Sunday, 11 May 2025
NewsFeed

ซากุระล่มสลาย!! ญี่ปุ่น เจอพิษโควิด-19 ถล่มหนัก ประกาศปิดประเทศ 100% ไม่เปิดรับต่างชาติทุกกรณีแล้ว!

ช่วงฤดูกาลเช่นนี้ และอากาศแบบนี้ หากนับก่อนช่วงโควิด-19 ระบาด คนไทยมักจะฝันถึงแผนการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเป็นจำนวนมาก โดยจากสถิติขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจเอ็นทีโอ) รายงานว่ามีคนไทยเดินทางไปญี่ปุ่นเดือนเมษายนมากที่สุดถึง 1.48 แสนคน

ทว่าฝันนี้คงล่าช้าไปอีกยาวนาน หลังล่าสุด นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ สุงะ ของญี่ปุ่นประกาศปิดประเทศ ห้ามชาวต่างชาติที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นทุกคนเดินทางเข้าประเทศ ไม่เว้นแม้แต่นักธุรกิจหรือนักเรียนจากไต้หวันและประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศรวมทั้งไทย ที่ได้รับการยกเว้นก่อนหน้านี้

สำหรับมาตรการนี้จะบังคับใช้จนถึงวันที่ 7 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดของประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและพื้นที่อื่นๆ ที่พบ Covid-19 ระบาดหนัก

สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยว่าประชาชนผู้ตื่นตระหนกพากันหลบหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัย หลังอาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย และพังถล่มลงมาบางส่วน จากแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.2 ที่สั่นสะเทือนเกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซียในวันศุกร์ (15 ม.ค.)

เบื้องต้น ราดิตยา จาตี โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า "มีผูู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บ 24 คน" ก่อนต่อมาจะปรับเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตเป็นอย่างน้อย 7 คน โดยผู้เสียชีวิต 4 คนและผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 637 คนอยู่เมืองมาเจเน ส่วนที่เมืองมามูจู ที่อยู่ติดกัน พบผู้เสียชีวิต 3 คนและได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน

หน่วยงานกู้ภัยและช่วยเหลือของอินโดนีเซียแห่งนี้ เปิดเผยว่าพวกชาวบ้านหลายพันคนต้องหลบหนีออกจากที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย หลังเกิดแผ่นดินไหวตอนประมาณ 1.00 น.ของเช้ามืดวันศุกร์ (15 ม.ค.) ก่อความเสียหายแก่บ้านเรือนอย่างน้อย 60 แห่งและอาคารขนาดใหญ่หลายหลัง ในนั้นโรงแรมอย่างน้อย 1 แห่งพังถล่มลงมา

แผ่นดินไหวสามารถสัมผัสได้อย่างรุนแรงเป็นเวลาราวๆ 7 วินาที แต่ไม่ก่อให้เกิดสึนามิแต่อย่างใด

ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองมามูจู เมืองเอกของจังหวัดสุลาเวสีตะวันตก ไปทางใต้ราว 36 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้ดิน 18 กิโลเมตร ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ

ทั้งนี้รายงานจากเมืองมามาจู เผยว่า อาคารบางแห่งได้รับความเสียหายเลวร้าย ในนั้นรวมถึงโรงแรม 2 แห่ง สำนักงานผู้ว่าการและหอประชุมแห่งหนึ่ง และถนนที่มุ่งหน้าสู่เมืองมามาจู อย่างน้อย 1 เส้นทาง ถูกตัดขาด

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากเพิ่งเกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.9 ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ในพื้นที่เดียวกันนี้ ก่อความเสียหายแก่อาคารและบ้านเรือนหลายหลัง

สำนงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียบอกว่าแผ่นดินไหวหลายระลอกในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ก่อดินถล่มอย่างน้อยๆ 3 จุดและกระแสไฟถูกตัดขาดในหลายพื้นที่

อินโดนีเซียต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหวและภูเขาไฟบ่อยครั้ง เนื่องจากตั้งยู่บนวงแหวนไฟแปซิฟิก บริเวณที่ขอบของแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ชนกัน

เมื่อปี 2018 เกิดแผ่นดินไหว 7.5 ตามด้วยสึกนามิ ซัดถล่มเมืองปาลู บนเกาะสุลาเวสี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายมากกว่า 4,300 คน

โศกนาฏกรรมเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2004 แผ่นดินไหวระดับ 9.1 สั่นสะเทือนนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา โหมกระพือสึนามิขนาดยักษ์ซัดถล่มทั่วภูมิภาค คร่าชีวิตผู้คน 220,000 ราย ในนั้น 170,000 ราย เสียชีวิตในอินโดนีเซีย


ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์

สีจิ้นผิง ผู้นำจีน ออกโรงสนับสนุนแบรนด์กาแฟ Starbuck พร้อมผลักดันธุรกิจการค้ากับบริษัทสัญชาติอเมริกัน เพื่อก้าวสู่ระบบสังคมที่มีความทันสมัย

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนสนับสนุนให้ ฮาวเวิร์ด ชูลท์ซ (Howard Schultz) ประธานกิตติคุณของ Starbucks คอร์ปอเรชั่นและบริษัทรักษาบทบาทเชิงบวกในการผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าและความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีน – สหรัฐต่อไป

ในจดหมายที่สี่จิงผิงเขียนตอบกลับชุดเมื่อวันที่ 6 มกราคม สีเน้นย้ำว่าการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้นำพาชาวจีน 1.4 พันล้านคนฝ่าฟันความทุกข์ยากต่าง ๆ มาอย่างยาวนานเพื่อสร้างสังคมมั่งคั่งระดับปานกลางในทุกด้าน และสร้างระบบสังคมนิยมที่มีความทันสมัย

ประธานาธิบดีจีนได้ย้ำว่า การเดินทางครั้งใหม่ของจีนสู่การสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่อย่างเต็มรูปแบบ จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่องค์การต่าง ๆ ทั่วโลกในการเติบโตในจีน ซึ่งรวมถึง Starbucks และบริษัทสัญชาติอเมริกันอื่น ๆ

สีหวังว่า Starbucks จะมุ่งมั่นส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน – สหรัฐ ตลอดจนความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ โดยก่อนหน้านี้จดหมายของชูลท์ซที่ส่งถึงสีจิ้นผิงและแสดงความยินดีต่อประเทศจีนที่กำลังประสบความสำเร็จในการสร้างสังคมมั่งคั่งระดับปานกลางในทุกด้านภายใต้การนำของสีจิ้นผิงพร้อมแสดงตัวว่า ตนให้ความเคารพประชาชนจีนและวัฒนธรรมจีน


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/168736_20210114

ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย ‘สุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ โพสต์เฟซบุ๊กโต้โลกโซเซี่ยล ยันไม่คิดร่วมตั้ง ‘พรรคทหาร’ ย้ำไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และเป็นบันไดสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด

ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย ‘สุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ โพสต์เฟซบุ๊กโต้โลกโซเซี่ยล ยันไม่คิดร่วมตั้ง ‘พรรคทหาร’ ย้ำไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และเป็นบันไดสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย อดีตแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยัน ไม่ได้ไปร่วมตั้งพรรคทหารตามที่มีโซเชี่ยลเผยแพร่ข้อมูล ว่า “ตามที่มีความพยายามในการปล่อยข่าวโดยผู้ไม่ปรารถนาดีว่า ดิฉันจะไปร่วมตั้งพรรคกับทหาร

ขอเรียนยืนยันว่า จากพฤษภาทมิฬ 35 ผ่านมาถึงวันนี้ 29 ปี ตลอดชีวิตทางการเมือง ดิฉันยืนตรงข้ามเผด็จการมาโดยตลอด

ดิฉันยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

"ไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และไม่มีวันที่จะยอมเป็นบันไดให้เผด็จการเหยียบยืนขึ้นไปเพื่อสืบอำนาจอย่างเด็ดขาด"

ใครที่ปล่อยข่าวว่าดิฉันจะร่วมมือกับเผด็จการ หันมาร่วมมือกัน #ขับไล่เผด็จการฯ ดีกว่ามั๊ยคะ? “

แม้ทั่วโลกยังกังขา แต่ โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ออกมาประกาศว่า การจัดซื้อวัคซีน Sinovac จากจีน มีความปลอดภัย ไร้กังวล และเชื่อถือได้

โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวระหว่างการปราศรัยต่อสาธารณชนเมื่อคืนวันพุธที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ว่า วัคซีนที่ผลิตโดยจีนนั้น มีคุณภาพดีเทียบเท่ากับที่ผลิตโดยบริษัทเภสัชภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกาและยุโรป พร้อมเสริมว่า ชาวจีนผลิตวัคซีนได้ดีพออยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้บ้องตื้นหากรู้อยู่แล้วว่า วัคซีนจะไม่ปลอดภัย หรือไม่น่าเชื่อถือ คงไม่เสี่ยงผลิตออกมา

แฮร์รี่ โรกค์ โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เปิดแถลงการณ์ของดูดูแตร์เต ซึ่งระบุว่า ดูแตร์เตพึงพอใจในวัคซีนชนิดเชื้อตายของบริษัทซิโนแวค (Sinovac) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ของจีน

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเชื้อตายมีความปลอดภัย เนื่องจากเทคโนโลยีถูกใช้กันมานานหลาย 100 ปีแล้ว หากเป็นไปได้ “ผมจะเลือกบริษัทจากบริษัทจีนสองแห่งนี้ เพราะมันเป็นวัคซีนชนิดเนื้อตาย” เขาบรรยายสรุปผ่านทางออนไลน์ในวันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา

ด้านลูลู บราโว ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและผู้อำนวยการบริหารของมูลนิธิวัคซีนแห่งฟิลิปปินส์กล่าวระหว่างการบรรยายสรุปออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาว่า ซิโนแวคใช้วิธีการดั้งเดิมในการพัฒนาวัคซีน โดยใช้อนุภาคของไวรัสที่ตายแล้วในการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสัมผัสกับเชื้อ พร้อมเสริมว่า วัคซีนชนิดเนื้อตายเช่นวัคซีนของซิโนแวคนั้น มีความปลอดภัยกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ อย่างมาก

“วัคซีนชนิดเนื้อตายได้รับการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่า และมีประวัติด้านความปลอดภัยที่ดีกว่าวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต” ลูลู บราโวกล่าว

เอ็นริเก โดมิโก้ หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของฟิลิปปินส์เผยว่า ซิโนแวคกำลังยื่นขออนุญาตใช้งานวัคซีนโคโรนาในกรณีฉุกเฉินจากสำนักงาน พร้อมเสริมว่า กำลังอยู่ระหว่างการประเมินล่วงหน้า

ทั้งนี้ฟิลิปปินส์ได้จัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 25 ล้านโดส โดยที่พัฒนาโดยซิโนแวคไบโอเทค ของจีน โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีน 50,000 โดสแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนวัคซีนที่เหลือจะจัดส่งเป็นงวด ๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงธันวาคม

คาร์ลิโต กัลเวซ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการจัดซื้อวัคซีนกล่าวว่า วัคซีนของซิโนแวค 5 หมื่นโดสแรก จะถูกนำไปฉีดให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและประชาชนกลุ่มสำคัญอื่น ๆ ในมหานครมะนิลา ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดใหญ่ของประเทศ

ขณะเดียวกันฟิลิปปินส์กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนอย่างน้อย 7 ราย เพื่อจัดซื้อวัคซีนอีกจำนวน 148 ล้าน โดส โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้กับประชากร 50 ถึง 70 ล้านคนหรือมากกว่าร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมดในปีนี้เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวมอยู่ที่ 492,700 รายซึ่งรวมผู้เสียชีวิต 9,699 ราย


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/high/168781_20210114

‘อิวะโอกะ เรียวตะ’ เด็กชายชาวญี่ปุ่น พบ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ 7 ปีก่อน วันนี้ทำตามฝัน ได้เป็นนักฟุตบอล และหวังเล่นกับ ‘โรนัลโด้’ สักครั้ง

คุณยังจำหรือเคยเห็นไวรัลนี้ผ่านตานี้หรือไม่?

