Sunday, 8 June 2025
NewsFeed

เผย "อนุทิน" ไม่นิ่งนอนใจ ปม 3 อาม่าติดโควิด ก่อนเสียชีวิต 1 ราย ย้ำ! เข้าใจคนทำงาน แต่ก็ไม่อยากเห็นการสูญเสีย สั่งกรมการแพทย์ประสานกับกทม. บูรณาการแก้ไขปัญหาโดยด่วน

กรณีที่มีการปล่อยให้หญิงชรา 3 คน ซึ่งติดโควิด 19 ใช้ชีวิตตามลำพัง และล่าสุดได้เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย ก่อนจะมีการนำอีก 2 รายเข้ารับการรักษา จนเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ ของสังคม  ล่าสุด 23 เมษายน 2564 นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) กล่าวว่า นายอนุทิน คณะผู้บริหาร และบุคลากรในกระทรวงทุกคนรู้สึกเสียใจ เวลาทราบข่าว ทุกคนผิดหวัง เพราะมั่นใจว่า ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว และมองว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเรายึดนโยบายเดียวกันว่า จะต้องรักษาผู้ป่วยให้ปลอดภัย เมื่อมีเคสเข้ามา จะทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่การระบาดรอบนี้ สถานการณ์รุนแรงกว่าทุกครั้ง พบผู้ติดเชื่อในจำนวนที่สูงขึ้น เนื่องจากเชื้อ เป็นคนละสายพันธุ์จากที่คนไทยเคยเจอ 

ขณะนี้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือ สิ่งที่สำคัญมาก ทางกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เพิ่มช่องทางการประสานทั้งขอคำปรึกษา และรับตัวผู้ป่วย ในส่วนของการรับตัวผู้ป่วยนั้น ทุกหน่วยงานพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้เข้าถึงตัวผู้ป่วยอย่างเร็วที่สุด แต่หลายครั้ง ก็ติดปัญหา อุปสรรค ก็ต้องแก้ไขกันต่อไป กรณีที่ผู้สูงอายุ ต้องอยู่โดยลำพังทั้งที่ติดโควิด 19 ถือเป็นบทเรียนการทำงานให้กับทุกคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ซึ่งท่านอนุทิน รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ท่านไม่ได้โทษคนทำงาน เพราะทราบว่าทุกคน ทุกฝ่าย ทำงานกันอย่างสุดความสามารถ และนี่ไม่ใช่เวลาจะมาชี้นิ้วโทษใคร ท่านย้ำเรื่องนี้อยู่เสมอว่าไม่ต้องหาคนผิด แต่ขอให้ช่วยกันทำงาน และขอให้ทุกคนช่วยเข้าไปหาทางปรับปรุงการให้บริการให้ดีขึ้น  

ส่วนที่มีการแชร์ภาพว่าสายด่วน 1668 ขาดแคลนเรื่องเครื่องมือในการทำงาน มีเพียงเจ้าหน้าที่ กับโทรศัพท์ ใช้ระบบจดด้วยมือแทนคีย์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์โดยตรง ขอเรียนชี้แจงว่า รูปแบบการทำงานนั้น จะให้เจ้าหน้าที่จดข้อมูล เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วน จึงจะไปประมวล และบันทึกในคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ปกติ จะทำงานกันตั้งแต่เวลา 8.00 – 22.00 น. แต่ปัจจุบันนี้ ทำงานกันจนถึงตีหนึ่ง ก็ไม่ได้หยุด เจ้าหน้าที่ทุ่มเทเสียสละอย่างยิ่ง 

นายอนุทิน และผู้บริหาร ได้เดินหน้าเพื่อแก้ไขปัญหา เรื่องการประสานงานแล้ว เป็นทีมประเทศไทย มุ่งหวังให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด สายด่วน1668 เป็นสายด่วนเฉพาะกิจ บูรณาการหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยในเรื่องของการดูแลแก้ไข เรื่องการสื่อสารกับประชาชนในสถานการณ์โควิด 19 โดยเฉพาะ แบ่งเป็น 1. ทีมรับสาย Hotline 1668 จากผู้ป่วยโควิด-19 สอบถามข้อมูลรายละเอียดของผู้ป่วย 2. ทีมข้อมูล มีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลจากทีมงานสายด่วนและทีมประสานงาน วิเคราะห์ข้อมูล จัดทำฐานข้อมูล สรุปข้อมูลรายวัน 3. ทีมแพทย์ มีทีมแพทย์ประเมินอาการระดับความรุนแรงของผู้ป่วย ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ ตามความรุนแรงของโรค และ 4. ทีมตอบสนองและประสานงาน มีหน้าที่ประสานขอเตียงจากโรงพยาบาลเป้าหมาย รวมทั้งโทร.เยี่ยมติดตามอาการของผู้ป่วย ซึ่งแต่ละสายใช้เวลาในการพูดคุย จนกว่าจะเข้าใจตรงกัน ทางเจ้าหน้าที่จะไม่ถามคำ ตอบคำ แต่จะให้ความสำคัญกับทุกสายที่โทรเข้ามา โดยแต่ละวันมีประชาชนโทรเข้ามา 200 - 300 สาย จนทำให้คู่สายล้น ได้จัดให้มีการส่งต่อข้อมูล 

