Sunday, 8 June 2025
NewsFeed

‘บิ๊กตู่’ ถกวงเล็กเร่งกระจายวัคซีน

ด้านความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 26 เมษายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้า ปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมหารือวงเล็บเกี่ยวกับเรื่องการกระจายวัคซีนที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาสมช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ

'สหรัฐฯ' เดินหน้าฉีดวัคซีนจอห์นสันต่อ​ แม้มีผลข้างเคียง ยัน!! ยอมรับความเสี่ยงได้ เช่นเดียวกับวัคซีนอื่นทั่วโลก

หลังจากที่ กรมควบคุมโรคระบาด และองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกคำสั่งระงับวัคซีน Covid-19 จากบริษัท Johnson & Johnson ชั่วคราว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2021​ เพราะพบเคสผู้รับวัคซีนเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน 15 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เมื่อได้รับวัคซีนไปแล้ว ตั้งแต่ 2 วัน ถึง 1 สัปดาห์

แต่เมื่อมีการตรวจสอบวัคซีนว่ามีความเชื่อมโยงกับอาการลิ่มเลือดอุดตัน และประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียดแล้ว ก็กลับมาอนุมัติให้ฉีดวัคซีน J&J ได้อีกครั้ง หลังจากที่ระงับไปนานถึง 10 วัน

ถึงกระนั้น​ ก็จะมีการแจ้งคำเตือนให้กับผู้รับวัคซีนว่าอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งทางหน่วยงานสาธารณสุขของสหรัฐย้ำว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันน้อยมาก ๆ หากดูจากตัวเลขการฉีดวัคซีนเฉพาะของ J&J ไปแล้วถึง 15 ล้านโดส แต่พบผู้ที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตัน เพียง 15 ราย

การตัดสินใจครั้งนี้มาจากการโหวตของคณะกรรมการภายในหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐ ที่มองว่าการเดินหน้าฉีดวัคซีนมีความจำเป็นมากที่สุดในขณะนี้ เมื่อเทียบกับอาการข้างเคียงจากวัคซีนที่พบ​ นับว่าเกิดได้น้อยมาก

ส่วนการเกิดลิ่มเลือดอุดตันอย่างรุนแรงพบเฉพาะกลุ่มผู้หญิง อายุระหว่าง 18-49 ปี โดย ดร.อาชิห์ จาห์ คณบดี คณะสาธารณสุขศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ ได้แนะนำว่าควรหยุดการใช้วัคซีน J&J เฉพาะกลุ่มนี้ แล้วฉีดให้กลุ่มอื่นๆ แทนที่จะระงับการใช้วัคซีนทั้งหมดไปเลย

เพราะการสั่งระงับการฉีดวัคซีนแบบไม่มีกำหนด จะมีผลต่อคิวที่นัดไว้ของผู้ที่จะเข้ารับวัคซีน แม้ว่าจะไม่ได้ใช้วัคซีนของ J&J ก็ตาม ที่จะทำให้โครงการวัคซีนล่าช้าออกไปโดยไม่จำเป็น

และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในวัคซีนของประชาชน จนหลายคนเปลี่ยนใจไม่ยอมไปฉีดวัคซีนก็มีไม่น้อย

ล่าสุดจากการสำรวจของ สื่อ YouGov/Economist พบว่าข่าวการระงับการใช้วัคซีนของ J&J มีผลต่อความเชื่อมั่นของชาวอเมริกันอย่างชัดเจน ก่อนหน้าที่จะมีข่าว ชาวอเมริกันส่วนใหญ่กว่า 52% เชื่อมั่นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนของ J&J แต่หลังจากที่มีคำสั่งให้ระงับวัคซีน ความเชื่อมั่นลดลงเหลือเพียง 37% ส่วนผลสำรวจของสำนักข่าว Axios-Ipsos พบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะระงับโปรแกรมฉีดวัคซีนของ J&J

เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงอย่างมากในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของสหรัฐว่าคำสั่งเดี๋ยวฉีด เดี๋ยวหยุด เมื่อพบผู้ที่มีอาการข้างเคียงเพียง 6 รายหลังจากที่ฉีดไปแล้วนับล้านโดส อาจสร้างผลเสียต่อโครงการวัคซีนในเรื่องความเชื่อมั่น มากกว่าข้อดีที่ได้จากการฉีดวัคซีนให้ครบตามเป้าหมาย

และมีการหยิบยกกรณีศึกษาของ AstraZeneca ที่พบอาการลิ่มเลือดอุดตันเช่นเดียวกันในยุโรป ที่ทำให้รัฐบาลหลายประเทศในยุโรปลังเล และบางประเทศมีคำสั่งให้ระงับการใช้วัคซีนไป

โดยมีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบผลสำรวจจากประเทศที่ใช้วัคซีน AstraZeneca ไปแล้วอย่าง อังกฤษ และ เยอรมัน และมีการระงับใช้เพราะพบเคสที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันเหมือนกัน

ในขณะที่รัฐบาลอังกฤษยังคนเดินหน้าโครงการวัคซีน AstraZeneca ต่อเนื่อง แต่ระงับเฉพาะกลุ่มผู้รับวัคซีนที่มีรายงานว่าเกิดผลข้างเคียง ส่วนเยอรมันสั่งระงับการใช้วัคซีนทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ก่อนจะตัดสินใจให้กลับมาใช้ได้อีกครั้งหลังวันที่ 4 มีนาคม ก็พบว่าชาวอังกฤษมีค่าความเชื่อมั่นในวัคซีน AstraZeneca สูงถึง 72% สูงกว่าเยอรมันที่มีคะแนนความเชื่อมั่นที่ 68%

พอรัฐบาลเยอรมันได้มีคำสั่งให้ระงับการใช้วัคซีน AstraZeneca ชั่วคราวยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นลดลงมาก แม้จะให้กลับมาฉีดวัคซีนได้อีกครั้ง ก็ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาได้ดังเดิม

แต่สิ่งที่น่ากังวลสำหรับ AstraZeneca คือ จำเป็นต้องฉีด 2 เข็ม ทำให้ "ความเชื่อมั่น" ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเริ่มสั่นคลอน​ เพราะมีหลายเคสที่ขอเลื่อนการฉีดวัคซีนเข็มที่สองออกไป หลังจากมีการระงับการฉีดวัคซีน และมีหลายคนที่ไม่ยอมมาฉีดต่ออีกเลย

เมื่อการสร้างภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์ ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เชื้อ COVID-19 ยังคงแพร่กระจายต่อ ไม่ยอมหยุดง่าย ๆ

หลายฝ่ายจึงลงความเห็นว่า เมื่อมีการเดินหน้าโครงการวัคซีนแล้ว ควรทำอย่างต่อเนื่อง หากพบอาการข้างเคียงก็ควรพิจารณาเป็นรายเคส หรือเฉพาะกลุ่มที่พบอาการจะดีกว่า ส่วนทางรัฐบาลต้องมีการบริหารจัดการข้อมูลที่ดี สร้างความเข้าใจ และเชื่อมั่นให้กับประชาชน ให้ตระหนัก แต่อย่าตระหนก และสนับสนุนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนตามโปรแกรม จะเป็นผลดีที่สุด

 

อ้างอิง:

https://abcnews.go.com/Politics/cdc-advisory-panel-jj-vaccine-resume/story?id=77254140

https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/jj-covid-19-vaccine-pause-reviewed-us-officials-hope-resume-shots-2021-04-23/

https://time.com/5956221/johnson-covid-19-trust-europe/?utm_campaign=editorial&utm_source=line_app&utm_medium=social&ldtag_cl=m_loKVwRSTCgRA_BLJmpKwAA_oa

https://www.npr.org/sections/coronavirus-live-updates/2021/04/23/990001856/whats-next-for-the-j-j-vaccine-u-s-health-authorities-discuss-resuming-shots


