Saturday, 28 June 2025
Politics

‘ธนกร’ รับ ‘สมศักดิ์’ ชวนเข้าร่วมรัฐบาล ชี้ หากไปต้องไปทั้งพรรค มั่นใจ!! ไม่มีงูเห่า

(11 ส.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า มีการชักชวนเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ตนกับนายสมศักดิ์ อยู่กันมานานเป็นเหมือนครอบครัว ไม่ว่าจะอยู่คนละพรรคกันแต่ความสัมพันธ์ก็เหมือนเดิม ได้พูดคุยและพบกันบ่อยครั้ง มีกิจกรรมที่ชอบ เตะฟุตบอลได้เจอกันอยู่แล้วมีการคุยเรื่องการเมือง โดยคุยกันว่าถ้ามาก็ต้องมาทั้งพรรค เป็นการส่งสัญญาณมาทางตน แต่ตนไม่ได้อยู่ในวงเจรจาของพรรค แต่คนที่จะเจรจาคือหัวหน้าพรรค ตนจึงทำได้แค่ส่งสัญญาณให้พรรคทราบว่าทิศทางการเมืองเป็นแบบนี้ ส่วนการตัดสินใจทางพรรครวมไทยสร้างชาติอาจมีการประสานงานกันอยู่แล้วแต่ตนไม่ทราบ เพราะหัวหน้าพรรคยังไม่ได้บอก

ซึ่งนายสมศักดิ์ก็ไม่ได้บอกว่าคุยกับหัวหน้าพรรค เลขาพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ แต่เท่าที่ดูมีสัญญาณที่ดี แต่ตนเชื่อว่าการเมืองใกล้ถึงจุดที่จะจบแล้ว เท่าที่ดูบริบทต่าง ๆ คิดว่าอีกไม่นาน คงจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในเวลาที่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติมีเงื่อนไขอะไรในการจะร่วมรัฐบาลเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี นายธนกร กล่าวว่า รวมไทยสร้างชาติ มีการทำงานในสภาของ สส.36 คน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว

ส่วนการเจรจาต่อรองต่าง ๆ คงจะไม่มี เพราะทำงานได้อยู่แล้วเพราะเรามีแค่ 36 คน ไม่ใช่มีเป็น 100 คน มีการพูดคุยกันแต่คงไม่ได้ไปต่อรองอะไร ย้ำว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติพรรคหากจะออกมาเป็นอย่างไร สส.ทั้ง 36 คน พร้อมทำตาม แม้ว่าวันนี้อาจจะมองว่ามีปัญหาอะไรในพรรคหรือไม่มีการแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ นั้นเพราะมาจากหลากหลายความคิดเห็นแตกต่างก็เป็นเรื่องปกติแต่เชื่อว่าคุยกันได้หมด

ทั้งนี้ ส่วนตัวหากมีปัญหาอะไรแม้ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะไม่ยุ่งและเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว เลิกก็คือเลิกเลย แต่ตนก็ยังไปปรึกษาในหลายเรื่องเพราะตนอยู่กับ พลเอก ประยุทธ์ มานานแม้ว่าเลิกเล่นการเมืองไปแล้วในอนาคตทางการเมืองของตนก็ยังมีการปรึกษาทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน ไม่ได้มีปัญหาอะไร และ พลเอก ประยุทธ์ ได้แนะนำในสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทุกครั้งที่พูดไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ไหนท่านจะให้นึกถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก นึกถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ท่านพูดแบบนี้ตลอด

เมื่อถามว่า หากจะเข้าร่วมรัฐบาลถ้าไปก็ต้องไปทั้งพรรค 36 คน ไม่มีงูเห่าใช่หรือไม่ นายธนกร ยืนยันว่า ตนมั่นใจว่า ไม่มี ถ้าไปก็ต้องไปทั้งพรรค เพราะการเมืองมันควรเป็นอารยธรรมทางการเมืองที่ดี แม้ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ไม่ควรที่จะมีงูเห่า งูจงอาง อะไรแล้ว

‘ไอซ์ รักชนก’ ขอบคุณ ‘วัน อยู่บำรุง’ ยังคงลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน

หลังจากเป็นกระแสดรามาและเกิดวิวาทะกันขึ้น ระหว่าง น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือไอซ์ สส.กทม. เขตบางบอน-จอมทอง-หนองแขม พรรคก้าวไกล กับ นายวัน อยู่บำรุง อดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย

แต่ล่าสุดเหมือนรอยร้าวของทั้ง 2 คนจะจบลงแล้ว เมื่อ น.ส.รักชนก รีโพสต์ของนายวัน ที่แม้จะไม่ได้เป็น สส. แต่ยังลงพื้นที่ทำงานให้กับประชาชนอยู่ โดยในโพสต์นั้น นายวันระบุว่า “ทางเดิน คสล.คลองสรศักดิ์ข้างโรงงานมิตซูมารุ บางบอน 5 ที่ผมประสานเขตบางบอนมาซ่อมแซม บัดนี้เรียบร้อยแล้วครับ #ใจถึงพึ่งได้ #ป๋าวันไม่ทิ้งประชาชน #ผู้แทนนอกสภา”

หลังจาก น.ส.รักชนก แชร์โพสต์ดังกล่าว ยังมีข้อความระบุว่า “พี่วันยังทำพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ยังคงเป็นที่พึ่งให้พ่อแม่พี่น้องเหมือนดังเดิม น่ารักที่สุด ในฐานะ สส.เขตต้องขอบคุณแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชนด้วยค่ะ”

'เพชร กรุณพล’ ถาม? เอกสารประชุมรายงานสภาแบบเก่า ควรเปลี่ยนเป็นไฟล์ดิจิทัลได้หรือยัง ชี้!! สร้างขยะมากไป

(9 ส.ค.66) นายเพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ สส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเพจ 'Karoonpon Tieansuwan' ระบุว่า...

"เราควรเปลี่ยนการเสนอรายงานแบบเก่าเป็น ไฟล์ดิจิตอล ได้รึยังนะ ทั้งหมดนี้พิมพ์แจกส.ส.ทุกคน ให้อ่านเพื่อตรวจสอบและขออภิปรายแก้ไขหรือตั้งข้อสังเกต เรากำลังสร้างขยะมากเกินไปหรือไม่"

หลังจากโพสต์ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น...

“พิมพ์แค่บทสรุปผู้บริหาร ส่วนไฟล์รายละเอียด ถ้าสนใจให้สแกนเป็น QR Code ก็พอครับ” 
“เดี๋ยวงบประมาณไม่ได้ใช้ครับ” 
“งานพิมพ์ต้องมา” 
“สมควรมาก ๆ โดยเฉพาะการนำไปให้ทีมงานเอาไปทำฐานข้อมูลเพื่อวิเคราะห์หรือติดตามงานได้ง่ายขึ้นมาก ส่วนที่พิมพ์เอาเท่าที่จำเป็นพอ”

'เพื่อไทย' ประกาศเดินหน้าต่อ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ มั่นใจ!! ช่วยชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยครั้งใหญ่

(11 ส.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย แถลงการเดินหน้านโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ในช่วงแรกที่พรรค เพื่อไทย ไม่ใช่แกนนำจัดตั้งรัฐบาล การเจรจาต้องให้เกียรติพรรคแกนนนำ แต่วันนี้บริบทเปลี่ยนไปแล้ว พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมาพร้อมความรับผิดชอบในนโยบายที่หาเสียงคือต้องดูแลพี่น้องประชาชน วันนี้จึงอยากประกาศอย่างเป็นทางการในการเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนทุกคนอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินดิจิทัลจำนวน 1 หมื่นบาท โดยใช้ระบบการชำระเงินแบบใหม่เทคโนโลยีบล็อกเซน เงื่อนไขรับเงิน คือ ต้องใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามภูมิประเทศ และต้องถูกใช้ภายใน 6 เดือน ส่วนคนที่เข้าไม่ถึงแอปพลิเคชันนี้ก็ไม่มีปัญหา สามารถใช้บัตรประชาชนและโค้ดส่วนตัวได้