ขณะที่ ในส่วนของการรักษา ได้ปรับมาตรการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์จาก 5 แสนเม็ด เป็น 2 ล้านเม็ด พร้อมปรับเกณฑ์ การใช้ยาให้เร็วขึ้น ทุกคนใน กระทรวงสาธารณสุข ทำสุดความสามารถในการแก้ไขวิกฤติ สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ต้องขอความร่วมแรงร่วมใจจากพี่น้องประชาชนคนไทย ขอให้ตั้งการ์ดให้สูงที่สุดใส่ หน้ากาก หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง ลดการเดินทาง ทุกคนสามารถช่วยประเทศไทยได้

รมว.สุชาติ คอนเฟอเรนซ์ หารือร่วม รองผู้ว่าฯ ระนอง ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประชุมทางไกลผ่านระบบ (Video Conference) ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เร่งเดินหน้านโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน แก้ปัญหาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน บูรณาการทุกภาคส่วน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำสอดคล้องบริบทในพื้นที่ 

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 เวลา 14.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับจังหวัดระนอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง มอบหมายให้ นายสมจิตร์ เขียนด้วง รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดระนองเพื่อหารือการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และแนวทางในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทย โดยมอบนโยบายให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ โดยเริ่มจากปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วทันเหตุการณ์ ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด 

จำนวน 3 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี และระนอง

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในวันนี้จึงถือโอกาสเป็นตัวแทนของรัฐบาล ร่วมรับฟังสภาพปัญหากับคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาในเชิงพื้นที่ (Area Based) อย่างครอบคลุม และครบทุกมิติ สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป

“สำหรับประเด็นด้านแรงงาน จังหวัดระนองมีผู้ใช้แรงงานอยู่ประมาณ 130,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคเกษตร มีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานในจังหวัดระนอง ประมาณ 31,000 คน และกลุ่มที่เดินทางเข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาล ประมาณ 6,000 คน ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ต้องปิดด่านและห้ามแรงงานต่างด้าวเคลื่อนย้ายแรงงานเข้า-ออกพื้นที่ โดยกระทรวงแรงงาน พร้อมให้ความช่วยเหลือ ดูแล และร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ ของจังหวัดระนองต่อไป” รมว.แรงงาน กล่าวในตอนท้าย

‘หมอเหรียญทอง’ โพสต์ระดมทหารนอกราชการ เหล่าแพทย์ ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในเครือข่าย รพ.สนามทหารบก

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2564 นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา โดยระบุว่า ประกาศระดมทหารนอกราชการ เหล่าแพทย์ ไม่จำกัดอายุ-เพศ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในเครือข่าย รพ.สนามทหารบก จำแนกความชำนาญการทางทหาร(ชกท) ดังนี้

1.) แพทย์ ไม่กำหนดความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา

2.) พยาบาลวิชาชีพ ไม่กำหนดความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา

3.) นายทหารพยาบาล

4.) นายทหารรังสีเทคนิค

5.) นายสิบพยาบาล

ติดต่อ โทร.02-574-5000 ต่อ แผนกบุคคล (รุ่ง ศรีสุก)

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา

ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ

(อดีตผู้อำนวยการกองกำลังพล-นายทหารยุทธการ และผู้บังคับกองพัน กรมแพทย์ทหารบก)

23 เม.ย.64 เวลา 10.27 น.


