Friday, 13 June 2025
NewsFeed

'อลงกรณ์' ชี้การเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วของพรรคประชาธิปัตย์ คือการยุติ 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งแตกแยกของประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศโพสต์ข้อความที่น่าสนใจเป็นมุมมองใหม่ทางการเมืองในเฟสบุ๊คส่วนตัววันนี้เกี่ยวกับประเด็นการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์มีข้อความดังต่อไปนี้

“…มติการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์คือกุญแจดอกสุดท้ายที่เปิดอนาคตใหม่ให้กับประเทศ
เพราะเป็นการยุติการต่อสู้ทางการเมืองที่ร้ายแรงที่สุดรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่กินเวลายาวนานถึง 20 ปี เป็น 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งที่ต่อสู้กันทั้งในและนอกสภาฯ.แบ่งแยกประชาชนเป็นฝักฝ่ายนำไปสู่การสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐระหว่างเดือนตุลาคมปี 2551-พฤษภาคม 2553 ล้มตายกว่า 100 คนและบาดเจ็บเกือบ 3 พันคนมีการรัฐประหารสูญเสียประชาธิปไตยถึง 2 ครั้งในปี 2549 และปี 2557 

นับเป็นบาดแผลความขัดแย้งที่กว้างและลึกที่แม้แต่รัฐบาลในอดีตไม่ว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์-พล.อ.ประยุทธ์จะพยายามสร้างความสมานฉันท์ปรองดองก็ไม่ประสบความสำเร็จและไม่มีใครตอบได้ว่าความขัดแย้งแตกแยกดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

จนกระทั่งเมื่อมีการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (พล.อ.ประยุทธ์) และพรรคพลังประชารัฐ (พล.อ.ประวิตร) ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกแรกที่เปิดประตูความร่วมมือข้ามขั้วระหว่าง2ฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้ง ก่อนที่กุญแจดอกสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วเมื่อวานนี้ เป็นการสิ้นสุดอดีตที่ขมขื่นและเริ่มต้นวันใหม่ของประเทศ

ผมได้แต่หวังว่า ทุกฝ่ายจะเรียนรู้ความผิดพลาดทางการเมืองในอดีตอย่าให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยเดิม การยึดมั่นระบบรัฐสภาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการยึดถือหลักนิติรัฐนิติธรรมความซื่อสัตย์สุจริตและการยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งคือแนวทางที่ประเทศและการเมืองไทยจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีอนาคต

สตูล ส่งมอบเรือของกลางคืนมาเลเซีย หลังถูกโจรกรรมมาซุกในสตูล พร้อมเดินหน้าตามหาคนผิดต่อไป การส่งมอบคืนในครั้งนี้เป็นการร่วมมือในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการแก้ปัญหาความมั่นคงทางทะเล

(30 ส.ค. 67) ที่ผ่านมา ที่ด่านศุลกากรตำมะลัง จังหวัดสตูล มีพิธีส่งมอบเรือของกลางคืนให้แก่ทางการมาเลเซีย โดยนายศักระ กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัด  ผอ.ศรชล.ได้มอบหมายให้  น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี สำหรับเรือลำนี้เป็นเรือประมงสัญชาติมาเลเซีย ชื่อ KHF 818 ขนาด 38.46 กรอสตัน ถูกพบเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 โดยเจ้าหน้าที่ตรวจท่าปฏิบัติการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดสตูล พบว่าเรือลำนี้เข้ามาจอดที่อู่เรือในตำบลตำมะลัง อำเภอเมืองสตูล โดยไม่ได้รายงานการเข้ามาต่อเจ้าท่าตามกฎหมาย จากการสอบสวนพบว่า เรือลำนี้เป็นของนายอี เทีย จาย สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งถูกโจรกรรมมาจากท่าเรือประมงกัวลาเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 และได้มีการแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจกัวลาเคดาห์แล้ว ในการส่งมอบครั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจังหวัดสตูลเข้าร่วม อาทิ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล ,นายด่านศุลกากรสตูล, ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 9 สตูล, ประมงจังหวัดสตูล,หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล),กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5,กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 436 สตูล และเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับฝ่ายมาเลเซียมีมูฮัมหมัด ไครูลานัวร์ บิน อิบราฮิม รองสารวัตรตำรวจน้ำลังกาวี รัฐเคดาห์ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงรัฐเคดาห์ มารับมอบเรือ

