Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ถึงภาพรวมเหตุการณ์โควิด-19 ในรอบ 1 ปีไว้อย่างน่าสนใจ โดยมีเนื้อหาว่า...

เราวิ่งมาราธอนมาถึงครึ่งทางแล้ว เราน่าจะผ่านจุดสูงสุดและกำลังวิ่งในครึ่งทางหลัง ใน 1 ปีที่ผ่านมาสรุปได้ว่า

1.) โควิด-19 เป็นโรคระบาดที่รุนแรงและกว้างขวางทั่วโลกในรอบ 100 ปีนับจากไข้หวัดใหญ่สเปน

2.) โรคได้ระบาดอย่างกว้างขวางทั่วโลก เป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลกพบในทุกประเทศเริ่มจากอู่ฮั่น

3.) ทางตะวันตกระบาดมากกว่าทางตะวันออก ทั้งนี้เพราะทางตะวันออกน่าจะกลัวตายมากกว่าทางตะวันตก มีการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด

4.) ไม่ว่าจะปิดประเทศหรือไม่เปิดประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำกันถ้วนหน้า การเดินทางระหว่างกันและกันลดลง

5.) ความรุนแรงของโรคจะพบในผู้สูงอายุและมีปัจจัยเสี่ยงในเด็กความรุนแรงน้อยกว่าผุ้ใหญ่และผู้สูงอายุ

6.) อัตราตายโดยเฉลี่ยประมาณ 2% หรือน้อยกว่า หลังจากที่ทั่วโรคมีรายงาน 100 ล้านคน เชื่อว่ามีผู้ป่วยอาการน้อยหรือไม่มีอาการตกสำรวจจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิต 2.1 ล้านคน

7.) ประมาณหนึ่งในสาม การติดเชื้อเป็นแบบไม่มีอาการจึงยากต่อการควบคุมโรค

8.) วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้มีแนวทางปฏิบัติจนคุ้นเคย ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ กำหนดระยะห่าง

9.) ผลของวิถีชีวิตใหม่ ทำให้โรคระบบทางเดินหายใจลดลงอย่างมาก

10.) เราเริ่มเห็นแสงในการควบคุมหลังจากการพัฒนาวัคซีนและนำไปใช้ได้จริง โดยเริ่มตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมจนปัจจุบัน มีการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 60 ล้านโดส

11.) ประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ต่อจำนวนประชากรมากที่สุด (1 ใน 3 ของประเทศ) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 ใน 4 ของประชากรใช้วัคซีนเชื้อตายของจีน Shinopham

12.) ประสิทธิผลการป้องกันโรคในอิสราเอลเริ่มเห็นผล ในผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีที่ได้รับวัคซีนมีป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลน้อยกว่าผู้ไม่ได้รับวัคซีนถึงร้อยละ 60

13.) แสดงว่าวัคซีนลดการป่วยที่รุนแรง อย่างน้อยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลและลดการเสียชีวิต และเชื่อว่าวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิดที่ใช้อยู่ในขณะนี้ก็เช่นเดียวกันสามารถลดความรุนแรงของโรคได้

14.) การลดการระบาดโควิด-19 ได้ ประชากรอย่างน้อยร้อยละ 60 ต้องมีภูมิต้านทานกลุ่ม (Herd Immunity) ภูมิคุ้มกันกลุ่มคิดจากสมการ 1-1/Ro ,Ro คืออำนาจการกระจายโรคที่มีการคำนวณไว้แล้ว อยู่ระหว่าง 2-3 ภูมิคุ้มกันกลุ่มจึงเท่ากับ 1-1/3

15.) เด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ขณะนี้ยังไม่ให้วัคซีนเพราะยังไม่มีการศึกษาในเด็กกลุ่มดังกล่าว และการติดโรคในเด็กมีอาการน้อย

16.) สตรีตั้งครรภ์ วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนใหม่ยังไม่แนะนำให้ เว้นเสียแต่ถ้ามีการระบาดมากหรือสตรีนั้นมีความเสี่ยงสูง ก็ให้ชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบผลได้และผลเสียและให้ข้อมูลให้ผู้รับวัคซีนตัดสินใจ

