Monday, 19 May 2025
NewsFeed

ร้าน 'โดนใจ' ออนทัวร์ทั่วไทย ใกล้ชิดผู้ประกอบการโชห่วย ลงพื้นที่มอบอุปกรณ์การศึกษาให้กับโรงเรียนในชุมชน จ. เชียงใหม่

จากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาร้านโชห่วยของไทยให้มีการระบบบริหารจัดการที่ดีและเติบโตไปได้ในระยะยาว บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี จึงได้เปิดตัวโมเดลธุรกิจ 'ร้านโดนใจ' ใส่ใจ ใกล้บ้านคุณ มุ่งพัฒนาและส่งเสริมร้านโชห่วยที่อยู่คู่กับชุมชนของประเทศมายาวนาน ล่าสุด จัดออนทัวร์ ทั่วไทย ลงพื้นที่ใกล้ชิดผู้ประกอบการที่ จังหวัดเชียงใหม่ ต่อเนื่องเป็นจังหวัดที่ 3 โดยที่ผ่านมามีการตอบรับเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี 'โดนใจ' จึงเดินหน้าผลักดันร้านค้าชุมชุนให้เป็น S-M-A-R-T โชห่วย ให้มีความทันสมัยในแบบฉบับร้านโดนใจ เพื่อส่งเสริมร้านโชห่วยให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน และในโอกาสนี้ คณะผู้บริหารได้ลงพื้นที่มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่โรงเรียนบ้านทุ่งเสี้ยว อ.สันป่าตอง เพื่อมุ่งพัฒนาการศึกษาและคุณภาพความเป็นอยู่ของเด็กในชุมชน ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ

 นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดค้าปลีกมีการแข่งขันกันสูง 'ร้านค้าโชว์ห่วย' ซึ่งถือได้ว่าเป็นร้านค้าที่อยู่คู่กับชุมชนของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เริ่มเข้าสู่การปรับตัวอย่างมาก ต้องพัฒนาร้านค้าเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจ ดังนั้นเราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปช่วยสนับสนุน โดย 'ร้านโดนใจ' พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ได้แก่ พาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัดประชาสัมพันธ์ และพันธมิตรร้านโดนใจ ร่วมผนึกกำลังพัฒนาร้านโชห่วย ให้สามารถดำเนินธุรกิจให้เติมโดยอย่างยั่งยืนในระยะยาว

 นางฐาปณี เสริมต่อไปว่า แพลตฟอร์มร้านโดนใจมีจุดเด่นที่ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยสามารถเลือกลงทุน และสินค้าที่จำหน่ายได้เอง โดยไม่ต้องแบ่งผลกำไร ใช้งบลงทุนที่ไม่สูง มีการดำเนินงานเป็น 2 ส่วน คือ

1. เราใช้ 'บีเจซี' มาช่วยพัฒนาระบบเครื่องคิดเงิน และใช้เครือข่ายของบิ๊กซีเป็นคนจำหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าในชุมชน

2. เรามีพันธมิตรหลักอย่าง 'บิ๊กซี' ที่มีอยู่ทั่วประเทศเข้ามาจัดส่งสินค้าถึงหน้าร้าน ขณะที่การปรับปรุงร้านค้านั้นหากผู้ประกอบการต้องการปรับโฉมหรือตกแต่งให้ดูทันสมัยสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของงบประมาณที่ตัวเองเห็นสมควร

 “อย่างไรก็ดีนอกจากการพัฒนาโมเดลร้านค้าปลีกสมัยใหม่ด้วยระบบการบริหารจัดการที่ดี มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการหาคู่ค้า บีเจซีได้เดินหน้าจับมือพันธมิตรกว่า 30 บริษัทเพื่อติดปีกเสริมแกร่งให้ร้านโดนใจมีสินค้าและผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายที่หลากหลายแบรนด์ ในราคาที่เหมาะสม อาทิ โค้ก แฟนต้า เนสกาแฟ ไฮยีน บรีส ดาวน์นี่ นีเวีย แอทแทค เปา คอลเกต ไฟน์ไลน์ ดัชมิลล์ แลคตาซอย สิงห์ มาม่า ไวไว เบอร์ดี้ น้ำมันมรกต ข้าวเบญจรงค์ เด็กสมบูรณ์ เลย์ อิงอร ปินโต้ ข้าวตราแตงโม ซอสม้าบิน ขนมปูจ๋า ซีพี-เมจิ บีทาเก้น ขนมปังมิงโก้ และแหนมดอนเมือง เป็นต้น 

