Saturday, 28 June 2025
Politics

'สลัดข้าง-สลายขั้ว' กระแสคนไทยกลับมารักกันเพราะมี 'ขั้ว' ล้มสถาบันฯ มาช่วยประสานใจ

ตอนนี้ในโซเชียลมีเดียเริ่มมีการพูดถึงกระแส 'สลายขั้ว' ระหว่าง 'คนเสื้อเหลือง-คนเสื้อแดง' มากขึ้น แนวโน้มการพูดคุยเป็นไปในทิศทางของการปรับความเข้าใจกัน และให้อภัยต่อเรื่องในอดีต เพื่อจับมือกันก้าวไปข้างหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้ง ภายใต้จุดร่วมเดียวกัน คือ ธำรงไว้ซึ่ง 'ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์'

อย่างไม่นานมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Peemai Sirikul' ซึ่งออกตัวว่า FC พี่โทนี่และพรรคเพื่อไทย และก็มักจะโพสต์ล่วงเกินฝั่งตรงข้ามบ่อย ๆ ก็ได้ออกมาโพสต์ด้วยว่า...

"ขอโทษพี่น้องเหลือง - สลิ่มเฟส 1 สิ่งใดที่ได้ล่วงเกินกันในอดีต ขออโหสิ นับจากนี้เราคือพี่น้องร่วมชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เดียวกัน ขอเชิญชวนทุกท่านสมานฉันท์ ปรองดอง"

โดยข้อความดังกล่าว ได้ถูกแชร์ออกไปในโลกโซเชียลมากมาย สร้างแรงกระตุ้นในขั้วเหลืองแดงในอดีตเริ่มรู้สึกถึงสปิริตที่อยากแสดงออกในห้วงเวลาที่ประเทศไทยต้องรวมใจเป็นหนึ่ง

ประกอบกับความเคลื่อนไหวของต่างขั้วพรรคการเมืองที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อนำพาประเทศเดินหน้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยมีพรรครวมไทยสร้างชาติตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทยเป็นไฮไลต์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.นั้น ก็ยิ่งทำให้คนไทยเริ่มมองเห็นแสงสว่างขอการยุติสงครามสีอันยาวนานหลายทศวรรษลงได้แน่ ๆ

พร้อมทั้งเหลือเพียงสีของธงชาติไทยทั้งสาม ที่คนไทยจะกอดไว้เพียงหนึ่งเดียว

เพียงแต่ขั้วหรือสีที่ทำให้ 'เหลือง-แดง' เริ่มผสานกลมกลืน และสลายขั้วกันได้นี่สิ...จะอยู่ในฐานะอะไรต่อไป?

'ศิริกัญญา' แจงประเด็น "คลังลงทุนอาบอบนวด...เมื่อไรขาย?" รู้อยู่แล้ว!! ไม่ได้เข้าซื้อหุ้นโดยตั้งใจ แต่ได้จากการยึดทรัพย์ของปปง.

(18 ส.ค.66) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความชี้แจงจากกรณีที่อภิปรายในสภาฯ ประเด็นลงทุนอาบอบนวด?? ตกลงขายได้มั้ย? ว่า...

เมื่อวันพุธ ดิฉันได้อภิปรายซักถามเกี่ยวกับรายงานการเงินแผ่นดินไป ไล่เรียงคำถามตั้งแต่การบริหารจัดการที่ราชพัสดุ งบประมาณที่ลงบัญชีว่าเบิกจ่ายเกินกว่าที่สภาอนุมัติ ไปจนถึงเงินลงทุนประเภทต่าง ๆ ของแผ่นดินที่กระทรวงการคลังบริหารแทน ซึ่งรวมถึงบริษัทที่ประกอบกิจการอาบอบนวด 5 บริษัท ที่ดิฉันได้สอบถามผู้มาชี้แจงว่าถือไว้ทำไม เมื่อไหร่จะขาย

กลายมาเป็นประเด็นโจมตีตามภาพ จึงขอชี้แจงและให้ข้อมูลที่ถูกต้องดังนี้ค่ะ

> คลังไม่ได้ลงทุนในอาบอบนวด

...ทราบดีค่ะ ว่ากระทรวงการคลังไม่ได้เข้าซื้อหุ้นโดยตั้งใจ และได้มาจากการยึดทรัพย์ของ ปปง. ซึ่งได้อภิปรายเรื่องนี้ไปแล้วด้วย สไลด์ก็เขียนอยู่ว่ามาจากยึดทรัพย์ เราไม่ควรอ่านแต่พาดหัวข่าวนะคะ ควรอ่านเนื้อข่าว หรือย้อนฟังการอภิปรายเต็ม ๆ เพื่อให้เข้าใจ

> การขายทอดตลาดทรัพย์สินใด ๆ เมื่อคดีสิ้นสุดเป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม

...กรณีนี้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำที่ผิดกฎหมายตกเป็นของแผ่นดิน และให้ตกเป็นของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา 51 พ.ร.บ. ปปง.