17.) การให้วัคซีนพร้อมวัคซีนอื่นโดยหลักการน่าจะให้ได้ แต่วัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ เมื่อเกิดการแทรกซ้อนจะไม่ทราบว่าเกิดจากวัคซีนอะไร จึงแนะนำให้วัคซีนนี้ห่างจากวัคซีนอื่นอย่างน้อย 14 วัน

18.) วัคซีนโควิด-19 จะให้ 2 ครั้ง ยกเว้นในอนาคตอาจมีวัคซีนให้เพียงครั้งเดียวหรือ 3 ครั้ง ชนิดของวัคซีนที่ให้ควรเป็นวัคซีนยี่ห้อเดียวกันทั้ง 2 เข็ม ไม่ควรสลับยี่ห้อของวัคซีนจนกว่าจะได้มีการศึกษาแล้ว

19.) ถ้าป่วยเป็นโรคโควิด-19 แล้วฉีดวัคซีนได้หรือไม่ ผู้ที่เป็นโควิด-19 แล้วยังมีข้อมูลยังไม่มากพอและพบว่าผู้ที่มีอาการน้อย ภูมิต้านทานต่ำ และตรวจไม่ได้หลัง 6 เดือน ถ้าจะให้วัคซีนจะต้องให้หายป่วยและพ้นการกักตัวแล้ว ส่วนมากหลังหายจากโรคโควิด-19 ใน 3 เดือนแรก โอกาสจะเป็นโรคเป็นแล้วเป็นอีกเกิดขึ้นได้น้อยมาก

การให้วัคซีนในผู้ที่เป็นโรคมาแล้ว ผู้ที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ การให้วัคซีนในกลุ่มนี้ไม่ได้มีปัญหาหรือข้อห้าม และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจภูมิต้านทานก่อนฉีดแต่อย่างใด และการให้วัคซีนในผู้ที่เคยเป็นโรคมาแล้วไม่มีอันตรายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

20.) เมื่อให้วัคซีนแล้วมีโอกาสติดเชื้อหรือเป็นโรคได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่มีวัคซีนไหนที่ป้องกันได้ 100% เมื่อฉีดวัคซีนแล้วจึงมีโอกาสติดโรคและอาจป่วยได้ หลักฐานปัจจุบันเชื่อว่าวัคซีนทำให้อาการป่วยน้อยลง

21.) ฉีดวัคซีนแล้วคงจะต้องปฏิบัติตนแบบวิถีชีวิตใหม่จนกว่าประชากรส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมีภูมิต้านทานและไม่มีการระบาดของโรค ดังนั้นจึงยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และกำหนดระยะห่างของบุคคลและสังคมต่อไป

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ


ที่มา:

https://www.facebook.com/108692177438990/posts/240196690955204/

ศาลเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีกบฏ กปปส. ชุด 4 ส. ออกไปอีก ระบุคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังไม่แล้วเสร็จ พร้อมนัดอ่านคำพิพากษาใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 6 พ.ค. นี้ เวลา 9.00 น.

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีกบฏ กปปส. สำนวนแรก ชุด 4 ส. หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557, อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายเสรี วงศ์มณฑา เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏและข้อหาอื่น ๆ กรณีจำเลยร่วมกันชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. ขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556-2557

โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2562 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสี่ สำหรับวันนี้มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. เดินทางมาให้กำลังใจที่ศาลพร้อมกับจำเลยทั้งสี่

นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้องกับ กปปส. ขณะนี้ว่า มีคนที่ถูกดำเนินคดีแยกกันออกไป บางคดีจบในศาลชั้นต้น บางคดีถึงศาลอุทธรณ์ จำนวนหนึ่งไปถึงศาลฎีกา มีการทยอยอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาบ้างแล้ว บางรายถูกลงโทษจำคุก เพราะศาลพิจารณาพยานหลักฐานว่าเป็นการขัดขวางการเลือกตั้ง บุกรุกสถานที่ราชการ มี 4 รายถูกลงโทษจำคุกและได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษออกจากคุกมาแล้ว บางคนยังรับโทษไม่รอลงอาญา เสียชีวิตไปก็มี