ทั้งสองฝ่ายได้ตรวจสอบสภาพเรือและยืนยันว่าไม่มีความเสียหายเพิ่มเติม การส่งมอบครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและไม่มีการเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ทางการไทยยังเน้นย้ำว่าจะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว การส่งมอบเรือคืนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างไทยและมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการรักษาความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส. พร้อมช่วยเหลือ ปชช. และสนับสนุนภัยน้ำท่วม

โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือ สัตหีบ เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ช่วยเหลือประชาชนและสนับสนุนภัยน้ำท่วม

พลเรือตรี​ สรรชัย​ เลิศวีระศิริกุล​ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์​ ฐานทัพเรือสัตหีบ​ เป็นประธาน กล่าวให้โอวาทและให้แนวทางการปฏิบัติงานแก่ กำลังพลสายแพทย์ ในการจัดชุดแพทย์เตรียมความพร้อม ด้านการช่วยเหลือประชาชนสนับสนุนภัยน้ำท่วม​ และได้ตรวจความพร้อมของหน่วยปฏิบัติ​ ซึ่งประกอบด้วย​ ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์​ (Mini​MERT)​ ชุดปฏิบัติการเวชกรรมป้องกัน (PERT)​  ชุดช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ระดับสูง ในภาวะภัยพิบัติ (MERT)​ ชุดกู้ชีพและช่วยชีวิตผู้ป่วยทางน้ำ (Maritime  and Aquatic Life Support: MALS)​ ​ชุดสำรวจและประเมินความเสียหาย นายทหารสัญญาบัตร กองทัพเรือ(Naval​ Diaster Assessment Team : NDAT)

ผลการปฏิบัติในก่รตรวจสอบ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยพร้อมปฏิบัติ ณ สนามฟุตบอลโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ​ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2567

'อัครเดช-รวมไทยสร้างชาติ' ย้ำ!! นโยบายรัฐบาลใหม่ ห้ามแก้ ม.112 พร้อมชูโครงสร้างราคาพลังงานที่เป็นธรรมกับประชาชน

(4 ก.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรีและฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ที่ประชุมได้มีมติ 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีการลงมติวาระที่ 3 ในวันที่ 5 กันยายน 2567 พรรครวมไทยสร้างชาติมีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เนื่องจากมีความต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เกิดการกระจายเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ การมีมติพรรคในการผ่านกฎหมายฉบับนี้จะส่งผลให้รัฐบาลสามารถดำเนินโครงการต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

นายอัครเดช กล่าวว่า ในเรื่องต่อมาคือนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จะบรรจุในนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงนโยบายประกอบด้วย 2 เรื่องหลัก ๆ คือ เรื่องแรกเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายพรรครวมไทยสร้างชาติขอยืนยันจุดยืนเดิมว่าจะต้องไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงห้ามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 หมวด 2 และในประเด็นเกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันในรัฐธรรมนูญ

นายอัครเดช กล่าวว่า เรื่องสุดท้ายจะเป็นนโยบายของพรรคในเรื่องพลังงาน ที่จะต้องมีการสร้างโครงสร้างราคาพลังงานที่เป็นธรรมกับประชาชน และการดำเนินการตามแนวทางรื้อ-ลด-ปลด-สร้าง นโยบายนี้จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนได้อย่างมาก ซึ่งจะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อร่างกฎหมายโครงสร้างพลังงานผ่านเป็นกฎหมายแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติขอยืนยันว่าพร้อมจะสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวที่ยกร่างโดยนายพีระพันธุ์ต่อไป

