Monday, 19 May 2025
NewsFeed

‘นาวิน คำเวียง’ ลง ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ภูมิใจไทย ลั่น!! จะพูดแล้วทำ - ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ. 66) ที่หอประชุมโรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม จ.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จัดเวทีปราศรัยนโยบาย และแนะนำตัวนายเอกราช ช่างเหลา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ขอนแก่น ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังปราศรัยจำนวนมากจนล้นออกจากหอประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างปราศรัยมีการเซอร์ไพรส์เปิดตัว นายนาวิน คำเวียง อดีตสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ที่จะลงสมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ในนามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งประกอบด้วย อ.หนองเรือ อ.บ้านฝาง และ อ.ภูเวียงบางส่วน

นายเอกราช ได้กล่าวแนะนำนายนาวิน และเชิญนายศักดิ์สยาม เป็นผู้สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย เพื่อเป็นการต้อนรับนายนาวิน เข้าพรรคอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชนอย่างกึกก้อง โดยนายศักดิ์สยามขอให้ชาวขอนแก่นเลือกทั้งนายเอกราชและนายนาวิน เป็น ส.ส. เข้าสภาฯ ให้ได้

'เกาหลีเหนือ' ยิงขีปนาวุธครั้งที่ 2 ในรอบ 48 ชม. 'น้องสาวคิม' ขู่!! เปลี่ยนภูมิภาคแปซิฟิกเป็นสนามซ้อมยิง

(20 ก.พ. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ 2 ลูกในเช้าของวันนี้ (20 ก.พ. 66) นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 48 ชั่วโมง ด้านน้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ เตือน ว่า จะทำให้ภูมิภาคแปซิฟิกตกอยู่ในพิสัยยิงของเกาหลีเหนือ

กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า ตรวจพบว่ามีการยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ 2 ลูกขึ้นจากย่านซุกชอน จังหวัดพย็องอันใต้ของเกาหลีเหนือ ในช่วงเวลา 07:00-07:11 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 05:00-05:11 น. วันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงว่า เกาหลีเหนือได้ยิงสิ่งที่น่าจะเป็น 'ขีปนาวุธทิ้งตัว' ด้านหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นประกาศเตือนว่า มีการยิงวัตถุหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเกาหลีเหนือแถลงว่า ได้ใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องขนาด 600 มิลลิเมตรยิงจรวด 2 ลูกตกลงในทะเลตะวันออก หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า 'ทะเลญี่ปุ่น'

'บัวขาว' เป็นวิทยากรพิเศษสอนมวยไทย ให้ทหารสหรัฐฯ ในการฝึกคอบร้าโกลด์ 2023

'บัวขาว' เป็นวิทยากรพิเศษสอนมวยไทย ให้การฝึกร่วมผสมทางทหาร ‘คอบร้า โกลด์’ 2023 ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ –10 มีนาคม 2566

(20 ก.พ. 66) บัวขาว บัญชาเมฆ สุดยอดนักมวยไทย ขวัญใจชาวไทย ที่มีตำแหน่งทางทหารคือ 'ร้อยโทสมบัติ บัญชาเมฆ' ได้รับเกียรติเชิญไปเป็นวิทยากรพิเศษสอนศิลปะมวยไทย ให้กับการฝึกคอบร้า โกลด์ 2023 (Cobra Gold 2023) ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 10 มีนาคม 2566

โดยการฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี

‘บิ๊กป้อม’ ลุย ‘เมืองจันท์-ตราด’ แก้ปัญหาน้ำ-ที่ดินทำกิน พร้อมปลุกเกษตรกรรุ่นใหม่ พัฒนาเกษตรไทยให้ยั่งยืน

(20 ก.พ. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนานกรัฐมนตรี พร้อมทั้ง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางลงพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน และการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมี ผวจ.จันทบุรี ผวจ.ตราด เลขา สทนช. และ หน.ส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ

โดยได้รับทราบความคืบหน้า การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการแก้ปัญหาความยากจนลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะการกระจายการถือครองที่ดินทำกินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนให้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองและมีที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผ่าน ผวจ.จันทบุรี และตัวแทนเกษตรกร พร้อมทั้งเยี่ยมชมแปลงเกษตรวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนาและพบปะรับทราบปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน

โดย พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความขอบคุณ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. ที่ขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่ดินทำกินอย่างมีพัฒนาการและก้าวหน้าในทุกด้าน โดยได้มอบสิทธิที่ดินทำกินแล้วในหลายพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา และตาก โดยย้ำ ส่วนราชการในพื้นที่ และ บจธ. ขอให้ความสำคัญ ในการป้องกันการสูญเสียสิทธิที่ดินทำกินให้เกษตรกรจากการจำนองและการขายฝาก เพื่อให้เกษตรกรยังคงสิทธิในที่ดินทำกินของตนเอง ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนการใข้ประโยชน์ที่ดินให้เต็มศักยภาพ รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนไปพร้อมกัน

‘โรม’ งัดหลักฐาน สู้กลับ ‘ส.ว.อุปกิต’ ชี้!! แสดงทรัพย์สินเท็จ - จ่อยืน ป.ป.ช. เอาผิด

‘โรม’ เปิดหลักฐานเพิ่ม สู้กลับ ‘อุปกิต’ ชี้แสดงบัญชีทรัพย์สินเท็จ ปมขายโรงแรมอัลลัวร์รีสอร์ท จ่อยื่น ป.ป.ช. สัปดาห์นี้ วินิจฉัยฟันพ้น ส.ว. - เพิกถอนรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต ตั้งคำถามตำรวจ กล้ายึดอาคารพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จี้ ‘ประยุทธ์’ อย่าหนีความรับผิดชอบ ตอบสังคม ทำไมตำรวจรับผิดชอบคดี ‘ทุนมินลัต’ โดนย้าย

(20 ก.พ.66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดหลักฐานเพิ่มเติมสืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เปิดโปงกรณี ‘ไทยดำ-จีนเทา’ ซึ่งพาดพิง อุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. จนรังสิมันต์ถูกอุปกิตฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

รังสิมันต์กล่าวว่า จากการอภิปรายของตน ระบุว่า อุปกิต เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด (Allure Group) ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็นบริษัทเพื่อฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายของ ‘ทุนมินลัต’ (Tun Min Latt) นักธุรกิจชาวเมียนมา แต่ต่อมาเมื่อมีการจับกุมทุนมินลัต อุปกิตก็รีบออกมาชี้แจงว่าได้ขายหุ้นและลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ Allure Group และ Myanmar Allure แล้วในปี 2562 ก่อนรับตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงโรงแรม Allure Resort ก็ขายไปแล้ว และยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อย แต่ครั้งนี้ ตนจะมาพูดถึงการขายหุ้นขายโรงแรมที่อุปกิตอ้างว่าทำไปแล้วก่อนมาเป็น ส.ว. ว่าจริงเท็จอย่างไร 

เนื่องจากหนึ่งในเอกสารที่อุปกิตยื่นประกอบบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. คือเอกสารสัญญาซื้อขายอาคารและกิจการโรงแรม ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เนื้อหาสัญญาระบุว่า อุปกิต ซึ่งเป็นผู้ขาย ทำสัญญากับ ชาคริส กาจกำจรเดช ผู้ซื้อ ว่าตกลงซื้อขายอาคารตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ห้องพักจำนวน 78 ห้อง และกิจการโรงแรม Allure Resort และสิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าว ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ชำระเงินในเดือนสิงหาคม 2562 และตกลงกันว่าจะส่งมอบและรับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าวในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญา นอกจากนี้ อุปกิตยังแนบสำเนาหนังสือรับรองจากธนาคาร B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2562 รับรองบัญชีธนาคารดังกล่าว ว่ามีเงินฝากจำนวน 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อสังเกตต่อเอกสารสัญญาฉบับนี้ คือสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับโรงแรม Allure Resort ตามสัญญา BOT ที่ทำกับกรมการโรงแรมฯ เมียนมานั้น ต้องเป็นของบริษัท Allure Group หรือ Myanmar Allure ดังนั้นถ้าจะมีการขายโรงแรม Allure Resort ให้ผู้อื่นจริงๆ ก็ควรเป็นการที่อุปกิตขายหุ้นของตัวเองใน Allure Group หรือ Myanmar Allure ที่ถือสิทธิและหน้าที่ในโรงแรม ให้กับชาคริส หรือไม่ถ้าเป็นกรณีที่ Allure Group หรือ Myanmar Allure จะขายสิทธิและหน้าที่ในโรงแรมที่บริษัทถืออยู่ให้กับชาคริส ก็ควรต้องเป็นสัญญาที่ทำขึ้นในนามของบริษัทนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่ากรณีนี้ทำได้หรือไม่ เพราะสัญญา BOT กำหนดว่ากรมการโรงแรมฯ ต้องยินยอมด้วย 

