารถส่งผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยที่ไม่ต้องส่งแผ่นกระดาษ ดังนั้นพวกเรา กลุ่ม Re-solution จึงเปิดช่องทางการเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลากหลายช่องทางผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ประชาชนที่ทนไม่ไหวกับระบอบประยุทธ์สามารถมาร่วมเข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญด้วยกันได้สะดวกมากขึ้น 

โดยสามารถโหลดเอกสารแบบฟอร์มได้จาก : https://bit.ly/3t04VTR เมื่อกรอกเอกสารและลงลายมือชื่อเรียบร้อยแล้ว จะถ่ายรูปส่งมาหรือส่งเป็นไฟล์ก็ได้ โดยสามารถส่งมาได้หลากหลายช่องทาง จะส่งผ่านไลน์ https://page.line.me/resolutioncon 

กล่องข้อความเฟสบุ๊กเพจ : https://www.facebook.com/resolutionconstitution/ 

กล่องข้อความทวีตเตอร์ : https://twitter.com/ResolutionCons

กล่องข้อความอินสตราแกรม : @ResolutionCon

ส่งผ่านอีเมล : [email protected] ก็ได้

สำหรับประชาชนที่สะดวกส่งเอกสารทางจดหมาย ก็สามารถส่งมาได้ที่ “Re-Solution สำนักงานคณะก้าวหน้า 1768 อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ ชั้น 5 ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310” และเรายังมีโต๊ะรับลงชื่อในหลายจังหวัด หากใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่นได้เลย

“หน่วยมั่นคง ทหาร-ตร.” พร้อมเข้าควบคุม พื้นที่โดยเฉพาะในแคมป์คนงานก่อสร้าง ห้ามมีการเคลื่อนย้ายแรงงานไปมาระหว่างแคมป์

พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่าในขณะนี้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้รับมอบหมายจาก ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้ฝ่ายทหารและตำรวจ บูรณาการความร่วมมือในการการจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลควบคุมการ เข้า-ออก ของคนงานในบริเวณที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่เขตหลักสี่และชุมชนคลองเตย เพื่อเป็นการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานไปมาระหว่างแคมป์ต่างๆ แล้ว

สำหรับ การเข้าไปควบคุมหรือสั่งปิดพื้นที่นั้น อยู่ในดุลยพินิจและอำนาจของเขต หรือจังหวัด โดยหากมีความจำเป็นที่ต้องใช้กำลังในด้านต่างๆ มากขึ้น จะพิจารณาสนธิกำลังทหาร-ตำรวจ เข้าสนับสนุนการปฏิบัติของ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ในการควบคุมดูแลพื้นที่ที่อาจมีความสุ่มเสี่ยงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อต่อไป

พปชร. เย้ยโควิด ยกโขยงประชุมใหญ่ 18 มิ.ย.นี้ จ.ขอนแก่น ยัน! เป็นไปตามมาตรการคุมโควิด-19

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรคพปชร. มีมติจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น จ.ขอนแก่น ทั้งนี้เป็นไปตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น อนุญาต ภายใต้มาตรการป้องกันโรคและควบคุมโรคติดต่อโควิด-19 

‘บิ๊กป้อม’ สั่งเร่งฟื้น คลองแสนแสบ มุ่งอนุรักษ์-พัฒนาสิ่งแวดล้อม-ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน พร้อมสั่งการเตรียมรองรับฤดูฝนที่กำลังจะมา

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟู คลองแสนแสบ ครั้งที่ 3/2564 โดยที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าแผนปฏิบัติการ พัฒนา ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม คลองแสนแสบ จำนวน 84 โครงการ โดยกทม.จะเสนอครม.พิจารณาภายในเดือนมิ.ย.ต่อไป พร้อมรับทราบแนวทางการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและเห็นความสำคัญของการร่วมพัฒนา โดยขอให้ทุกหน่วยงาน สร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะชุมชนริมคลอง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบโดยตรง ให้มีความเข้าใจ และเห็นประโยชน์ร่วมกัน มีความภาคภูมิใจที่จะได้ร่วมพัฒนาเชิงอนุรักษ์คลองแสนแสบให้มีความสวยงามและใช้ประโยชน์ เพื่อการสัญจรได้อย่างปลอดภัยต่อไป

นอกจากนั้น รับทราบแผนเตรียมการรองรับน้ำฤดูฝนในพื้นที่คลองแสนแสบ ตามที่กรมชลประทาน วางแผนร่วมกับ กทม.ในการแก้ไขคุณภาพน้ำ และบริหารจัดการน้ำหลาก ให้มีแผนเผชิญเหตุและแนวทางการป้องกันอุทกภัยและน้ำท่วมในพื้นที่กทม. ที่มีพื้นที่เสี่ยงบริเวณเขตหนองจอก โดยกทม. มีแผนปรับลดระดับน้ำในคลองแสนแสบ เพื่อใช้เป็นแก้มลิงรองรับน้ำฝน หากเกิดมวลน้ำจำนวนมาก เพื่อป้องกันน้ำท่วม โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบหลัก อาทิ กทม. กรมธนารักษ์ กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรมกรมเจ้าท่า กรมชลประทาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งรัดแผนงาน โครงการ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้เสร็จโดยเร็ว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กตู่’ สั่งปรับเกณฑ์ระเบียบ เชื่อมข้อมูลหนุนรัฐบาลดิจิทัล

