Monday, 9 June 2025
NewsFeed

'กองทัพอากาศเสริมทัพ' ส่งกำลังพลจากที่ตั้งดอนเมือง เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ฝูงบิน 416 เชียงราย ช่วยเหลือ 'ผู้ประสบอุทกภัย' อย่างเร่งด่วน

จากสถานการณ์อิทธิพลของพายุ 'ยางิ' ทำให้ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย ส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นและเอ่อเข้าท่วมชุมชน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก

เมื่อวันที่ (12 ก.ย. 67) พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ มีความห่วงใยในสถานการณ์ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จึงสั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ส่งกำลังพลชุดปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ส่วนหน้า) จากที่ตั้งดอนเมือง เข้าเสริมทัพเพิ่มเติมให้กับฝูงบิน 416 เชียงราย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชน

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ กองบิน 2 จัดเฮลิคอปเตอร์ EC-725 เพิ่มเติม จำนวน 1 เครื่อง เพื่อปฏิบัติภารกิจลำเลียงทางอากาศและสำรวจพื้นที่อุทกภัย รวมทั้งให้ กองบิน 4 สนับสนุนอากาศยาน DA-42 จำนวน 1 เครื่อง ปฏิบัติภารกิจบินลาดตระเวนถ่ายภาพทางอากาศ และให้กรมขนส่งทหารอากาศ สนับสนุนรถบรรทุกยกสูง จำนวน 5 คัน เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างเร่งด่วน

โดยวันนี้ กองบิน 6 ได้สนับสนุนเครื่องบิน C-130 จำนวน 2 เครื่อง ลำเลียงกำลังพล รถปฏิบัติการ Video Down Link เเละเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ ตลอดจนถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นที่กองทัพอากาศได้รับจากการบริจาคจากพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้เน้นย้ำกำลังพลทุกคนให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก และให้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อลดความเหนื่อยล้าของกำลังพลจากการปฎิบัติหน้าที่

กองทัพอากาศยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้ อย่างเต็มกำลังความสามารถ และมุ่งเน้นใช้ยุทโธปกรณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อีกด้าน!! ความจริงที่ว่า “ทำไมไม่ค่อยเห็น ‘รมต.-สส.’ ลงน้ำท่วม?” เพราะ 'สั่งการ-ประสานทีมพื้นที่' ช่วยประชาชนไว้แล้ว

(13 ก.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก 'KUL' โดย กุลวิชญ์ สำแดงเดช ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ทำไม ไม่ค่อยเห็น รมต. สส. ลงน้ำท่วม

ช่วงนี้มันเป็นการแถลงนโยบาย อันนี้ ต้องให้ความเป็นธรรม มันมีการถามตอบกันอยู่ตลอด

แล้วถามมา ก็ต้องตอบ 

คนอื่นตอบแทนไม่ได้

ดังนั้น รัฐมนตรี ใช้การสั่งการ แทนลงจริง ไปก่อน

และ สำหรับ เหล่า สส. จากที่พูดคุย ทีมงานของทุกท่าน ประจำอยู่ในพื้นที่ มีการประสานช่วยเหลือแล้ว 

เพียงแต่เป็นทีมประสานงาน ทีมเฉพาะกิจ ก็ไม่มีข่าวปรากฏ แต่ไม่ได้หมายถึงนักการเมืองทิ้งประชาชนแบบที่ มีการพยายามสื่อ

ถ้าจำกันได้ ที่ผ่านมา ช่วงน้ำท่วม ซึ่งมันไม่ติดงานแถลงนโยบาย รมต. สส. ก็ลงกันไปเยอะ 

ผมมั่นใจว่า หลังแถลงนโยบาย 

จะมีการลงพื้นที่อย่างอึกทึกครึกโครมแน่นอน

‘อนุทิน’ เผย!! นายกฯ ให้ผู้ว่าฯ จังหวัดขยายวงเงินช่วยเหลือน้ำท่วมได้ทันที ยัน!! ทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ องคาพยพแห่งการช่วยเหลือมุ่งสู่พื้นที่หมดแล้ว

(13 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ ถึง กรณีที่มีการอ้างว่าจังหวัดเชียงรายยังไม่มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติทั้งที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก ว่า ได้ประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ภัยพิบัตินานแล้ว ยิ่งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหนักขนาดนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติอยู่แล้วเป็นสิ่งแรก ไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ตนขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบราชการว่าไม่พลาดเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และถ้าไม่มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ จะนำเงินทดลองจ่ายมาใช้ได้อย่างไร นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับในการประชุมเมื่อวานนี้ว่าถ้าเงินทดลองจ่ายดังกล่าวไม่เพียงพอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถขยายวงเงินได้เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มวลน้ำจากภาคเหนือตอนบนดูเหมือนว่าจะมุ่งหน้าไปยังภาคอีสาน เช่นจังหวัดหนองคายและนครพนม? นายอนุทิน กล่าวว่า "เราต้องเร่งระบายให้ลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่รายงานว่า น้ำที่ท่วมในจังหวัดเชียงใหม่จะต้องไหลผ่านอำเภอแม่อาย ที่กำลังเกิดปัญหาดินถล่ม ซึ่งน้ำดังกล่าวจะไหลผ่านจังหวัดเชียงราย และลงสู่แม่น้ำโขง เราจึงต้องพยายามเร่งระบายน้ำให้ลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด"