แต่ปรากฏว่าสัญญาฉบับนี้กลับมีลักษณะเป็นสัญญาในนามบุคคลธรรมดา 2 คน ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ได้เป็นสัญญาเพื่อซื้อขายหุ้นของบริษัทใด ๆ แต่เป็นการซื้อตึกโรงแรม กิจการโรงแรม และสิทธิใช้ประโยชน์บนที่ดินโรงแรม หมายความว่า ตามสัญญานี้สิทธิในโรงแรม Allure Resort จะต้องตกเป็นของบุคคลธรรมดาที่ชื่อชาคริสคนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ 

ยิ่งกว่านั้น เมื่อไปดูเนื้อหาหนังสือรับรองของ B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. แม้จะระบุว่าบัญชีธนาคารที่อุปกิตอ้างมีเงินฝาก 8,150,000 ดอลลาร์ฯ จริง แต่ก็ไม่มีตรงไหนระบุว่าเป็นการจ่ายมาจากชาคริสจริงหรือไม่ นี่คือข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลของการขายโรงแรม ที่อุปกิตอ้างต่อ ป.ป.ช.

ที่สำคัญ หลังจากนั้นเมื่อมีการสืบสวนสอบสวนคดียาเสพติดและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องไปถึงพนักงานของ Allure Group มีการเรียกชาคริสไปให้การเมื่อเดือนเมษายน 2565 ตามบันทึกคำให้การช่วงหนึ่ง ชาคริสให้การว่าตนถือหุ้น 15% ของโรงแรมอัลลัวร์ฯ มาตั้งแต่ปี 2558 จนกระทั่งประมาณปลายปี 2562 ตนเคยทำการตกลงซื้อกิจการโรงแรม Allure Resort จากอุปกิตในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 251,572,000 บาท แต่ไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายกันจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตนไม่มีเงินซื้อกิจการดังกล่าว ไม่รู้จะไปหามาจากไหนตั้ง 250 กว่าล้าน และยังให้การอีกว่าต่อมาอีก 1 ปีให้หลัง ประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 อุปกิตได้ตกลงขายกิจการให้กับบุคคลอื่นในราคาประมาณ 300 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายแล้วคงเหลือ 265 ล้านบาท ตนได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนที่ถือหุ้น 15% เป็นเงินจำนวน 39,750,000 บาท

'บิ๊กตู่' โชว์ผลงาน 'บัตรทองพรีเมียม' เพิ่มสิทธิประโยชน์ ช่วยประชาชนเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม-ทั่วถึง

(20 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งขับเคลื่อนให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐฯ อย่างมีประสิทธิภาพ เท่าเทียมและทั่วถึง หลักประกันสขุภาพไทยได้เปลี่ยนผ่าน 'บัตรทอง' หรือ 'บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า' ให้กลายเป็น 'บัตรทองพรีเมี่ยม' ยกระดับการบริการ เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมและทลายข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างแท้จริง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับบัตรทองพรีเมียมในยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์มากมาย เช่น เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์เข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในหน่วยบริการสาธารณสุขทุกที่ โดยไม่เก็บค่ารักษาพยาบาลภายใน 72 ชั่วโมงหรือพ้นภาวะวิกฤต รักษาโรคติดเชื้อไวรัส-19 โควิดฟรี โดยสามารถเข้ารักษาในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ ผู้ป่วยโรคมะเร็งรับบริการที่ไหนก็ได้ ย้ายหน่วยบริการได้ทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน

รวมถึงให้สิทธิฟอกไตฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก รักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซียาต้านไวรัส HIV เพิ่มสิทธิ์ด้านวัคซีน 5 ชนิด ได้แก่ คอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน, ไวรัสตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