การบังคับคดีสิ้นสุดตั้งแต่ตอนที่โอนหุ้นมาเป็นของกระทรวงการคลังเมื่อ 11 ปีก่อนแล้วค่ะ

อำนาจการจำหน่ายสินทรัพย์ก็อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่ทำหน้าที่หลักทรัพย์

และถ้าฟังจนถึงผู้ชี้แจงจากสคร. ตอบคำถามดิฉัน ก็จะทราบว่าเค้าอยากจะขายค่ะ แต่ขายไม่สำเร็จ ราคาไม่เป็นที่พอใจ

กรมบังคับคดีจะมาขายทอดตลาดได้ยังไงก่อน...!!

เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งทราบ แต่ได้ซักถามกระทรวงการคลังมาหลายปีเกี่ยวกับหุ้นที่ถือเหล่านี้ทั้งที่ได้จากนโยบาย (ในอดีต) และที่ได้จากการยึดทรัพย์ สคร.ก็พูดตลอดว่าจะพยายามจำหน่ายออก แต่จำหน่ายไม่ออกซักที

ที่ต้องมาเร่งรัด เพราะเมื่อต้นปีก็มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับบริษัทนี้ ทั้งเรื่องผู้ถือหุ้นใหม่ ที่เกี่ยวพันกับทุนจีน และการจับกุมเพราะเปิดโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จึงไม่อยากให้หน่วยงานรัฐต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ค่ะ

จึงขออนุญาตชี้แจง เพราะไม่ได้แค่คนเดียวที่เข้าใจผิด คนระดับครูบาอาจารย์ก็ยังกระจายข่าวด้วยอคติไปทั่ว เดี๋ยวประชาชนจะเชื่อข้อมูลที่ผิด ๆ ค่ะ

‘ธนกร’ ยัน!! ‘รทสช.’ พร้อมทำงาน-สร้างประโยชน์ให้ ปชช. ย้ำ!! ถึงเวลาปรองดอง ร่วมมือกันขจัดภัยคุกความความมั่นคง

(18 ส.ค. 66) ที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี มีกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังไม่สามารถตกลงโควตากับพรรคเพื่อไทยได้ ว่า ยังไม่ทราบ แต่ในส่วนของพรรครทสช.ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งตนได้พูดคุยกับเลขาธิการพรรคทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าพรรครทสช. จะขอโควตารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสามเก้าอี้และรัฐมนตรีช่วย 1 เก้าอี้ นายธนกร กล่าวว่า เราไม่ได้มีเงื่อนไขตรงนั้น และพรรคได้มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครทสช. และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เป็นคนไปเจรจา และเท่าที่ฟังทุกอย่างไม่ได้มีปัญหาอะไร เราไม่ได้มีเงื่อนไขในเรื่องของกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งพรรคยึดหลักสามารถทำงานให้กับประชาชน ได้อย่างเต็มที่พรรคก็ยินดี ย้ำว่าพรรคไม่ได้มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีควรที่จะพูดคุยกันให้จบก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ เพราะในหลักการของการเมืองเป็นแบบนี้ และการโหวตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้จะต้องมีการพูดคุยประสานงานกันก่อน หากไม่มีการพูดคุยประสานงานกัน ตนคิดว่าก็อาจจะไม่จบ แต่ในพรรครทสช.จบแล้ว แต่พรรคอื่น ตนไม่รู้เพราะไม่ได้ไปก้าวล่วงเขา

เมื่อถามย้ำว่าได้มีการแจ้งหรือไม่ว่า 4 เก้าอี้รัฐมนตรีที่ได้ตามสูตรคณิตศาสตร์การเมืองมีกระทรวงอะไรบ้าง นายธนกร กล่าวว่า เรื่องตำแหน่งอะไรตนไม่ทราบ ทราบแค่ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการแบ่งโควตากระทรวงอะไร และพรรครทสช. ไม่ได้ยึดตรงนั้นเป็นหลักตนคิดว่าพรรครทสช.มี สส. 36 คน สามารถทำงานให้กับประเทศได้อย่างเต็มที่ เพราะทุกคนเป็น สส. ที่เก่ง ดูได้จากการอภิปรายในสภาฯ ฉะนั้นในการบริหารงานพรรค รทสช. ยึดหลักตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้ไว้ในช่วงที่เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. โดยเฉพาะการทำงานและสานงานต่อ ที่พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำไว้แล้ว แม้วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ในพรรคแล้ว แต่ก็ได้วางโครงสร้างไว้กับพรรคและพวกเราก็ได้เดินต่อ