ไวรัล 7 ปีที่แล้ว (ปี 2014) ที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้หนึ่งในสุดยอดนักเตะของยุคได้ไปประเทศญี่ปุ่น พร้อมเปิดโอกาสให้เด็กญี่ปุ่น ๆ พูดคุยกับเขาในแบบตัวต่อตัว

วันนี้ผมจะขอนำเสนอภาคต่อของไวรัลนั้น เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ไม่เคยยอมแพ้ มีจิตใจมุ่งมั่นในสิ่งหนึ่งอย่างมั่นคง จนน่าเอาเป็นตัวอย่าง

วันที่ 22 กรกฎาคม ปี 2014 เด็กชายอิวะโอกะ เรียวตะ อายุ 12 ปี ได้มีโอกาสเจอหนึ่งในฮีโร่ของเขาในทางฟุตบอล คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในอีเว้นท์ของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมความงาม MTG โดยเป็นหนึ่งในคนนับหมื่นคนที่ได้รับโอกาสนั้น

ก่อนหน้านั้นเด็กชายเรียวตะ เมื่อรู้ว่าตัวเองได้รับเลือกจึงเริ่มฝึกภาษาโปรตุเกสเพื่อจะได้คุยกับฮีโร่ของเขา พร้อมเตรียมสิ่งที่อยากจะพูดกับเขา

ตัดภาพมาในวันงาน เด็กชายเรียวตะ ได้พกกระดาษโน้ตข้อความที่เตรียมมา และอ่านให้ฮีโร่เขาฟัง ทั้งที่ในงานนั้นมีล่ามแปลภาษาอยู่แล้ว โดยมีใจความว่า

"สวัสดีครับ ผมชื่อเรียวตะ ความฝันของผมคือการได้เป็นนักกีฬาฟุตบอล และหวังว่าจะได้มีโอกาสเล่นร่วมกับคุณสักครั้ง เพื่อให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ อะไรที่ควรต้องทำบ้างครับ?"

ระหว่างที่เด็กชายเรียวตะพูดภาษาโปรตุเกสด้วยความยากลำบาก ก็มีเสียงหัวเราะของคนในงาน ถึงจะเข้าใจว่าเป็นการหัวเราะเพราะความเอ็นดู ไม่ใช่การดูถูกก็ตามที

เมื่อเด็กชายเรียวตะพูดจบ ฮีโร่ของเขา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถึงกับถามล่ามทุกคนในงานว่า "พวกคุณหัวเราะอะไรกัน? น้องเขาพูดภาษาโปรตุเกสได้ดีเลยนะ สุดยอดเลย เขาพยายามอย่างสุดความสามารถระหว่างที่เขาพูดอยู่ ควรฟังคำพูดของเขานะ"

ใครจะคิดว่าไวรัลนี้จะมีเรื่องราวต่อ

7 ปีต่อมา เด็กหนุ่มชั้นปีที่ 3 ในระดับมัธยมปลาย อิวะโอกะ เรียวตะได้เป็นส่วนหนึ่งของแชมป์ฟุตบอลมัธยมปลายประเทศญี่ปุ่นในปีนี้

นี่อาจเป็นแค่ก้าวแรกของความฝันที่เขาเคยพูดไว้เมื่อ 7 ปีที่แล้วก็เป็นได้ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจด้วยคนนะครับ

แนบลิงค์วีดีโอไวรัลไว้ตามนี้ครับ


Naruphun Chotechuang

รายงาน

ตำรวจไทยจับแก๊งต้มตุ๋นหญิงสาวขายบริการที่บรูไน หลอกว่าได้เงินเดือน 2 แสนบาท ที่ผ่านมามี สาวไทยโดนหลอกติดอยู่ที่บรูไนหลายชีวิต

กลายเป็นข่าวเกรียวกราวที่บรูไน เมื่อสื่อดังของประเทศ Borneo Bulletin รายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ได้ทำการจับกุมชาย 2 คน ที่มีถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยทั้งสองคนได้พยายามล่อลวงหญิงสาวให้เดินทางมาขายบริการทางเพศที่ประเทศบรูไน โดยหลอกว่า จะได้เงินเดือนถึง 8,700 เหรียญบรูไน หรือกว่า 200,000 บาท