พร้อมกันนี้ยังมีพันธมิตรในกลุ่มสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อต่อยอดในการสร้างทุนให้กับผู้ประกอบการที่สนใจที่จะเปิดร้านโดนใจในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงพันธมิตรที่หลากหลายจะเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญให้ร้านโดนใจสามารถเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” นางฐาปณี กล่าวเสริม

 “เราเชื่อมั่นว่า ร้านโดนใจ จะเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญให้กับการพัฒนาร้านโชห่วยในประเทศไทยให้สามารถเติบโตและขานรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย มากไปกว่านั้นการมีระบบบริหารจัดการที่ดีจะทำให้ร้านค้ารวมไปถึงผู้ประกอบการและลูกค้ามีความสะดวกสบาย ที่สำคัญจะทำให้ระบบนิเวศทางธุรกิจนับตั้งแต่ผู้ประกอบการ คู่ค้า และซัพพลายเออร์เจ้าของสินค้าที่เข้ามาร่วมอยู่ในอีโคซิสเท็มของโดนใจเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” นางฐาปณี  กล่าวสรุป

 สำหรับท่านที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งขอครอบครัว โดนใจ ร้าน “โดนใจ” ใส่ใจ ใกล้บ้านคุณ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่โทร.02-146-5954 หรือ https://donjai.in.th/

ศรชล.จัดกิจกรรมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล 

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) โดยศรชล.จว.ชพ. จัดกิจกรรมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลชุมพร หมู่ที่ 8 ต.ปากน้ำชุมพร อ.เมือง จว.ชุมพร

โดย ผวจ.ชุมพร ในฐานะผอ.ศรชล.จว.ชพ. ติดราชการจำเป็นรับรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมอบหมายให้ นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รอง ผวจ.ชุมพร เป็นประธาน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้หน่วยภาครัฐและภาคเอกชน ได้รับรู้ความสำคัญของผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนงานด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ส่งเสริมให้มีการพัฒนาทั้งด้านบุคลากรและเครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ ตลอดจนให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถบูรณาการในการบริหารจัดการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จังหวัดชุมพร จะจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล ให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ เพื่อการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล และสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวจากต่างแดนได้ทันท่วงที การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกิจกรรมฯ จำนวน 80 คน 

โดยได้เรียนเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นวิทยากรบรรยายกิจการทางทะเล ด้านการบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานด้านการบรรเทาสาธารณภัยที่ผ่านมา เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำแผนป้องกันบรรเทาสาธารณภัยทางทะเลจังหวัดชุมพร ซึ่ง ศรชล.จว.ชพ. ได้เก็บรวมรวบข้อมูล เพื่อใช้จัดทำแผนการฝึกป้องกันบรรเทาสาธารณภัยทางทะเลของจังหวัดชุมพร ในห้วงเดือน มี.ค.66 ต่อไป

'โรม' ควงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี บุก 3 สถานีตำรวจฯ พูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหา พร้อมเสนอนโยบาย ปฏิรูปตำรวจ

เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ จ.นนทบุรี เพื่อพบปะประชาชน แนะนำนโยบายพรรคและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล ช่วงเช้าเริ่มต้นที่ตลาดประชานิเวศน์ 3 พูดคุยกับประชาชนที่มาจับจ่ายในตลาด พบว่ามีประชาชนเข้ามาให้กำลังใจ ขอถ่ายภาพ ขอบคุณรังสิมันต์และพรรคก้าวไกลที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชน พร้อมอวยพรให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทย

โดยรังสิมันต์เดินพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาด แนะนำนโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกล เช่น ของขวัญแรกเกิด3,000 บาท เบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน เงินช่วยค่าเช่าบ้านสำหรับผู้เช่าบ้านหรือหอพัก พร้อมยืนยันว่านโยบายทั้งหมด มีเงินจ่าย-ทำได้จริง ด้วยการจัดสรรงบประมาณใหม่ ลดงบประมาณที่เคยใช้ไปกับเรื่องที่มีความจำเป็นน้อยในปัจจุบัน เช่น การซื้ออาวุธของกองทัพ

รัฐบาลประกาศ 'เด็กท้องต้องได้เรียน' เพื่อโอกาสทางการศึกษา ย้ำ!! ครู ต้องมีจรรยาบรรณ ช่วยประคองเด็กได้เรียนต่อเนื่อง

(19 ก.พ. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ราชกิจจานุเบกษา (18 กุมภาพันธ์ 2566) ได้เผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษา ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 โดยมีความว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ 7 แห่งกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษา และการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน 

ข้อ 7 สถานศึกษาตามข้อ 2 ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้นักเรียนหรือนักศึกษานั้นออกจากสถานศึกษาดังกล่าว เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษา ตามความประสงค์ของนักเรียนหรือนักศึกษานั้น