เมื่อถามอีกว่าการตั้งรัฐบาลสลายขั้วจะทำงานกันราบรื่นหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนคิดว่าวันหนึ่งก็ถึงเวลา ในการที่พรรคการเมืองแต่ละพรรค ได้สลายสีเสื้อและควรที่จะยึดประโยชน์ของประเทศด้วยความปรองดอง ซึ่งตนคิดว่ามันมีบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศมากกว่า ฉะนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่ทุกพรรคจะต้องร่วมมือกันทำงาน

เมื่อถามด้วยว่าในพรรค รทสช. ได้มีการแบ่งโควตาหรือไม่ว่าสัดส่วนจะต้องเป็นอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นหลัก

เมื่อถามว่าชื่อแคนดิเดตนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน หรือน.ส. แพทองธาร ชินวัตร พรรครทสช. พร้อมจะยกมือโหวตให้ใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนคิดว่าถ้าเราตัดสินใจร่วมรัฐบาลแล้วก็อยู่ที่สิทธิ์ของพรรคแกนนำในการที่จะเสนอนายกฯ พวกเราก็พร้อมที่จะดำเนินการตามมติของพรรค ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เมื่อถามย้ำว่าแต่ สว.ตั้งแง่เรื่องคุณสมบัติของนายเศรษฐา ตรงนี้จะราบรื่นหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายเศรษฐา ซึ่งเขาก็ต้องอธิบาย และนายเศรษฐาก็ระบุว่าอธิบายได้ ดังนั้นทุกฝ่ายก็จะต้องฟัง ส่วนนายเศรษฐาควรที่จะต้องไปชี้แจงในสภาหรือไม่นั้น นายธนกร กล่าวว่า ก็แล้วแต่พรรค

‘รทสช.’ ประกาศชัด ร่วมรัฐบาลไร้เงื่อนไขต่อรอง แต่นี่คือเวลาที่บ้านเมืองควรจะมีความสามัคคีได้แล้ว

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 66 ‘เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี’ อดีตผู้สมัคร สส.กทม. เขต 33 บางพลัด-บางกอกน้อย พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า…

“จากการคุยกับพี่น้องหลายท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุน พวกเรา พรรครวมไทยสร้างชาติ เนเน่ได้รับรู้ถึงหลายความกังวลใจของหลายๆ คนนะคะ

… บ้างก็ไม่อยากให้ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยด้วยอดีตที่เรามีกันมา
… บ้างก็เห็นว่าแนวทางและอุดมการณ์เราต่างกันมากเหลือเกิน
… บ้างก็กังวลในเรื่องการประกาศที่จะแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย

เนเน่ขอสรุปประเด็นจากการโพสต์ของท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาให้ทุกท่านทราบว่า เราตัดสินใจร่วมรัฐบาลเพราะ… 

… ถึงเวลาที่บ้านเมืองควรจะมีความสามัคคีปรองดอง ความสงบสุข และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
… เราไม่มีข้อต่อรองหรือข้อเรียกร้องใดๆ ขอแค่ได้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน 
… พรรคเพื่อไทยเขายืนยันจะไม่มีการทำการที่ขัดต่ออุดมการณ์ของเราเรื่องชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์

เนเน่วอนขอความเข้าใจจากทุกท่าน และขอยืนยันให้ทราบว่าความเห็น ความรู้สึกของ พี่น้องแฟนคลับทุกท่านสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราค่ะ #เราจะสู้ไปด้วยกัน #ประเทศไทยต้องไปต่อ”

'กลุ่มคนเสื้อแดง' ให้กำลังใจ ‘พท.’ ตั้งรัฐบาล พร้อมเรียกร้อง 9 ข้อสำคัญแก้ปัญหาประเทศ

(18 ส.ค. 66) นายชัชวาล กาญจนะหุต ประธานชมรมสื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย (เสื้อแดง) และนายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมฯ และคณะเดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย และยื่นหนังสือสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหลังจากเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วก็ขอให้รีบจัดตั้งรัฐบาลพร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาชาติและประชาชน โดยมี นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยรับมอบแถลงการณ์

โดยจุติพงษ์ ได้อ่านแถลงการณ์ จากคณะสื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย (เสื้อแดง) ว่า

ด้วยขณะนี้การฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย พอเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ในโอกาสนี้ ทางคณะสื่อฯ เล็งเห็นว่าควรจะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชน โดยเรียงลำดับความสำคัญ ดังนี้...

