Thursday, 26 June 2025
PoliticsQUIZ

ราเมศ ย้ำ ปชป. ลุยทำงานเต็มที่ ไม่กังวลกระแสยุบสภา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการออกมาให้สัมภาษณ์ของ อ.วิษณุ เครืองาม ว่าหากพระราชกำหนดเกี่ยวกับการกู้เงิน 500,000 ล้านบาท เพื่อเยียวยาผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภา การยุบสภาคือธรรมเนียม ว่าหลักการเมื่อพระราชกำหนดเกี่ยวกับการกู้เงิน 500,000 ล้านบาทเข้าสภา

ตามข้อบังคับการประชุมก็จะมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง เพราะ ส.ส.ทุกคนย่อมมีสิทธิอภิปรายตามเหตุและผลของแต่ละคนแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว ก็ต้องรอดูผลการพิจารณาของสภาก่อนว่า ส.ส. จะพิจารณามีมติให้ความเห็นชอบอนุมัติหรือไม่ การที่อาจารย์วิษณุ ตอบคำถามนักข่าวว่าหากไม่ผ่านก็ยุบสภาตามธรรมเนียม 

นายราเมศ กล่าวว่า จากการตอบคำถามดังกล่าวพรรคไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะขณะนี้ทุกฝ่ายมีหน้าที่ในการทำงานตามภาระหน้าที่อยู่แล้ว สถานการณ์ปัจจุบันกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเรื่องสำคัญมากที่ทุกฝ่าย ทักคนต้องช่วยกัน ร่วมมือกันในการแก้ปัญหาให้ประชาชนและประเทศให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ 

ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ย้ำกับทุกคนในพรรคตลอดมาว่า ให้ทุ่มเททำหน้าที่ ทำงานให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ จะเห็นได้ว่าขณะนี้ในส่วนของพรรคเดินหน้าลุยทำงานให้กับประชาชน บุคคลที่มีหน้าที่เป็นรัฐมนตรีทั้ง 7 คน ทั้ง ส.ส.ในสภา อดีต ส.ส. ตัวแทนพรรคและสาขา จับมือประสานกันทำงานในทุกพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน

ที่สำคัญไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พรรคได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้ง 350 เขตเลือกตั้ง มีบุคลากรของพรรคทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ครบถ้วน เพราะทุกพื้นที่มีความสำคัญทั้งหมดในการช่วยกันทำงานให้กับประชาชน ขณะนี้พรรคเป็นพรรคที่ร่วมรัฐบาล ร่วมกันทำงาน เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่และดีที่สุด เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าทุกสิ่งคือการตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศ

ปลัดกทม.ตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนนอกรพ. ณ SCB สนง.ใหญ่

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการทดสอบระบบ สถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล "หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย" ณ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เขตจตุจักร

สำหรับสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ณ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานคร-สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย-ธนาคารไทยพาณิชย์-โรงพยาบาลในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ได้แก่ โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล ซึ่งเป็น 1 ใน 25 สถานที่ฉีดวัคซีนของภาคเอกชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่จะเปิดให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนที่ลงทะเบียนฉีดวัคชีนโควิด-19 ในโครงการ ไทยร่วมใจ "กรุงเทพฯ ปลอดภัย" Safe Bangkok ทั้ง 3 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ www.ไทยร่วมใจ.com แอปพลิเคชันเป๋าตัง และร้านสะดวกซื้อที่ร่วมโครงการ

โดยจะเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ 3,000-5,000 คน/วัน เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและสถานที่ โดยมีสถานที่กว้างขวาง เป็นสัดส่วน มีระบบการจัดการเป็นไปตามมาตรฐานทางสาธารณสุข อาทิ การคัดกรองอุณหภูมิ การให้บริการแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ การจัดระยะห่างระหว่างบุคคล การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เป็นต้น ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ได้มีการทดสอบระบบด้วยการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่สำนักอนามัย กทม. ได้นำเข้าข้อมูลไว้ในระบบแล้ว อาทิ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และกลุ่มอาชีพเสี่ยง จำนวน 500 ราย

อนึ่ง ประชาชนที่เข้ามารับบริการฉีดวัคซีนควรเตรียมตัวเองให้พร้อม ได้แก่ งดการออกกำลังกายอย่างหนัก 2 วันก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน นอนพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารมาให้เรียบร้อย ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 500-1,000 ซีซี งดชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และนำบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย

“บิ๊กตู่” ย้ำตรึงเข้มชายแดน กำชับปราปราม ลักลอบเปิดพนันออนไล์ พร้อมร่วมกันกระจายกำลังตรวจเชิงรุกพื้นที่ชั้นในคุมป้องโควิดให้อยู่

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ  ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ  ช้างมงคล รมช.กลาโหม พร้อมปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. ,หน่วยขึ้นตรวกระทรวงกลาโหม (นขต.กห.)  เหล่าทัพ และ ตร. เพื่อติดตามสนับสนุนการขับเคลื่อนช่วยเหลือประชาชนแก้ปัญหาโควิท 19 

โดย พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกระฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ กอ.รมน. รวมทั้งทุกเหล่าทัพ และ ตร. ให้ความสำคัญ เพิ่มการเฝ้าระวังป้องกัน สกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายและคุมเข้มมาตรการคัดกรองโรคในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะชายแดนมาเลเซีย เมียนมาและกัมพูชา เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่อาจมาพร้อมกับโควิดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ยังพบสถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา

พร้อมกับให้เฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ผิดกฎหมายโดยไม่ผ่านการกักกัน ซึ่งตรวจพบโรคระบาดสัตว์ติดมา  ทั้งนี้ ขอให้ กอ.รมน.ประสานกับฝ่ายปกครอง กระจายเข้าตรวจสอบสถานประกอบการในพื้นที่ เพื่อควบคุมและดำเนินการตามกฏหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้เกี่ยวข้องในทุกกรณี  

“ทั้งนี้ได้ให้ติดตามการลักลอบเปิดบ่อนพนันออนไลน์ ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องทุกระดับไม่มียกเว้น  ขณะเดียวกันขอให้ติดตามข่าวปลอมที่กระทบต่อความมั่นคงและสร้างปัญหาให้เกิดความเข้าใจผิดกับประชาชน ที่ปรากฎมากขึ้นในปัจจุบัน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนโดยเร็ว”พล.ท.คงชีพ กล่าว  

นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แสดงความห่วงใยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ โดยย้ำขอให้ประสาน สธ. ขอรับการสนับสนุนวัคซีน เพื่อเร่งกระจายฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด่านหน้า

ก่อนปิดห่รประชุม พล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ เตรียมความพร้อมสนับสนุนกำลังพล ยานพาหนะและสิ่งอุปกรณ์เข้าช่วยเหลือ สธ.และฝ่ายปกครอง เพื่อเข้าบริหารจัดการควบคุมโรคเป็นพื้นที่ โดยเฉพาะ กทม.และ กรมราชทัณฑ์ ที่พบการแพร่ระบาดของโรคในที่พักคนงานและหลายชุมชน รวมทั้งเรือนจำต่างๆ  ทั้งนี้ขอให้มีมาตรการป้องกันและดูแลคัดกรองอย่างเข้มข้นในเรือนจำทหารควบคู่กันไปด้วย

‘เจ้เป้า’โล่ง ป.ป.ช. ยกคำร้อง คดีฝายแม้ว พ้อ 13 ปี เสียใจ-ทุกข์ใจ อนุกก.ไม่เคยเรียกสอบแม้แต่ครั้งเดียว   

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวกรณีที่คระกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช. )มีมติยกคำร้อง คดีโครงการฝายแม้ว 770 ล้านบาท ว่า ขอขอบคุณป.ป.ช. ที่ให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมารู้สึกเสียใจและทุกข์ใจ วันนี้เป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว แต่ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกช่วงที่ผ่านมาได้ เพราะมองหน้าใครไม่เต็มตามาเป็นเวลานานหลายปี เนื่องจากหลายคนเสพสื่อที่กล่าวหาตนต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 13 ปี เรื่องนี้เหมือนนวนิยายลึกลับ เพราะเริ่มจากมีคนร้องเมื่อปี 2551 แต่พอมีคนไปถามคนร้อง กลับบอกว่า ไม่ได้เป็นผู้ร้อง จากนั้นในปี 2552  ป.ป.ช. ส่งคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่ผ่านมา 13 ปี เปลี่ยนคณะอนุกรรมการไปหลายชุด ก็ไม่เคยเรียกไปสอบปากคำแม้แต่ครั้งเดียว  และเมื่อกลางปี 2563 ก็ได้รับแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในข้อความ ก็เหมือนนิยาย เนื่องจากเวลาผ่านมานานมาก และก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมเอกสาร เพื่อประกอบคำชี้แจง ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก 

