Wednesday, 14 May 2025
Politics

‘ลูกพีช’ ชนะการเลือกตั้ง สะท้อน!! การเมืองแบบไทย ที่ยังไงก็วนเวียนอยู่แบบนี้ คนจะเลือก คือยังไงก็เลือก และมีคนอีกไม่น้อย นอนหลับทับสิทธิ์ ขี้เกียจออกไปเลือก

(12 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Chalermporn Tantikarnjanarkul’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

แปลกดีแต่ไม่แปลกใจที่ลูกพีชชนะการเลือกตั้ง เพราะการเมืองแบบไทยๆ ก็วนเวียนอยู่แบบนี้

1. คนจะเลือกคือยังไงก็เลือก จะดีจะเลวไม่สน ถ้าฉันได้ประโยชน์ก็คือจบ

2. การเมืองท้องถิ่นนี่ผลพลิกน้อยมาก หลายๆที่บอกกันว่า คะแนนแทบจะคอนโทรลได้หมด มีหัวคะแนน นับกันละเอียด ต้องทำยังไงถึงชนะ ต้องมีกี่คะแนน วางไว้หมดแล้ว

3. เรื่องซื้อเสียงคือเรื่องปกติในหลายพื้นที่ (แต่ไม่ได้หมายถึงธัญบุรีนะ เดี๋ยวโดนฟ้องตาย) บางคน เลือกตั้ง สส. ไม่ค่อยอยากกลับภูมิลำเนา เพราะได้เงินไม่คุ้มเดินทาง แต่เลือกตั้งท้องถิ่นเนี่ย ของโปรด จ่ายกันเต็มที่

4. อย่างลูกพีชเนี่ย โดนด่ากันเยอะ คนไม่ชอบก็คงเยอะ แต่ไม่ชอบแล้วไง ถึงเวลาก็คงมีคนอีกไม่น้อยที่ขี้เกียจออกไปเลือกอยู่ดี 

5. สุดท้ายก็อดสงสัยเหมือนเดิมไม่ได้ แค่สภาเทศบาล นี่กระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะเป็นกันให้ได้จัง ช่างมีหัวใจยิ่งใหญ่อยากทำเพื่อส่วนรวมกันจริงๆ ก็ขอให้คนที่มีเจตนาดี เขาเจริญๆละกัน

'ใบตองแห้ง' โพสต์ถึง ‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ มองเบื่อปัญหาภายในพรรค ทัศนคติ วิธีการทำงาน ยังหวังให้เป็น ‘เครื่องด่าที่ทรงพลัง’ ต่อไป แต่ไม่ต้องไปเป็น ‘ผู้ช่วยหาเสียง’ แล้ว

(12 พ.ค. 68) นายอธึกกิต แสวงสุข หรือที่หลายคนรู้จักในนาม 'ใบตองแห้ง' คอลัมนิสต์ที่คร่ำหวอดในแวดวงสื่อมวลชนมานาน ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ...

คำประกาศ ถ้าแพ้ วางมือทางการเมือง

อันที่จริง ถ้ามองอย่างคนที่ติดตามมานาน

คุณเจี๊ยบน่าจะเบื่อปัญหาภายในหลายอย่าง ทั้งทัศนะ วิธีการทำงาน ไม่ตรงกับคนใหม่บางส่วนในพรรค (เช่นสวนกระแสเรื่องปูอัด) 
ตัวเองก็ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารแล้ว ถูกตัดสิทธิแล้ว 

ถ้าเทศบาลนครปฐมแพ้ ก็ไม่มีภาระต้องรับผิดชอบโดยตรงอีกต่อไป ไปเที่ยวไปพักผ่อนเลี้ยงหลานดีกว่า

แต่พอประกาศออกมากลางคัน กลางสนามหาเสียง
คนก็ไปมองว่า คุณเจี๊ยบเอาตัวเองมาขู่ พูดแบบนี้ได้ไง แพ้จะวางมือ 
พูดผิดจังหวะ