‘กองทัพเรือ’ ทำพิธีจม ‘เรือของพ่อ’ (ต.94-95) ณ อ่าวแสมสาร ชลบุรี เพื่อสดุดีวีรชนทหารเรือ หลังทำหน้าที่ปกป้องท้องทะเลไทยตลอด 40 ปี

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 67) พล ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบหมายให้ พล.ร.ท.สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล พร้อมกระทำพิธีจัดวาง ‘เรือของพ่อ’ ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.94 และ ต.95 ที่ปลดระวางแล้วให้จมลงสู่ใต้พื้นสมุทร บริเวณร่องน้ำด้านทิศตะวันออก ระหว่างเกาะจวงและเกาะจาน อ่าวแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อย่างสมเกียรติ ณ ดาดฟ้าเรือหลวงกระบุรี หมายเลข 457

โดย พล ร.ท.สุระศักดิ์ ได้ทำพิธีวางพวงมาลาก่อนกล่าวสดุดีอำลา รำลึกในวีรกรรมความเสียสละ และความกล้าหาญของทหารทุกนายที่ได้เคยร่วมรับใช้ประเทศชาติ ปฏิบัติภารกิจในการปกป้องและรักษาธิปไตยของชาติทางทะเล ฟันฝ่าคลื่นลมอันตรายร่วมกับเรือทั้ง 2 ลำมายาวนานเกือบ 40 ปี

จากนั้น พลเป่าแตรได้เป่าสัญญาณแตรนอน ก่อนที่เรือหลวงกระบุรี จะให้สัญญาณชักหวูดปล่อยน้ำเข้าเรือเพื่อให้จมลงสู่ใต้ทะเลเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์สู่อนุชนรุ่นหลังต่อไป

สำหรับโครงการจมเรือเป็นอุทยานเรือรบแหล่งเรียนรู้ใต้ท้องทะเล มีวัตถุประสงค์เพื่อคงไว้ซึ่งเป็นสถานที่รำลึกถึงวีรกรรมของเหล่านักรบวีรชนทหารเรือ ที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องผืนทะเลไทยบนเรือรบทั้ง 2 ลำ

และยังมีเป้าหมายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่สำหรับเหล่านักดำน้ำที่จะได้ศึกษาเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และชื่นชมเรือรบอันสง่างาม ตลอดจนเป็นแหล่งปะการังเทียมและเป็นที่อยู่อาศัยให้สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล

โดยเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.94 และ ต.95 เป็นเรือชุดเดียวกับเรือ ต.91 ซึ่งเป็นเรือที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพระราชทานพระราชดำริ และพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับการต่อเรือ เพื่อพึ่งพาตนเองของกองทัพเรือ 

ซึ่งกรมอู่ทหารเรือ นับตั้งแต่การสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91 ถึงเรือ ต.99 จำนวน 9 ลำ ระหว่างปี พ.ศ. 2510 - 2530 อันเป็นโครงการของกองทัพเรือ ตามพระราชดำริของพระองค์ จนสมัญญาเรือชุดนี้ว่า ‘เรือของพ่อ’

เชียงใหม่-มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศ 'Thai International Travel Fair North 2024' (TITF NORTH 24)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับ มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ 'Thai International Travel Fair North 2024' หรือ TITF NORTH 24 ที่จัดโดย ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ ในปีนี้จะพาทุกท่าน ตื่นตา...ตื่นใจ...ไปกับแพ็คเก็จทัวร์ หลากหลายประเทศจากสมาชิกของชมรมฯ พร้อมบูทประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก ห้ามพลาดแค่ 3 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2565 ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส สี่แยกศาลเด็ก)

ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ จัดมหกรรมการท่องเที่ยวในครั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวปัจจุบันของแต่ละประเทศ รวมไปถึงเส้นทาง และราคาสุดพิเศษจากสายการบินชั้นนำ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว และบริการเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรการท่องเที่ยว และพันธมิตรทางธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว และชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ ให้เป็นที่รู้จัก และยอมรับในวงกว้างมากขึ้น