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อนั้น ยืนยันว่าทีมเศรษฐกิจได้ทำความเห็นอย่างถี่ถ้วน ไม่ได้ทำให้เกิดเงินเฟ้อ รวมถึงได้คำนึงผลกระทบทั้งทางบวกและลบในด้านความมั่นคงทางการคลัง ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการคลังของประเทศ ซึ่งนอกจากจะที่เป็นการชุบเศรษฐกิจครั้งใหญ่แล้วยังจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่มีการชำระเงินแบบนี้ ทั้งนี้มีที่ต้องเรื่องทำคู่ขนานคือ ตลาดทุนคู่ขนาน เปิดตลาดทุนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล และจะมีการตั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ดิจิทัลขึ้นมา เพื่อดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ ทั้งหมดนี้ คือการยืนยันของพรรคเพื่อไทย เราเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์ของประเทศ

‘ชัยวุฒิ’ เผย ‘ลุงป้อม’ ให้ความมั่นใจยังอยู่กับ พปชร. ลั่น!! ไม่เคยมีใครพูดว่าลุงป้อมไม่รับตำแหน่งรัฐบาล พท.

(12 ส.ค. 66) ที่สนามหลวง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ว่า พล.อ.ประวิตรได้ให้ความมั่นใจกับสมาชิกว่าจะทำงานร่วมกับพรรค เพื่อให้พรรคเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป

เมื่อถามว่า มีข่าวว่ามีการขอให้ซื่อสัตย์กับลุงป้อม นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็คงมีบางคนพูด แต่ก็เป็นแนวทางของเราอยู่แล้วที่จะต้องมีความจริงใจต่อกันในการทำงาน ตั้งใจทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพรรคและทำนโยบายของพรรคต่อไปในอนาคต

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรได้กำชับสมาชิกในพรรคเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไปหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร บอกจะยกทั้ง 40 สส. โหวตนายกฯ ให้เพื่อไทย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่มีคุยกันเรื่องนี้ งานวันเกิดไม่ใช่การประชุมพรรค เดี๋ยวคงจะมีการประชุมพรรคเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงแนวคิดของ สส.บางกลุ่ม แต่มันจะเป็นทางการก็ต่อเมื่อมีการประชุมพรรค เป็นมติพรรค และแถลงข่าวร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้สมาชิกในพรรคยังไม่มีการพูดคุยกันว่าแนวทางการโหวตจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่านักการเมืองตอนนี้คุยกันในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นวาระสำคัญของสภาฯ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่ออกมาคิดว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็ต้องรอติดตามดูอีกที ตนก็รู้จากนักข่าวนี่แหละว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันเป็นข่าวจากหลายพรรคหลายที่ตนก็รู้แต่เรื่องในพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่าในส่วนของ พล.อ.ประวิตร ชัดเจนหรือไม่จะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลชุดนี้ เพราะมีกระแสข่าวว่าจะให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ รับตำแหน่งแทน นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ได้มีการบอกหรือไม่ว่าจะวางมือในรอบนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็เห็นยังฟิตทำงานอยู่ตลอดจะวางมือตอนไหน พลังประชารัฐทุกคนก็ยังคงทำงานร่วมกันโดยมี พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค และดูจากวันเกิดก็จะเห็นว่ามีลุงก็มีเรา อย่าคิดมาก

เมื่อถามว่า มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่รับตำแหน่งในรอบนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ใครบอกว่าไม่รับตำแหน่ง ท่านไม่เคยพูดสักหน่อย ตนยังไม่เคยได้ยินเลย ลุงป้อมเคยพูดที่ไหน ถ้าท่านทำงานได้ท่านก็ทำอยู่แล้ว และตอนนี้ พล.อ.ประวิตรยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ ดังนั้น จะมาบอกว่าท่านจะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลนี้ได้อย่างไร แต่ว่าโอเคอาจจะไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทำไมสื่อชอบไปยุให้ท่านถอนตัวหรือวางมือ