เมื่อถามว่า ขณะนี้ประเทศจีนจะมีการปล่อยน้ำลงมาในแม่น้ำโขง จะส่งผลต่อสถานการณ์น้ำท่วมในไทยหรือไม่อย่างไร? นายอนุทิน กล่าวว่า "เราก็ต้องติดตามสถานการณ์ตรงนั้น ขณะเดียวกันเราต้องแก้ไขปัญหาในส่วนของเรา"

เมื่อถามอีกว่า จะดำเนินการรับมือน้ำที่จะท่วมภาคอีสานโดยเฉพาะบริเวณตะเข็บชายแดนอย่างไร? นายอนุทิน กล่าวว่า "ตนมั่นใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆที่อยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดน้ำหลาก ก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุรองรับไว้อยู่แล้ว ขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้เตรียมความพร้อม เรื่องการส่งความช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความปลอดภัยการอพยพประชาชน รวมถึงเรื่องการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคอาหารข้าวสาร และศูนย์พักพิง ซึ่งตนเห็นว่ากรณีของจังหวัดเชียงรายจะใช้เป็นโมเดลได้ดี เพราะที่นั่งประชาชนมีน้ำใจซึ่งกันและกัน มีเจ้าของโรงแรมหลายแห่งในอำเภอแม่สาย เปิดให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมเข้ามาพักพิงในโรงแรม โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งตรงนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไปจัดทำบัญชีและชดเชยให้กับโรงแรมเหล่านั้น อย่างไรก็ตามการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายในวันนี้ ก็จะมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย เป็นตัวแทนกระทรวงมหาดไทยเดินทางไปกับนายกรัฐมนตรีด้วย"

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ในอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายกำลังจะเข้าสู่ระยะฟื้นฟู แต่พบว่าร้านค้าต่างๆ ได้รับความเสียหายอย่างมาก จำนวนเงินเยียวยาที่รัฐบาลจะจ่ายให้ จะเป็นเงินประมาณเท่าไหร่? นายอนุทิน กล่าวว่า "นายกรัฐมนตรีจะของบกลางลงไปเอง ขณะที่ของกระทรวงมหาดไทยก็จะมีทั้ง น.ส.ธีรรัตน์ ร่วมลงพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ยังมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อยู่ในพื้นที่อำเภอแม่สายอยู่แล้ว ดังนั้นทุกฝ่ายก็จะเร่งหาวิธีช่วยเหลือเยียวยาอยู่แล้ว และยิ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงไปเห็นหน้างานด้วยตัวเอง ท่านก็ต้องตัดสินใจได้ทันทีอยู่แล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้จะต้องส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมอะไรเป็นพิเศษให้กับพื้นที่ภาคเหนือตอนบนหรือไม่? นายทิน กล่าวว่า "องคาพยพทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ภัยและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยได้ถูกนำส่งไปแล้ว ขณะที่ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยในทุกพื้นที่ ก็ยังมีการสแตนด์บายพร้อมเข้าช่วยเหลือหากมีการร้องขอเข้ามา และเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ ถ้ามีการร้องขอเข้ามาก็พร้อมจะส่งช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน แต่เท่าที่ตนเห็นในขณะนี้คิดว่าทุกอย่างยังมีเพียงพอ โดยเฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำนวนสองลำก็ถูกส่งไปแล้ว ได้ไปช่วยนำตัวประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านออกมาจากพื้นที่"

เมื่อถามถึงกรณีที่มีเสียงจากประชาชนในพื้นที่บางส่วนระบุว่า ยังขาดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ในพื้นที่ ที่ประสบภัยน้ำท่วม? นายอนุทิน กล่าวว่า "ขอยืนยันว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำงานกันทุกคน เมื่อวานนี้ก็มีการประชุมกันอย่างที่ทุกคนได้เห็น จึงขออย่าถามคำถามแบบนี้ เพราะจะทำให้คนที่ทำงานเสียกำลังใจ วันนี้ไม่ควรมาบอกว่าใครถูกหรือใครผิด เพราะทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ อย่างในวันนี้นายกรัฐมนตรีก็รีบลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ทั้งที่วันนี้ก็ยังมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอยู่ แต่นายกฯ ก็ยังเดินทางไปลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชน"

'สื่อญี่ปุ่น' ยก!! 'ปู่วัยเก๋า' ใฝ่เรียนรู้ สร้างเงินระดับร้อยล้านจากการลงทุน สะท้อนภาพพฤติกรรมคนญี่ปุ่นที่ไม่หยุดนิ่ง พัฒนาตนเองอยู่เสมอ

(13 ก.ย. 67) สำนักข่าวอาซาฮี รายงานเรื่องราวของยอดคุณปู่นักลงทุน ‘ชิเงรุ ฟูจิโมโตะ’ อายุ 88 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของจังหวัดเฮียวโงะ โดยคุณปู่ชิเงรุ ยึดถืออาชีพพ่อค้า และไม่เคยหยุดพักในการทำงาน แม้ชีวิตหลังเกษียณ ก็ยังเป็น ‘วันทำงาน’ ของปู่ จะเริ่มต้นในเวลา 02.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับอยู่