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

รมว.สาธารณสุข เผย ชี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงอยู่ในเกณฑ์ที่ประเมินไว้ ยันทุกฝ่ายทำงานเต็มที่แล้ว คาดอีก 2 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายใหม่ที่พุ่งกว่า 2,000 ราย ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาจะอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดบังข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขบางพื้นที่รายงานเข้ามายังไม่ครบ ซึ่งบางพื้นที่ยังมีปัญหาเรื่องการส่งข้อมูลเข้ามายังกระทรวงสาธารณสุขทำให้ตัวเลขสะสมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

นายอนุทิน ย้ำว่า สถานการณ์การแพร่เชื้อในประเทศขณะนี้ยังสามารถควบคุมได้ เนื่องจากยังเป็นไปตามมาตรการแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะสูงขึ้น แต่ตัวเลขเฉลี่ยยังอยู่ในเกณฑ์ที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าจากนี้ไป 2 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง

สำหรับคลัสเตอร์สถานบันเทิงพยายามจะควบคุมให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากการรวมกลุ่มลดลงตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งตัวเลขในวันนี้ก็เป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มาตั้งแต่สงกรานต์และเมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาภายใน 2 สัปดาห์อาการน่าจะดีขึ้น และหากไม่มีกลุ่มก้อนใหม่เพิ่มขึ้นมาเชื่อว่า สถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนกรณีมีข่าวไฮโซเป็นต้นตอแพร่เชื้อโควิดคลัสเตอร์ทองหล่อนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีหน้าที่คอยรักษา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนงานป้องกันสาธารณสุขได้แจ้งข้อปฏิบัติไปหมดแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร

ส่วนเรื่องวัคซีนที่จะให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นความหวังในการรักษานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า จะเข้ามาตามกำหนดการ ซึ่งจะส่งมอบได้ในเดือนกรกฎาคมทุกอย่างต้องไปเป็นไปตามขั้นตอนความปลอดภัย และผู้ที่ติดเชื้อที่รักษาหายแล้วจำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนอีกหรือไม่นั้น ต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีมีผู้สูงอายุ 3 รายพักรวมกันแล้วป่วยติดเชื้อโควิด-19 แต่รอรถมารับไปส่งโรงพยาบาลนานกว่า 6 ชั่วโมงทำให้มีผู้เสียชีวิตว่า อยู่ระหว่างให้กรมการแพทย์ประสานติดตามข้อมูลข้อเท็จจริงจาก กทม.ว่าจะต้องปรับปรุงระบบอย่างไรให้สามารถแยกแยะผู้ป่วยที่มีความฉุกเฉินก่อน ซึ่งจะต้องแยกแยะให้ได้ โดยยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งมีการประสานกันอยู่แล้วในเรื่องเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เช่นนี้ทุกคนก็เสียใจ และก็พยายามจะแก้ไข

สำหรับกรณีพบอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้รอฟังผลสรุปจากทางวิชาการ ส่วนตัวไม่ใช่นักวิชาการจึงไม่ขอวิเคราะห์ในเรื่องนี้ ถ้ายังมีสัญญาณว่าให้ฉีดต่อไปได้ก็ยังคงเดินหน้าในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไป ขอให้มีความมั่นใจเนื่องจากคณะแพทย์ที่พิจารณามีความเชี่ยวชาญโดยตรง และเป็นระดับอาจารย์หมอที่ได้ศึกษาเรื่องนี้

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/80533


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ในเมียนมา ย้ำ! เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงภายในและชายแดน พร้อมสั่งทุกเหล่าทัพให้ความสำคัญกับภารกิจหลัก ในการป้องกันและรักษาความมั่นคงภายใน โดยให้ปรับปรุงแผนป้องกันประเทศให้ทันสมัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่าง ๆ ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประชุม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะในเมียนมา และเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงภายในและการสู้รบในพื้นที่ชายแดนที่มีขึ้น โดยให้กองกำลังป้องกันชายแดนของทุกเหล่าทัพ ประสานการทำงานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดกวดขัน การรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนในทุกช่องทาง

โดยย้ำการแสดงท่าทีต่อสถานการณ์ในเวทีระหว่างประเทศ ให้ยึดกรอบของกระทรวงการ ต่างประเทศและแนวทางของอาเซียนเป็นหลัก พร้อมทั้งให้เตรียมความพร้อมในการอพยพคนไทยออกจากเมียนมา กรณีที่สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น รวมทั้งเตรียมการรองรับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาตามแนวชายแดน ตามแนวทางที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กำหนด โดยยึดหลักมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคเคร่งครัด

นอกจากนี้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯและรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่กองทัพเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในหลายภารกิจ ขณะเดียวกัน ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และทุกเหล่าทัพ ยังคงให้ความสำคัญกับภารกิจหลัก ในการป้องกันประเทศและการรักษาความมั่นคงภายใน โดยให้ปรับปรุงแผนป้องกันประเทศให้ทันสมัย และยังคงต้องเตรียมกำลังให้พร้อม โดยเฉพาะการฝึกในระดับต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมใช้กำลังตอบสนองในทุกภารกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ต้องมีแผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อม

“ให้ดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนรัฐบาล ในการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายที่ยังเป็นปัญหาสำคัญของชาติ โดยให้น้ำหนักกับการควบคุมโรคและการช่วยเหลือประชาชนฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปด้วยกัน” พล.ท.คงชีพกล่าว 