สำหรับพิธีเปิดงานได้จัดให้มีขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 โดยได้รับเกียรติจาก นางกันชกา สุวณิชย์ ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยว ภาคเหนือ, Mr. Lyu Sheng สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่, Mr. Que Xiaohua - Director การท่องเที่ยวจีน, Mr. Yi Sangwoo - Director การท่องเที่ยวเกาหลี, Ms. Nichapa Rojanasoonthon - Asst Marketing Director การท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, Mr. Awang Shawal Awang Sulaiman - Deputy Director การท่องเที่ยวมาเลเซีย, Mr. Jeffrey Lin - Deputy Director การท่องเที่ยวไต้หวัน, นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่, คุณอุทัย ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายแผนงาน การพาณิชย์ และการเงิน ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ผศ.ดร. ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ผอ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ และ นายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ ร่วมพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ภายในงานพบกับองค์กรการท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศ อาทิ การท่องเที่ยวมาเลเซีย, การท่องเที่ยวเกาหลี, การท่องเที่ยวจีน, การท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ และการท่องเที่ยวไต้หวัน และบูทสายการบินชั้นนำที่มาสร้างสีสันในงาน อาทิ สายการบิน Air China, สายการบิน Thai Air Asia / Thai Air Asia X, สายการบิน China Airlines, สายการบิน EVA Air, สายการบิน Lion Air, สายการบิน Nok Air, สายการบิน STARLUX, สายการบิน VietJet Air, สายการบิน Bhutan Airlines, สายการบิน Myanmar Int Airways และสายการบิน Salam Air ร่วมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง AIS 5G และ The Baristro

โปรแกรมการท่องเที่ยวจากเทรเวลเอเจนซี่อย่าง มานิตย์บริการท่องเที่ยว เชียงใหม่, WIN TRAVEL & TOUR, RUBY TRAVEL, P.D.EXPRESS CHIANG MAI TOUR, Standard Tour Co.,Ltd, ทอฝันทัวร์, SHOWNUEATOUR, Chatuporn Tour & Travel, Nakornping Inter Group 2021 Co.,Ltd, CM Wonder Tour & Carrent, บ้านนกทัวร์, SESUN TOUR, GLOBAL TOUR 1995 CO.,LTD, P.P. AIR TRAVEL (เชียงราย), CHIANGMAI QUALITY TOUR ที่จะมาร่วมประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวต่างประเทศ

มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ “Thai International Travel Fair North 2024” หรือ TITF NORTH 24 ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้สนับสนุนมากมาย Thai-Amadeus Southeast Asia, TRAVELPORT, บจก. เบสอินเตอร์เนชั่นแนลเทรเวลแอนด์เอเจนซี่, บริษัท ไทยเที่ยวนอกทัวร์ จำกัด, บริษัท เรียล เจอร์นีย์ จำกัด, Tune Insurance, TBO. COM และ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)
 
ทั้งนี้ตลอด 3 วันในการจัดงาน ทุกท่านสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมแจกของรางวัลจากการท่องเที่ยวต่างประเทศ สายการบิน ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับตั๋วเครื่องบิน และ แพ็คเก็จทัวร์ ในทุกๆ ยอดชำระ 1,000 บาทภายในงาน รับคูปองชิงโชคได้เลยทันที แล้วพบกันในงาน Thai International Travel Fair North 2024 หรือ TITF NORTH 24 ได้ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2567 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเชียงใหม่ (เซ็นเฟส สี่แยกศาลเด็ก)

อุทาหรณ์!! เอาเงินมรดกไปฝากเทรดจนติดหนี้ สุดท้ายฆ่าตัวตายหนีปัญหา สะท้อน!! อย่าปล่อยให้ใครมาควบคุมเงินเรา ไม่ว่าจะมากหรือน้อย

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Elliott Wave by WaveAholic’ ได้โพสต์ข้อความเตือนใจผู้สนใจลงทุน ระบุว่า…

เมื่อวานซืนแอดได้ฟังเรื่องที่น่าสะเทือนใจ มาเรื่องนึง ในใจอยากเขียนถึงมาก เพราะมันสอนคนได้ทั้งสองฝั่ง