คุณปู่จะเริ่มต้นการลงทุนในแต่ละวัน ด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายร่างกาย ก่อนที่จะชงกาแฟและเปิดจอคอมพิวเตอร์ 3 จอ เพื่อดูข้อมูลการซื้อขายในตลาด ทั้งตลาดหุ้นยุโรป อเมริกา 

นอกจากนี้ คุณปู่ ชิเงรุ ยังได้อ่านหนังสือพิมพ์และเอกสารเกี่ยวกับผลประกอบการ หรืองบการเงิน ของบริษัทที่ตนเองสนใจการลงทุนอีกด้วย โดยคุณปู่ชิเงรุ ใช้ข้อมูลนี้เพื่อคาดการณ์ทิศทางโดยรวมของตลาดญี่ปุ่นและจำกัดขอบเขตว่าเขาจะซื้อขายหุ้นที่คาดว่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุน

“วันนี้ตลาดจะเป็นตลาดหมี” คุณปู่ชิเงรุกล่าวหลังจากที่ดูข้อมูลภาพรวมตลาดทั้งหมด

เมื่อตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเปิดทำการในเวลา 9.00 น. ได้มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นติดต่อกัน เพื่อแจ้งว่าได้ปิดการซื้อขายหุ้นที่บริษัท Fujimoto ได้ส่งคำสั่งขายไว้เพื่อคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้น

จอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่า แต่ละข้อตกลงมีกำไรเป็นตัวเลขหกหลักเป็นเงินเยน (สี่หลักเป็นเงินดอลลาร์)

“ฉันยุ่งที่สุดระหว่าง 9.00 ถึง 10.00 น.” คุณปู่ฟูจิโมโตะบ่นขณะที่เขาใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวพิมพ์แป้นพิมพ์เพื่อสั่งงาน ซึ่งมีหลายครั้งที่คุณปู่ชิเงรุพิมพ์ผิด และบนหน้าจอปรากฏตัวอักษรคำว่า ‘Error’

“คงจะแย่มากหากผมสับสนระหว่างคำสั่งซื้อกับการขาย” เขากล่าวขณะเพ่งมองจอคอมพิวเตอร์และแป้นพิมพ์ “อันที่จริง ผมทำอย่างนั้นบ้างเป็นครั้งคราว”

>> ‘วอเรน บัฟเฟตต์’ ไอดอลการลงทุนของปู่ชิเงรุ

แม้ว่าในแต่ละวัน คุณปู่ฟูจิโมโตะจะมีการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นมากมาย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะจดบันทึกรายการธุรกรรมของเขาไว้ในสมุดบันทึกที่ถืออยู่

“เห็นไหมว่าหลายอย่างน้อยก็ทำให้มีปริมาณมากได้” เขากล่าว

จำนวนทรัพย์สินที่เป็นผลตอบแทนจากการลงทุนของคุณปู่ ซึ่งได้สะสมไว้สูงถึง 2 พันล้านเยน (12.6 ล้านดอลลาร์) หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 425,124,000 บาท ในปีนี้เป็นครั้งแรกที่แตะ 2 พันล้านเยน และยังคงสร้างสถิติใหม่เพิ่มขึ้นต่อไป

ฟูจิโมโตะกล่าวว่า “ผมหวังว่าจะเพิ่มตัวเลขอีกหลักหนึ่งเข้าไปได้ เป้าหมายของผมคือ (นักลงทุนชื่อดังของสหรัฐฯ) วอร์เรน บัฟเฟตต์” คุณปู่ชิเงรุ กล่าวถึงไอดอลในดวงใจของการลงทุน

นอกจากนี้คุณปู่ยังกล่าวอีกว่า แม้ว่าเขาจะมีเป้าหมายเป็นตัวเลข แต่เขาไม่มีความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างหรูหราด้วยรายได้ที่เขาได้รับ

เมื่อฟังดูแล้วสินทรัพย์ที่มีตรงกันข้ามกับการใช้ชีวิตของคุณปู่ฟูจิโมโตะอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากคุณปู่ ไม่มีโทรศัพท์มือถือ หรือกระทั่งรถยนต์ โดยเสื้อผ้าที่ใส่ยังคงเป็นเสื้อผ้าเดิม ๆ เก่าสีซีดตามสภาพ มีรอยยับบนเสื้อบ้างเล็กน้อย ไม่ได้เป็นเสื้อผ้ายี่ห้อหรูหราราคาแพง หรือเป็นสินค้าแบรนด์เนมแต่อย่างใด

ล่าสุดที่คุณปู่ใช้เงินคือการซื้อหมวกใบโปรดซึ่งมีมูลค่าหลายพันเยนเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว และคุณปู่ก็ยังคงสวมหมวกใบนั้นต่อไป โดยภรรยาของเขาเป็นคนซ่อมมันตรงส่วนที่ชำรุด 