1.ขอให้พรรคเพื่อไทย เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ในทันทีที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยเน้นให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ใช้คนตรงกับงาน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนคนไทยเป็นการเร่งด่วน และประกาศพันธสัญญาในพรรคร่วมด้วยกัน ว่าจะไม่แก้ไข ม.112

2.ขอความร่วมมือจากบุคคล ผู้ที่เห็นต่างในการจัดตั้งรัฐบาล เคลื่อนไหวทำกิจกรรมในกรอบของกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับฝ้ายสนับสนุน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด

3.ให้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วม ได้โฟกัสแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เป็นกรณีเร่งด่วน โดย การจัดลำดับดังนี้...

3.1 การยืนยันจะมอบเงินเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทดิจิทัล ให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไปโดยเร็ว โดยหลีกเสี่ยงเงื่อนไขอุปสรรคที่เป็นเรื่องปลีกย่อย

3.2 คืนความชอบธรรม ให้กับผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยไม่มีข้อกำหนด ในการจัดชั้นคนจน-คนรวย ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

3.3 ดูแลเอาใจใส่ผู้ประกอบการ SME, ภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ, สินเชื่อรายบุคคล ในเรื่องการบรรเทาการชำระหนี้ และการสนับสนุนด้านการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

3.4 ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนโดยแท้จริงผ่าน สสร.ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด

3.5 ดูแลลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทุกประเภททันที ทั้ง ค่าไฟฟ้า, น้ำมัน, น้ำประปา, ก๊าชภาคขนส่งและก็าซหุงต้ม เป็นต้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนการประกอบการด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมภายในประเทศ

3.6 เปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่ไม่ใช่คดี 112 ได้กลับ ในฐานะผู้บริสุทธิ์ประเทศอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ

3.7 การแก้ไขกฎหมายอื่น ๆ ที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ให้จัดลำดับไปอยู่ท้าย ๆ อาทิเช่น เรื่อง สุราก้าวหน้า, สมรสเท่าเทียม เป็นต้น แต่ขอให้ไปสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว, การนำเงินตราเข้าประเทศ, การส่งแรงงานไปต่างประเทศ เป็นต้น

3.8 เอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด เหมือนในยุคอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร

รวมทั้งเข้าไปดูแล ปัญหาการแบ่งแยกดินแดนจริงจัง

3.9 ขอความกรุณานักปั่นข่าวทั้งหลาย และเกรียนคีย์บอร์ด เพื่อเห็นแก่พี่น้องประชาชน กรุณาลดการวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ตนเองคาดการณ์ สิ่งที่ไม่มีความจริง เพราะทำให้ประเทศบอบช้ำมามาก และร้องขอไปยังพรรคเพื่อไทย ให้ดำเนินการกับนักปั่นข่าวพวกนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

ด้าน นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคฯ รับเรื่อง พร้อมระบุว่า จะพยายามเร่งดำเนินการตามนโยบายที่พรรคฯ หาเสียงไว้อย่างเต็มที่เพื่อให้สำเร็จโดยเร็ว และจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่พรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคอื่น ๆ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างความปองดองสมานฉันท์ ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนจึงขอวิงวอนกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง หลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยขอให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์เพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน

นอกจากนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการนำข้าวต้มมัดใหญ่จำลอง ที่ประดิษฐ์จากโฟมมัดด้วยเชือกไนลอน พร้อมแกะให้เห็นภายใน ว่าทุกอย่างมีสองด้าน เพราะข้าวต้มมัดมีสองซีก โดยหนึ่งเป็นข้อความที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ นโยบายต่าง ๆ ที่ขอให้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน

‘เอกนัฏ’ ขอยุติสงครามหลากสี เดินหน้าตั้งรัฐบาลปรองดอง เร่งพา ปชช.ฝ่าวิฤกต วอนสังคมอย่าจมกับความขัดแย้งในอดีต

(18 ส.ค. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า มีการพูดคุยกันมาตลอด โดยคณะเจรจามีเพียงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและตนที่เข้าไปคุยกับทีมบริหารของพรรคเพื่อไทยเป็นการคุยอย่างเป็นทางการได้ระบุเงื่อนไขว่า จะต้องไม่มีการแก้ไข ม.112 ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีการแก้ไข และยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการแบ่งกระทรวง โดยพรรคเพื่อไทยรับปากว่า จะไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติติดแค่เรื่องการเดินหน้าแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลเท่านั้น

เงื่อนไขสำคัญ เรามีแค่ 2 ข้อคือไม่มีพรรคก้าวไกลและไม่มีการแก้ ม.112 ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า อยากรีบจัดตั้งรัฐบาล เพราะบ้านเมืองไม่มีรัฐบาลก็จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนลำบาก จึงขอความร่วมมืออย่าไปจมกับความขัดแย้งในอดีต ควรเดินหน้าด้วยความปรองดองสมานฉันท์ดีกว่า