แต่จิตสำนึกบอกว่า เราจะเขียนยังไงให้เคารพคน ๆ นั้นมากที่สุด แต่ก็ยังเล่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจเพื่อน ๆ ที่ติดตามกันมาได้ สุดท้ายขอเขียนถึงแบบนี้แล้วกัน

แอดได้ทราบข่าวมาว่ามีคนฆ่าตัวตายจากการ(ฝาก)เทรด

เรื่องราวโดยย่อคือ ท่านนี้ ได้รับเงินมรดกจากครอบครัวมา 20 ล้านบาท

มีความคิดอยากให้เงินก้อนนี้เติบโตขึ้น จึงลงทุนในการศึกษา โดยได้ลงเรียนการเทรดกับสถาบันหนึ่ง ซึ่งแอดขอไม่บอกว่าสถาบันนั้นสอนเทรดสินค้าอะไร ชื่ออะไร ใครเป็นเจ้าของ

เมื่อเข้าไปเรียนแล้ว ได้มีการเข้าร่วมกิจกรรม ‘นำเทรด’ กับสถาบัน และ ทำให้พอร์ตเสียหายไปประมาณ 5 ล้านบาท 

จากนั้นจึงเกิดความกังวล และได้ไปปรึกษา ‘โค้ช’ ในสถาบันนั้น 

โดยโค้ชเสนอทางออกให้ โดยบอกว่าจะรับ ‘ฝากเทรด’ ให้ โดยที่กำไรแบ่งกัน 50/50 ส่วนกรณีเสียแอดไม่ได้รับข้อมูล

โค้ชเหล่านั้นก็เอาเงินที่เหลือไปเทรด สุดท้ายติดลบมาอีก 2 ล้านบาท ทำให้ตอนนี้ขาดทุนไป 7 ล้านบาท ด้วยความเครียด และ กังวลของท่านเจ้าของเงิน กลัวที่บ้านจะตำหนิว่านำเงินมรดกมาทำเสียหาย จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย

เล่าได้เท่านี้จริง ๆ ลงรายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้แล้วและขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย
R.I.P 

จริง ๆ มีอุทาหรณ์ที่ควรพูดถึงในฝั่งเจ้าของเงิน แต่เมื่อเค้าจากไปแล้ว แอดขออนุญาต แสดงความเสียใจอย่างเดียวไม่พูดถึงอะไรในฝั่งนี้

แต่ที่อยากเขียนถึงคือ อยากบอกคนที่กำลังคิดว่าจะทำอะไรแบบนี้ในฝั่งคนสอน หรือโค้ชคนใดก็ตามว่า กรุณาระมัดระวัง เพราะสิ่งที่คุณคิดจะทำ คุณไม่มีทางรู้ว่ามันส่งผลต่อชีวิตของคนอื่นได้ระดับใดบ้าง 

แอดเชื่อเหลือเกินว่า ทั้งคนนำเทรด ทั้งโค้ชที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีส่วนทำให้คนคนนึงตัดสินใจแบบนี้ เพราะสุดท้ายกิจกรรมของสถาบันก็ยังดำเนินต่อในปัจจุบัน

ส่วนฝั่งนักลงทุนแอดย้ำเสมอว่าในวงการนี้ หน้าฉากที่เห็น กับ สิ่งที่เป็น หลายครั้งมันสวนทางกัน อย่าเชื่อคนง่าย

หน้าฉากความสำเร็จที่คุณเห็นจากคนอื่น บางทีคนพวกนี้ก็มายืนบนจุดนั้นได้ จากความทุกข์ ความพังพินาศของคนอื่นนี่แหละ 

สุดท้าย อย่าปล่อยให้คนอื่นมาควบคุมเงินของเราเอง และเมื่อใดก็ตามที่เราดันปล่อยสิทธิ์ความเป็นเจ้าของของเงินเราให้คนอื่นดูแล ‘ห้าม’ all-in เด็ดขาด ไม่ว่าใจจะอยากมากขนาดไหนก็ตาม