>>ความชรา และ สุขภาพที่เสื่อมโทรมลง

คุณปู่ ชิเงรุ ฟูจิโมโตะ มักจะออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยการเดินเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายแข็งแรง แต่ก็ยังมีสิ่งที่บั่นทอนสุขภาพ คือความชรา โดยคุณปู่มักมีอาการปวดหลังส่วนก้นกบ ซึ่งกำเริบขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ทำให้คุณปู่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดิน แม้เพียงระยะทางสั้น เพื่อไปห้องน้ำ

แต่ความเสื่อมของสังขารที่เกิดขึ้นกับคุณปู่ยังไม่จบลงที่เพียงแค่อาการปวดหลัง เพราะมีภาวะสมองขาดเลือดเป็นครั้งที่สองในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบการใช้ชีวิตของคุณปู่มากกว่า ทำให้ไม่สามารถจดบันทึกรายการธุรกรรมในสมุดบันทึกได้รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

และยิ่งแย่กว่านั้น คือปัญหาการมองเห็นเมื่อประสาทตาเสื่อม ทำให้คุณปู่ต้องใช้แว่นขยายในการดูจอคอมพิวเตอร์ เมื่อตาของคุณปู่เมื่อยล้าเกินกว่าจะมองเห็นตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามคุณปู่ ฟูจิโมโตะ ยอมรับว่าการเสื่อมถอยทางร่างกายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันเป็นไปตามวัย แต่ถึงกระนั้น คุณปู่ก็ยังคงมองโลกในแง่บวก

“ผมคงทำธุรกรรมได้มากขึ้น หากเรียนรู้วิธีเขียนชวเลขเพื่อจะได้จดบันทึกได้เร็วขึ้น และสไตล์การซื้อขายของผมยังคงพัฒนาต่อไป แม้ว่าผมจะอ่อนแอลงก็ตาม ผมให้คะแนนตัวเองเพียง 75 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 100) ” คุณปู่ชิเงรุ กล่าวอย่างอารมณ์ดี

>>การลงทุน เส้นบาง ๆ คั่นกลาง ระหว่างการเสี่ยงโชค กับ แรงบันดาลใจ

คุณปู่ฟูจิโมโตะใช้ชีวิตโดยยึดหลักปรัชญาว่า “คุณควรเสี่ยง แม้จะเสี่ยงต่อความล้มเหลวก็ตาม เมื่อบางสิ่งบางอย่างทำให้คุณคิดว่า ‘นี่แหละใช่แล้ว’ ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม”

คุณปู่ฟูจิโมโตะ เล่าให้ฟังว่าเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 19 ปีหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย โดยคุณปู่เรียนรู้การลงทุนจากลูกค้าของร้านขายสัตว์เลี้ยง ที่เขาเริ่มทำงาน โดยแนะนำและให้คำปรึกษาในการเริ่มลงทุน

ต่อมาเมื่อมีเงินเพิ่มมากขึ้น คุณปู่ได้ลงทุนเปิดกิจการร้านเล่นไพ่นกกระจอก หลังจากที่เกิดแรงบันดาลใจขึ้นว่า “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ” และต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบริการและความบันเทิง โดยได้ลงทุนเปิดร้านเหล้า เมื่อร้านเหล้าเจริญรุ่งเรือง โดยขยายสาขาร้านเหล้าได้ถึงสามแห่ง และสามารถทำกำไรได้ดี คุณปู่จึงขายธุรกิจให้ผู้รับช่วงต่อในราคา 65 ล้านเยน

คุณปู่ชิเงรุ ใช้เงินเก็บที่มีอยู่ทั้งหมด หลังจากขายกิจการออกไป โดยมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวในปี 2529 โดยสร้างผลตอบแทนการลงทุนอย่างมากในช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเฟื่องฟูในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ทำให้สินทรัพย์ของคุณปู่ชิเงรุเพิ่มมากขึ้นถึง 1 พันล้านเยน

แม้ว่าต่อมา จะเกิดวิกฤติ ‘ฟองสบู่’ ทางเศรษฐกิจแตก ทำให้ทรัพย์สินของคุณปู่ชิเงรุ ลดลงเหลือ 200 ล้านเยน แต่การจำกัดความเสี่ยงของความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทำให้ไม่ล้มละลายจากการลงทุน

ชีวิตของคุณปู่ชิเงรุ ยังคงเจอวิบากกรรมอื่น ๆ เข้ามาซ้ำเติมอีก โดยได้รับผลกระทบเพิ่มเติม จากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชินเมื่อปี พ.ศ. 2538 ซึ่งทำให้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์ของคุณปู่พังเสียหาย โดยคุณปู่หนีจากแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งในขณะนั้นมีเพียงเสื้อผ้าที่พาดอยู่บนไหล่ และเดินเท้าเปล่าบนถนนที่เต็มไปด้วยเศษแก้ว ซึ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทำให้คุณปู่เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง และห่างเหินจากการลงทุนเพราะการใช้ชีวิตในตอนนั้น เหมือนผู้อพยพไร้ที่พึ่งที่ต้องซุกตัวอยู่ในอาคารเรียนประถมศึกษา