“ประยุทธ” สั่งเหล่าทัพ เร่งปฏิรูปกองทัพ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและอนาคต 

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่าง ๆ ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประขุม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯ และรมว.กลาโหม กำชับให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ติดตามเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพ ให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนสภาพแวดล้อมภัยคุกคามด้านความมั่นคง

ทั้งนี้ ให้แสวงความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอก กห.และต่างประเทศ นำสู่การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสองทางมากขึ้น คือ ทั้งด้านความมั่นคงและการประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะให้นำเทคโนโลยี มาปรับใช้กับระบบบริหารจัดการให้มากขึ้น ควบคู่กับเร่งพัฒนาบุคลากรด้านทักษะด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ด้านความมั่นคงและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการของกองทัพในอนาคต และรองรับการปรับลดกำลังพลและโครงสร้างกองทัพที่มีขนาดเหมาะสมและคล่องตัว กับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ

นอกจากนี้พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯและรมว.กลาโหมนรม. กล่าวถึงปัญหาโรคระบาดจากโควิด-19 ปัจจุบัน ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่กองทัพต้องนำศักยภาพและความพร้อมที่มีอยู่ เข้าไปช่วยสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขและทุกส่วนราชการ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้ประชาชนมีความปลอดภัยและใช้ชีวิตตามมาตรการควบคุมที่กำหนดในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินปัจจุบัน การระดมพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมีความสำคัญยิ่ง เพื่อขับเคลื่อนแก้ปัญหาในทุกมิติไปพร้อมกันตามความเร่งด่วน มีความสำคัญยิ่ง

นรม.และรมว.กห. ิแสดงความขอบคุณการทำงานของทุกเหล่าทัพและตำรวจที่ผ่านมา ทั้งการสนับสนุน ศบค.ดูแลความมั่นคงโดย ศปม.ต่อเนื่องที่ผ่านมา พร้อมกำชับให้ดำรงความต่อเนื่องสนับสนุนดูแลประชาชน ในด้านต่าง ๆ อาทิ การคัดกรองคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ผ่านสถานกักควบคุมโรคแห่งรัฐ, การเตรียมการรองรับคนไทยจำนวนมาก ที่ทยอยเดินทางกลับจากมาเลเซีย, การเตรียมอพยพคนไทยเดินทางกลับจากเมียนมา หากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น, การสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ รองรับจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อจำนวนมาก

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า การขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลทหาร ให้รองรับผู้ป่วยระดับแดงและเหลือง, การสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ทำหน้าที่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข, การบริหารจัดการรถ เพื่อรับและส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา, การช่วยกวดขันมาตรการควบคุมตามที่รัฐกำหนด ในกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยง และการบริหารจัดการวัคซีน ให้กับกำลังทหารและตำรวจ ที่ต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งการบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาด ที่ยังอยู่ในสภาวะขาดแคลนในปัจจุบัน

“บิ๊กตู่” ถกสภากลาโหมเห็นชอบขยายแผนแม่บทพัฒนากำลังพลสำรองกลาโหม ปี60-65 แต่งตั้งกก. จัดทำร่างปี 66-70  ต่อ หวังสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ หนุนแก้ปัญหาภัยคุกคามประเทศ เร่งปฏิรูปกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีให้มีความทันสมัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่างๆในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประขุม  พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าว่า ที่ประชุมสภากลาโหมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบเรื่องแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2565 โดยเห็นชอบขยายระยะเวลาของแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2564 ออกไปอีก 1 ปี ( พ.ศ.2565) และแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหมในระยะเวลาต่อไป พ.ศ.2566-2570 เพื่อให้สอดคล้องกับห้วงเวลาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยแผนแม่บทฉบับดังกล่าวกำหนดเป็นแนวทางการบริหารและพัฒนากิจการกำลังสำรองของชาติ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ ตามแนวคิดทางยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม ทั้ง 3 ด้าน คือ การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง การผนึกกำลังป้องกันประเทศ และการป้องกันเชิงรุก 

พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องการเร่งปฏิรูปกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กำชับให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ติดตามเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนสภาพแวดล้อมภัยคุกคามด้านความมั่นคง ทั้งนี้ให้แสวงความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอกกระทรวงกลาโหมและต่างประเทศนำสู่การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสองทางมากขึ้น คือทั้งด้านความมั่นคงและการประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะให้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับระบบบริหารจัดการให้มากขึ้นควบคู่กับเร่งพัฒนาบุคลากรด้านทักษะด้านดิจิทัลเพื่อรองรับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ด้านความมั่นคงและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการของกองทัพในอนาคต และรองรับการปรับลดกำลังพลและโครงสร้างกองทัพที่มีขนาดเหมาะสมและคล่องตัวกับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ 