“เอกสารที่เจอ คือ เขาไปตรวจพื้นที่สร้างฝาย เมื่อปี 62 แต่ฝายแม้ว มีอายุอย่างมาก 3-5 ปี  ซึ่งฝายชุดนี้ สร้างเมื่อปี 51 ผ่านมา 12 ปี เหลือให้เห็นบ้าง ก็ต้องยกให้เป็นวีรสตรีกันแล้ว  และที่สำคัญหลายปีมาแล้ว กรมบัญชีกลาง ก็แจ้งว่าราชการไม่เสียหาย แต่เขาก็ไม่นำมาประกอบการพิจารณา โดย ป.ป.ช.บางคนจะเอาผิดให้ได้ และการปรับงบประมาณในครั้งนั้น เกิดจากมติ ครม. รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน และต้องเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งหลายกระทรวงก็พากันทำฝาย รวมทั้งกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก” 

นายกฯ สั่งการ รมว.เฮ้ง จับมือฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ลงพื้นที่นครปฐม ตรวจสอบต่างด้าวป้องกันลักลอบทำงานผิดกฎหมาย 

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ 
พลตำรวจตรีนันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าวเพื่อป้องกันการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สอดคล้องตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่สั่งการให้กระทรวงแรงงาน บูรณาการกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตลอดจนการควบคุมสถานการณ์ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แก่แรงงานในสถานประกอบการอีกด้วย 

พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ ผมได้รับมอบหมายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น 
ให้ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยมี นายอภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายอำเภอบางเลน ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครปฐม กอ.รมน.จังหวัดนครปฐม และจัดหางานจังหวัดนครปฐม เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ตลาดกลางปลาน้ำจืด บางเลนพัฒนาการประมง อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งจากการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว พบผู้กระทำความผิดเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตทำงาน และ ใบอนุญาตพำนักอาศัยในราชอาณาจักรไทยสิ้นสุด จำนวน 10 ราย ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้นำตัวไปดำเนินคดีต่อไป 

ทั้งนี้ หากตรวจพบนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี หากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

“บิ๊กแก้ว” ปช. ส่วนราชการ ร่วมบูรณาการและขับเคลื่อนการบริหารจัดการชายแดนภายใต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด  (ผบ.ทสส.) ในฐานะผู้อำนวยการปฏิบัติจัดการประชุมบูรณาการและขับเคลื่อนการบริหารจัดการชายแดนภาคใต้ พร้อม หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 โดยมี นโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการหารือถึงแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามกรอบแนวทางที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้มอบไว้ในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด19 ของจังหวัดชายแดน เมื่อวันที่ 24 พ.ค.64 

ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมพล  ได้เน้นย้ำให้จังหวัดชายแดนมีความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติด และสินค้าผิดกฎหมาย ตลอดจนการดำเนินมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ในพื้นที่ชายแดน โดยให้บูรณาการการดำเนินงานของทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ผ่านกลไกศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด ซึ่งเป็นกลไกของกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (กอ.นชท.)  เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติงานร่วมกันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกลไก 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนท้องถิ่น ส่วนภูมิภาค และส่วนกลางหรือระดับนโยบาย โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะรองผู้อำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้ควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด

ผบ.ทสส. ได้เน้นย้ำให้ศูนย์ปฏิบัติการเหล่าทัพ โดย กองทัพภาคที่ 1-4 ทัพเรือภาคที่ 1-3 และ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในฐานะศูนย์ควบคุมชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้การสนับสนุนการปฏิบัติของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด ทั้งในพื้นที่ชายแดนทางบก และทางทะเล เพื่อให้การปฏิบัติเกิดการบูรณาการจากทุกภาคส่วนมีความเป็นเอกภาพ สำหรับการปฏิบัติในพื้นที่ชายแดน พื้นที่ถัดจากชายแดน และพื้นที่ตอนในนั้น จะต้องมีความประสานสอดคล้อง เชื่อมโยงกันในลักษณะโครงข่าย เพื่อให้การปฏิบัติมีความต่อเนื่อง มีการติดต่อสื่อสารที่ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการ 