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ปชป. ตั้งชุด DEM Call Team ช่วยประสานผู้ป่วยโควิด-19 ตกค้าง หลังเปิดศูนย์ฯ มีผู้ขอความช่วยเหลือต่อเนื่อง

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 พรรคประชาธิปัตย์ --นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยว่าหลังจากที่พรรคได้แถลงข่าวเปิดศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 เพื่อช่วยประสานคลี่คลายปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อตกค้างได้ให้เข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุดไปเมื่อวานนี้ พบว่ามีผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และแกนนำชาวบ้านในชุมชนติดต่อผ่านเข้ามาในช่องทางต่าง ๆ ของพรรคอย่างต่อเนื่อง และได้ช่วยเหลือประสานให้มีสถานพยาบาลมารับตัวไปรักษาแล้ว 2 ราย

โดยศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 (ศปฉ.ปชป.) ของพรรค มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเข้าไปรับข้อมูล และประสานงานกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยประสานส่งต่อผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในการดูแลตนเองและการป้องกันการแพร่กระจายของโรคในขณะที่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาในสถานพยาบาล ในฐานะที่ตนเองเป็นหัวหน้าทีมรับผิดชอบประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อในพื้นที่ กทม. พบว่าหลังจากเปิดศูนย์ฯ ได้มีผู้ประสานงานร้องขอความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันเวลา และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด จึงประสานกับพรรคตั้งชุด DEM Call Team ที่มีทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส. อดีต ส.ก และทีมยุวประชาธิปัตย์เข้ามาเสริมทีม โดยพยายามให้มีตัวแทนครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร ทั้งกรุงเทพโซนเหนือ โซนตะวันออก โซนตะวันตก และกรุงเทพชั้นใน เพื่อให้สะดวกในการประสานและติดตามงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากตนเองแล้วยังมีพลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ นายชนินทร์ รุ่งแสง นางสาวอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล  นางสาวชมพูนุท นาครทรรพ ดร.อนันตชาติ บัวสุวรรณ และทีมยุวประชาธิปัตย์อีกหลายท่าน

“เป็นที่น่ายินดีว่า เราสามารถช่วยผู้ป่วยติดเชื้อที่ตกค้างให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลได้แล้ว 2 รายหลังจากที่รอเตียงมาหลายวัน ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยกัน ทุกคนเป็นจิตอาสา มาช่วยด้วยใจ เต็มใจ อยากเห็นบ้านเมืองก้าวข้ามผ่านวิกฤตไปได้ นาทีนี้ไม่มีพรรค ไม่มีพวก มีแต่คนไทยทุกคนที่ต้องช่วยเหลือกันและกันในยามที่ยากลำบาก” นางดรุณวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ DEM Call Team มีหน้าที่หลักในการสนับสนุนการทำงานของภาครัฐโดยช่วยรับเรื่องราวร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อตกค้างที่ยังไม่สามารถเข้าระบบสาธารณสุขได้ที่จะส่งข้อมูลผ่านมาจากช่องทางทั้งแบบออฟไลน์คือ อดีต ส.ส. อดีต ส.ก และบุคลากรของพรรคในพื้นที่ กทม. และออนไลน์ 2 ช่องทางหลักคือ Facebook : facebook.com/DemocratPartyTH และ Twitter : twitter.com/democratTH เพื่อส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา ภายใต้แนวทางของภาครัฐต่อไป

"ชวน" ชี้สภาฯ ยังต้องเดินหน้ทำงานต่อ แต่ปรับมาตรการประชุมใช้ระบบซูมร่วม ยันถึงเวลาจะชี้แจงการทำงานช่วงเปิดสมัยสามัญ 22 พ.ค.นี้ เผย “เลขาสภาฯ”รายงานในสภาฯมีผู้ติดเชื้อโควิด 1 คน