ที่ผ่านมาเราเคลื่อนไหวทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองก็ถูกดำเนินคดี วันนี้เป็นคดีกบฏเล็ก 4 คน ศาลชั้นต้นยกฟ้องไปแล้ว แต่อัยการอุทธรณ์ ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษา ส่วนคดีชุดใหญ่อีก 39 คน ศาลนัดอ่านคำพิพากษาวันที่ 24 ก.พ. นี้ เราต่อสู้คดีตามปกติ เคารพยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม ต่อสู้ตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา

นายสุเทพ ยังได้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับม็อบในปัจจุบัน โดยระบุเพียงว่า ตนไม่สามารถแนะนำใครได้ในการต่อสู้ทางการเมือง แต่ละฝ่ายมีความคิด มีความเชื่อ มีเป้าหมายต่างกัน แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย ทุกคนจะคิดอ่านอย่างไรก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่การใช้สิทธิเสรีภาพต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย

พร้อมระบุว่า ตนไม่วิพากษ์วิจารณ์กล่าวร้ายคนอื่น แต่เรียนว่าเป็นคนไทยต้องเคารพกฎหมายไทย

อย่างไรก็ตาม ต่อมาศาลได้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันนี้ออกไปก่อน เนื่องจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังไม่แล้วเสร็จ โดยศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 6 พ.ค. นี้ เวลา 9.00 น.

กระทรวงแรงงานจับมือเอกชน นำโดรนมาใช้ในการพัฒนาเกษตรกร สร้างนักขับภาคเกษตร ตั้งเป้าหมายให้นำโดรนไปใช้ในขั้นตอนการเพาะปลูก ใส่ปุ๋ย ฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืช ช่วยลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าของสินค้า

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กำลังแรงงานภาคเกษตรเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่กพร. ให้ความสำคัญในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เนื่องจากเป็นฐานรากสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างรายได้จากการส่งออกสินค้าเป็นจำนวนมาก

และเพื่อให้การพัฒนาทักษะฝีมือของกำลังแรงงานภาคการเกษตรสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน มีทักษะสูง สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่และเข้าถึงโอกาสในการทำงานที่มีคุณค่า สร้างรายได้ที่มั่นคง

กพร.ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงแรงงานโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มุ่งเน้นให้กพร.ใช้แนวทางประชารัฐร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา พัฒนาทักษะฝีมือให้เป็นแรงงานคุณภาพป้อนสู่ตลาดแรงงาน

ซึ่งความร่วมมือกับบริษัท แอโร กรุ๊ป (1992) จำกัด ในการพัฒนาแรงงานภาคเกษตร เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและนโยบายกระทรวงแรงงานดังกล่าว

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า ความพิเศษของความร่วมมือในครั้งนี้ คือได้นำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Drone) มาใช้ในการพัฒนาเกษตรกร โดยตั้งเป้าหมายให้เกษตรกรนำโดรนไปใช้ในขั้นตอนการเพาะปลูก ใส่ปุ๋ย ฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าของสินค้า และลดความเสี่ยงอันตรายในระหว่างการปฏิบัติงาน ใช้หลักสูตรการฝึกอบรม สาขาผู้บังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) เพื่อการเกษตร ระยะเวลาการฝึกอบรม 18 ชั่วโมง

ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอากาศยานไร้คนขับ เช่น ส่วนประกอบของโดรน การเปลี่ยนชิ้นส่วน การใช้เครื่องบังคับ การผสมสารเพื่อใช้ในการพ่นยา ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน การทำใบอนุญาตและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในปี 2563 ดำเนินการฝึกอบรมในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม ระยอง พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครราชสีมา มีผู้ผ่านการฝึกอบรม 252 คน