รวมทั้ง การใช้กัญชาทางการแพทย์ ในผู้ป่วยโรคมะเร็งพาร์กินสัน ไมเกรน ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก การให้บริการแว่นตาเด็ก แจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับการขับถ่ายสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้มีปัญหากลั้นขับถ่าย การรักษาผู้ป่วยติดบ้านหรือผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนทุกสิทธิ์และทุกกลุ่มอายุ และยังลดภาระการเดินทางไปสถานพยาบาลของประชาชน ลดความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ สามารถรับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันใกล้ เป็นต้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนสมัครรับสิทธิบัตรทองพรีเมียม และสมัครให้บุตรหลาน เพื่อเลือกหน่วยบริการ ซึ่งสามารถสมัครได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด ซึ่งในปี 2566 ได้มีการเพิ่มสิทธิ์ใหม่ที่ได้มากกว่าเดิม ได้แก่

1.) การดูแลภาวะความดันเลือดในปอดสูงในทารกแรกเกิด (Persistent Pulmonary Hypertension of the Newborn)
2.) บริการทันตกรรม Vital Pulp Therapy หรือการรักษาเนื้อเยื่อในฟันกรามแท้
3.) บริการรากฟันเทียม
4.) บริการห้องฉุกเฉิน คุณภาพภาครัฐฯ
5.) ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ
6.) บริการยาป้องกัน การติดเชื้อเอชไอวี
7.) เพิ่มยาจำเป็นแต่มีราคาแพง ในกลุ่มบัญชียา จ (2) จำนวน 14 รายการ
8.) บริการดูแลผู้ป่วยกึ่งเฉียบพลัน
9.) บริการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับพิษ
10.) เพิ่มเติมบริการที่คลินิกการพยาบาลฯ กายภาพบำบัด คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมและคลินิกทันตกรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับข้อมูลชูวิทย์ หลังพบต่อวีซ่าเกษียณที่ชลบุรี แต่เป็นบ้านร้างมีสุนัข 2 ตัว พร้อมขยายจับสมาคมจีนเถื่อน

วันนี้ (20 ก.พ.66) เวลา 9.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายัง สน.นางเลิ้ง เพื่อร่วมรับข้อมูลร้องทุกข์จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ให้ดำเนินคดีกับ นายหยูซินฉี ประธานสมาคมจีนจื้อกงแห่งอาเชียน และสมาคมชาวจีนอื่นๆ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังพบว่านายหยู ได้ตั้งสมาคมเถื่อนและมีการแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อหาผลประโยชน์

จากข้อมูลของนายชูวิทย์พบว่า นายหยูได้มีการตั้งสมาคมจีนจื้อกงแห่งอาเซียน โดยมิได้มีการจดแจ้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และยังมีพฤติการณ์ในการแอบอ้างตนว่ามีความสนิทสนมกับข้าราชการทหาร ตำรวจ นักการเมือง รวมไปถึงสถาบันของประเทศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง ในสายตาของคนจีน และใช้โอกาสดังกล่าวในการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง นอกจากนี้จากการตรวจสอบการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรพบว่า นายหยูได้รับการอนุญาตให้ต่อวีซ่าในลักษณะเกษียณให้อยู่ที่ อ.หนองปรือ จ.ชลบุรี ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วจะพบว่า สถานที่ที่แจ้งที่อยู่ไว้เป็นบ้านร้าง ภายในบ้านมีสุนัขอยู่ 2 ตัว แต่ตัวนายหยูอาศัยอยู่จริงที่กรุงเทพฯ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ นายชูวิทย์ได้เคยมอบให้นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล นำไปอภิปรายในสภามาแล้ว

'ตร.สงขลา' จับมือ 'ป.ป.ส.' นำทีมจับยาบ้า 8 แสนเม็ด ไอซ์ 30 กก. จนท.เร่งขยายผลหาเอเย่นต์ใหญ่

(20 ก.พ. 66) เปิดภาพเบื้องหลังปฏิบัติการจับกุมยาบ้า 8 แสนเม็ด และไอซ์ 30 กิโลกรัม ที่ใส่กล่องพัสดุ นำมาวางไว้ริมถนนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และขยายผลจับกุม 3 ผู้ต้องหา ยึดทรัพย์รถยนต์ 3 คัน บัญชีธนาคารรวมมูลค่า 3 ล้านบาท

จากกรณีตำรวจสงขลาและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 9 จับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ ซึ่งเป็นยาบ้าจำนวน 8 แสนเม็ด และไอซ์ 30 กิโลกรัม มูลค่ารวมกันกว่า 11 ล้านบาทในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งซุกซ่อนมาในกล่องพัสดุ และสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่มารับของได้ 3 คนและยึดรถยนต์ 3 คันมูลค่า บัญชีธนาคาร รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 3 ล้านบาท และทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้ลงพื้นที่มาแถลงข่าวคดีนี้ ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (20 ก.พ. 66) ทีมข่าวมีภาพเบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิบัติจับกุมยาบ้า ยาไอซ์และเครือข่ายค้ายากลุ่มนี้ได้ทั้ง 3 คน โดยเริ่มจากเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ตำรวจ สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งพบกล่องพัสดุต้องสงสัยจำนวน 10 กล่องถูกนำไปวางไว้ในพงหญ้าริมถนนเส้นทางออกจากนิคมอุตสาหกรรมฉลุง หมู่ 4 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จึงประสานตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ชุดสืบสวนภาค 9 และฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ เข้าทำการตรวจสอบและเก็บไปตรวจลายนิ้วมือแฝงที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 พบว่าภายในกล่องพัสดุมียาบ้าอยู่ 8 แสนเม็ด และไอซ์อีก 30 กิโลกรัม

'เพลงแบบลุงตู่' ผู้นำประเทศที่ 'แต่งเพลงเอง' เพื่อให้กำลังใจและสื่อสารไปสู่ประชาชน

8 ปี มีหนึ่งในภาพจำ ที่เชื่อว่า ประชาชนชาวไทยมักจะจดจำ 'ความเป็นลุงตู่' กันได้ดี นั่นคือ การเป็นนายกรัฐมนตรีที่สร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมาเป็นจำนวนมาก หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ 'ลุงตู่' แต่งเพลงออกมาเพื่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจ หรือแม้แต่การสื่อสารเรื่องราวหลายๆ อย่างในสังคม

'ลุงตู่' แต่งเพลงสื่อสารกับประชาชนจำนวนราวๆ 10 เพลง อาทิ คืนความสุขให้ประเทศไทย, เพราะเธอคือประเทศไทย, ความหวังความศรัทธา,สะพาน, สู้เพื่อแผ่นดิน, ใจเพชร ฯลฯ โดยเพลงที่เรียกว่าเป็น 'ซิกเนเจอร์' หรือเพลงอันเป็นที่จดจำ นั่นคือ คืนความสุขให้ประเทศไทย

“เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” นี่เป็นประโยคทองในเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ที่เปิดดังขึ้นมาเมื่อไร เป็นต้องนึกถึง 'ลุงตู่' อย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แกมเหน็บแนมเกี่ยวกับการแต่งเพลงของนายกรัฐมนตรี แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า แทบทุกคนร้องเพลงของลุงตู่เพลงนี้กันได้ทั้งสิ้น

'พิพัฒน์ รัชกิจประการ' รมต. Low Profile แต่ High Profit พลิก 'กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา' เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจประเทศ

ก่อนปี 2562 ชื่อของ 'พิพัฒน์  รัชกิจประการ' เป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมัน และกิจการเรือประมงขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้

แต่ในทางการเมือง หลังเลือกตั้ง 62 เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล ชื่อเดียวกันนี้ กลับแทบไม่มีใครรู้จัก เมื่อเขาเข้ามารับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในโควต้าของพรรคภูมิใจไทย 

'พิพัฒน์' เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ ว่าเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยเปิดเผยตัวเอง จึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก ขนาดที่ว่าพอได้รับการประกาศชื่อเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี สื่อต่างๆ พยายามหาข้อมูลและถึงกับลงรูปของเขาผิด เรียกว่านักข่าวก็ยังงง ว่าเขาเป็นใครในห้วงเวลานั้น 

ถ้าดูในประเด็นการเมือง 'พิพัฒน์' ดูจะมีบทบาท และพื้นที่น้อยกว่ารัฐมนตรีคนอื่นๆ  แต่ในประเด็นของการทำงาน เดินหน้านโยบายการท่องเที่ยวและกีฬา ฟื้นเศรษฐกิจในช่วงที่ไทยเริ่มกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวหลังโควิด 19 ขณะเดียวกันก็เห็นเนื้อเห็นหนังในการยกระดับ มาตรฐานทางด้านการกีฬาอยู่ไม่น้อย ลองย้อนไปดู 'ผลงาน' แบบตึงๆ ของ รมต.คนนี้กัน