เบื้องต้นชายทั้ง 2 คนถูกจับกุมตัวไปเรียบร้อย โดยภายหลังมีข้อมูลเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาเคยมีหญิงไทยถูกหลอกมาขายบริการที่บรูไนแล้วถูกจับตัวได้ในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดอยู่หลายคน สถานการณ์ล่าสุด บรูไนปิดประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อน ไม่มีเที่ยวบินเข้าออก นอกจากเที่ยวบินพิเศษเพื่อส่งชาวต่างชาติกลับประเทศ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการอคิวนานพอสมควร

รัฐบาล เตรียมหารือความคืบหน้าโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย หลังได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิกสัญญาสัมปทาน แจงต้องมีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย ระหว่างไทย เมียนมา และญี่ปุ่น

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยถึงโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายว่า รัฐบาลเตรียมหารือถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการนี้ทั้งหมด หลังจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิกสัญญาสัมปทานรวม 7 ฉบับ

จากคณะกรรมการบริหารงานพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งเบื้องต้นมีความเห็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้ลงทุนในโครงการสนับสนุนไปหลายโครงการแล้ว แต่เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นก็ต้องมาดูข้อมูลทั้งหมดก่อนว่าเป็นอย่างไร และต้องมีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ไทย เมียนมา และญี่ปุ่น

“ตอนนี้ยังไม่ได้เห็นหนังสืออย่างเป็นทางการ ว่าเรื่องรวงทั้งหมดเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาโครงการนี้เงียบไปนาน แต่ตอนนี้ประเทศไทยก็ทำโครงการสนับสนุนคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะการทำถนนมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เพื่อรองรับโครงการนี้ ส่วนถนนจากด่านบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี ไปจนถึงทวายก็มีความร่วมมืออยู่แล้ว

จากนี้จึงต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยต้องมาดูโครงการในทวายด้วยว่า ทำอะไรไปบ้างแล้ว ซึ่งในแง่นโยบายรัฐบาลก็ยังสนับสนุนอยู่ แต่รู้ว่าโครงการนี้ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เลยอยากดูข้อมูลก่อน เพราะถ้ามีการทำโรงงาน ทำนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา แล้วคนไทยได้ไปทำงานก็เป็นประโยชน์”

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า "สำหรับกรณีการแจ้งการบอกเลิกสัญญาสัมปทานครั้งนี้ จากการดูข้อมูลเบื้องต้นเห็นว่าเอกชนได้ลงทุนไปมากแล้ว และเชื่อว่าการแจ้งยกเลิกสัญญาเอกชนก็ได้รับความคุ้มครองอยู่แล้วตามกฎบัตรอาเซียน แต่เพื่อให้เกิดวามแน่ใจก็ต้องมาหารือกันเกี่ยวกับข้อกฎหมาย และร่างสัญญาทั้งหมด เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับกฎหายระหว่างประเทศ"

คอกระท่อม เตรียมปลูก-กินเสรี หลังพิจารณาปลดล็อคพืชกระท่อมจากบัญชียาเสพติดให้โทษเสร็จสิ้นในชั้นกรรมาธิการแล้ว จะเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม คาดเสร็จสิ้นในสมัยประชุมนี้อย่างแน่นอน

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่...พ.ศ. ....ได้แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่...พ.ศ. ...เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีสาระสำคัญของการยกเลิกพืช กระท่อมออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษดังนี้

1.) ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีหลักการเพื่อยกเลิกพืชกระท่อมจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 และยกเลิกบทกำหนดโทษ และอัตราโทษสำหรับความผิดที่เกี่ยวกับพืชกระท่อม ตลอดจนยกเลิกบทบัญญัติเกี่ยวกับการประกาศให้ท้องที่ใด เป็นท้องที่ทำการเสพพืชกระท่อมได้โดยไม่ผิดกฎหมาย โดยมีเจตนารมณ์เพื่อให้เปิดกระท่อมไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษต่อไป และประชาชนผู้บริโภคพืชกระท่อมได้โดยไม่มีความผิด และไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย เว้นแต่จะนำไปผสมเป็นสารเสพติดชนิดอื่น เช่น นำไปต้มเป็นน้ำกระท่อม 4 × 100