เมื่อถามถึงประเด็นความขัดแย้งในอดีตของกลุ่ม กปปส.กับกลุ่มเสื้อแดงในอดีตนายเอกนัฏ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ลบไม่ได้อยู่แล้ว ตนก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เคยทำมาได้ แต่ต้องดูว่าเหตุผลที่เคยทำมาตอนนั้นคืออะไร มีความพยายามจะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม จึงได้มีการออกมาชุมนุมต่อต้าน แต่ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวก็ไม่มีแล้ว เหตุการณ์ผ่านมากว่า 10 ปี ความขัดแย้งที่คนเข้าใจว่ามีระหว่างเสื้อเหลือง เสื้อแดง กปปส.ควรยุติ ควรจะร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ ให้โอกาสซึ่งกันและกัน

“หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มีการเลือกตั้งมาแล้ว 2 ครั้ง ทุกพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง ที่ผ่านมาต่างคนต่างเจ็บด้วยกัน ผมเองก็ถูกคดี หลายคนอาจคิดว่าเวลานี้มีเรื่องการต่อรองเก้าอี้ ขอบอกว่าเจรจากับผมดีที่สุด เพราะผมเป็นอะไรไม่ได้เพราะติดคดีอยู่ และผมจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นอุปสรรคในการเดินหน้าประเทศ เพราะหากจมอยู่แต่ในอดีตก็จะไม่สามารถเดินหน้าไปสู่อนาคตได้ ในฐานะเลขาธิการพรรค ผมไม่สามารถไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ แต่ส่วนตัวมีความตั้งใจในการทำงานการเมืองและเร่งพัฒนาพรรครวมไทยสร้างชาติให้เป็นสถาบันการเมือง ในส่วนของการทำงานในรัฐบาลก็จะมีบางส่วนเข้าไปร่วม แต่ในส่วนงานการเมืองของพรรคก็เป็นเรื่องสำคัญที่มีความตั้งใจว่า พรรคจะได้นำเสนอแนวทางการทำงานเป็นทางเลือกอีกแบบหนึ่งที่ทันสมัย” เลขาพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว

เมื่อถามว่าการคุยเรื่องโควตารัฐมนตรีมีการต่อรองหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ตนและหัวหน้าพรรคไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องตำแหน่ง โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์ หากจำได้ในช่วงที่เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนเดียวที่ประกาศชัดว่า ขอปฏิเสธทุกตำแหน่งใน ครม.หากเป็นหัวหน้าพรรค วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ตนก็ไม่สามารถเป็นอะไรได้เพราะติดคดี ดังนั้นจึงต้องตัดสินใจบนพื้นฐานการเดินหน้าประเทศ ส่วนจำนวนคณิตศาสตร์คำนวณเก้าอี้ยังไม่ทราบชัดเจน แต่ที่สำคัญคณิตศาสตร์ในระบบรัฐสภาต้องมีเสียงสนับสนุนในสภาฯ เกินครึ่ง เนื่องจากมีบทเฉพาะกาล คือการออกมาร่วมโหวตนายกฯ จะต้องผ่านมติด้วยคะแนน 375 เสียงตอนนี้ต้องช่วยกันให้ผ่าน แต่การจะช่วยหาเสียง สว.นั้นก็เป็นเรื่องยาก เสียงของรวมไทยสร้างชาติ 36 เสียงถือว่าไม่มาก ไม่สามารถไปช่วยมากกว่านั้นได้

เมื่อถามว่าเห็นใจพรรคเพื่อไทยหรือไม่ที่จะต้องมาชี้แจงกับกลุ่มสนับสนุนหลังจากตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องยอมรับในผลการเลือกตั้งที่อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่พรรคเพื่อไทยหวัง แต่ระบบของไทยจะต้องโหวตนายกฯ และจะต้องหาทางจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยสามารถชี้แจงได้ สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกกับตนชัดเจนว่าต้องการวางมือ ทั้งหมดอยู่ที่มุมคิด ถ้าทำใจได้ ละได้ คิดเป็นบวกก็เป็นบวกถ้าคิดเป็นลบก็จะไม่จบ จากที่คุยกันเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีหลายเรื่องที่จะต้องทำและเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย

นายเอกนัฏ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับว่า ได้มีการพูดคุยกันแต่ยังไม่ตกผลึกมีบางประเด็นในรัฐธรรมนูญที่พรรครวมไทยสร้างชาติคิดว่ายังไม่ควรแก้ เช่น หมวดเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ดังนั้นจึงจะต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง หากจะแก้ไขจะต้องมีหลักประกันว่าแก้แล้วจะดีขึ้นไม่กลับมาสร้างปัญหา ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เข้าใจ นั่นคือไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ทำไปแต่จะต้องไม่มีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มาจากประชาชน จะแก้ก็จะต้องถามประชาชนด้วย ถ้าประชาชนส่งเสียงว่าต้องการแก้รวมไทยสร้างชาติก็ไม่มีปัญหาอะไร

