Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

ไม่เข็ด!! ‘ตม.ปทุมฯ’ รวบ 3 คนไทย ช่วย ‘ชาวจีน’ ลักลอบเข้าเมือง 1 ใน 3 สารภาพ เพิ่งถูกจับข้อหาเดียวกันเมื่อเดือนที่แล้ว

(6 มี.ค. 66) ตามนโยบายของ ผบ.ตร., ผบช.สตม.และ ผบก.ตม.3 ในการกวาดล้างอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว โดยเฉพาะในความผิดและผู้ช่วยเหลือสนับสนุนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จังหวัดปทุมธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปราม ตม.จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส.และ สภ.คลองหลวง ร่วมตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติจีน 1 ราย พร้อมด้วยคนไทย ซึ่งให้การช่วยเหลือให้คนต่างด้าวดังกล่าว ซึ่งเข้าเมืองมาผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกจับรับว่า ได้เดินทางมาจากพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อนำคนต่างด้าวไปส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับค่าจ้าง 20,000 บาท โดยใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์เป็นยานพาหนะ และรถยนต์เก๋งเป็นรถนำทาง ซึ่งมีการให้สัญญานระหว่างรถทั้งสองคันตลอดการเดินทาง เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับแจ้งพฤติการณ์ต้องสงสัยรถคันดังกล่าว จึงได้ติดตามอย่างกระชั้นชิด และเข้าตรวจค้นยานพาหนะทั้งสองคัน พบการกระทำความผิด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ช่วยด้วยใจ!! เปิดใจ ‘ไรเดอร์’ ทิ้ง จยย. ช่วยเด็ก 4 ขวบวิ่งข้ามถนน เผย ดีใจที่ช่วยเด็กไว้ได้ทัน ไม่ขอรับสิ่งตอบแทนใดๆ

(6 มี.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ม๋อง ม๋อง’ ได้โพสต์ข้อความว่า…

“เกือบขิตทั้งคู่ ถนนสาวประชาราษฎร์ ลำลูกกาคลอง 4”

พร้อมกันนี้ ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะขับรถจักรยานยนต์ จากนั้น มีเด็กวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งจนเจ้าตัวได้ทิ้งรถจักรยานยนต์แล้ววิ่งเข้าไปคว้าเด็กวัย 4 ขวบ ได้ทัน

หลังจากที่โพสต์ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบริเวณ ถนนไสวประชาราษฎร์ ลำลูกกา คลอง 4 ตรงข้ามโรงเรียนแย้มสะอาด ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยคลิปหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ และได้พบหนุ่มไรเดอร์ ภายหลังทราบชื่อว่า นายพีรพงศ์ ชุมพลวดี อายุ 32 ปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่รับอาหารเสร็จเพื่อที่จะไปส่งให้ลูกค้า ขณะกำลังจะขับรถกลับไปยังอีกฝั่ง ได้หยุดจอดรถอยู่หน้าหมู่บ้านจัดสรร ในระหว่างนั้น ได้ยินเสียง รปภ.ตะโกน บอกว่า เด็กวิ่งข้ามถนน ตนเองได้ตัดสินใจทิ้งรถทันที แล้วรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวเด็ก ซึ่งในระหว่างที่วิ่งไปนั้นตัวเองไม่ได้คิดอะไรเลย และได้อุ้มเด็ก แต่ก็โชคดีรถที่วิ่งมาทางตรงนั้นได้เบรกทัน เด็กปลอดภัย ส่วนอาหารที่สั่งนั้นก็ได้รับความเสียหายก็มีกาแฟ 2 แก้ว หกหมดเลย ส่วนรถจักรยานยนต์นั้นก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก รู้สึกดีใจที่น้องปลอดภัย แต่ก็อยากจะเตือนให้ดูแลเด็กที่อยู่ใกล้ริมถนนให้มากขึ้น ฝากให้ผู้ปกครองช่วยดู สวนสินน้ำใจที่ผู้ปกครองมอบให้ก็ไม่รับ เพราะการทำในครั้งนี้ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ 
 