สำหรับในปี 2564 มีแผนฝึกอบรมเพิ่มเติมอีก 10 จังหวัด ได้แก่ นครนายก เพชรบุรี นครสวรรค์ ลำปาง แพร่ พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย น่าน และอุบลราชธานี คาดว่าจะสร้างนักขับโดรนภาคเกษตรได้ทั้งประเทศในปี 2564 นี้

“สำหรับแผนการฝึกอบรมปี 2564 ใน 10 จังหวัด ต้องปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจัดให้มีการฝึกอบรมตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาด หลักสูตรดังกล่าวมีผู้ให้ความสนใจเข้าฝึกอบรมจำนวนมากในแต่ละจังหวัด จึงเชิญชวนผู้สนใจติดตามข่าวสารของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านทางช่องทาง www.dsd.go.th. และ www.facebook.com/dsdgothai เมื่อเปิดรับสมัครจะได้แจ้งให้ทราบโดยเร็วที่สุด” อธิบดีกพร. กล่าว

มูลนิธิออกซ์แฟม (Oxfam) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ดูแลเรื่องความเท่าเทียมกันของคนในสังคม เผย 10 มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกมีรายได้เพิ่มขึ้นรวมกันถึง 540,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 มากพอที่จะซื้อวัคซีนแจกจ่ายให้แก่ประชากรทั่วโลก

รายงาน “The Inequality Virus” ที่ถูกเผยแพร่ในวันเปิดการประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ชี้ว่ามหาเศรษฐีทั่วโลกล้วนแต่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ขณะที่คนยากจนมีแนวโน้มจะต้องเผชิญความลำบากต่อเนื่องไปอีกหลายปี

แกบรีเอลา บูเชอร์ ผู้อำนวยการบริหาร ออกซ์แฟม อินเทอร์เนชันแนล ระบุในรายงานว่า “เราได้เห็นถึงสภาพความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด นับตั้งแต่มีการจดบันทึก”

“ระบบเศรษฐกิจที่ถูกปั่น (rigged economies) ทำให้พวกอภิสิทธิชนที่ใช้ชีวิตหรูหราและหลบเลี่ยงผลกระทบจากโรคระบาดสามารถสร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้มากขึ้นไปอีก ในขณะที่พนักงานขายของ, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และพ่อค้าแม่ค้าในตลาด แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลัง”

“หากไม่จัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้น ประชากรยากจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 5.50 ดอลลาร์ต่อวันจะเพิ่มขึ้นอีก 500 ล้านคนภายในปี 2030”

โควิด-19 ได้ก่อพายุเศรษฐกิจที่โจมตีคนจนและกลุ่มคนเปราะบางหนักที่สุด โดยเฉพาะผู้หญิงและแรงงานชายขอบที่ถูกเลิกจ้าง ขณะที่ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ออกมาเตือนแล้วว่าจะมีประชากรโลกเข้าสู่ภาวะยากจนสุดขีด (extreme poverty) เพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านคน

ออกซ์แฟมคาดว่าจะต้องใช้เวลานานกว่า 10 ปี จึงจะสามารถลดจำนวนคนจนให้กลับมาสู่จุดที่เคยเป็นก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ได้

รายงานของออกซ์แฟม ประเมินว่า มูลค่าทรัพย์สินของมหาเศรษฐีทั่วโลกเพิ่มขึ้นราวๆ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างวันที่ 18 มี.ค.จนถึง 31 ธ.ค.ปี 2020 มาอยู่ที่ 11.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

เฉพาะมหาเศรษฐี 10 อันดับแรกของโลก เช่น เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์แอมะซอน, อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลา, บิลล์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ และ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊ก มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 540,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนักวิจัยชี้ว่ามากพอที่จะซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประชากรทั้งโลก และยังสามารถช่วยให้คนทุกคนรอดพ้นวิกฤตความยากจนจากโรคระบาด

ออกซ์แฟมยังสนับสนุนให้รัฐบาลทั่วโลกใช้ “มาตรการเชิงปฏิรูป” โดยจัดเก็บภาษีจากภาคธุรกิจและกลุ่มคนร่ำรวยเพิ่มขึ้น และยกระดับมาตรการคุ้มครองแรงงาน