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีบุคคลภายนอกติดเชื้อโควิด-19 แล้วเข้ามาประชุม และมาปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาอย่างต่อเนื่อง จะกระทบกับการเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญในวันที่ 22 พ.ค.นี้หรือไม่ว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาชี้แจงกรณีการเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญ แต่จะมีการชี้แจงหลังจากนี้อีกครั้ง

ส่วนงานประชุมอื่นๆของรัฐสภา ตอนนี้ยังคงเป็นไปตามปกติ ส่วนใหญ่เป็นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ หรือ ใช้แอปพลิเคชั่นซูม เพื่อไม่ให้การดำเนินงานเกิดความล่าช้า เช่นการประชุมคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภาหรือก.ร. วันนี้(26 เม.ย.)จะมีบุคคลร่วมประชุมจากที่รัฐสภา 8 คนและประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 9 คน ซึ่งยอมรับว่าการทำงานในสถานการณ์นี้จะต้องมีการปรับตัว โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อในรัฐสภา 1 คน ส่วนคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ให้กักตัว 14 วัน โดยรัฐสภาเข้มงวดในเรื่องนี้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ก่อนการประชุมก.ร.วันนี้ นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งกำชับเรื่องมาตรการเว้นระยะห่างกับผู้เข้าร่วมประชุม ส่วนนายนัฑ ผาสุข เลขาธิการวุฒิสภา ระบุว่า ผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ของสมาชิกวุฒิสภ(ส.ว.) จำนวน 5 คน  และข้าราชการที่ไปร่วมกิจกรรมแจกอาหารและสิ่งของจำเป็นให้ผู้เดือนร้อนจากวิกฤตโควิด-19 เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ผลตรวจยังไม่ออกมา และกำลังติดตามอยู่

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ประกาศยกเลิก และระงับการออกหนังสือรับรอง สำหรับผู้ที่ไม่ใช่คนไทย ซึ่งจะเดินทางจากอินเดียเข้าไทย ตั้งแต่ 1 พ.ค.64 เป็นต้นไป

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดีย ซึ่งพบผู้ป่วยติดเชื้อรายวันมากกว่า 3.5 แสนคน และมีกระแสข่าวการเช่าเหมาลำของคนอินเดียไปประเทศอื่น ตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2564 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy, New Delhi ประกาศยกเลิกและระงับการออก COE (Certificate of Entry หรือ หนังสือรับรองการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย) สําหรับ Non-Thai Nationals ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2021 ระบุว่า

เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (CCSA) จึงได้มีข้อจํากัดสําหรับชาวไทยที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศไทยในเที่ยวบินถัดไปดังนี้ :

1.) COE ทั้งหมดที่ได้ออกให้ไม่ใช่คนไทยเข้าไทยจากอินเดียโดยวันที่ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2021 จะถูกยกเลิก

2.) การประกาศ COEs สําหรับชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวไทยที่จะเดินทางมาถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2021 เป็นต้นไปจะถูกระงับจนกว่าจะมีการแจ้งต่อไป

ดังนั้นสถานเอกอัครราชทูตฯจะไม่รองรับผู้โดยสารที่ไม่ใช่คนไทยในเที่ยวบินวันที่ 1, 15 และ 22 พฤษภาคม 2021

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2267771793355122&id=659731067492544


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"ศรีสุวรรณ" ร้องสอบ ผอ.กกต.ปทุมธานี เพิกเฉยต่อหน้าที่กรณีเลือกตั้งเทศบาล หลังชาวบ้านร้องเรียนซื้อเสียง

เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้พิจารณาสอบสวนหรือเอาผิดทางวินัยและจริยธรรม ผอ.กกต.ประจำจังหวัดปทุมธานี กรณีเพิกเฉยต่อการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 หลังมีการร้องเรียนว่ามีการซื้อเสียงเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกเทศบาลเมืองลาดสวาย 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก กกต.ประจำเทศบาลเมืองลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ได้จัดให้มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองลาดสวายและนายกเทศมนตรีเมืองลาดสวาย กรณีพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระในวันที่ 28 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีประชาชนนำความไปร้องเรียนต่อ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดปทุมธานี พร้อมพยานหลักฐานว่า มีหัวคะแนนของผู้สมัครบางรายนำเงินไปซื้อเสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหมู่บ้าน ชุมชน อันถือเป็นเหตุอันควรสงสัยที่ควรเชื่อได้ว่าจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และเป็นการฝ่าฝืน มาตรา65 ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ซึ่งชอบที่ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดจะต้องรีบรายงานให้ กกต.กลางทราบโดยเร็ว ตาม มาตรา106 วรรคสาม เพื่อที่กกต.จะได้ดำเนินการไต่สวนโดยพลันหรือสั่งการให้เป็นไปตาม มาตรา106 วรรคสี่ และวรรคห้า แต่ทว่า ผอ.กกต.ประจำจังหวัดปทุมธานี กลับเพิกเฉยเสีย อีกทั้งยังกล่าวหาบุคคลอื่นต่อหน้าผู้ไปร้องเรียนให้เสียหายอีกด้วย

การกระทำดังกล่าว นอกจากจะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 แล้ว ยังอาจถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ กกต.ประจําจังหวัดและพนักงานของสํานักงาน กกต. 2551 อีกด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของเลขาธิการ กกต. ที่จะต้องดำเนินการสอบสวนเอาผิดทางวินัยและจริยธรรมตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล 2547 ต่อไป

นอกจากนั้น กกต. ต้องรีบดำเนินการไต่สวน กรณีตามคำร้องเรียนของผู้สมัครเลือกตั้งโดยพลัน ถ้าผลการไต่สวนปรากฏว่ามีมูล จะได้มีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ เว้นแต่การฝ่าฝืน หรือความไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมดังกล่าวมิได้เกี่ยวข้องกับผู้ได้คะแนนในลำดับที่จะได้รับเลือกตั้ง ในกรณีเช่นนี้ต้องดำเนินการเพื่อให้มีการลงโทษผู้กระทำความผิดที่เป็นผู้ซื้อเสียงดังกล่าวต่อไปโดยเร็ว

‘อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล’ ไอเดียกระฉูด เสนอใช้ห้องพักส่วนตัวส.ส.ในรัฐสภา ที่ยังปล่อยว่าง นำมาใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม แก้ปัญหาเตียงผู้ป่วยไม่พอ

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวเสนอให้ใช้รัฐสภาเป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ว่า เนื่องจากเห็นกันอยู่แล้วว่าอาคารโดยรวมของรัฐสภามีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นและยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้งานอีกมาก อย่างน้อย ๆ ห้องพักส่วนตัวของ ส.ส. จำนวน 500 ห้อง ซึ่งสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดใช้งานก็สามารถใช้เป็นห้องพักผู้ป่วยได้เลย แต่ตนไม่ทราบว่า ส.ว. มีห้องพักส่วนตัวหรือไม่ แต่ถ้ามีห้องพักส่วนตัวเหมือนกันก็จะได้เพิ่มอีก 250 ห้อง รวมเป็น 750 ห้อง รวมทั้งพื้นที่โดยรอบทางด้านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังสร้างเป็นสนาม ซึ่งอากาศถ่ายเทสะดวกนั้นก็สามารถตั้งเต็นท์ได้จำนวนมาก

นางอมรัตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีบริเวณห้องโถงในส่วนของสำนักงานที่ไม่ได้ใช้งานเต็มพื้นที่ สำหรับในส่วนที่ใช้งานแล้วก็สามารถที่จะไปใช้งานรวมกันแล้วเสียสละพื้นที่ให้ผู้ป่วยได้ อีกทั้งรัฐสภายังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่อาคารสถานที่อยู่แล้ว ไม่ต้องเปลืองงบประมาณเพื่อสร้างอะไรขึ้นมาใหม่อีกด้วย