ไทยเนื้อหอม!! 5 อันดับต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด (ม.ค. 66)

1. ญี่ปุ่น 14 ราย (ร้อยละ 27) เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท
2. สิงคโปร์ 6 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 410 ล้านบาท
3. สหรัฐอเมริกา 6 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 9 ล้านบาท
4. สหราชอาณาจักร 5 ราย (ร้อยละ 10) เงินลงทุน 98 ล้านบาท
5. จีน 3 ราย (ร้อยละ 6) เงินลงทุน 548 ล้านบาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตัวเลขการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เดือนมกราคม ปี 2566 ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 52 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 22 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 30 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 298 คน

1. ญี่ปุ่น 14 ราย (ร้อยละ 27) เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท
2. สิงคโปร์ 6 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 410 ล้านบาท
3. สหรัฐอเมริกา 6 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 9 ล้านบาท
4. สหราชอาณาจักร 5 ราย (ร้อยละ 10) เงินลงทุน 98 ล้านบาท
5. จีน 3 ราย (ร้อยละ 6) เงินลงทุน 548 ล้านบาท

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตัวเลขการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เดือนมกราคม ปี 2566 ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 52 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 22 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 30 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 298 คน

ดองนานจนลืม!! ‘แพทย์ชนบท’ ทวง ‘เสี่ยหนู’ ปมโรคนอกสิทธิ์บัตรทอง ชี้ 4 เดือน ไร้ความคืบหน้า วอน รีบแก้ปัญหาก่อนยุบสภาฯ

(6 มี.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

นานแล้วนะ ที่ปัญหาถูกดองไม่ถูกแก้

งบส่งเสริมป้องกันของกลุ่มประชากรที่ไม่ได้ใช้บัตรทอง เช่น กลุ่มสวัสดิการข้าราชการและครอบครัว กลุ่มประกันสังคม กลุ่มครูเอกชน กลุ่มรัฐวิสาหกิจ รวมแล้ว 20 ล้านคน ยังไม่ได้งบลงสู่พื้นที่ สธ. บอกให้โรงพยาบาลให้บริการไปก่อน แต่จริง ๆ ยังมีโรงพยาบาลนอก สธ.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ สธ. สั่งไม่ได้อีกด้วย

นี่ผ่านมากว่า 4 เดือน ไร้ความคืบหน้า ใกล้ยุบสภาฯ เป็นรัฐบาลรักษาการ จะส่งเรื่องให้ ครม.อนุมัติเห็นชอบทันไหม สงสัยจะไม่ทัน เพราะดองลืม ไม่ใส่ใจแก้ปัญหา สนใจแต่เดินสายหาคะแนนเสียง

ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ยาต้านไวรัส วัคซีนพื้นฐาน ฝากท้อง แว่นสายตาผู้สูงอายุ งบกองทุนสุขภาพตำบล มากมายหลายรายการที่หน่วยบริการปวดหัวมาก เดิมให้ทุกคนทุกสิทธิ ตอนนี้ต้องมาอธิบายชาวบ้าน บ่อยครั้งชาวบ้านไม่เข้าใจ ไม่พอใจ เลยต้องบอกชาวบ้านว่า ให้ไปต่อว่าคนคนนั้นที่ดองงบแทน อย่ามาว่าพยาบาล
 

จี๊ดด...ทุกคำ!! เพจ ‘สภ.สงขลา’ สุดแนว!! ยอดฟอลพุ่ง 3 แสน หลังโพสต์แคปชันเด็ด ‘โดนใจ-เข้าถึง’ ปชช.