>>เรียนรู้การลงทุนแบบออนไลน์ในวัยเกษียณ

จุดเปลี่ยนมาถึงเมื่อคุณปู่ฟูจิโมโตะ ได้รู้จักกับโลกของการซื้อขายหุ้นออนไลน์ในปี 2002

ก่อนหน้านี้ คุณปู่ใช้วิธีส่งคำสั่งซื้อและขายได้เฉพาะทางโทรศัพท์บ้านหรือการซื้อขายผ่านเคาน์เตอร์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา บริษัทได้แจ้งกับคุณปู่ว่า บริษัทนายหน้าซื้อขายหุ้นแห่งหนึ่งซึ่งคุณปู่ชิเงรุคุ้นเคยมานาน กำลังเริ่มให้บริการซื้อขายออนไลน์

ซึ่งคุณปู่ฟูจิโมโตะ ในขณะนั้นอายุ 66 ปี และไม่เคยจับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ แต่ก็พร้อมที่จะเรียนรู้ และไม่หวั่นไหวกับรูปแบบการลงทุนที่เปลี่ยนไป

“วิธีนี้จะสะดวกมาก และค่าคอมมิชชันก็ต่ำมาก ซึ่งผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลองวิธีนี้ดู” คุณปู่กล่าว

หลังจากที่รูปแบบการลงทุนเปลี่ยนไป คุณปู่ฟูจิโมโตะ ไม่รีรอที่จะไปร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และค่อย ๆ เรียนรู้การใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งนำเขาไปสู่การลงทุนในยุคปัจจุบันนี้

“การระมัดระวังและคิดกับตัวเองว่า ‘โอ้ ดูดีจังเลย’ เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ เพราะอะไรน่ะเหรอ ศูนย์คูณศูนย์ก็เท่ากับศูนย์ โลกของคุณช่างเล็กเหลือเกิน มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่คุณไม่รู้ อายุไม่สำคัญเมื่อคุณเริ่มลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ” คุณปู่ชิเงรุ กล่าวอย่างกระตือรือร้น

แน่นอนว่าวิธีการของคุณปู่ในตอนนั้น ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดและล้มเหลวในที่สุดหลังสูญเสียเงินลงทุนครั้งใหญ่ในการซื้อขายหุ้น

คุณปู่ฟูจิโมโตะเล่าว่า โดยยกสำนวนภาษาญี่ปุ่นที่ว่า “ผมสะดุดไม่ใช่แค่เจ็ดครั้ง แต่ประมาณ 50 ครั้ง” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “สะดุดเจ็ดครั้ง แต่สามารถฟื้นตัวได้แปดครั้ง.....แต่ผมมักจะสาปแช่งตัวเองอยู่เสมอ โดยเชื่อว่าผมไม่ควรตำหนิผู้อื่น การครุ่นคิดมากเกินไปนั้นไม่ดี เพราะการทำเช่นนี้จะทำเหมือนการตอกย้ำความผิดพลาด และทำให้เสียโอกาสที่จะลงทุนครั้งต่อไป”

มาถึงจุดนี้ คุณปู่ฟูจิโมโตะ ยืนยันว่า "การซื้อขายหุ้นไม่เหมาะสำหรับผู้ที่หวังจะหาเงินง่าย ๆ"

“เมื่อคุณซื้อหุ้นแล้ว หุ้นเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเพื่อนของคุณ ดังนั้นคุณต้องคอยดูแลหุ้นเหล่านั้นเหมือนดูแลเพื่อนคุณตลอดเวลา คุณต้องค้นหาหุ้นเหล่านั้นทุกวัน ศึกษาหุ้นเหล่านั้น และเป็นพี่น้องกับหุ้นเหล่านั้น” คุณปู่กล่าว

แต่ก็ใช่ว่าความจริงจะสามารถทำได้ เพราะคำพูดมันง่าย แต่ทำจริงมันยาก

ความมุ่งมั่นของคุณปู่ มีมากกว่าอาการเจ็บป่วยและความชราจะเข้ามาบั่นทอนได้ แม้ว่าต้องทนเจ็บปวดจากกระดูกสันหลังส่วนล่าง แต่คุณปู่ฟูจิโมโตะ ยังคงนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน เพื่ออ่านและศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เมื่อใดก็ตามที่มีข่าวสำคัญ เขาจะคาดการณ์ปฏิกิริยาของนักลงทุนรายอื่นต่อปัจจัยดังกล่าว และพยายามคาดเดาปฏิกิริยาเหล่านั้น

จากประสบการณ์และความคิดของเขาถูกสะสมขึ้นทุกวัน แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่คุณปู่ชิเงรุคาดการณ์จะถูกต้องเสมอไป ความผิดพลาดยังเกิดขึ้นอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่คุณปู่ฟูจิโมโตะยังคงยิ้มรับสิ่งที่เกิดขึ้น และกล่าวว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น นั่นแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากและเสน่ห์ของการซื้อขายรายวัน"

นักข่าวของ อาซาฮี ชิมบุน ที่ยังคงรู้สึกประทับใจกับความกระตือรือร้นของคุณปู่ ฟูจิโมโตะ ตลอดการให้สัมภาษณ์เพื่อเผยแพร่บทความนี้ ซึ่งนักข่าวได้ถามคำถาม 2-3 คำถามในตอนท้ายของการสัมภาษณ์

ข้อความบางส่วนจากการแลกเปลี่ยนได้แก่

นักข่าว : เงินหมายถึงอะไรสำหรับคุณ?