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘พรรคกล้า’ เสนอ รัฐบาล เสริมความพร้อมให้อาสากู้ภัย จัดชุดป้องกัน-วัคซีนเพิ่ม ปลดล็อคปัญหาการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด

นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดสรรชุดป้องกัน (PPE) และวัคซีน ให้อาสากู้ภัยที่สนใจจะเข้าร่วม ซึ่งปัจจุบันมูลนิธิต่าง ๆ ได้รับชุดและโควตาฉีดวัคซีนน้อยมาก ทั้งที่เป็นบุคลากรด่านหน้าที่ช่วยขนย้ายผู้ป่วยนำไปส่งโรงพยาบาล จึงไม่สามารถปฏิบัติงานตามศักยภาพที่มีอยู่ได้

โฆษกพรรคกล้าย้ำว่า กลุ่มอาสากู้ภัย เป็นหนึ่งในกลุ่มมีความพร้อมมากที่สุด ที่จะช่วยรัฐบาล แก้ปัญหาการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทุกจังหวัด ทุกเขต รวมแล้วกว่าสองแสนคน พร้อมด้วยรถอีกกว่าหลายพันคัน ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเคลื่อนย้ายคนเจ็บคนป่วยอยู่แล้วด้วย หากคนกลุ่มนี้ได้รับชุดป้องกันรวมถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง เชื่อว่าการขนย้ายผู้ป่วยเข้าสู่การรักษาจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และไม่เกิดกรณีต้องรออยู่ที่บ้านจนอาการทรุดหนักตามที่ปรากฏเป็นข่าว

"หากดูจากสถิติผู้ติดเชื้อที่นับวันยิ่งพุ่งสูงแบบก้าวกระโดด จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐต้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หากยังปล่อยให้ผู้ติดเชื้อเดินทางด้วยรถสาธารณะ จะยิ่งเร่งอัตราการแพร่เชื้อให้ลุกลามมากขึ้นไปอีก และทำให้มาตราการอื่น ๆ ที่รัฐบาลวางไว้ไม่บรรลุผลไปด้วย ลองนึกภาพแท็กซี่รับผู้ติดเชื้อหนึ่งรายไปส่งโรงพยาบาล และหากแท็กซี่คันดังกล่าวติดเชื้อ แล้วไปรับผู้โดยสารอีกยี่สิบราย เราคงไม่มีทางควบคุมการระบาดได้ในเร็ว ๆ นี้แน่นอน" นายธันวากล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘บิ๊กตู่’ ยกระดับการกระจายวัคซีนเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนสูงสุด บูรณาการทำงานระหว่างรัฐ-เอกชน ตั้งเป้าฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 วันละ 3 แสนโดส หวังคนไทยได้ฉีดวัคซีน 50 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้

เมื่อเวลา 12.45 น.วันที่ 26 เม.ย. พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโพสต์ข้อความบน Facebook ส่วนตัวถึงการยกระดับการกระจายวัคซีน ว่า

“เช้าวันนี้ ผมได้หารือทีมที่ปรึกษา เรื่องยกระดับการกระจายวัคซีนเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนสูงสุด เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายดังนี้ครับ

1.) ผลักดันให้มีการจัดหาวัคซีนให้ได้เพิ่มมากขึ้นในทุกวิถีทาง โดยมีเป้าหมาย 10-15 ล้านโดสต่อเดือน จากวัคซีนที่มีความหลากหลายในปัจจุบัน

2.) ปรับโครงสร้าง มีการจัดกลุ่ม แบ่งงาน ผสมผสานการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนให้ชัดเจน โดยต้องให้มีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง ผลักดันแนวหน้าในการฉีดวัคซีนให้เป็นเชิงรุก เพื่อแบ่งเบาภาระจากโรงพยาบาลและสาธารณสุข