เพจตำรวจภูธรเมืองสงขลา ฮอตหนัก มีผู้ติดตามแล้ว 3.3 แสนคน โดยข้อความที่โพสต์นั้น แม้จะเป็นการแจ้งเตือนให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ก็แฝงด้วยการใช้คำที่ขำขัน รวมถึงใช้ภาษาถิ่นใต้ ทำให้การเตือนเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องที่สร้างรอยยิ้มด้วย

(6 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ‘ตำรวจภูธรเมืองสงขลา’ กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก มีผู้ติดตามแล้ว 3.3 แสนคน หลังแอดมินเพจ ซึ่งเป็นตำรวจ มีการโพสต์ข้อความที่เป็นการตักเตือนให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย และแจ้งรายงานการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการแจ้งกิจกรรมต่าง ๆ นั้น มีข้อความที่เป็นคำกลอนบ้าง แฝงไปด้วยความขำขัน รอยยิ้มบ้าง ทำให้มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างเร็ว
 

อย่ามาเคลม!! ‘ศุภชัย’ เดือด!! โวย ‘พรรคใหญ่’ ก๊อปนโยบายพักหนี้ ภท. แฉ ขโมยไอเดียไปหาเสียงบนเวที แต่ไม่ยอมเอาขึ้นป้าย

(6 มี.ค. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค พร้อมข้อความ ระบุว่า…

อย่าลักไก่ก๊อปปี้นโยบาย

ตอนนี้ทุกพรรคการเมือง ต่างก็นำเสนอนโยบายหาเสียงแล้ว พรรคภูมิใจไทยเองก็เช่นกัน นโยบายของเรามีความชัดเจน และนำเสนอมานานหลายเดือน มีอะไรบ้าง ให้ไปดูตามป้ายหาเสียง ทั้งพักหนี้ 3 ปี พักต้น ปลอดดอก, ศูนย์ไตเทียมทุกอำเภอ, เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง ต้องมีทุกจังหวัด, นโยบาย กินดี อยู่ดี, ให้สิทธิ์ติดตั้งโซลาร์ รูฟ ลดค่าไฟ – ได้สิทธิ์ผ่อนซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าราคาประหยัด, กรมธรรม์ประกันชีวิตผู้สูงอายุ, นโยบายเกษตรร่ำรวย – เกษตรพันธะสัญญา ฯลฯ ซึ่งเราจริงใจกับประชาชน เราติดป้ายชัดเจน เห็นในทุกพื้นที่ ทุกนโยบายของเรา ผ่านการคิดวิเคราะห์จากทีมวิชาการที่มาจากทั่วทุกพื้นที่ กว่าจะมีหนึ่งนโยบาย ใช้ทั้งความทุ่มเท และความพยายาม เพราะนโยบายของเราต้องทำได้จริง ทำได้เร็ว และต้องไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน ที่สำคัญ ยังต้องสามารถช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยได้
 

‘ทรัมป์’ ชี้ ‘รบ.สหรัฐฯ’ ควรหยุดทุ่มงบให้ ‘สงครามที่ไม่รู้จบ’ ลั่น!! ถ้าชนะเลือกตั้ง จะยุติสงครามยูเครนภายในวันเดียว

(6 มี.ค. 66) อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศกลางที่ประชุมกลุ่มผู้สนับสนุนสายอนุรักษนิยมเมื่อวันเสาร์ (4 มี.ค.) ว่า…

‘สงครามโลกครั้งที่ 3’ จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน หากตนได้เป็นผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในปี 2024 พร้อมคุยว่า สามารถจบสงครามยูเครนได้ ‘ภายในวันเดียว’

ทรัมป์ ในวัย 76 ปี ให้คำมั่นสัญญาว่า เขาและผู้สนับสนุนจะไม่ปล่อยให้พรรครีพับลิกันถูกครอบงำโดย ‘พวกบ้าคลั่งและโง่เง่า’ ที่พาสหรัฐฯ เข้าไปพัวพันกับ ‘สงครามที่ไม่รู้จบในต่างประเทศ’

อดีตผู้นำสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า วอชิงตันควรหยุดทุ่มงบประมาณนับพัน ๆ ล้านดอลลาร์ เพื่อปกป้องยูเครนได้แล้ว และหากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีก็จะทำให้สงครามยูเครน ‘จบลงภายในวันเดียว’ และจะเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ‘จ่ายต้นทุนของสงคราม’ ให้มากขึ้นด้วย