ดีอีเอสจับมือเครือข่ายมือถือติดฟรีไวไฟรพ.สนาม

“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส เปิดกว้างเอกชนผู้ให้บริการมือถือ/อินเทอร์เน็ต รวมพลังสนับสนุน Wifi ให้กับ รพ.สนามทั่วไทยสู้โควิด หนุนภารกิจช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยเข้าถึงการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมได้มากที่สุด

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวงดิจิทัลฯ ในการนำทรัพยากรด้านเทคโนโลยีและบุคลากร เข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และบุคลากรแนวหน้ารับมือโควิด-19 ล่าสุดนอกเหนือจากได้สั่งการ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ลงพื้นที่ติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตไวไฟ ไอพีโฟน และซีซีทีวี ให้โรงพยาบาลสนามทั่วไทยแล้ว ยังประสานงานกับโอเปอเรเตอร์ภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนด้วย เพื่อให้สามารถช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยใน รพ.สนาม เข้าถึงการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมได้มากที่สุด

ทั้งนี้ มีภาคเอกชนทยอยขานรับให้ความร่วมมือเข้ามาช่วยสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ล่าสุดนายชารัด เมห์โรทา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ดีแทค) ได้เดินทางเข้าพบเพื่อปรึกษาแผนงานรองรับสถานการณ์โควิด-19 ร่วมกัน และสาธิตการใช้งานของ Fixed Wireless Broadband ที่จะนำไปใช้งานที่โรงพยาบาลสนาม สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องในการรักษาและควบคุมโรคระบาดโควิด-19 รวมถึงรองรับการใช้งานของผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงการปรับโครงข่ายมือถือเพื่อรองรับการใช้งานจำนวนมากในทุกโรงพยาบาลสนามอีกด้วย

โดยวันนี้ (23 เม.ย. 64) ได้มีตัวแทนจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) คือ พญ.สุภาพร กรลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ และนายแพทย์ภัทรวินฑ์ อัตตะสาระ รองผู้อำนวยการสำนักนิเทศระบบการแพทย์ เดินทางมารับมอบอุปกรณ์ 100 ชุด เพื่อนำไปติดตั้งบริการฟรี-ไวไฟ ให้กับโรงพยาบาลสนามตามที่มีการแจ้งความประสงค์เข้ามา

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพสแตนบายรถพยาบาลทหารขนย้ายผู้ป่วย กทม.- ปริมณฑล รวม 47 คัน พร้อมสั่งโรงพยาบาลทหารขยายความสามารถรับผู้ป่วยระดับ 1 และระดับ 2 หลังศบค. กังวลเพียงไอซียูเหลือน้อย

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการจัดเตรียมรถทหารเพื่อสนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ว่า กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมรถพยาบาลทหารไว้ จำนวน 26 คัน โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานครในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพื่อนำส่งโรงพยาบาลสนาม นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมรถพยาบาลทหารเพิ่มเติมพร้อมปฏิบัติการอีก จำนวน 21 คัน รวมทั้งหมด 47 คัน ในส่วนที่ศบค.มีข้อกังวลเหลือห้องไอซียูที่เหลือเตียงเพียง 69 เตียงนั้น วันนี้พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้สั่งการในที่ประชุมสภากลาโหมให้โรงพยาบาลทหารขยายความสามารถรับผู้ป่วยให้ได้มากขึ้น เพื่อรับผู้ป่วยในระดับ 1 และ ระดับ 2 ที่แสดงอาการในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ศาลให้ประกันตัว ‘สมยศ-ไผ่ ดาวดิน’ แล้ว หลังรับเงื่อนไข หยุดพาดพิงสถาบันกษัตริย์ และห้ามออกนอกราชอาณาจักร

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 เม.ย. 64 ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน จำเลยที่ 7 สองแกนนำกลุ่มราษฎร คดีหมายเลขดำอ.287/64 ซึ่งยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112 ,116 กรณีร่วมกันชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 และปักหมุดสนามหลวง

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของจำเลย พยาน และคำร้องประกอบการพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุที่จำเลยจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและไม่เชื่อว่าจะหลบหนี อีกทั้งจำเลยยืนยันว่าจะไม่กล่าวพาดพิงหรือก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสอง โดยตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้งสองทำกิจกรรมที่เสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะนำหมายปล่อยตัวจำเลยทั้งสอง ช่วงเย็นวันนี้ (23 เม.ย. 64 ) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป 


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top