2.) ที่ประชุมได้กำหนดระยะเวลาการประกาศใช้กฎหมายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเษกษา จากร่างเดิมที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้ 180 วันลดเหลือ 90 วัน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้พืชกระท่อมได้อย่างเสรีและรวดเร็วที่สุดและในระหว่างที่กฎหมายฉบับนี้รอการบังคับใช้ ก็จะประสานงานขอความอนุเคราะห์ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ได้พิจารณาใช้ดุลพินิจในการจับกุมโดยอนุโลม

3.) การกำหนดเงื่อนไขระยะเวลา 90 อวัน ที่มีผลบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ก็เพื่อรอการจัดทำร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. ...ขึ้นมาอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนในฐานะที่เป็นผู้ผลักดันการยกเลิกพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดมาโดยตลอด จะเสนอร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อมขึ้นมาด้วย เพื่อประกบกับร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม ฉบับของรัฐบาลด้วย

สำหรับผลของการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่....พ.ศ....ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้แก้ไขมีผลบังคับใช้ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนใน 3 ประการ คือ

1.) เป็นการลดภาระการใช้จ่ายภาครัฐ จากจำนวนคดีเกี่ยวกับพืชกระท่อมทั้งหมด ที่มีจำนวนประมาณ 76,000 คดี และมีคดีพืชกระท่อม 15,925 คดีต่อปี ถ้ากฎหมายบังคับใช้เร็วขึ้น90วัน จะลดคดีพืชกระท่อมลงได้ 3981 คดี

2.) เป็นการช่วยเหลือประชาชนไม่ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี เสียค่าปรับ จำคุก เสียประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด

3.) เป็นการส่งเสริมให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

ขอเรียนให้ทราบว่าร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่...พ.ศ. ได้พิจารณาเสร็จสิ้นในชั้นกรรมาธิการแล้ว จะเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ซึ่งจากการประสานงานภายในทราบว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในสัปดาห์หน้า จึงคาดหมายว่าจะ เสร็จสิ้นในสมัยประชุมนี้อย่างแน่นอน

สมาคมคราฟท์เบียร์ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เสนอมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายคราฟท์เบียร์ เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังกทม.ห้ามจําหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อการบริโภคภายในร้าน

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนกลุ่มสมาคมคราฟท์เบียร์ประเทศไทยโดย นายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัวดิ์ ( นายกสมาคม Craft Beer ประเทศไทย) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องขอเสนอมาตรการการบรรเทาและเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายคราฟท์เบียร์ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ระลอกใหม่

นายอาชิระวัสส์ กล่าวว่า เนื่องด้วยคำสั่งของกรุงเทพในการห้ามจําหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อการบริโภคภายในร้านอาหารส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งประเทศทางสมาคมฯมีความเข้าใจถึงความปรารถนาดีและกังวลในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ผู้ประกอบการและพนักงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม

โดยปัญหาที่ผู้ประกอบการกำลังเผชิญมีดังต่อไปนี้

1.) ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและผู้นำเข้าไม่สามารถระบายสินค้าเบียร์สดซึ่งเป็นสินค้าที่มีต้นทุนสูงและมีอายุสินค้าสั้นได้

2.) ร้านค้าไม่สามารถจำหน่ายเบียร์สดในบรรจุภัณฑ์อื่นๆเพื่อให้ลูกค้านำกลับไปบริโภคที่บ้านได้เนื่องจากผิด พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตมาตรา 157 ทำให้ต้องสูญเสียสินค้าไปโดยใช่เหตุ

3.) ร้านค้าไม่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้เนื่องจากผิดกฎหมายห้ามซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางออนไลน์แม้แต่กฎหมายนี้จะยังคงมีปัญหามีความคลุมเครือและไม่ชัดเจนเช่นไม่สามารถให้คำนิยามคำว่าอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกทั้งยังไม่มีคู่มือให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง

4.) ปัญหามาตรา 32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เพียงห้ามให้ร้านค้าโพสต์ประชาสัมพันธ์หรือขายสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทาง Social Media แต่ยังรวมไปถึงการเขียนถึงสินค้าแม้จะไม่มีรูปประกอบซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิดตามวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้มีผู้ประกอบการร้านค้าไม่น้อยกว่า 600 ร้าน และผู้ได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 6,000 ราย มูลค่าความเสียหายขั้นต่ำที่เกิดขึ้นเป็นมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท ต่อเดือน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top