ฟูจิโมโตะ : เงินไม่ใช่สิ่งน่ารำคาญ แต่ผมไม่ได้ต้องการมันมากนัก อย่างไรก็ตาม เงินทำให้คุณต้องใส่ใจกับมันอย่างจริงจัง กว่าจะเลือกลงทุนได้ ผมไม่เชื่อคำพูดของนักวิเคราะห์ที่บอกว่า ‘หุ้นของรุ่นนี้จะขึ้น’ ทางทีวีและในหนังสือพิมพ์ เพราะพวกเขาเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนที่พูดแบบนั้น โดยไม่ได้ใช้เงินของตัวเอง ผมต้องรวบรวมความกล้า แม้กระทั่งตอนนี้ เมื่อผมควักเงินของตัวเองออกมาใช้ เมื่อผมแพ้เกม ผมจะพูดกับตัวเองว่า “ช่างหัวมันเถอะ” และตั้งใจเรียนอย่างหนักด้วยความสำนึกผิด มันสนุกมากเมื่อเศรษฐกิจและราคาหุ้นเคลื่อนไหวไปตามที่คาดไว้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงหยุดทำแบบนี้ไม่ได้

นักข่าว:คุณกำลังคิดเรื่องการเกษียณหรือไม่?

ฟูจิโมโตะ : ผมจะเกษียณจากการลงทุนก็ต่อเมื่อผมตาย ตอนนี้ผมให้คะแนนชีวิตตัวเองอยู่ที่ 75 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 100) ผมพยายามสงบสติอารมณ์และฝึกฝนทักษะการซื้อขายทุกวัน ผมจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาจิตวิญญาณ เทคนิค และสมรรถภาพทางกายให้สมบูรณ์แบบต่อไป และชีวิตของผมอาจดีขึ้นถึง 90 หรือ 100 คะแนน ซึ่งนั่นคงเป็นเวลาที่ผมกำลังจะจากโลกนี้ไป (หัวเราะ)

"โอ้ ดวงวิญญาณที่ทุกข์ระทม จงมองดูฉัน ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้นสิ่งใดๆ การเดินทางไกลนับพันไมล์เริ่มต้นด้วยไมล์เดียว คุณควรใช้ชีวิตโดยไม่ต้องครุ่นคิด!"

ทั้งนี้ คุณปู่ชิเงรุ ฟูจิโมโตะ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1936 เป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องสี่คนของครอบครัวเกษตรกรในจังหวัดเฮียวโงะ โดยเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 19 ปี โดยเน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศึกษาแนวโน้มราคาหุ้นในอดีตเพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวในอนาคต จนมีความเชี่ยวชาญในการอ่านภาพบริษัทและทิศทางการลงทุน ขณะที่งานอดิเรกของคุณปู่คือการปีนเขา และมีงานอดิเรกคือการได้พูดคุย และเล่นกับนกแก้วตัวโปรดที่คุณปู่เลี้ยงไว้

นอกจากนี้ คุณปู่ฟูจิโมโตะ ยังได้ตีพิมพ์หนังสือภาษาญี่ปุ่นเรื่อง ‘คำสอนของชิเงรุซัง เทรดเดอร์วัย 87 ปี’ จากบริษัท Diamond Inc. ซึ่งออกวางจำหน่ายในปี 2566

‘พีระพันธุ์’ ปลื้ม!! ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ วันแรก บรรยากาศสุดคึกคัก ประชาชนแห่ซื้อสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด บรรเทาภาระค่าครองชีพ

เมื่อวานนี้ (12 ก.ย. 67) ที่ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมเปิดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ ณ ลานกิจกรรม Avenue A ชั้น G ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมจับจ่ายสินค้าราคาถูกภายในงานอย่างคับคั่ง

นายพีระพันธุ์ เปิดเผยถึงแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ว่า ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ เป็นกิจกรรมที่แตกย่อยมาจากแนวคิดใหญ่เรื่อง ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบาย ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ และเป็นการนำหลักการแบ่งปันมาประยุกต์ใช้เพื่อลดภาระของพี่น้องประชาชนผู้ที่ไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอ

โดยคนที่มีมากสามารถแบ่งปันให้คนที่มีน้อยหรือคนที่ขาดแคลน เพื่อสร้างสังคมแห่งการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พรรครวมไทยสร้างชาติจึงได้ประสานงานเชิญผู้ค้าและภาคเอกชนที่มีความพร้อมและมีน้ำใจจะช่วยเหลือแบ่งปันให้สังคม มาร่วมจัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าราคาถูกในครั้งนี้ เพื่อช่วยลดภาระด้านค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันจากสภาพเศรษฐกิจและปัจจัยด้านอื่น ๆ และหวังว่าการจัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ จะสามารถช่วยลดภาระของพี่น้องประชาชน และต่อยอดแนวคิด ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ ได้อีกระดับหนึ่ง