“คุณไม่สามารถทุ่มเงินเป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์ เพื่อปกป้องกลุ่มคนที่ก็ไม่ได้ชื่นชอบเราสักเท่าไหร่ และถ้าเป็นในทางธุรกิจ ถ้าคุณยอมจ่ายมากขนาดนั้น คุณต้องบอกพวกเขาเลยว่า ถ้าชนะ ประเทศคุณครึ่งหนึ่งต้องเป็นของเรา”

กระทรวง อว. ปลดล็อกอีก 2 หลักสูตรแซนด์บ็อก พร้อมผลิต วิศวกรคอมพิวเตอร์ & บุคลากรธุรกิจการบิน ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ

เมื่อปี 2565 เราได้รับข่าวดีคณะทำงานในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง ด้านการส่งเสริมนวัตกรรมการอุดมศึกษา ได้อนุมัติ 4 หลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ ตอบสนองการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา (Higher Education Sandbox) ซึ่งก้าวข้ามขีดจำกัดของการจัดการศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานเดิม เพื่อจัดการศึกษารูปแบบใหม่ สร้างนวัตกรรมการอุดมศึกษา มุ่งเน้นผลิตคนให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคการผลิต (Demand Driven) และเท่าทันความต้องการของประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ โดยทั้ง 4 หลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ นั้น คือ

1.) หลักสูตรการผลิตและพัฒนากำลังคนสาขาฉุกเฉินการแพทย์
นำโดยวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยอีก 6 แห่ง และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สถาบันพระบรมราชชนก ตั้งเป้าผลิตกำลังคนสาขาฉุกเฉินการแพทย์ ระดับผู้ประกอบโรคศิลปะ จำนวน 15,000 คน ภายใน 10 ปี

2.) หลักสูตรการผลิตบุคลากร High-tech Entrepreneur
นำโดย International School of Management (ISM) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับ Harbour.Space University ประเทศสเปน หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (Thaichamber) และบริษัทต่างๆ ตั้งเป้าผลิตกำลังคนที่มีความรู้ขั้นแนวหน้า (frontier knowledge) ด้านเทคโนโลยี จำนวน 400 คน ภายใน 7 ปี

3.) หลักสูตรการผลิตบุคลากรด้านวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัล
นำโดยมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยอีก 6 แห่ง ตั้งเป้าผลิตบุคลากรด้านวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัล 1,880 คน ภายใน 8 ปี

4.) หลักสูตรการผลิตกําลังคนศักยภาพสูงที่มีความรู้เชิงลึกด้านวิทยาศาสตร์และแนวคิดเชิงนวัตกรรม
นำโดยวิทยสถานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ธัชวิทย์) สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และสถาบันอุดมศึกษา ตั้งเป้าผลิตกําลังคนทักษะสูงที่มีความรู้เชิงลึกด้านวิทยาศาสตร์ และแนวคิดเชิงนวัตกรรม 175 คน ภายใน 9 ปี โดยรวมแล้วจะสร้างบุคลากรที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศในด้านต่างๆ ได้ทั้งสิ้นกว่า 17,455 คน

จนกระทั่ง ล่าสุดในปี 2566 นี้ กระทรวง อว.ปลดล็อกอีก 2 หลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่

5.) หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล โดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งเป้าผลิตกำลังคนในกลุ่มวิศวกรคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล 1,200 คน

6.) หลักสูตรการจัดการบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการบินนานาชาติ โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออก เพิ่มการผลิตกำลังคนในกลุ่มพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

‘ลิซ่า BLACKPINK’ งานเข้า ชาวเน็ตแห่จับผิดภาพรอยสัก ชี้ เป็นผู้หญิง ไม่ควรสัก ด้านชาวบลิ๊งค์โต้กลับดุเดือด!!