เมื่อถามว่า มีกระแสคัดค้านลุงก่อนหน้านี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มีลุงมีเราอย่าไปคิดมาก ส่วนที่มีสื่อบางสำนักไปลงว่ามีลุงไม่มีแรงนั้นไม่ทราบ แต่ยืนยันว่ามีลุงก็มีเรา ยังอยู่ๆ อย่าคิดว่าลุงไม่อยู่ เพราะท่านก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ยังไม่ได้วางมือทางการเมือง สื่อต้องลงข่าวให้มีข้อเท็จจริงด้วย เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน

จอดป้าย 315 เสียง 10 สส.แลก 1 รมต. รทสช.ยึดพลังงาน/ดีอี ‘ป้อม’ ดัน ‘ป๊อด’

สถานการณ์ทางการเมือง… เดินทางมาถึงหลักกิโลเมตรสุดท้าย ของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 คาดว่าถ้าวันพุธที่ 16 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่รับพิจารณาเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องไป การโหวตนายกรัฐมนตรีอย่างช้าก็จะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 22 ส.ค.นี้

อย่างที่เคยวิเคราะห์ว่า… เวลาที่ทอดยาวออกไป ทำให้พรรคเพื่อไทยได้อย่างเสียอย่าง… ที่ได้คือ การเจรจาฟอร์มรัฐบาลที่รัดกุมรอบคอบมากขึ้น ส่วนที่เสียคือ ฝ่ายต่อต้านจะจัดทัพกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ ทั้งม็อบตัวเป็นๆ และไอโอ โรบอต ในโลกไซเบอร์-ออน์ไลน์… ซึ่งกรณีหลังทราบว่าคนแดนไกลสั่งให้พรรคเพื่อไทยเสริมอุปกรณ์เสริมคนสู้กับกองทัพด้อมส้มเต็มคาราเบลแล้ววววว

มาอัปเดทสูตรรัฐบาลกันดีกว่า… สรุปว่าหลังจากร่ายรำอยู่หลายกระบวนท่า… พรรคเพื่อไทยก็ต้องยอมรับว่าอย่างไรเสียต้องมีพรรคลุงร่วมด้วยอย่างน้อยหนึ่งพรรค เอาไปเอามา… ได้มาทั้งสองพรรค… ถึงวันนี้ดีลลับดีลลึกของพรรคเพื่อไทยก็จบลงที่ 315 เสียง

ถ้าไม่พลิกกันอีก 315 เสียงจะประกอบด้วย

เพื่อไทย 141, ภูมิใจไทย 71, พลังประชารัฐ 40, รวมไทยร้างชาติ 36, ชาติไทยพัฒนา 10,ประชาชาติ 9, ชาติพัฒนากล้า 2, เพื่อไทรวมพลัง 2 และพรรคเล็ก 1 เสียงอีก 4 พรรค คือ เสรีรวมไทย, พลังสังคมใหม่, ท้องที่ไทย, ประชาธิปไตยใหม่...

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า… ที่สุดของที่สุดจะมีประชาธิปัตย์มุ้งใหญ่ของ ‘เฉลิมชัย – เดฃอิศม์’ ประมาณ 20 เสียงเข้าร่วมด้วยหรือไม่...หลังจากที่เดชอิศม์ ขาวทอง หรือ ‘นายกฯ ชาย’ อุตส่าห์ดั้นด้นไปพบทักษิณ ชินวัตร ถึงฮ่องกงเมื่อ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา… ถ้าให้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ฟันธง ก็คงต้องบอกว่าต่อให้ไม่มีมติพรรค ก็น่าจะมี สส.จำนวนหนึ่งยกมือหนุนนายกฯ พรรคเพื่อไทย ให้สัญญาณขอเกาะโบกี้รถไฟไปด้วยคน

สำหรับตัวเต็งนายกฯ คนที่ 30 นาทีนี้ แม้ว่าจะมีแรงต้านพอประมาณจากแนวรบ สว. แต่โอกาสที่เศรษฐา ทวีสิน...จะฝ่าด่านมาได้ก็มีสูงขึ้น ตราบใดที่โครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาลยังมีพรรคสองลุง… คือพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติรวมอยู่ด้วย… ขอเพียงอย่างเดียวให้เศรษฐาพูดจาให้ไพเราะขึ้น จริงใจต่อคำพูดใหม่ จุดยืนใหม่มากขึ้น และพรรคเพื่อไทยเองก็ต้องแสดงความชัดเจนว่าไม่แอบจับมือกับพรรคก้าวไกล… แต่ถ้าวันโหวตมีพรรคก้าวไกลโผล่มาโหวตเห็นชอบด้วย โอกาสที่เศรษฐาจะร่วงกลางงาน ก็มีสูง