ยังมีอีกหลายเรื่องในวงการนี้ที่อยากมาเล่าสู่กันฟัง จะได้พึงระวังให้มาก ๆ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบเงินช่วยเหลือตำรวจจราจร สภ.เขวาใหญ่ จ.มหาสารคาม ถูกรถจักรยานยนต์พุ่งชนขณะตั้งจุดตรวจ

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หน.คณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยัง สภ.เขวาใหญ่ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เมื่อวานนี้ (30 สิงหาคม 2567) เวลา 11.45 น. เพื่อมอบเงินกองทุนสวัสดิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 100,000 บาท กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เขวาใหญ่ ได้รับบาดเจ็บ ถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนขณะปฏิบัติหน้าที่

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ร.ต.อ.รณชัย ภูหักทำ และตำรวจจราจร สภ.เขวาใหญ่ จ.มหาสารคาม ได้ร่วมกันวางอุปกรณ์บนพื้นถนนเพื่อตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร บริเวณหน้าตู้ยามขามเรียง ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 2202 ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก โดยวางกรวยสะท้อนแสงตามแนวเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ นำป้ายแผงไฟแสดงจุดตรวจ มีสัญญาณไฟวับวาบ มีป้ายชื่อผู้ควบคุมพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ วางตั้งบนถนนให้เห็นเด่นชัดในเขตปลอดภัย และนำรถยนต์ของทางราชการที่ใช้ในงานจราจร มาจอดไว้เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้ถูกต้องตามยุทธวิธีตำรวจในการตั้งจุดกวดขันวินัยจราจร และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในเวลา 10.00 น. จากนั้นได้มีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง ขับขี่มุ่งหน้ามายังจุดตรวจด้วยความเร็ว ตำรวจจราจรในจุดตรวจได้ให้สัญญาณหยุด แต่เด็กชายอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ได้พยายามจะหลบหนี จนพุ่งชน ร.ต.อ.รณชัย ฯ ได้รับบาดเจ็บ ฟันหน้าบนหัก 3 ซี่ ถูกนำส่งโรงพยาบาลมหาสารคาม โดยแพทย์วินิจฉัยว่ากระดูกขากรรไกรล่างหัก ต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง

พล.ต.ท.นิธิธรฯ ได้มอบเงินเงินกองทุนสวัสดิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 100,000 บาท ให้กับ ร.ต.อ.รณชัย ภูหักทำ รอง สว.จร.สภ.เขวาใหญ่ ตามหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้มอบสิ่งของเครื่องบริโภคให้กับข้าราชการตำรวจ สภ.เขวาใหญ่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย 

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า จากคลิปกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุจราจร การสวมหมวกนิรภัย การขับขี่รถโดยมีใบอนุญาตขับรถจากนายทะเบียนขนส่ง ไม่ขับรถขณะมึนเมาสุรา หรือของมึนเมาอย่างอื่น (เสพยาเสพติด) นั้น เป็นข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามหากมีการใช้รถใช้ถนน หากฝ่าฝืนนอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตกับทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถแจ้งอุบัติเหตุ เหตุร้าย หรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่สายด่วน 191 จราจรทุก สน./สภ.ทั่วประเทศ , สายด่วน 1197 ตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล , สายด่วน 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ และสายด่วน 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

"สุทิน คลังแสง รมว. กลาโหม" ให้เกียรติมาเป็นประธานกล่าวต้อนรับ"สมาชิกสมาคม สภท." ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ครบรอบ 59 ปี

เมื่อวันที่ (30 ส.ค. 67) ที่โรงแรมคิงปาร์ค อเวนิว ถนนศรีนครินทร์ ซอย 40 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เกียรติมาเป็นประธานกล่าวต้อนรับสมาชิก สภท. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 59 ปี โดยมีนายอนันต์ นิลมานนท์ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการ ร่วมกันให้การต้อนรับ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวต้อนรับสมาชิกสมาคม, สื่อมวลชน, แขกผู้มีเกียรติ, พร้อมมอบรางวัลโล่เกียรติคุณ ให้กับผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติหลายองค์กร