รายงานฉบับนี้ระบุด้วยว่า การเก็บภาษีชั่วคราวจากผลกำไรส่วนเกินของ 32 บริษัททั่วโลกซึ่งทำกำไรสูงสุดในช่วงโควิด จะสามารถระดมเงินทุนได้ถึง 104,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2020

ชยาตี โฆษ อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์แอมเฮิร์ตส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ที่ให้ข้อมูลกับออกซ์แฟม ระบุว่า ความร่วมมือในระดับนานาชาติจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลง และเธอเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะมีส่วนช่วยส่งเสริมความร่วมมือทั้งในแง่ของการปราบปรามที่พักหลบภาษี (tax havens) รวมถึงการอนุมัติวงเงินกู้ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา


ที่มา : รอยเตอร์, Yahoo Finance

https://sondhitalk.com/detail/9640000007339

ดีอีเอส ร่วมตำรวจ ศปอส.ตร.รุกหนักจับพวกเปิดเว็บพนันออนไลน์ต่อเนื่อง พบ 4 เดือน ได้ผู้ต้องหา 170 ราย เงินหมุนเวียนในระบบกว่า 4 หมื่นล้านบาท

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยผลการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ประสานร่วมกับ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ มอมเมาประชาชนซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. นำกำลังชุดเฉพาะกิจ ศปอส.ตร และกำลังตำรวจภูธรภาค 6 เข้าตรวจค้นสถานที่ตั้งเว็บพนันทั่วประเทศ จำนวน 18 จุด ทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางในเขตพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จับกุมผู้กระทำผิดได้ 80 ราย พบเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน

เมื่อสรุปผลการตรวจค้นและจับกุมเว็บไซต์พนันออนไลน์ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน ม.ค. 2564 ระยะเวลา 4 เดือน ดำเนินการจำนวน 11 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาได้ 170 คน ซึ่งส่วนใหญ่รับแจ้งผ่านเพจอาสาจับตาออนไลน์ และรับแจ้งโดยตรง รวม 330 URLs พบเงินหมุนเวียนในระบบ กว่า 40,000 ล้านบาท

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับกระทรวงดิจิทัลฯและพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ปราบปรามการพนันทุกรูปแบบ โดยเฉพาะปัจจุบันมีการเล่นพนันออนไลน์มากขึ้น จึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง จริงจัง เพราะถือเป็นการมอมเมาประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน สร้างความเสียหายแก่ครอบครัวและประเทศชาติ

ทั้งนี้ผู้ที่มีเบาะแสพนันออนไลน์สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่เพจ อาสา จับตา ออนไลน์ m.me/DESmonitor และสายด่วน 1599 ตลอด 24 ชม. หรือ เบอร์ 081-8663000 ในเวลาราชการ

MRT (Taipei Mass Rapid Transit) ไต้หวันเดือดจัด เมื่อทีมงาน SWAG แพลตฟอร์มโซเชียลชื่อดังด้านคอนเทนท์ 18+ นำฉากคล้ายสถานีรถไฟฟ้า และ ภายในตู้โดยสารรถไฟใต้ดินมาเป็นฉากหนัง AV เพื่อเพิ่มยอดสมาชิกจากผู้ชมชาวจีนมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่มีการปล่อยคลิป AV ดังกล่าวในช่องทางออนไลน์ของบริษัท ก็สร้างความฮือฮาในหมู่ชาวไต้หวันเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่ออกมาในแง่ลบว่า การรถไฟไต้หวันอนุญาตให้ใช้สถานที่เป็นฉากถ่ายทำหนังปลุกใจเสือป่าอย่างโจ๋งครึ่มได้อย่างไร