(6 มี.ค. 66) ดรามามาเต็ม ชาวเน็ตแห่จับผิด ภาพรอยสัก ‘ลิซ่า BLACKPINK’ วิจารณ์เดือด มันไม่ดี อยู่ ๆ ก็เกิดดรามา งานเข้าแบบไม่ทันตั้งตัว สำหรับศิลปินระดับโลก ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือ ‘ลลิษา มโนบาล’ ที่มีผลงานระดับโลกและเป็นที่ภาคภูมิใจคนพี่น้องคนไทย

เพราะล่าสุด ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ได้ไปถ่ายแบบแฟชั่นชั้นนำ Harper’s BAZAAR จนมีเสียงฮือฮาตามมา เพราะรูปที่ปล่อยออกมาเหมือนว่า จะมีรอยสักอยู่ด้านหลังของลิซ่า ทำให้มีชาวเน็ตบางคนถึงกับไม่เห็นด้วยกับที่ลิซ่าสักบนเรือนร่าง

โดยระบุว่า ‘ผิวเนียน ๆ สวย ๆ สักทำไม คนไทยถือว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี ไปสักอะ เตือนเพราะหวังดี สักไปทำงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ ผู้ใหญ่เห็นก็ไม่ชอบ โดยเฉพาะพวกข้าราชการ เป็นไอดอลน่ารักให้เด็ก ๆ ทุกเพศ ทุกวัย ก็ดีอยู่เเล้ว ภาพลักษณ์ภายนอกมีผล

‘ตระกูลรัตนพันธ์’ โดน ‘SC’ จี้ หลังให้ข้อมูลสื่อตีแผ่ข้อมูล พร้อมขู่!! ‘Top News’ หยุดนำเสนอข่าว-ลบข้อมูลทิ้ง

ครอบครัวรัตนพันธ์ ทำหนังสือถึงทีวีดาวเทียมช่องหนึ่ง เผื่อแผ่สื่อมวลชนทุกสำนัก กรณีแถลงข่าวแล้วเอสซี แอสเสท คู่กรณียื่นโนติสทีวีดาวเทียม หยุดนำเสนอข่าวและลบข่าวออกจากระบบ ขณะที่ก่อนหน้านี้เอสซีฯ แจงคดีอยู่ในศาล เคยแจ้งตลาดหลักทรัพย์แล้ว

(7 มี.ค. 66) จากกรณีที่ กลุ่มครอบครัวรัตนพันธ์ ได้เปิดแถลงข่าวที่ห้องกมลพร โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ระบุว่า ถูกบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย เนื้อที่กว่า 34 ไร่ บริเวณถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ครอบครัวรัตนพันธ์ ต้องสูญเสียบ้านและที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดตกไปเป็นของนายทุนเงินกู้ ครอบครัวรัตนพันธ์ต่อสู้คดีกันด้วยตนเอง มายาวนานกว่า 3 ปี ซึ่งศาลได้มีคำสั่งรับฟ้องแย้งของครอบครัวรัตนพันธ์จำนวน 1,503 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา

ต่อมานายสมบูรณ์ คุปติมนัส เลขานุการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือถึงบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News (หรือสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท็อปนิวส์) ลงวันที่ 3 มี.ค. ขอให้ยุติเสนอข่าว อ้างว่าข้อมูลทั้งหมดที่กลุ่มครอบครัวรัตนพันธ์แถลงเป็นความเท็จ ข้อเท็จจริงทั้งหมดอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งบริษัทฯ ได้เป็นโจทก์ฟ้องดำเนินคดีกลุ่มบุคคลนี้ ในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ขณะนี้ อยู่ในกระบวน การพิจารณาของศาล จึงขอแจ้งให้สำนักข่าว Top News ยุติการนำเสนอข่าว และนำออกจากสื่อออนไลน์ระบบคอมพิวเตอร์โดยทันที มิฉะนั้น บริษัทฯ จำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีกับตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุด ครอบครัวรัตนพันธ์ ทำหนังสือเรื่อง ครอบครัวรัตนพันธ์ขอยืนยันว่าสิ่งที่ได้แถลงข่าว และหรือการให้สัมภาษณ์เป็นความจริงทุกประการ ลงวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา ถึงกองบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News และพี่น้องสื่อมวลชนทุกสำนักข่าว ระบุว่า ตามที่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่งหนังสือมายังกองบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News โดยมีเนื้อหาให้ยุติการนำเสนอข่าวและนำออกจากสื่อออนไลน์โดยทันที โดยกล่าวอ้างเพียงว่าข้อมูลทั้งหมดที่ ครอบครัวรัตนพันธ์แถลงเป็นความเท็จทั้งสิ้นนั้น