ในที่ประชุมได้ขอให้กระทรวงแรงงาน ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากนายจ้างหรือผู้ประกอบการที่มีความต้องการใช้แรงงานต่างด้าว ดำเนินการจัดหาหรือจ้างแรงงานให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการตรวจสอบ หรือสืบสวน สอบสวน กรณีมีการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการหลบหนีเข้าเมือง จากกลุ่มขบวนการ ผู้นำพาหรือนายจ้าง เป็นต้น 

ทั้งนี้  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักและปฏิบัติงานตามหน้าที่รับผิดชอบอย่างเต็มขีดความสามารถ เพราะทุกหน่วยงานถือเป็นส่วนหนึ่งของกลไกในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนกลไกให้เป็นไปอย่างประสานสอดคล้องตามหน้าที่ของแต่ละส่วน โดยขอให้มีการปรึกษาหารือและประสานการปฏิบัติระหว่างกันโดยใกล้ชิดในทุกมิติ เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 

“รมช.มนัญญา” กำชับ อ.ส.ค. และสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมเฝ้าระวังการแพร่ระบาด “โรคลัมปี สกิน” ไม่ให้กระทบอุตสาหกรรมโคนมประเทศ นำทีมผู้บริหารฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง อ.ส.ค. จ.สระบุรี

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิด "โครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี สกิน" (Lumpy Skin Disease) ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี  โอกาสนี้ได้มอบสิ่งของเวชภัณฑ์/ยาฆ่าแมลง พร้อมถังฉีดพ่นให้กับสหกรณ์เขตภาคกลาง 15 แห่งที่ส่งน้ำนมให้ กับ อ.ส.ค. และร่วมฉีดพ่นยาฆ่าแมลงซึ่งเป็นพาหะของโรคลัมปี สกิน ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง อ.ส.ค. จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมฟาร์มเกษตรกร พร้อมชมการฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ณ ณัฎฐ์ฟาร์ม ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

รมช.มนัญญา กล่าวว่า "จากสถานการณ์การระบาดของโรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease) ที่ยังวิกฤติหนักในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือทั่วประเทศ  ตนในฐานะกำกับดูแล อ.ส.ค. มีความห่วงใยต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจึงได้สั่งการให้ อ.ส.ค. เฝ้าระวังโรคในพื้นที่พร้อมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด และให้รายงานสถานการณ์ให้ทราบอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม หากไม่เร่งยับยั้งการระบาดในพื้นที่ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม อาจส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของเกษตรกรและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศในอนาคตได้" รมช.มนัญญา กล่าว

สุวัจน์ - ราชภัฎโคราช หนุน ช่วยชาวโคราช กู้วิกฤติ โควิด-19 ผลิตพยาบาล พัฒนาอาชีพ - ช่วยผู้ประกอบการ -กระตุ้นท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี  ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา ได้กล่าวกับ ผศ. ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี คณาอาจารย์ และเจ้าหน้าที่บุคลากรของมหาวิทยาลัย ในที่ประชุมบุคลากรของมหาวิทยาลัยประจำปีการศึกษา 2564 ในหัวข้อ “การปรับตัวของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมาภายหลังโควิด- 19” ผ่านการประชุมทางไกล ว่า ความสำเร็จของการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 คือ ต้องเร่งรัดการได้มาของวัคซีน ที่มีจำนวนเพียงพอจากทุกแหล่ง ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อเร่งระดมฉีดให้กับประชาชนทั้งประเทศ เพื่อเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ที่วางแผนไว้ประมาณ 100 ล้านโดสให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปีนี้ ยิ่งวัคซีนฉีดเร็ว โควิดก็จะจบเร็ว โควิดจบเร็ว เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวเร็ว

หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับภัยโควิด-19 จบ ซึ่งขณะนี้ก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จาก พรก.กู้เงินฉบับใหม่อีก 5 แสนล้านบาท ขณะนี้ปัญหา คือ ความเดือดร้อน และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน การตกงาน ผู้ประกอบการขาดทุน เลิกกิจการ รวมทั้งความวิตกกังวลในเรื่องของโรคระบาด เรื่องความเจ็บป่วย การสูญเสียชีวิตต่างๆ ขอให้ ชาวราชภัฎทุกท่านร่วมกันคิด และแสวงหาทางออกในสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ และร่วมกันออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาเดือนร้อนตามบทบาทหน้าที่ และเจตนารมณ์ของการก่อตั้งมหาวิทยาลัย เพื่อตอบสนองความต้องการและปัญหาของท้องถิ่น 