3.) จัดให้มีศูนย์ฉีดวัคซีนทางเลือก โดยใช้สถานที่ที่เหมาะสม เช่น ศูนย์ประชุมฯ ศูนย์กีฬา โรงแรม เพื่อลดภารกิจของโรงพยาบาลหลัก และสาธารณสุข ที่ต้องรองรับ ดูแลผู้ป่วยเป็นหลัก โดยศูนย์ฉีดวัคซีนฯ จะดึงการมีส่วนร่วมในการฉีดวัคซีนทางเลือกในกลุ่มที่มีศักยภาพเพิ่มเติมจากของภาครัฐ

4.) ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการฉีดให้ได้ 300,000 โดสต่อวัน หรือมากกว่า และเป้าหมายฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้หรือเร็วกว่า

นอกจากนี้ ผมยังได้สั่งการให้มีการปรับปรุงการคัดกรอง และระบบการเข้ารับการรักษาพยาบาลให้มีช่องทาง และการขนส่งเคลื่อนย้าย ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ก.แรงงาน ลั่น! ไม่หวั่นโควิด-19 ประกาศคัดสุดยอดฝีมือเทรนด้านสินค้าอันตรายและการขนส่งข้ามแดนรองรับธุรกิจระหว่างประเทศในอนาคต

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ กระทรวงแรงงานโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานยังคงเดินหน้าพัฒนายกระดับทักษะฝีมือกำลังแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันและด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดกพร. ได้ใช้แนวทางประชารัฐของรัฐบาลร่วมมือกับคณะโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา และสมาคมผู้ประกอบธุรกิจอันตราย (HASLA)       

จัดฝึกอบรมหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์สินค้าอันตรายเพื่อการขนส่งข้ามแดนในเขตอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CLMVT) ภายใต้โครงการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์รองรับธุรกิจขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาบุคลากรในสาขานี้ให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ รองรับการเติบโต ทั้งด้านการค้าการลงทุน และธุรกิจระหว่างประเทศในอนาคต

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติภายใต้หัวข้อเกี่ยวกับสมาร์ตเทคโนโลยีเพื่องานขนส่งสินค้าอันตราย อุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับป้องกันอันตรายในสถานการณ์ฉุกเฉิน การจัดทำและการรายงานข้อมูลอุบัติเหตุ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขนถ่ายการจัดวางการบรรทุก ข้อกฎหมายเกี่ยวกับงานขนส่ง การจัดเก็บวัตถุอันตราย และการขนส่งข้ามแดน การจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินและการซ้อมแผนฉุกเฉิน (Emergency Drill) การศึกษาการทำงานภาคปฏิบัติจริง การวัดและประเมินผล ใช้ระยะเวลาการฝึกอบรม 240 ชั่วโมง เน้นกลุ่มเป้าหมายจบป.ตรีหรือกำลังจะจบการศึกษาระดับป.ตรี ผู้ผ่าน การฝึกอบรมจะได้รับโอกาสเข้าทำงานกับบริษัทในเครือสมาคมผู้ประกอบธุรกิจอันตรายในตำแหน่งผู้ควบคุมระบบ GPS ผู้ควบคุมและบริหารการขนส่ง นักวางแผนงานขนส่ง เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย ผู้ควบคุมคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง เป็นต้น

“ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเปิดรับสมัครจนถึงวันที่ 28 เมษายน 2564 รับจำนวนจำกัดเพียง 50 คน ปัจจุบันมีนักศึกษาและประชาชนให้ความสนใจสมัครเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงต้องมีการสอบคัดเลือกผ่านระบบออนไลน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย มีอายุไม่เกิน 28 ปี เป็นผู้ว่างงาน ย้ำต้องจบป.ตรีหรือกำลังจะจบการศึกษาระดับป.ตรี สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ www.hasla.or.th หรือโทรสอบถามที่ 089-788-2134” อธิบดีกพร. กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top