และมากไปกว่านั้นที่พรรคเพื่อไทย ต้องเปล่งประกายความทุ่มเทที่จะแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ความจริงใจและคำมั่นสัญญาที่นำพาบ้านเมืองออกจากความขัดแย้ง แบ่งฝ่ายแบ่งสี ดังที่ประกาศไว้… จะต้องเข้มข้นมากกว่าการหมกมุ่นหมุนวนอยู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

สำหรับโผ ครม.งวดนี้… คาดว่าจะใช้สูตรคำนวณ 10 เสียงต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีเท่าที่ทราบพรรคเพื่อไทยพยายามไม่ให้รัฐมนตรีในรัฐบาลลุงตู่นั่งอยู่ที่เดิม  แต่อาจจะมีข้อยกเว้นสำหรับเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน… โควตาน่าจะตกเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่รัฐมนตรีอาจจะเปลี่ยนจาก ‘รองพงษ์’ เป็น อดีตปลัดพลังงานที่ชื่อ ‘ณอคุณ’ ขณะที่กระทรวงดีอี… ก็จะตกเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่นเดียวกัน

ถามว่าทำไมสองกระทรวงนี้เป็นของพรรคนี้… ตอบสั้นๆ ว่า น่าจะเพราะบารมีเจ้าสัวหนุ่มหล่อ คนนั้น!!

ส่วน ‘ลุงป้อม’ ที่เพิ่งฉลองวันเกิด 78 เมื่อวาน ย่าง 79 ในวันนี้… มีแนวโน้มว่าจะถูกสถานการณ์บีบรัดให้ปล่อยวางเก้าอี้เสนาบดี… วาระนี้จึงน่าจับตาไปที่น้องชายลุงป้อมคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บื๊กป๊อด’ ว่าจะนั่งกระทรวงไหน เช่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, สันติ  พร้อมพัฒน์, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ...

ครับ!! ก็สรุปสั้นๆ ได้ประมาณนี้ก่อน… ขออนุญาตไปตรวจโผแต่งตั้งทหาร-ตำรวจ เพื่อมาเล่าสู่กันฟังกลางสัปดาห์ครับ!!

‘ภูมิธรรม’ แจงเสียงโหวตนายกฯ เพื่อไทยอยู่ที่ 278  ชี้!! ‘รทสช.’ ยังไม่ชัดและยังไม่ตอบรับเสียง ‘ปธม.’ 

(12 ส.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีการรวบรวมเสียงที่จะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท.ซึ่งล่าสุดมีทั้งหมด 315 เสียงว่า ขณะนี้หากนับเสียงที่ชัดเจนที่จะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ พรรคพท.นั้น ตัวเลขที่ชัดเจนจริงๆ ยังอยู่ที่ 278 เสียง ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 เสียง พรรคประชาชาติ (ปช.) 9 เสียง พรรคเพื่อไทยรวมพลัง (พทล.) 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) 2 เสียง ส่วนพรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคละ 1 เสียง รวมเป็น 238 เสียง รวมกับทางพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ประกาศจะยกมือให้กับพรรคพท.อีก 40 เสียง ทำให้มีเสียงรวมกันอยู่ที่ 278 เสียง ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นั้น เราถือว่ายังไม่ชัดเจน เพราะทางนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครทสช.ให้สัมภาษณ์ว่ายังต้องขอคุยกันภายในพรรคก่อน ขณะที่พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) อีก 1 เสียงนั้น ขณะนี้เรายังไม่ตอบรับ