ที่ผ่านมาอธิการบดี ผู้บริหาร และนักศึกษา ได้ออกไปทำประโยชน์ช่วยเหลือสนับสนุนการแก้ปัญหาโควิด-19 ให้กับชาวโคราชเป็นอย่างดี  การออกไปช่วยเป็นจิตอาสาร่วมกับโรงพยาบาลมหาราชในการรับลงทะเบียนการฉีดวัคซีน การสนับสนุนคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ การออกไปมอบสิ่งเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับผู้ที่เดือดร้อน 

ในเรื่องเศรษฐกิจก็ออกไปช่วยให้คำแนะนำด้านวิชาการในการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การออกไปช่วยพัฒนาแหล่งน้ำตกเหวเสมา น้ำตกหินทรายที่สีคิ้ว การจัดทำผังแม่บทของการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม ของวัดบ้านไร่ การเป็นแกนหลักรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยราชภัฎในการผลักดันให้โคราชเป็น GEO PARK เพื่อสร้างโคราชให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เมื่อโควิดจบพวกเราต้องพร้อมกันออกไปช่วยเรื่องเศรษฐกิจกันต่อ ช่วยคนตกงาน ช่วยสร้างอาชีพให้กับพวกเขา ช่วยเสริมสร้างทักษะและขีดความสามารถให้กับ SMEs และผู้ประกอบการ ให้ยืนอยู่ต่อสู้กับวิกฤตให้ได้ 

และนอกจากนั้นมหาวิทยาลัยโดยความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัยได้มีมติอนุมัติให้มีการจัดตั้งคณะพยาบาลศาสตร์ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการขนาดแคลนบุคลากรทางด้านสาธารณสุขให้เพียงพอ เพื่อต่อสู้กับปัญหาการโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นอีก และดูแลสุขภาพให้ชาวโคราช  โดยจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2565 นี้โดยจะรับรุ่นที่ 1 ได้ถึง 72 คน “ผมขอเชิญชวนชาวราชภัฎโคราช ร่วมมือร่วมใจ ผนึกกำลังกันกับคนชาวโคราชตามบทบาทหน้าที่ของการเป็นสถาบันการศึกษาเพื่อฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน เพื่อความอยู่ดี กินดี ของชาวโคราชตลอดไปครับ”

‘สมศักดิ์’ ชี้ ‘วัคซีนโควิด’ เป็นทางออกสกัดแพร่เรือนจำ แนะอย่าตกใจตัวเลข เพราะเป็นพื้นที่ปิด ระบุสร้างคุกเพิ่มเป็นไปไม่ได้ โอดตอนนี้ผู้ต้องขังล้นเรือนจำ

วันที่ 31 พ.ค.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงมาตรการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำว่า ถ้าเข้าใจว่าการเว้นระยะห่าง จะไม่สงสัยว่าทำไมถึงติดเชื้อในเรือนจำ เพราะนับตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมตัวเลขผู้ต้องขังมีจำนวน 3.9 แสนคน ซึ่งล้นเรือนจำ แต่ได้บริหารจัดการจนลดลงบ้าง ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้ต้องขังควรมีพื้นที่นอน 2.25 ตารางเมตรต่อคน แต่วันนี้ยังไม่ถึง 1.2 ตารางเมตรต่อคน และยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานเว้นระยะห่าง 1.5-2 เมตรต่อคน แล้วจะไม่ให้ติดได้อย่างไร ถ้าจะแก้โดยการสร้างเรือนจำเพิ่มให้ได้มาตรฐานสากล ต้องสร้างอีกเป็นร้อยเรือนจำ โดยเรือนจำหนึ่งใช้เงินประมาณ 1.5 พันล้านบาท จะใช้เงินทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วิธีการที่เร็วที่สุดในขณะนี้ คือแจ้งไปถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นำวัคซีนไปฉีดในเรือนจำที่มีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ เพื่อสกัดไว้ก่อน ส่วนรายละเอียดเรื่องนี้ นายกฯ และรมว.สาธารณสุขจะแถลงเอง เราแค่ยื่นความจำนงเข้าไป เพราะการที่เชื้อโรคจะแพร่เข้าไปมีหลายทาง ตัวอย่างหนึ่งคือที่เชื้อในอากาศ หรือแอร์บอร์น และถึงแม้จะมีตัวเลขในเรือนจำเยอะ แต่ติดในพื้นที่จำกัด และหายไปตามระยะเวลา ซึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนราธิวาส เป็นต้น ฉะนั้นอย่างไปตกใจกับตัวเลข ส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ได้สั่งการให้เปิดพื้นที่เรือนจำเบา ให้รับผู้ต้องขังใหม่ไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังเดิม เป็นการทำเพื่อรอวัคซีน ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่และวัคซีนมีมาแน่ และเรารอได้ เพราะการซื้อของหรือจ้างเหมาก็ต้องมีสัญญา