“พรรครวมไทยสร้างชาติพยายามที่จะลดภาระของพี่น้องประชาชน ตามนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง ที่ได้ประกาศไว้ และเราได้เล็งเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนจากภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น จึงได้ประสานงานและขอความร่วมมือจากผู้ค้าและภาคเอกชนที่พร้อมจะเอื้อเฟื้อและช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนรวมถึงพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ในราคาถูก โดยหวังว่าการจัดงานรวมไทยสร้างชาติแฟร์ในครั้งนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระและมอบความสุขให้แก่พี่น้องประชาชนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน พรรครวมไทยสร้างชาติต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุก ๆ ฝ่ายที่ช่วยให้งานนี้เกิดขึ้นได้สำเร็จ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุก ๆ ท่านครับ” นายพีระพันธุ์กล่าว  

ทั้งนี้ ภายในงานจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายมาจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ยกตัวอย่าง ข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม จำหน่ายเพียง 100 บาท ไข่ไก่คละขนาด 40 ฟอง ราคา 100 บาท น้ำตาลทรายแพคละ 2 กิโลกรัม ราคาเพียง 20 บาท เนื้อไก่สดกิโลกรัมละ 50 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 100 บาท และอาหารพร้อมรับประทาน 20 บาททุกเมนู 

นอกจากนี้ ยังมี อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป น้ำมันพืช ผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง รวมถึงของใช้ภายในบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ มาจำหน่ายในงานด้วย

นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังสามารถลงทะเบียนรับคูปองส่วนลดพิเศษ 200 บาท สำหรับซื้อสินค้าทุกประเภทภายในงาน วันละ 2 รอบ ในเวลา 10.30 น. และ 16.00 น. วันละ 2,500 สิทธิ และภายในงานยังมีศิลปินนักร้องชื่อดังมาสร้างความคึกคัก พร้อมเวิร์กช็อปสอนการทำอาหารเพื่อต่อยอดด้านอาชีพตลอดทั้ง 4 วัน ของการจัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ ณ ลานกิจกรรม Avenue A ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ฝั่งถนนพระราม 1 ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-19.00 น.

'นายกฯ' เตรียมพร้อมงบกลางช่วยเหลือผู้ประสบภัย ลั่น!! ให้เยียวยาได้ทันที ไม่ต้องรอหลังน้ำลด

(13 ก.ย. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงราย 

ก่อนออกเดินทาง พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ (ผบ.ทอ.) นำนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อาทิ เรือท้องแบน เรือยาง ที่นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมด้วยกำลังพลที่ลงไปปฏิบัติงานเพิ่มเติม ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณกองทัพและทุกหน่วยงานที่ร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้  

พร้อมกันนี้ยังกล่าวยืนยันว่า ได้มีการจัดเตรียมงบกลาง ซึ่งสามารถนำมาช่วยประชาชนได้ทันที รวมทั้งการเยียวยา ขอให้ทำทันทีไม่ต้องรอสถานการณ์คลี่คลาย เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อน 

สำหรับสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่สูงหรือพื้นที่บนดอย ที่ถูกตัดขาด ก็ขอให้กองทัพส่งกำลังเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน และหากพื้นที่ใด ปริมาณน้ำเริ่มลดลงแล้ว ก็ขอให้ช่วยกันเร่งทำความสะอาด เพื่อคืนภาวะปกติให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว  

ขณะที่อยู่บนเครื่องบินนั้น นายกรัฐมนตรียังเชิญนายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ข้อมูลแผนการช่วยเหลือและภาพรวมสถานการณ์น้ำล่าสุดด้วย

‘ทรัมป์’ ยัน!! ไม่ดีเบต 'กมลา' อีกรอบ ลั่น!! มีแต่ผู้แพ้เท่านั้นที่ขอโอกาสล้างตา

(13 ก.ย. 67) อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความลงบน ทรูธ โซเชียล ระบุว่า การประชันวิสัยทัศน์หรือดีเบตครั้งที่ 3 กับตัวแทนพรรคเดโมแครตจะไม่เกิดขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้ขึ้นเวทีมาแล้ว 2 ครั้ง ในเดือน มิ.ย.67 กับประธานาธิบดี โจ ไบเดน และครั้งล่าสุดกับรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส เมื่อวันที่ 10 ก.ย.67 ที่ผ่านมา

ในโพสต์ดังกล่าว ทรัมป์ยืนยันว่าตนเองเป็นฝ่ายเอาชนะแฮร์ริส และมีเพียงผู้แพ้เท่านั้นที่เรียกร้องขอโอกาสแก้มือหรือล้างตากันอีกรอบ โดยทรัมป์แนะนำว่าแฮร์ริสควรมีสมาธิกับการทำหน้าที่รองประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะเปลี่ยนใจ เพราะก่อนการดีเบตกับแฮร์ริส ทรัมป์แทบไม่เคยให้ความชัดเจนเลยว่าจะขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์หรือไม่ ขณะที่แกนนำพรรครีพับลิกันหลายคนต้องการให้ทรัมป์ขึ้นดีเบตกับแฮร์ริสอีกครั้ง โดยมีรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ได้เชิญทรัมป์และแฮร์ริสขึ้นเวทีดีเบตกันในเดือน ต.ค. 67 นี้