ล้วงลึกโควตารัฐมนตรีรัฐบาลใหม่ พลิกโผ เปลี่ยนมือ พอสมควร

คณะเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาลมีความคืบหน้าไปมาก ตกลงที่ 314 เสียง 11 พรรคการเมือง ประกอบด้วย เพื่อไทย 141 เสียง ภูมิใจไทย 71 เสียง พลังประชารัฐ 40 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง ที่เหลือเป็นพรรค 1 เสียง

คณะเจรจาจัดตั้งรัฐบาลเริ่มลงลึกในรายละเอียด โควตารัฐมนตรีที่แต่ละพรรคจะได้ รวมถึงกระทรวงไหนเป็นของพรรคไหน ซึ่งอาจจะมีพลิกโผไปจากเดิมไม่น้อย เช่น...

กระทรวงกลาโหม ตกเป็นของพลังประชารัฐ โดยเพื่อไทยเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เป็นของเพื่อไทย กระทรวงอุดมศึกษา เป็นของเพื่อไทย

ที่พลิกไปมาก คือกระทรวงเกษตรฯ ที่เดิมต่างคิดว่าเป็นโควตาเพื่อไทย แต่กลับเป็นของภูมิใจไทย โดยมีพลังประชารัฐ และเพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ

เช่นเดียวกับกระทรวงคมนาคม กลับเป็นของเพื่อไทย มีภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ เข้าใจว่ามีการเจรจาแลกเปลี่ยนกระทรวงกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กับกระทรวงคมนาคม

และมีการเจรจาแลกเปลี่ยนระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับกระทรวงพาณิชย์ด้วย โดยภูมิใจไทย ได้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และเพื่อไทยบริหารกระทรวงสาธารณสุข

กระทรวงพลังงานเดิมเป็นโควตาของเพื่อไทย แต่การเจรจาล่าสุดกลับเป็นของรวมไทยสร้างชาติ แต่ที่ยังเหนียวแน่น คือกระทรวงมหาดไทย ที่เพื่อไทยยังไม่ปล่อย และไม่ควรปล่อย แต่น่าแปลกใจมีพรรคเสรีรวมไทย และพรรคเล็ก ได้ช่วยมหาดไทย 1 ตำแหน่งด้วย

ส่วนรายละเอียดตามเอกสารแนบในคอมเมนต์นะครับ 

‘ทักษิณ’ กลับบ้าน ขออภัยโทษ แจกกล้วยสภาสูง ดัน ‘เศรษฐา’ มีลุ้น

ไม่น่าจะเลื่อนหรือล้มเลิกอะไรอีก… วันที่ 22 ส.ค.นี้ รัฐสภาก็จะได้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 กันเป็นครั้งที่ 3 และในวันเดียวกัน ตอน 9.00 น. ‘คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ จะยกทีมไปต้อนรับการกลับบ้านของคุณพ่อ ‘นายทักษิณ ชินวัตร’

สองเหตุการณ์มาบรรจบกัน ในวันเดียวกัน… แบบนี้ต้องร้องอั๊ยหยา!!... เกือบๆ ฟ้าสะท้าน แผ่นดินสะเทือนทีเดียวเชียวแหละ!!

ว่ากันกรณีโหวตเลือกนายกฯ ก่อน พรรคเพื่อไทยดีลจบแล้ว ได้รัฐบาล 314 เสียง สูตร ‘มีลุง มีเรา สลายขั้ว สลายสี’ อาจจะคลุมๆ เครือๆ อยู่นิดหน่อย กรณีพรรคพลังประชารัฐของ ‘บิ๊กป้อม’ ยังไม่ปรากฏว่าผู้บริหารพรรคของฝั่งเพื่อไทยและพลังประชารัฐ ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ… แต่คาดว่า ในอีกวันสองวันนี้ก็คงแสดงความชัดเจนออกมา

วิเคราะห์ ตรวจสอบแล้ว แม้ว่าขณะนี้ ‘นายเศรษฐา ทวีสิน’ จะถูก ‘นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ จอมแฉจ้วงแทงเอาหลายแผล อาการไม่สู้ดีนัก และเชื่อขนมกินเถอะ ว่าวันที่ 22 ส.ค.ที่จะถึงนี้ จะถูก สว.ตัวตึง 3-4 คน ขยี้แผลซ้ำก็ตาม… แต่ความที่พรรคสองลุงร่วมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ภายใต้เงื่อนไข ‘เพื่อไทยไม่ยุ่ง-ไม่แก้มาตรา 112 และไม่เบี้ยวไปเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลในภายหลัง’ ก็ทำให้ สว.สายลุงที่เคยค้านสุดตัวหรือเตรียมงดออกเสียง เปลี่ยนใจมายกมือ ‘เห็นชอบ’ ด้วยเห็นแก่ประเทศที่จะต้องเดินหน้ากันมากขึ้น…