ต่อมาทาง บริษัท ไทเป เมโทร ได้ออกมาชี้แจงว่า ไม่เคยอนุญาตให้บริษัทใด ๆ ใช้สถานที่ถ่ายทำทั้งภาพ คลิป หนังติดเรท เรื่องใดทั้งสิ้น และออกมาประณามทีมผู้สร้างที่หยิบเอาฉากในรถไฟฟ้ามาทำเป็นหนังโป๊ ทั้ง ๆ ที่ทางการรถไฟไต้หวัน พยายามอย่างหนักที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลวนลามทางเพศในพื้นที่ของสถานีรถไฟทุกแห่ง และอาจพิจารณาดำเนินคดีกับทีมผู้สร้าง ที่ทำให้ขนส่งสาธารณะของไต้หวันเสื่อมเสีย

ซึ่งทางทีมงาน SWAG ก็ไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด ยืนยันว่า ไม่ได้เข้าไปถ่ายในสถานที่จริง แต่เป็นการจัดฉากด้วยเทคนิคในการถ่ายทำให้ดูสมจริง ทั้งภายในบริเวณสถานีรถไฟ และตู้โดยสารที่ทำให้ดูเหมือนรถไฟกำลังแล่นอยู่ด้วย ที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจว่าถ่ายในสถานที่จริง แต่ไม่มีตราสัญลักษณ์ใด ๆ ของบริษัท ไทเป เมโทร ปรากฏอยู่ในคลิป และยังเผยแพร่คลิปเฉพาะในกลุ่มปิด ที่เป็นสมาชิกของช่องเท่านั้น

เหตุผลนี้สอดคล้องกับหัวหน้าทีมสืบสวนคดีอาชญากรรมประจำสำนักงานตำรวจไทเปว่า หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการถ่ายทำในสถานที่จริง หรือต่อให้มีการแอบเข้าไปถ่ายจริง แต่ไม่ติดโลโก้ ตราสัญลักษณ์ใดๆ ของรถไฟฟ้า ก็ไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้

สิ่งที่ทางบริษัทรถไฟฟ้าไต้หวันสามารถทำได้ มีเพียงการออกแถลงการณ์ประณาม และทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ทางบริษัทมีนโยบายต่อต้านการคุกคามทางเพศทุกรูปแบบภายในพื้นที่ให้บริการของสถานี และมีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด

ทั้งเปิดพื้นที่โซนผู้โดยสารหญิงโดยเฉพาะ มีปุ่มขอความช่วยเหลือติดไว้ภายในบริเวณห้องน้ำ ติดกล้องวงจรปิดตามมุมมืด และมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยทุกสถานี สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ขอให้ผู้โดยสารมั่นใจว่า จะไม่มีเรื่องที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นภายในสถานีอย่างที่ปรากฏในหนัง AV แน่นอน

และขอให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเพียงจินตนาการส่วนบุคคล เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง สถานที่สาธารณะ ไม่สามารถแสดงพฤติกรรมแบบที่เห็นในหนัง AV ได้ หากถูกจับ ก็ปรับจริง โดยมีการระบุไว้ในกฏหมายป้องกันพฤติกรรมลวนลามทางเพศในที่สาธารณะของไต้หวัน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 - 100,000 เหรียญไต้หวันต่อ 1 ความผิดที่ไม่มีว่างเว้นให้กับเหตุผลของความรู้เท่าไม่ถึงการณ์


อ้างอิง

https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4112873

https://law.moj.gov.tw/Eng/LawClass/LawAll.aspx?PCode=D0050074

ส่อแววดราม่ายาว กรณีปาร์ตี้วันเกิดดีเจมะตูม ก่อนที่จะกลายเป็นมหากาพย์ลากยาวกว่านี้ The States Times รวบรวมข้อมูลสำคัญมาไล่เรียงให้ทราบกัน

ดราม่า!!! ลากยาวกันมาเป็นอาทิตย์ สำหรับกรณีดีเจคนดัง ‘มะตูม-เตชินท์ พลอยเพชร’ ที่ติดโควิด - 19 จากงานปาร์ตี้วันเกิดของตัวเอง แต่เรื่องราวบานปลายยยยย! เนื่องจากงานปาร์ตี้ของดีเจคนดัง กลับกลายเป็น ‘คลัสเตอร์ใหญ่’ ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด - 19 มากขึ้นเรื่อย ๆ มากไปกว่านั้น