ครอบครัวเราขอยืนยันว่า ทุกข้อมูลที่ได้นำเรียนไปในการแถลงข่าว ตลอดจนการได้รับเชิญให้มาร่วมรายการ การให้ข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์ ต่าง ๆ นั้น เป็นความจริงโดยทั้งสิ้น และประการสำคัญที่ครอบครัวต้องตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวเราต้องต่อสู้ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ใช้ความพยายาม ในการร้องเรียนและติดตามไปในหลายช่องทาง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด จนทำให้ทางครอบครัวรู้สึกท้อใจ เพราะสิ่งที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น คือ กลุ่มคนที่มีอำนาจ แต่ครอบครัวเราตระหนักดีว่าหากไม่สู้หรือยอมแพ้ พฤติกรรมแบบนี้ของคนกลุ่มนี้ อาจส่งผลกระทบให้กับประชาชนอื่น ๆ ตลอดจนครอบครัวอื่น ๆ ได้อีกเช่นกัน ครอบครัวรัตนพันธ์จึงตัดสินใจนำเสนอความจริงสู่สาธารณะ เนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจทางการเมืองและบริษัท (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์ที่ประชาชนทั่วไปเข้าลงทุนได้ การเปิดเผยข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการให้ครอบครัวรัตนพันได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาที่ดินกว่า 200 ล้านบาทหรือการนำเงิน 20 ล้านบาทออกมาจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มาให้กับครอบครัวรัตนพันธ์ เพื่อปกปิดพฤติการณ์ของตนเองในขณะนั้น กระทำได้หรือไม่ ถูกต้องชอบธรรมกับผู้อื่นหรือไม่ เหตุใดคุณณัฐพงศ์ CEO ต้องให้เงิน 20 ล้านบาท และถ้าไม่ให้ในขณะนั้นได้หรือไม่ การเปิดเผยข้อมูลที่เกิดขึ้นของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ และเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ครอบครัวรัตนพันธ์ได้รับความเป็นธรรม

ครอบครัวรัตนพันธ์เห็นด้วยว่า ในการที่สาธารณะได้รับทราบข้อเท็จจริงจากครอบครัวเราเพียงฝ่ายเดียวนั้น ย่อมไม่เป็นธรรมกับบริษัทเอสชีฯ และครอบครัวชินวัตร ดังนั้นครอบครัวรัตนพันธ์จึงประสงค์ให้บริษัทเอสซีฯ และครอบครัวชินวัตรได้นำเสนอข้อเท็จจริงออกมาเพื่อให้ประชาชนได้รับฟังความจริงจากท่านเพื่อความเป็นธรรมกับตัวท่านเอง หาใช่ว่าจะใช้วิธีการข่มขู่ คุกคามให้สื่อมวลชน ยุติการนำเสนอข่าว ซึ่งการจำกัดเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสาร เพื่อปิดกั้นการรับรู้ของประชาชนในสังคมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในยุคประชาธิปไตย เพราะเสรีภาพสื่อคือเสรีภาพประชาชน การก้าวก่ายสื่อมวลชน ก็เท่ากับประชาชนขาดอิสรภาพในการรับรู้ข่าวสารไปด้วยไม่ต่างกัน นอกจากความจริงที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะไปแล้วนั้น ครอบครัวรัตนพันธ์ยังมีข้อมูลความจริงอีกมาก ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและคลิปเสียงหลักฐานในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอสซีฯ และบุคคลในครอบครัวชินวัตรโดยตรง เช่น กรณีของคุณพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) ก่อนการตัดสินคดีความเมื่อปี 2562 ข้อมูลที่เราแถลงออกมาเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของหลักฐานที่มีอยู่เท่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top