และไม่แค่นั่น… สายข่าวยืนยัน นั่งยัน ว่าขณะนี้ปฏิบัติการแจกกล้วยให้ สว.ผู้หิวโหยได้ดำเนินไปอย่างเอาการเอางาน และได้ผลค่อนข้างดี…

อย่างไรก็ตาม คะแนนของนายเศรษฐาก็ยังไม่ปลอดภัย… ได้เสียงสนับสนุนจาก 11 พรรค รวม 314 ต้องหาเพิ่มอีก 61 จึงจะครบ 375 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา… ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย…
ถ้านาทีสุดท้ายเกิด สว.ส่วนใหญ่ ‘งดออกเสียง’ ขึ้นมาล่ะก็นายเศรษฐาอาจชีช้ำไปตลอดชีวิต พรรคเพื่อไทยอาจเข็นคนป่วย ‘นายชัยเกษม นิติสิริ’ หรือทิ้งไพ่ตายให้ลูกสาวนายห้าง ‘อุ๊งอิ๊ง’ ก็ได้…

ดูเกมทั้งกระดานแล้ว… พรรคเพื่อไทยไม่ยอมสูญเสียเก้าอี้นายกฯ อย่างแน่นอน ยิ่ง ‘นายใหญ่’ เดินทางกลับบ้านในยามนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องคว้าเก้าอี้นายกฯ ให้ได้…

สำหรับกรณีที่นายทักษิณ ซึ่งมีโทษจำคุกจากคดีทุจริตที่ถึงที่สุดแล้วรวม 10 ปี สายข่าวระบุว่า ได้ทำการบ้านในเชิงข้อกฎหมายมาเป็นอย่างดี ทั้งประเด็นระยะเวลาจำคุกที่ทับซ้อนโทษจำคุกจริงน่าจะเหลือน้อย และคงใช้ช่องทางขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะตัวด้วย… ส่วนกรณีที่จะใช้ช่องทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอาจไม่จำเป็น อาจจะแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) เพียง 2 ฉบับ คือ ‘พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง’ และ ‘พ.ร.ป.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ’ เพื่อให้คดีเปลี่ยนจากไม่มีอายุความเป็น ‘มีอายุความ’ เพื่อที่นายทักษิณจะได้ใช้ระยะเวลาที่หลบหนีคดีลบล้างโทษได้…

ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งหลายทั้งปวง… ‘เล็ก เลียบด่วน’ ขออนุญาตโลกสวยสักวัน ขอภาวนาให้รัฐบาลสลายขั้ว สลายสี เดินหน้าประเทศไทยไปให้ได้ ออกจากหล่ม 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งให้ได้สักครึ่งหนึ่ง ก็ยังดี… สาธุ!!

เปิดโผ จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ครม. ‘เพื่อไทย 1’ ‘คลัง-มหาดไทย-คมนาคม’ อยู่ พท. ส่วน ‘เกษตรฯ-สาธารณสุข’ ภท.คุม

เปิดโผ ครม.เพื่อไทย 1 จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้ว เพื่อไทยยึดคลัง มหาดไทย คมนาคม พาณิชย์ ยกเกษตร-สาธารณสุขให้ภูมิใจไทย รอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคมนี้…?

ล่าสุดสำหรับการทำงานของทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ได้ข้อสรุปหมดแล้ว ทั้งเรื่องการแบ่งกระทรวง และการจัดสรรบุคคลเข้าสู่ตำแหน่ง ประกอบด้วย...

- เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากเพื่อไทย
- ชูศักดิ์ ศิรินิล รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- แพทองธาร ชินวัตร รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคภูมิใจไทย
- พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ
- สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากพรรคพลังประชารัฐ
- ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากพรรคพลังประชารัฐ
- อำนาจ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย
- อดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ จากพรรคเพื่อไทย
- ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย
- จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย
- สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคพลังประชารัฐ
- ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย
- แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากเพื่อไทย
- เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยคลัง จากพรรคเพื่อไทย
- สรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย
- ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย
- วิสุทธิ์ ชัยอรุณ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย
- ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย
- สุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย
- เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีข่วยคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย
- กิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย
- วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย
- อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคภูมิใจไทย
- วิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากพรรคพลังประชารัฐ
- ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จากพรรคเพื่อไทย
- ปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย
- วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ จากพรรคชาติไทยพัฒนา
- พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกนะทรวงท่องเที่ยว จากพรรคภูมิใจไทย
- พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล จากพรรคเพื่อไทย
- สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- สุขสมรวย วันทนียกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จากพรรคภูมิใจไทย
- จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา จากพรรคเพื่อไทย
- ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากพรรคประชาชาติ

การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวหมดแล้ว รอเพียงผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากรัฐสภา ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้เท่านั้น

‘โบว์ ณัฏฐา’ ตั้งข้อสังเกต!! ‘รองอ๋อง’ ใช้งบรับรองแขกเลี้ยงหมูกระทะ ติง ‘ไม่เหมาะสม-ไม่สมเหตุสมผล’ ด้วยเหตุผลหลายประการ

(19 ส.ค. 66) ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณีการใช้งบรับรองแขกของรองประธานสภาฯ ไปจัดเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภาฯ นั้น ไม่เหมาะสมและไม่สมเหตุสมผลด้วยเหตุผลหลายประการ โดยส่วนตัวมีข้อสังเกตดังนี้…

1.) วัตถุประสงค์ของงบก้อนนี้ ให้ใช้เพื่อรับรองแขกบ้านแขกเมืองเป็นหลัก ในแต่ละปีจะมีคณะบุคคลหลากหลายมาขอเข้าพบประธานและรองตลอดปี เช่น คณะผู้แทนราษฎรหรือส่วนงานนิติบัญญัติจากต่างประเทศ ทูต ผู้แทนกระทรวง หรือคณะบุคคลจากรัฐบาล และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีวาระตามจุดประสงค์ของทั้งสองฝ่าย

งบก้อนนี้ไม่ใช่งบสวัสดิการพนักงาน มิฉะนั้น ประธานและรองก็สามารถเอางบนี้ พาพนักงานไปเที่ยวเล่นได้ทั้งปีโดยอ้างเหตุผลต่างๆ ได้

นี่คือการใช้งบผิดประเภท

2.) แม่บ้านจำนวนมากในสภาฯ นั้น มาจากบริษัท Outsource ที่ทางสภาฯ ทำการจัดจ้างมา และมีเงื่อนไขในการทำงานที่ตกลงกับบริษัทเอกชน หากพบว่ามีเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม สิ่งที่สภาฯ ควรทำ คือการทบทวนสัญญากับบริษัท ให้มีความครอบคลุมถึงส่วนที่เกี่ยวกับสวัสดิการ และความเหมาะสมของเงื่อนไขในการจ้างพนักงาน (หลายคนถูกจ้างแบบรายวันต่อเนื่องเป็นปีๆ โดยไร้สวัสดิการ ซึ่งผิดกฎหมายแรงงาน หากต้องการให้รัดกุม ต้องมีการปรับรายละเอียดส่วนนี้ ให้ครอบคลุมการตรวจสอบในสัญญา ซึ่งคือสิ่งที่ทำได้เลยเพราะเป็นสัญญาระยะสั้น และรองประธานควรตรวจสอบได้เอง เพราะเป็นส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างภาครัฐกับเอกชน)

3.) สภาพแวดล้อมพื้นฐานในการทำงานของแม่บ้านสภาฯ ควรได้รับการปรับปรุงก่อน และเป็นสิ่งที่รองประธานย่อมมองเห็นได้เองอยู่แล้ว เพราะเป็นมาตรฐานที่ลูกจ้างทุกคนควรมี เช่นห้องพัก ที่เก็บของส่วนตัว และโซนรับประทานอาหารของพนักงาน เมื่อทำสิ่งเหล่านี้ หลังจากนั้น มีรายละเอียดเพิ่มเติมอะไร ก็ดำเนินการทบทวนรายละเอียด โดยส่วนงานที่เกี่ยวข้องไปได้ตามปกติ

เมื่อข้อเท็จจริงมีดังที่กล่าวมานี้ อีเวนต์เลี้ยงหมูกระทะที่เกิดขึ้นจึงไม่เหมาะสม ทั้งในเรื่องการใช้งบประมาณผิดประเภท การจัดเลี้ยงลูกจ้างของบริษัทเอกชนโดยไม่ติดต่อสื่อสารกับบริษัท การสร้างประเด็นข่าวจากสิ่งที่ควรเป็นงานปรับปรุงแก้ไขตามปกติในสภาฯ

และสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นการ ‘หาเสียง’ ด้วยการสร้างภาพกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายของพรรคก้าวไกล โดยนำกลุ่มแม่บ้านสภาฯ ขึ้นมาเป็นตัวแทนประกอบฉาก ด้วยงบประมาณของรัฐฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top