หวังว่าคุณเจี๊ยบจะยังเป็น Active Citizen เครื่องด่าที่ทรงพลังต่อไป ไปร่วมกิจกรรม ไปเยี่ยมเด็กๆที่ติดคุก เหมือนที่ทำมาตลอด แต่ไม่ต้องไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงแล้ว

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เผย!! เตรียมชำแหละงบ 2569 ลดงบไม่จำเป็น ย้ำ!! งบประมาณต้องใช้อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ

(12 พ.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า 

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กำชับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนเร่งศึกษาข้อมูลและทำการบ้านเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2569 

เนื่องด้วยเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภา สส.ได้ลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ ทางพรรคก็จะมีการนัดประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะเป็นตัวแทนพรรคเข้าไปอยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการฯ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว 

ทั้งนี้สิ่งที่นายพีระพันธุ์ และนายเอกนัฏ เน้นย้ำกับ สส.พรรค ก็คือการตรวจสอบและปรับลดงบประมาณที่เกินความจำเป็นในแต่ละกระทรวง เพื่อให้ทุกหน่วยงานใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ เนื่องจากปัจจุบันงบประมาณแผ่นดินมีจำกัด ทั้งยังต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเห็นควรว่างบประมาณต้องใช้เฉพาะกับโครงการหรือสิ่งที่จำเป็นและเหมาะสมเท่านั้น สิ่งใดไม่จำเป็นก็ให้เสนอปรับลดงบประมาณลงทันที

“สิ่งสำคัญเกี่ยวกับแนวทางการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ งบประมาณทุกอย่างต้องถูกใช้ไปกับสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น หากงบใดหรือโครงการใดที่หน่วยงานรัฐไม่สามารถชี้แจงได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลหรือดูแล้วไม่เหมาะสม ก็ให้ สส. พรรคเสนอปรับลดงบประมาณลง เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคำนึงถึงการใช้งบประมาณที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและต้องช่วยแก้ไขปัญหาของพ่อแม่พี่น้องทุกคนได้อย่างแท้จริง" นายอัครเดช กล่าว

ทั้งนี้ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ 2569 คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำว่าจะดำเนินการพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด

'อ.ไชยันต์' ยกธรรมะ!! นิยามความเมตตา สรุปใช้ไม่ได้กับ 'ทักษิณ' ชี้!! เมตตาเท่าเทียมกัน แต่ไม่ใช่ปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกัน

(12 พ.ค. 68)  ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความเมตตา กับคุณทักษิณ” โดยระบุว่า …

ช่วงนี้ มีคนมากกว่าหนึ่งคนออกมาขอให้สังคมมีความเมตตาต่อคุณทักษิณ ผมเลยไปหาความรู้เกี่ยวกับความเมตตา เพราะก่อนจะเมตตา น่าจะต้องมีปัญญากำกับ เลยได้ความมาดังนี้ครับ “เมตตาเท่าเทียมกัน แต่ไม่ใช่ปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกัน”

“ท่านเคยเปรียบเทียบเหมือนคนเลี้ยงม้า ท่านไปสอนคนเลี้ยงม้า บอกม้าบางตัวนิสัยมันดี ว่าง่ายสอนง่าย เขาก็ให้มันกินอาหารพอดีๆ พามันออกกำลังกาย พามันฝึก บางตัวมันดื้อเขาก็ทรมานมันต่างๆ นานาเพื่อปราบพยศมัน บางตัวสอนไม่ได้ฝึกไม่ได้ พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้าเจอม้าเกเรฝึกไม่ได้จะทำอย่างไร เขาบอกเขาก็ฆ่าทิ้ง

พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าท่านก็ทำแบบเดียวกัน ตัวไหนดีท่านก็อบรมอย่างเรียบร้อย ไม่ดุเดือดอะไร พวกที่หยาบหน่อยก็สั่งสอนแบบดุเดือดหน่อย พวกสั่งสอนไม่ได้ท่านฆ่าทิ้ง ฆ่าทิ้งคือไม่สอน