เมื่อถามว่าเนื่องในวันพิเศษจะมีพระราชทานอภัยโทษ จะมั่นใจได้อย่างไรผู้ต้องขังจะไม่ติดเชื้อโควิด นายสมศักดิ์ กล่าวว่าการขอพระราชทานอภัยโทษในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครั้งนี้ ยังมีเวลาอีก 58 วัน ซึ่งวัคซีนที่ขอไปจะฉีดให้คนไม่ติดเชื้อ สำหรับผู้ป่วยติดเตียงให้ออกมาด้วย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ดรุณวรรณ รองโฆษก ปชป. แนะ “รัฐ” คุยกันให้จบก่อนสื่อสาร หยุดสร้างความสับสน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าจากกรณีที่เมื่อวานนี้ (31 พฤษภาคม 2564) คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครได้มีประกาศครั้งที่ 15/2564 มีมติให้ผ่อนปรนมาตรการสำหรับสถานประกอบการ 5 ประเภท มีผลวันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป ในส่วนของสถานประกอบการบางประเภทไม่พบคลัสเตอร์การระบาดแต่อย่างใด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของภาคธุรกิจ และให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ ภายใต้มาตรการของรัฐที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในช่วงเย็นของเมื่อวานนี้

แต่ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ศบค. ได้ออกมาประกาศให้ใช้ประกาศกรุงเทพมหานครขยายการปิดกิจการและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงทั้งหมด ตามประกาศฉบับที่ 29 ออกไปอีก 14 วัน ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.64 เป็นต้นไป จากกรณีดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เกิดการตรวจสอบและพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นการให้ข่าวในประเด็นเดียวกันแต่สื่อสารกันคนละเรื่อง 

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อด้วยว่า ทุกวันนี้วิกฤตสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมก็มากพออยู่แล้ว จึงไม่ควรทำให้เกิดวิกฤตการสื่อสารขึ้นมาอีก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่การสื่อสารของภาครัฐในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกัน พูดเรื่องเดียวกัน แต่ไปคนละทิศคนละทาง สร้างความสับสนให้ประชาชน และส่งผลต่อการดำเนินชีวิต รวมถึงการวางแผนในการประกอบธุรกิจด้วยเช่นกัน เพราะบางธุรกิจต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งคนและของ การให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันยิ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการหลายคนที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้วจากสถานการณ์โควิด-19

การสื่อสารในภาะวิกฤต ด้วยการใช้ Single Message คือใช้ข้อความชุดเดียวกันในการแจ้งข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก  ในกรณที่ต้องสื่อสารหลายหน่วยงานร่วมกัน ในประเด็นเดียวกัน เพื่อให้สื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน

“อยากให้ผู้เกี่ยวข้อง คุยกันมากขึ้น สื่อสารกันภายในมากขึ้น ก่อนสื่อสารออกมายังสาธารณะ เพราะการสื่อสารบางประเด็นส่งผลกระทบต่อคนในวงกว้าง ต้องพิจารณาและทบทวนให้ดีก่อนสื่อสาร โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียที่สามารถเผยแพร่ออกไปได้รวดเร็ว การรีบสื่อสารในขณะที่ข้อมูลยังไม่ชัดเจน เพียงต้องการให้ได้พื้นทื่สื่อ แต่ไม่คุ้มกับความเสียหายที่จะตามมา”

นางดรุณวรรณ กล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นนักสื่อสาร การออกมานำเสนอความเห็นในครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น ส่วนตัวเอาใจช่วยทุกฝ่ายมาโดยตลอด และเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำงานอย่างหนัก ซึ่งก็มีโอกาสที่จะพบกับความผิดพลาดได้บ้าง แต่ไม่ควรเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะการสื่อสารเป็นสิ่งที่สามารถบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top