ส่วนความเคลื่อนไหวการหาเสียงเลือกตั้งภายหลังการดีเบต  เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เลือกลงพื้นที่เมือง ‘ทูซอน’ รัฐ ‘แอริโซนา’ 1 ใน 6 รัฐสำคัญที่คะแนนเสียงสูสีและจะเป็นปัจจัยชี้ขาดผลแพ้ชนะ โดยทรัมป์ได้ย้ำถึงปัญหาการควบคุมพรมแดนที่รัฐบาลชุดปัจจุบันปล่อยให้ผู้อพยพหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากและก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น

ด้านแฮร์ริสเดินทางไปยังเมือง ‘ชาร์ลอต’ รัฐ ‘นอร์ทแคโรไลนา’ โดยระหว่างการปราศรัย แฮร์ริสระบุว่า เธอและทรัมป์ยังต้องทำหน้าที่รับใช้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วยการขึ้นเวทีดีเบตกันอีกครั้ง เพราะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. 67 นี้ คือเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดของสหรัฐฯ 

ขณะที่ทีมหาเสียงของแฮร์ริสเปิดเผยว่า ยอดเงินบริจาคในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ภายหลังจากการดีเบต มีตัวเลขอยู่ 47 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,500  ล้านบาท จากจำนวนผู้บริจาคเกือบ 600,000 คน ทำให้ขณะนี้ แฮร์ริสมียอดเงินบริจาคสะสมสำหรับการหาเสียงเพิ่มเป็น 360 ล้านดอลลาร์ หรือ 12,000 ล้านบาท ส่วนทรัมป์มียอดบริจาคสะสมอยู่ที่ประมาณ 130 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท

'นักเขียนซีไรต์' อัด!! พวกดูถูกเหยียดหยามคนทำความดี เอาแต่ก่นด่าประเทศชาติที่เกิดและมีชีวิตอยู่มาจนวันนี้

(13 ก.ย. 67) วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'หนักแผ่นดิน' ระบุว่า...

“คนที่เผชิญกับอุทกภัยก็สาหัสแล้ว คนลุ้น-เอาใจช่วยก็เหนื่อย ซ้ำยังต้องเผชิญกับโอษฐภัยบรรลัยชาติของพวกสามกีบอีก แต่ละวันพวกมันเคยทำประโยชน์อะไรเพื่อใครบ้าง? นอกจากดูถูกเหยียดหยามคนทำความดี ก่นด่าประเทศชาติที่พวกมันเกิดและมีชีวิตอยู่มาจนวันนี้…

“ประเทศนี้สิ้นเปลืองทรัพยากร สิ้นเปลืองอาหารและสาธารณูปโภคแล้ว ยังถูกพวกมันคอยแต่บ่อนเซาะทำลายไม่รู้จบสิ้น พวกมันมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินเท่านั้น ไร้ค่าไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง…

“พวกหนักแผ่นดินของจริง!”

อีกหนึ่งแรงสำคัญ!! 'กลุ่ม ปตท.' เร่งส่งมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยต่อเนื่อง หลังให้การช่วยเหลือผู้คนในภาคเหนือมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม

(13 ก.ย. 67) ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงาน ปล่อยรถบรรทุกถุงยังชีพไปยัง จ.เชียงราย เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งสถานการณ์ยังคงวิกฤต 

ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. ได้ทยอยส่งมอบความช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยในภาคเหนืออย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม รวมมูลค่ากว่า 8.8 ล้านบาท ประกอบด้วย ถุงยังชีพ 16,350 ถุง น้ำดื่ม 64,700 ขวด ยารักษาโรค ผ้าห่ม เรือพาย และก๊าซหุงต้มเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร โดย กลุ่ม ปตท. ได้ส่งมอบความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จ.เชียงราย, แพร่, น่าน, พะเยา, พิษณุโลก และสุโขทัย ในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านหน่วยงานภาครัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น และส่งทีมปฏิบัติการ PTT Group SEALs ลงพื้นที่ที่ยากแก่การเข้าถึง เพื่อมอบถุงยังชีพ อพยพประชาชน เร่งบรรเทาทุกข์ในสถานการณ์วิกฤต อันเป็นพันธกิจสำคัญที่ กลุ่ม ปตท. ยึดถือปฏิบัติเสมอมาในการช่วยเหลือดูแลสังคมและชุมชน 

'ท่านอ้น' ถึงเชียงราย ร่วมช่วยภัยน้ำท่วม 'ขนน้ำ-ทำกับข้าว' แจกจ่ายช่วยผู้ประสบภัย

(13 ก.ย. 67) ท่านชายวัชเรศร วิวัชรวงศ์ หรือ 'ท่านอ้น' โอรสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โพสต์ภาพการเดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย ผ่านเฟซบุ๊ก 'Vacharaesorn Vivacharawongse' เพื่อช่วยเหลือผู้ ประสบภัย ระบุว่า...

“มาถึงเชียงราย เตรียมน้ำและอาหารมาให้พี่น้องที่ประสบภัย ให้กำลังใจผู้ที่ทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top