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทราบถึงความก้าวหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ โดย สศช. เสนอให้เร่งรัดการบริหารจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้าของภาครัฐต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการและหน่วยงานรัฐ ไปปรับปรุงข้อกฎหมายและระเบียบโดยเร็วเพื่อสนับสนุนการเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ สศช. ได้รายงานว่าจากการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของรัฐในระยะที่ผ่าน เช่น กรณีการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (ทีพีแม็ป) พบว่าการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐยังมีข้อจำกัด เป็นอุปสรรคสำคัญของการขับเคลื่อนรัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยประเด็นปัญหาหลักคือ แม้ว่าจะมีกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการบูรณาการข้อมูลและพัฒนารัฐบาลดิจิทัลแล้ว เช่น พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 แต่กฎหมายและระเบียบภายในของหน่วยงานต่างๆ ยังเป็นข้อจำกัดในการเชื่อมโยงและเผยแพร่ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน

ดังนั้น สศช. จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงกฎหมายและระเบียบภายในหน่วยงานให้รองรับและสนับสนุนการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น ให้สอดคล้องกับกฎหมายหลักด้านการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล รวมทั้งสนับสนุนให้บุคลากรทุกหน่วยงานให้มีทัศนคติที่เอื้อต่อการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยชี้ให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นในการบูรณาการข้อมูลเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการพัฒนานโยบายและการปฏิบัติงานด้วยข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในสภาพแวดล้อมของประเทศที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“สมศักดิ์-อนุชา” รุดขึ้นตึกไทย ท่ามกลางกระแสปรับโครงสร้างพปชร.ปรับเลขาฯ พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้าท่ามกลางกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรคในการประชุมสามัญประจำปีวันที่ 18 พ.ค.นี้ ที่จ.ขอนแก่น โดยนายสมศักดิ์ กล่าวเพียงสั้นๆ อย่างอารมณ์ดีระหว่างเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าว่า​ “ไปร่วมบันทึกเทปเรื่องยาเสพติด ไม่ใช่ข่าวการประชุมพรรคนะ” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของนายอนุชา เข้าพบนายกฯเพื่อรายงานความคืบหน้ากรณี สถานีวิทยุโทรทัศแห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์ุได้รับลิขสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 หรือ ยูโร 2020 ที่จะมีขึ้นเวลา 02.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 

อนุชา ชี้ ประชุมใหญ่ที่ขอนแก่นไร้วาระเปลี่ยนเลขาพรรค โยน แล้วแต่บิ๊กป้อม-ยืนยัน รัฐบาลอยู่ครบวาระ ไม่มียุบสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐที่จังหวัดขอนแก่นในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ว่า สำหรับตน ยังไม่มีข่าวใดๆ ในเรื่องนี้ ส่วนที่มีข่าวอย่างนั้นอย่างนี้ก็ถือเป็นข่าวที่ถูกนำเสนอไปข้างนอก ส่วนจะมีวาระการประชุมใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นหลัก 

ผู้สื่อข่าวถาม ถึงวาระการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับตนยังไม่ได้ยินเรื่องนั้น ก็เพียงได้ยินจากข่าว ทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว หัวหน้าพรรคจะเป็นคนสั่งการทุกอย่าง ซึ่งก็คงเรียบร้อย 

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเดินทางไปร่วมประชุมพรรคพลังประชารัฐที่ขอนแก่นด้วยตัวเองใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไปร่วมด้วยอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทราบโปรแกรมโดยละเอียด ซึ่งตามหมายกำหนดการของพรรคพลังประชารัฐเป็นการประชุมเพื่อรับรองงบประมาณของพรรคตามระเบียบที่พรรคการเมืองจะต้องประชุมใหญ่สามัญเพื่อรับรอง

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรต่อกรณีที่มีเสียงสนับสนุนให้นายอนุชาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐต่อไป นายอนุชา กล่าวว่า ก็ต้องขอบคุณ ส่วนการที่ใครจะสนับสนุนใครอย่างไร หรือไม่นั้นตนคิดว่าทางพรรคเป็นสำคัญ เพราะตนไม่ได้มองว่า ใครจะเลือกที่รักมักที่ชังอย่างไร เพราะถึงอย่างไรก็แล้วแต่พรรคจะต้องเป็นสิ่งสำคัญ ใครจะคิดอ่านอย่างไรขอให้คิดถึงประโยชน์ของพรรคเป็นหลักเป็นสำคัญ ตนคิดว่าหัวหน้าพรรคเป็นผู้ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจสุดท้ายเหนืออื่นใด เพราะฉะนั้นเราต้องเคารพการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่าภายในพรรคพลังประชารัฐมีการประเมินถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการยุบสภาหรือไม่อย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องยุบสภาไม่มี ตน ยืนยันได้ ตนทำงานเต็มที่ ในคณะรัฐมนตรีทั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีก็ทำงานอย่างเต็มที่ ทุกคนช่วยกัน เรื่องของปัญหาอะไรเล็กๆน้อยๆมันย่อมมีเป็นธรรมดาอยู่แล้วของการทำงาน แต่ในเรื่องจะถึงขั้นยุบสภานั้น ไม่มีรับรองได้ ผมคิดว่ารัฐบาลคงอยู่ครบวาระ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top