ยังมีกรณีของผู้ที่ติดเชื้อแล้วไม่ยอมเปิดเผยไทม์ไลน์ย้อนหลัง จนเกิดเป็นประเด็นเรื่องความผิดที่ต้องได้รับ งานนี้ส่อเค้าจะดราม่ากันยาว ๆ The States Times รวบรวมข้อมูลสำคัญจากข่าวฮอตนี้ หรือจะเรียกว่า เป็น ‘มะตูมเอฟเฟกต์’ มาอัปเดตให้ทราบกับอีกครั้ง

‘บิ๊กป๊อก’ เผย นายกฯ สั่งแก้ปัญหาจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อน เบื้องต้นท้องถิ่นใช้วิธีเจรจารอมชอม ให้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมเตรียมหาวิธีทางกฎหมายที่เหมาะสม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ ว่า เรื่องทั้งหมดมีการจ่ายเงินซ้ำซ้อนกันเกิดขึ้น ซึ่งกรมบัญชีกลางเป็นผู้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทย หลังพบข้อมูลช่วงปลายปี 62 ว่ามีการจ่ายเงินผู้สูงอายุซ้ำกับคนที่เขารับเงินอื่นๆไปแล้ว พบผิดระเบียบกว่า 1.5 หมื่นคน ในหลายๆกรณี

ทั้งนี้ เป็นเรื่องทางกฎหมายที่ไม่สามารถทำได้ ส่วนกระแสที่เกิดขึ้นเพราะมีการไปสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ ที่ลูกเสียชีวิต และเขาก็ได้รับเงินซ้ำซ้อน ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้วก็จะหาทางออกด้วยกฎหมาย โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน

ขณะนี้เบื้องต้นเราหาทางออกด้วยวิธีเจรจารอมชอม เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่ทางกฎหมายได้มีคำสั่งให้หาวิธีที่เหมาะสม ต้องดูรายละเอียดกฎหมายว่าจะแก้ไขอย่างไร ในขั้นต้นท้องถิ่นใช้วิธีเจรจาไปก่อน

รมว.แรงงาน จ่อถกคลัง เยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 พิจารณารูปแบบการเยียวยา รอหารือข้อสรุปที่ชัดเจน เผย มีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดี พร้อมจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการเรียกร้องให้เยียวยากลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะมีมาตรการเยียวยาหรือไม่ ว่า ผู้ประกันตนมาตราดังกล่าวมีประมาณ 11 ล้านคน ซึ่งขณะนี้เรากำลังดูว่ารูปแบบที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง ส่วนรายละเอียดขอให้รอผลสรุปก่อน

เนื่องจากต้องหารือกับทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมา (สศช.) ถึงรูปแบบและวิธีการและต้องหารือกับรมว.คลัง เนื่องจากงบประมาณที่จะใช้ดำเนินงานจะเป็นของกระทรวงการคลัง แต่ขณะนี้มีแนวโน้มสัญญาณที่ดี โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็เป็นห่วง จึงให้ไปหาวิธีการในการช่วยเหลือ

"มีนักการเมืองที่อาจจะไม่เข้าใจระบบประกันสังคม ไม่เข้าใจรัฐบาลแล้วบอกว่ารัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานทั้งที่รัฐบาลอุดหนุนเงินกองทุนประกันสังคมปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยไปอยู่ในกองทุนว่างงาน และกองทุนชราภาพ ซึ่งกลับไปให้กับผู้ใช้แรงงาน ที่ผ่านมาในอดีตกองทุนประกันสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 2.75 % แต่รัฐบาลที่ผ่านมาติดค้างยาวนานมูลค่าเป็น 1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลนี้ได้อุดหนุนและใช้หนี้เก่าให้กองทุนมีสภาพคล่องมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน" นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวว่า ในการระบาดของโควิด-19 รอบแรกใช้เงินประกันสังคม 62% ในการช่วยเหลือแรงงานกว่า 9 แสนคน ครั้งนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะช่วยเหลือเยียวยา โดยล่าสุดรัฐบาลจ่ายไปอีก 3 หมื่นกว่าล้านบาทให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและปิดกิจการ โดยคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด ดังนั้นผู้ประกันตนในระบบไม่ต้องเป็นห่วง เรามีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดีและจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ทางกระทรวงแรงงาน จะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณารูปแบบการเยียวยา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะจ่ายเป็นเงินให้กับผู้ประกันตน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยา 7,000 บาท ทั้งนี้กรอบวงเงินที่จะเยียวยาจะต้องหารือถึงให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