“สำหรับตัวเลข 278 เสียงสำหรับสภาล่าง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคง และเราก็จะยินดีมากหากพรรคการเมืองอื่นๆ จะช่วยโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.เพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าหลายฝ่ายพร้อมจะให้โอกาสกับพรรค พท. ซึ่งการโหวตสนับสนุนจะเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสที่จะพูดคุยกันต่อในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าหากพรรคใดไม่โหวตสนับสนุน ก็ไม่ได้อยู่ในสมการนี้” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับรายชื่อหลัง รทสช.ไม่ชัด ชี้!! ยังไม่ตอบรับเสียง ปธม. รัฐมนตรี (ครม.) ที่เริ่มปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ ก็เป็นเพียงแค่การเสนอแนะ ความคิดเห็นหรือวิเคราะห์กันเองของแต่ละบุคคลที่ให้ข่าวเท่านั้น ยืนยันว่าพรรค พท.ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีกับพรรคใดทั้งสิ้น เพราะต้องรอให้การโหวตแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.เสร็จสิ้นก่อน ถึงตอนนั้นรายชื่อ ครม.ของจริงจะเกิดขึ้นหลังได้นายกฯ แล้วอย่างแน่นอน

‘เพื่อไทย’ เปิดนโยบายเร่งด่วน พาคนไทยฝ่าแก้วิกฤต ศก. พักหนี้เกษตรกร 3 ปี ทั้งต้น-ดอก พร้อมลดค่าไฟ-น้ำมันทันที!!

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 66 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์นโยบายเร่งด่วนที่จะทำหากได้เป็นรัฐบาล ระบุว่า…

“พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มุ่งมั่นที่จะแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่ของพี่น้องประชาชน

ภาระหนี้สินเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรและกลุ่มผู้ประกอบการ SME เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงจะต้องมีหนทางในการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พรรคเพื่อไทยมีแนวทางในการพักหนี้เกษตรกร 3 ปีทั้งต้น ทั้งดอก เพื่อลดภาระและเปิดโอกาสใหม่ให้พี่น้องเกษตรกรในการทำมาหากิน พลิกฟื้นภาคการเกษตรของไทย ด้วยหลัก ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ รวมทั้งการผลักดันการพักชำระหนี้ SME ที่ประสบภัยโควิด 1 ปี คู่ขนานไปกับการปรับโครงสร้างหนี้แบบเฉพาะเจาะจง พร้อมต่อยอดด้วยชุดนโยบายของพรรคต่อไป

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทย โพสต์อีก “หากเพื่อนไทยเป็นรัฐบาล ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ลดราคาทันที”

‘นิด้าโพล’ ชี้!! ‘อภิสิทธิ์’ เหมาะนั่งหัวหน้าพรรค ปชป. ผลโหวตประชาชน เผย ค้าน ปชป.ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

(13 ส.ค. 66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เรื่องวุ่น ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9-10 สิงหาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับเรื่องวุ่น ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจ เมื่อถามประชาชนถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่มีสิทธิเลือกตั้ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 58.63 ระบุว่า ไม่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์, รองลงมา ร้อยละ 31.91 ระบุว่า เคยเลือก แต่ไม่ได้เลือกในการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค. 2566, ร้อยละ 9.31 ระบุว่า เคยเลือก รวมถึงในการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค. 2566 และร้อยละ 0.15 ระบุว่า ยังไม่เคยไปเลือกตั้งเลย

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 37.48 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, อันดับ 2 ร้อยละ 24.43 ระบุว่าเป็น นายชวน หลีกภัย, อันดับ 3 ร้อยละ 9.85 ระบุว่าเป็น ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้), อันดับ 4 ร้อยละ 4.27 ระบุว่าเป็น น.ส.วทันยา บุนนาค (มาดามเดียร์), อันดับ 5 ร้อยละ 3.05 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, อันดับ 6 ร้อยละ 2.90 ระบุว่าเป็น ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช, อันดับ 7 ร้อยละ 2.67 ระบุว่าเป็น นายอลงกรณ์ พลบุตร, อันดับ 8 ร้อยละ 1.76 ระบุว่าเป็น นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, อันดับ 9 ร้อยละ 1.60 ระบุว่าเป็น นายนราพัฒน์ แก้วทอง ขณะที่ร้อยละ 1.46 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน, นายเดชอิศม์ ขาวทอง, นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข และนายสาธิต ปิตุเตชะ และร้อยละ 10.53 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุด เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชน หากพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.96 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย, รองลงมา ร้อยละ 19.54 ระบุว่า เห็นด้วยมาก, ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย, ร้อยละ 16.18 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.62 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