#ไอเดียเปิดผับตีสี่ - ทุ่ม 200 ล้านดึง 'ลิซ่า' เคาท์ดาวน์ภูเก็ต  

หลังเข้ารับตำแหน่งเจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวไม่นาน เดือนสิงหาคม ปี 2562 เจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ คนนี้ ก็ผุดไอเดีย ขยายเวลาเปิดผับถึงตี 4 ออกมาโยนหินถามสังคม โดยแนวคิดเบื้องต้นเกิดจากความต้องการช่วยพยุงรายได้ด้านการท่องเที่ยวในช่วงที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัว

ทันทีที่ไอเดียนี้ถูกสื่อสารออกไป ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก เจ้าตัวใช้คำว่า 'โดนอัดกลับมาเยอะ' โดยเฉพาะจากภาคประชาชนอย่างเครือข่ายต้านน้ำเมา ที่เข้ายื่นหนังสือคัดค้าน  

แม้ว่า 'รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ' จะอธิบายว่าแนวคิดขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจาก ตี 2 ไป ตี 4 นั้น แค่ต้องการจัดโซนนิ่งเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ แต่เขายังรับฟัง ทำความเข้าใจ และ 'ยอมถอย' เพื่อกลับมาพิจารณาศึกษาทบทวนให้ถี่ถ้วนขึ้น

หลังจากกลับไปทำการบ้านอยู่เป็นปี ๆ จนเมื่อกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ศึกษาข้อมูลแล้วพบว่า การขยายเวลาปิดสถานบันเทิงไปถึงตี 4 จะช่วยเพื่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 25% ล่าสุด 'พิพัฒน์' นำแนวคิดนี้กลับมาอีกครั้ง ชงเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อขอความเห็นชอบ โดยเสนอนำร่องที่ถนนบางลา อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่งเดียวก่อน เพื่อศึกษาผลกระทบ และประเมินมาตรการอีกครั้ง พร้อมเสนอเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผลักดันการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นประเทศ เป็นวาระแห่งชาติด้วย

ส่วนอีกกรณี ที่ชิงพื้นที่พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน คือการวางแผนจัดงาน 'เคาท์ดาวน์ 2565' ที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ออกมาประกาศลั่น ว่ากำลังจะทุ่มงบฯ 200 ล้าน ดึง 'ลิซ่า แบล็กพิงค์' มาร่วมฉลองปีใหม่ที่สะพานสารสิน จ.ภูเก็ต และเชิญ 'อันเดรอา โบเซลลี' นักร้องโอเปร่าระดับโลกขาวอิตาลี มาฉลองคืนข้ามปีที่ท้องสนามหลวง ซึ่งมีฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการดึง 'บิ๊กอีเว้นท์' กลับมา ในช่วงที่บ้านเรากำลังจะเริ่มเดินหน้าเปิดประเทศหลังวิกฤติโควิด-19 ที่ยาวนานกว่า 2 ปีเริ่มคลี่คลาย 

ทันทีที่ประกาศ นอกจากจะถูกวิจารณ์หนักสุด ๆ เรื่องการทุ่มงบประมาณมหาศาล ไปกับการจัดงานคืนเดียวแล้ว ไม่กี่วันถัดมาหลังมีการประกาศยืนยัน ว่า 'ลิซ่า' ตอบรับมาร่วมงานแล้ว รัฐมนตรี 'พิพัฒน์' ก็ออกมากล่าวขอโทษ แอ่นอกรับแบบตรงๆ ว่า ลิซ่า 'ติดคิว' มาร่วมงานไม่ได้ ซึ่งเกิดความผิดพลาดในด้านการประสานงานของทางกระทรวงเอง อย่างไรก็ตาม มีการปรับแผนในการจัดงานโดยใช้ความเป็นท้องถิ่น ในการจัดงานฉลองปีใหม่กันแบบไทยๆ แทน เป็นอันจบดราม่า ทั้งเรื่องการใช้งบประมาณ และรอลุ้นว่าศิลปินระดับโลกจะมาเคาท์ดาวน์ในบ้านเราหรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top