พรรคกล้า เปิดตัวนักธุรกิจรุ่นใหม่ “สราวุฒิ สุวรรณรัตน์” ชิงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ขณะที่หัวหน้าพรรค “กรณ์ จาติกวณิชย” ไม่หวั่นหากตกเป็นรอง ลั่นพร้อมสู้ทุกเวที ชี้เป็นเกียรติได้เปิดตัวผู้สมัครคนแรกของพรรคสู่สายตาประชาชน

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดตัว นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ในนามพรรคกล้า แทนตำแหน่งที่ว่าง หลังนายเทพไท เสนพงศ์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราชไปแล้ว

โดยนายสราวุฒิ เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีบทบาทสำคัญในการส่งเครื่องถมเครื่องเงินของนครศรีธรรมราชส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ

ขณะที่ นายกรณ์ ย้ำว่า การเปิดตัวผู้สมัครครั้งนี้ มีความหมายของพรรค เป็นโชคและเป็นเกียรติที่ได้แนะนำตัวผู้สมัครคนแรกของพรรคกับชาวนครศรีธรรมราชและคนไทย ซึ่งพรรคกล้าตั้งใจทำให้ชาวนครศรีธรรมราชทุกคนอยู่ดีกินดี มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ส่วนเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ และยังมีพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงพรรคภูมิใจไทยส่งผู้สมัครชิง จะสู้ได้หรือไม่ นายกรณ์ ยืนยัน พรรคกล้า ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค และเมื่อปรากฎสัญญาณว่าจะเลือกตั้งซ่อม ว่าที่ผู้สมัครก็ได้ลงพื้นที่และฝังตัวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 และช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ ยืนยันว่า พรรคกล้ามีโอกาสลงพื้นที่ได้เข้มข้นกว่าหลายพรรค และการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ พร้อมสู้ทุกพรรค เพราะมั่นใจในตัวผู้สมัคร และตัวคนนครศรีธรรมราช

เมื่อถามว่า หลายพรรคส่งตัวผู้สมัครที่เป็นคนในพื้นที่เดิมและมีประสบการณ์ด้านการเมือง แต่พรรคกล้ากลับส่งผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่ นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคกล้าเป็นพรรคของคนทุกวัย เชื่อว่า สังคมจะเดินหน้าไปได้อย่างเต็มศักยภาพ แม้ว่าที่ผู้สมัครจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เชื่อว่า คนอยากเห็นการเมืองแนวใหม่ที่สร้างสรรค์ และมีประสบการณ์สร้างเนื้อสร้างตัวและทำมาหากินมาเป็นผู้แทนเพื่อสร้างโอกาสให้ชาวนครศรีธรรมราช จึงไม่คิดว่า คะแนนของพรรคกล้าคงไม่ใช่มาแค่คนรุ่นใหม่เท่านั้น

ส่วนการส่งตัวผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. นายกรณ์ ยืนยันว่า พรรคกล้าพร้อมสู้ทุกเวที และเมื่อถึงเวลา ก็พร้อมที่จะเปิดตัว โดยที่ขณะนี้มีคนในใจแล้วแต่ขอยังไม่เปิดเผย ซึ่งเวลานี้เตรียมตัวผู้สมัคร สก.ไว้เกือบครบแล้ว และจะเดินหน้าไปเรื่อย ๆ แต่เป้าหมายสำคัญเวลานี้ คือ การเลือกตั้งซ่อม เขต 3 นครศรีธรรมราช


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top