‘วิโรจน์’ โวย!! รบ.รักษาการลักไก่ เปลี่ยนเกณฑ์จ่าย ‘เบี้ยผู้สูงอายุ’ จากเดิมได้แบบถ้วนหน้า ตั้งแต่ 12 ส.ค. ต้องมาพิสูจน์ความจน

(14 ส.ค.66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘เรื่องใหญ่ลักไก่เปลี่ยนหลักเกณฑ์จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเดิมจ่ายแบบถ้วนหน้า ตั้งแต่ 12 สิงหา ต้องมาพิสูจน์ความจน’ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบกับสิทธิของประชาชนอย่างร้ายแรงมาก เพราะรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลักไก่ กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 เสียใหม่

โดยแต่เดิมการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะเป็นการจ่ายแบบถ้วนหน้า ผู้สูงอายุทุกคนได้รับ 600-1,000 บาทต่อเดือน(อายุ 60-69 ปี ได้ 600 บาทต่อเดือน 70-79 ปี ได้ 700 80-89 ได้ 800 90 ปีขึ้นไป ได้ 1,000) แต่ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. 66 เป็นต้นไป ตามข้อที่ 6 (4) ผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ เท่านั้นถึงจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แม้ว่าในบทเฉพาะกาล ข้อที่ 17 จะระบุว่า ผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียน และรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก่อนวันที่ 12 ส.ค. 66 ยังมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป แต่หลักเกณฑ์นี้ จะส่งผลกระทบกับสิทธิของประชาชนทุกคน ที่จะทยอยอายุครบ 60 ปี ในอนาคต นอกจากนี้ประชาชนที่จะมีอายุครบ 70 ปี 80 ปี 90 ปี ที่ต้องได้รับการปรับเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ ก็มีคำถามต่อว่า จะได้รับการปรับเพิ่มหรือไม่

นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่แต่เดิมพอจะมีรายได้จุนเจือตนเองบ้าง ซึ่งตามหลักเกณฑ์ใหม่จะไม่ได้รับเบี้ยยังชีพ หากในเวลาต่อมา รายได้ที่เคยดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ เกิดหดหายไป ผู้สูงอายุคนนั้นจะไปติดต่อขอรับเบี้ยยังชีพได้ที่ไหนอย่างไรปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุ (60+ ปี) อยู่ 11 ล้านคน ทราบข่าวมาว่า จะมีการใช้ฐานข้อมูลบัตรคนจน ในการพิจารณาจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้มีผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพเพียงแค่ 5 ล้านคนเท่านั้น โดยผู้สูงอายุอีก 6 ล้านคน จะถูกรัฐลอยแพ

ที่สำคัญ คือ เราก็รู้อยู่แล้วว่าฐานข้อมูลของบัตรคนจน นั้นมีความมั่วอยู่พอสมควร มีคนจนถึง 46% ที่ไม่ได้รับบัตร ในขณะที่ 78% ของคนที่ถือบัตร เป็นคนที่ไม่ยากจนแต่อยากจน ข้อมูลตกหล่นมากมายแบบนี้ แล้วจะเอามาใช้เป็นเกณฑ์ในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้อย่างไร นอกจากนี้ ในมาตรา 11 (11) ของพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ได้กำหนดเอาไว้ว่า การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุจะต้องจ่ายเป็นรายเดือน โดยต้องจ่ายให้ทั่วถึง และเป็นธรรม ซึ่งก็มีประเด็นว่า การบังคับให้ผู้สูงอายุต้องพิสูจน์ความจน นั้นอาจเป็นการกีดกันประชาชนไม่ให้ได้รับสวัสดิการจากรัฐ ซึ่งขัดกับ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ก็เป็นได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top