ถ้าจิตใจเรากระด้างจนครูบาอาจารย์ไม่สอน รู้เลยเราเป็นม้าระดับถูกฆ่าทิ้ง ฉะนั้นถ้าครูบาอาจารย์ยังดุด่าว่ากล่าวอยู่ แสดงว่ายังเป็นม้าชนิดฝึกได้อยู่

ความเมตตา ไม่ใช่ว่าเมตตาแล้วปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกัน อย่าเข้าใจผิดว่าถ้ามีความเมตตาแล้ว เราปฏิบัติกับคนดีคนชั่วเสมอกัน คนหยาบคนละเอียดเสมอกันอะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ๆ

ถึงเราเมตตาเท่าเทียมกันกับคนทุกคน แต่การปฏิบัติ ปฏิบัติให้สมควรแก่คนๆ นั้นที่เขาจะได้ประโยชน์สูงสุด เราอยู่ในบริษัท ลูกน้องเราเยอะ เราเมตตาทุกคน เรารู้ว่าแต่ละคนมีความทุกข์ทั้งนั้น เราเมตตาทุกคน คนไหนมีฝีมือนิสัยดีก็โปรโมต ให้เขาเติบโตไป ให้โอกาสเขาทำงาน

คนซึ่งแย่ลงมาคุณสมบัติบกพร่องตรงนั้นตรงนี้ ก็สั่งสอน สั่งสอนแล้ว ให้โอกาสปรับตัว ให้โอกาสทำงาน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ออก ให้ออกก็คือเหมือนเราฆ่าทิ้ง ถามว่าฆ่าทิ้งด้วยความโหดร้ายทารุณไหม ไม่ใช่ เมตตามาก่อนแล้ว สุดท้ายก็ลงที่อุเบกขา

สัตว์โลกแต่ละตัวๆ มันมีอัธยาศัยใจคอแตกต่างกัน บางตัวยังหยาบเกินไป ก็ต้องปฏิบัติกับเขาอย่างหนึ่ง

นอกจากนี้ ศ.ดร.ไชยันต์ ได้เขียนในคอมเมนต์ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยว่า 

ท่านได้รับความเมตตา อภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปีมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้น เชื่อว่าคนไทยเราก็เตรียมใจให้อภัยและมีเมตตาให้ท่าน หากท่านสำนึกน้อมรับการจำคุก ที่จริงคนระดับท่านถูกจำคุกจริงๆ ไม่ต้องถึงปี ดีไม่ดี คนไทยขี้สงสารใจอ่อน ท่านจะออกมาใส่กำไลอีเอ็มกลับไปอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ก็คงไม่มีใครว่า รังแต่จะมีความเมตตาเห็นใจท่าน แต่ท่านไม่เข้าใจความเมตตาของคนไทยที่พร้อมจะให้ท่าน ท่านกลับคิดถึงแต่ตัวท่านเอง และยังมีทิฐิอยู่มาก

ฝากขัง ‘สจ.กอล์ฟ’ รุมตื้บตร.หน่วยเลือกตั้ง รับสารภาพทุกข้อหา คัดค้านประกันตัว

(13 พ.ค. 68) นายสิรดนัย พลายด้วง หรือ 'สจ.กอล์ฟ' สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา พร้อมนายสมยศ พลายด้วง สส.เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นบิดา หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะลงคะแนนเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครสงขลา โดยมีคลิปปรากฏว่า สจ.กอล์ฟ สั่งการให้ลูกน้องรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต คงเทพ เจ้าหน้าที่ ตชด. ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบหน้าหน่วยเลือกตั้ง

ตำรวจคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน โดยควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา เพื่อรอส่งศาลจังหวัดในวันนี้ (13 พ.ค.) ด้าน พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ สตช. บินด่วนลงพื้นที่ พร้อมนำทีมบุกค้นบ้านพักผู้ต้องหาทั้ง 7 จุด โดยเฉพาะบ้าน 'สจ.กอล์ฟ' ซึ่งพบเสื้อผ้า โทรศัพท์ ตู้เซฟ และพยานหลักฐานสำคัญ รวมถึงข้อความแชตก่อนก่อเหตุ ขณะที่อาวุธปืนและรถยนต์ถูกนำไปเก็บไว้ที่บ้าน สส.สมยศ

จากการสอบสวนเบื้องต้น 'สจ.กอล์ฟ' ยอมรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิดและพยานจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ชัดเจนทั่วประเทศ พล.ต.อ.ธนายุตม์ ยืนยันจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และเตรียมขุดรากถอนโคนกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม

พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง รองนายกสมาคมตำรวจ ลงพื้นที่เยี่ยม ด.ต.นิสาธิต ผู้บาดเจ็บ พร้อมรับฟังความห่วงใยจากมารดา ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยจากการเผชิญกลุ่มอิทธิพลในท้องถิ่น โดยตำรวจย้ำคดีนี้ไม่ปล่อยผ่าน กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ พร้อมเดินหน้าปราบปรามอย่างเด็ดขาด และขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเว็บไซต์พนันที่อาจเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาได้ทันที

'เอกนัฏ' ลั่น รทสช. อยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ และผลงาน พร้อมหนุน 'พีระพันธุ์' สู้ข้อกล่าวหา ป.ป.ช. - ทำผลงานต่อ

(13 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าว สส. ของพรรคย้ายสังกัด ว่า จากการพูดคุยกับ สส. หลายคน พบว่ายังคงลงพื้นที่ทำงานอย่างแข็งขัน ทั้งสนับสนุนการเลือกตั้งท้องถิ่นและพบปะประชาชน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงเชื่อมั่นว่าทุกคนยังตั้งใจทำงานร่วมกับพรรค รทสช. ที่ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาประชาชนมากกว่าความขัดแย้งทางการเมือง พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาพรรคได้ทำหน้าที่ในกระทรวงอุตสาหกรรมและพลังงานอย่างเต็มที่ แม้จะมีแรงเสียดทานก็ตาม

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช.เตรียมจะย้ายไปอยู่กับพรรคกล้าธรรม ได้มีการพูดคุยกับนายสุชาติหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า ไม่ทราบเลยจริงๆ ตนคิดว่าอย่าต้องมากังวลกับผู้บริหารของพรรคเลย ตนเรียนกับทุกคนเลยว่า เมื่อไหร่พรรคการเมืองทุกพรรคยึดมั่นในอุดมการณ์ ทำงานให้ผลงานเป็นที่ปรากฏ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว มีคนไปก็มีคนมา ตนจะบอกว่าพรรค รทสช.อยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยการนำผลประโยชน์ กองกำลัง หรือการจับกลุ่มก้อนมาตั้งกองกำลัง ซึ่งไม่ใช่ พรรคต้องอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์และผลงานที่ปรากกฎต่อสาธารณชน

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาทางจริยธรรมต่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรณีติดสติ๊กเกอร์บนถุงยังชีพของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งและนำไปแจกขณะลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช นั้น นายเอกนัฏ แสดงความมั่นใจว่า นายพีระพันธุ์พร้อมรับการตรวจสอบและสามารถชี้แจงได้ ไม่มีประเด็นใดน่ากังวล พร้อมยืนยันว่า ตนเองและสมาชิกพรรคทุกคนให้การสนับสนุนนายพีระพันธุ์อย่างเต็มที่ ทั้งในกระบวนการทางกฎหมายและการทำงาน โดยเฉพาะความพยายามในการดูแลราคาพลังงาน

เมื่อถามถึงมุมมองต่อการที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนนายพีระพันธุ์อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ ย้ำว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือเสียเวลาวิเคราะห์ความขัดแย้งทางการเมืองและข้อกล่าวหาต่างๆ เพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ มีแต่จะทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย โดยตนเองเลือกที่จะนำเวลามามุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากสงครามการค้าโลก การปฏิรูปภาคอุตสาหกรรม และการจัดการกับการลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ

นายกฯ รับเสียดาย ‘ทักษิณ’ พลาดพบ ‘ทรัมป์’ ที่กาตาร์ ยันพ่อป่วยจริง-เตรียมไปศาลตามนัด 13 มิ.ย. นี้

(13 พ.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปกาตาร์ ทำให้พลาดโอกาสพบ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจช่วยเปิดทางเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ ได้ โดยย้ำว่าทักษิณป่วยจริง มีประวัติการรักษามายาวนาน และจะขึ้นศาลตามนัดในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

นายกฯ ยืนยันว่าแพทยสภายังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ และไม่เคยมีใครระบุชัดว่าเป็น 'การป่วยทิพย์' พร้อมระบุว่าตนเองไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้โดยตรง เพราะเหตุเกิดก่อนดำรงตำแหน่ง แต่ยอมรับว่ารู้สึกว่ากระทบมาตลอดตั้งแต่มีคำพิพากษาคดีของบิดา

สำหรับประเด็นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ นายกฯ เปิดเผยว่าได้ส่งรายงานไปยัง สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR)  แล้ว และรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อหารืออย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าการที่จีนหรือชาติอื่นคืบหน้ากว่าไทยไม่ได้หมายถึงว่าไทยล่าช้า เพราะมีการพูดคุยกันในหลายระดับแล้ว

ส่วนกรณีข่าวสหรัฐฯ ระงับวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทยจากกรณีอุยกูร์ นายกฯ ระบุว่ายังไม่แน่ใจว่ามีการปลดล็อกหรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่ย้ำว่าตนไม่เคยถูกแบนวีซ่า และเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาในการเจรจาระหว่างประเทศในอนาคต

'โฆษก พปชร.' ทวงแรงถาม รัฐบาลกลัวอะไร กับ 'กัมพูชา' ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมืองธม พร้อมแจงมติพรรค พร้อมเดินหน้าตรวจสอบด้านเศรษฐกิจรัฐ ชูนโยบาย พปชร. แก้ปัญหาปากท้องลงมือทำจริง ซัด รบ. แก้ปัญหา ศก.ประเทศติดอันดับรั้งท้ายภูมิภาค

เมื่อวันที่ (13 พ.ค.68) เวลา 14.00 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ได้พิจารณา ออกคำสั่ง แต่งตั้งทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ โดยให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นหัวหน้าทีม หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี  เป็นรองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พร้อมด้วย นายอัคร ทองใจสด นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ นางสาวบุณณดา สุปิยะพันธุ์ และนายมนูญ พรหมลักษณ์ ร่วมคณะทีมเศรษฐกิจ ซึ่งนับ เป็นทีมเศรษฐกิจคนรุ่นใหม่ และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคาร เศรษฐกิจระดับมหภาคและจุลภาค รวมถึงการแก้หนี้ครัวเรือน อย่างเชี่ยวชาญและชัดเจน

ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การบริหารราชการ ด้านเศรษฐกิจ ของรัฐบาล ในการดูแล ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่จะนำไปสู่การเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ แก่สังคม รวมถึงการนำเสนอนโยบายสำคัญ ในการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพ และความพร้อมของพรรค โดยการขับเคลื่อนของ ทีมเศรษฐกิจ ที่พร้อม ลงมือทำงานได้ทันที อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรดพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 ดังนี้

โดย 1.การติดตามวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในรัฐสภาและภายนอกและทั้งในประเทศและในต่างประเทศ เพื่อวางแนวทางที่จะแถลงแนวทางในแต่ละเรื่องให้แก่ประชาชนได้รับทราบ โดยบางเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยประชุมรัฐสภาก็จะพิจารณาทำการแถลงข่าวจุดยืนร่วมกับ สส. ของพรรค 2. ประสานให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยรวบรวมข่าวและคำวิจารณ์ในสื่อต่างๆ ในแต่ละวัน เพื่อทีมเศรษฐกิจ จะได้พิจารณาแถลงข่าวเพื่อตอบโต้หรือเสนอแนะได้ทันท่วงที 3. ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรค

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงปัญหาเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย ที่ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนค่อนข้างมาก ซึ่งรัฐบาลขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไปอย่างเชื่องช้าและไม่ถูกทิศทาง ก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดเจนจากสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดระดับทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และเป็นที่น่าตกใจก็คือ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลำดับทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่ำกว่าประเทศกัมพูชาและลาว โดยเราอยู่ในลำดับเกือบรั้งท้ายในแถบประเทศอาเซียน

“วันนี้พี่น้องประชาชนกำลังจะอดตาย แต่นายกรัฐมนตรียังปล่อยให้เพิ่มภาษีน้ำมัน สิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการแข่งขันทางด้านธุรกิจและการขนส่ง ในขณะที่ราคาน้ำมันลดลง แต่รัฐบาลกลับตัดแขนตัดขาประชาชนด้วยการเพิ่มภาษีน้ำมัน ทำให้ราคาแพงกว่าที่ประเทศเวียดนาม แล้วเราจะแข่งขันกับเขาได้อย่างไร“ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

“นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงความคืบหน้าของกรณีที่นายทหารชั้นนายพล ได้นำชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่ง ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ม และมีการบันทึกภาพและเสียง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดอธิปไตยของไทยในดินแดนของไทย แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หรือดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ แต่อย่างใด เป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้เป็นพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้าหากทางประเทศกัมพูชาจะเรียกร้องพื้นที่นี้เป็นอาณาเขตของประเทศตนเอง พร้อมทั้งกล่าวว่า ไม่รู้ว่ากลัวอะไรทางกัมพูชา อีกทั้ง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยังมีคำสั่งให้ทหารไทยถอยออกจากพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของประเทศ ซึ่งในเรื่องนี้  ทางพรรคพลังประชารัฐ ได้เคยเรียกร้องให้ทางรัฐบาลดำเนินการประท้วง หรือท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังรัฐบาลกัมพูชา ในการแถลงข่าว เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 จนถึงวันนี้ เป็นเวลาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลแต่อย่างใด“

“ถ้าทหารและครอบครัวกลุ่มนั้นมาร้องเพลงชาติในห้องนอนของนายกฯ หรือในห้องนอนของท่าน รองนายกฯ ท่านจะยังนิ่งเฉย และสั่งให้คนในบ้านของท่านออกจากห้องนอน หรือออกจากบ้าน ไปอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านหรือไม่ ผมอยากรู้ว่า ท่านจะทำอย่างเดียวกับที่ท่านทำกับประเทศไทยหรือแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักของเราหรือไม่ พรรคพลังประชารัฐต้องขอบคุณพี่น้องทหารหาญทุกท่านและพี่น้องประชาชนคนไทยที่รักชาติและแผ่นดิน วันนี้ประเทศไทยเป็นสุขได้เพราะบรรพบุรุษของไทยทุกคนช่วยกันรักและพิทักษ์ไว้ซึ่งแผ่นดินไทย เราจะไม่ยอมให้ประเทศเพื่อนบ้านเอาแผ่นดินของประเทศไทยไปแม้แต่นิ้วเดียว รัฐบาลไทยกลัวอะไรถึงขนาดนี้ กลัวว่า จะมีการเพิกถอนสัญชาติของญาติท่านบางคน หรือจะเอาญาติของท่านที่ไปแต่งงานกับคนใกล้ชิดท่านนายกฮุนเซน  เอามาคืนหรือ พรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมให้ ผู้หนึ่งผู้ใดนำผืนแผ่นดินไทยไปแลกผลประโยชน์ ส่วนตนและเครือญาติโดยเด็ดขาด” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top