ทั้งนี้สมาคมยังได้รับเกียรติจาก สุรชาติ สมบัติเจริญ ศิลปินลูกทุ่งอมตะนิรันดร์กาล บุตรชาย บรมครูเพลงสุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งไทย โดยมี สัญญา พรนารายณ์, เพ็ญนภา มุกดามาศ, จอย บียอนด์ ขนเพลงฮิตทั้งในอดีตและปัจจุบันมาร่วมขับกล่อมสร้างความบันเทิง ในโอกาสนี้ยังได้รับเกียรติจาก พลเอกเสริมศักดิ์ วิเศษไชยศรี อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 59 ปี และยังได้รับเกียรติจากนคร วีระประวัติ ประธานสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ให้เกียรติมาร่วมกล่าวแสดงความยินดีและมอบโล่เกียรติคุณ"สื่อออนไลน์สร้างสรรค์สังคม" ให้กับสื่อมวลชนที่ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมด้วยดีตลอดมา ในโอกาสนี้ด้วย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีแจกเครื่องอุปโภคบริโภคครั้งยิ่งใหญ่ในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นประธานในพิธี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย พร้อมเผยงบประมาณ ปีนี้ลงพื้นที่แจกทั้งสิ้น 4 จังหวัด รวมมูลค่า 13.3 ล้านบาท

(31 ส.ค.67) เวลา 09.00 น. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ จัดพิธีแจกเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 จำนวน 20,000 ชุด ให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่เดินทางมารอรับกันอย่างเนืองแน่น โดยสิ่งของที่แจกประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำมันพืช ขนม ฯลฯ บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ พร้อมมอบค่าพาหนะคนละ 100 บาท 

โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย แขกผู้มีเกียรติ ผู้แทนหน่วยงานในเครือมูลนิธิฯ และอาสาสมัครกิตติมศักดิ์ อาทิ นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ และ นางศิริพร โอภาสวงศ์ ร่วมในพิธี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

โดยบรรยากาศภายในงาน ได้มีผู้มีจิตศรัทธา ร่วมแจกจ่ายอาหาร และเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนที่มารอรับสิ่งของ รวมถึงเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครมูลนิธิฯ จัดทีมดูแลประชาชนตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567ที่ผ่านมา นอกจากนี้ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครศิลปิน นำโดย นางดวงตา ตุงคะมณี นายนพดล ทรงแสง (จิ้ม ชวนชื่น) นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) นายวสวิศว์ ศตพิพัฒน์ (ต้น-วสวิศว์) นายสวิช เพชรวิเศษศิริ (บี๋) นายปิยะวัฒน์ รัตนหรูวิจิตร (หรูหรา) นางสาวพรชดา วราพชระ (มะเหมี่ยว) ฯลฯ ร่วมแจกจ่ายสิ่งของ แสดงดนตรี และสร้างสีสันภายในงาน โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และอิ่มเอมใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า งานประเพณีทิ้งกระจาด เป็นงานบุญที่สำคัญของชาวพุทธ ซึ่งปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ด้วยการนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง มาเซ่นไหว้ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพชน และดวงวิญญาณที่ไร้ญาติ แล้วแจกเป็นทานแก่ผู้ยากไร้ เป็นงานบุญที่ครบทั้งการทำบุญและให้ทาน ซึ่งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดทำสืบทอดประเพณีทิ้งกระจาดต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิฯ เป็นเวลากว่า 100 ปี โดยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 10 สิงหาคม  และ 24 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ทำพิธีแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ณ สุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และ คลินิกการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาโคราช จังหวัดนครราชสีมา และสาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี รวมงบประมาณการจัดงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชน ทั้ง 4 แห่ง เป็นจำนวนเงินกว่า 13.3 ล้านบาท

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิฯ ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กร สาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอบุญบารมีองค์หลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ผู้มีจิตศรัทธา เจ้าหน้าที่  อาสาสมัคร และครอบครัวของทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในงานมหาบุญมหากุศลนี้  มีความสุข ความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดปี ตลอดไป

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top