ตำรวจบุกรวบ 'บอล หนองนก' เอเยนต์ค้ายานรก ยึดยาบ้า-ยาไอซ์-ของผิดกฎหมายเพียบ

ชป.ไล่ล่าเมืองคอนบุกรวบ 'บอล หนองนก' เอเยนต์ค้ายานรก -ยึดยาบ้า ,ไอซ์ และอาวุธปืนอื้อ-ผกก.สั่งสอบสวนขยายผลตามจับกุมเอเยนต์ใหญ่มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้จนได้

(19 ก.พ. 66) พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับรายงานว่าการการลักลอบค้ายาเสพติด ในพื้นที่หมู่ 10 ต.บางจาก อ.เมือง โดยผู้ค้ามีฉายาว่า 'บอล หนองนก' จะตระเวนขับรถนำยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป.พ.ต.ต.มนัส พิทักษ์บูรพา สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นำกำลังออกสังเกตการณ์ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จนกระทั่งเมื่อเย็นวานนี้ (17 ก.พ.) ร.ต.อ.พศวีร์ จันทอง รอง สวป. สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นำหลังตำรวจและ อส.ตร.ชุดปฏิบัติการไล่ล่า ออกลาดตระเวนตรวจตรามาถึงบริเวณริมทางสาธารณะหน้าบ้านเลขที่ 64/11 บ้านทุ่งสงวน หมู่ 10 ต.บางจาก อ.เมืองจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทราบว่าเป็นบ้านของ 'นายบอล หนองนก' ผู้ต้องสงสัยที่ได้รับรายงานว่าเป็นแหล่งค้ายาเสพติดยาบ้า ยาไอซ์ และยังมีอาวุธปืนพกประจำกายด้วย

เน็ตไอดอลสาว เล่าประสบการณ์เที่ยวไทยแฮปปี้ แต่จู่ๆ เจอมนุษย์ลุงโผล่คุกคาม กลายเป็นทริปผวาเล็กๆ

'อาหยวน' คนดังทางอินเทอร์เน็ต เผยประสบการณ์เที่ยวไทย แม้ว่าเธอจะมีช่วงเวลาที่ดีมากมาย แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้หวาดกลัวเช่นกัน

อาหยวน เน็ตไอดอลสาวที่มีผู้ติดตามบนอินสตราแกรมมากกว่า 4.7 แสนราย เดินทางมาประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้ลองกินอาหารท้องถิ่น เยี่ยมชมสถานที่ที่มีชื่อเสียง และแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะช้อปปิ้งด้วย พร้อมทั้งแนะนำทุกคนว่า "คุณไม่จำเป็นต้องนำเสื้อผ้ามาเลยจริงๆ เมื่อคุณมา มาไทย ซื้อที่นี่ถูกมาก ถ้ากล้าต่อรองราคาก็ยิ่งถูก"

มีช่วงหนึ่งเธอยังอวดชุดเดรสแขนกุดลายจุดที่เพิ่งซื้อมา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "มันเป็นสไตล์ที่น่าจะใส่ยากเมื่อกลับไปไต้หวัน และคงมีเพียงในรีสอร์ตเท่านั้นที่กล้าใส่แบบนี้"

'สุโขทัย' ค้นหาสาวงามเป็นตัวแทน ' ทูตแห่งการท่องเที่ยว' เผยแพร่มรดกอันงดงามของ จ.สุโขทัยสู่สายตาโลก

เมื่อวานนี้ (18 ก.พ. 66) เวลา 19.30 น. นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานเปิดงานประกวดนางสาวไทยสุโขทัย พร้อมด้วยนางพร้อมจันทร์ ทีคะสุข รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวดฯ โดยมีดร.พรรณสิริ กุลนาถสิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมงาน ตามที่กองประกวดนางสาวไทย มอบหมายให้ผู้ถือลิขสิทธิ์ดำเนินการจัดการประกวดนางสาวไทยแต่ละจังหวัด โดยจังหวัดสุโขทัยได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัครสรรหาสาวงามที่สนใจเข้าร่วมการประกวดนางสาวไทยสุโขทัย (Miss Thailand Sukhothai) ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมแข่งขันการประกวดทั้งหมด 9 สาวงาม ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 'นางสาวไทยสุโขทัย' จะต้องมีหน้าที่เป็น 'ทูตวัฒนธรรม' เผยแพร่การท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวภายในจังหวัด เผยแพร่วัฒนธรรมพื้นถิ่น ที่ควรค่าแห่งมรดกอันงดงาม รวมถึงนำเสนอของดีประจำจังหวัด ทั้งเรื่องอาหารพื้นถิ่น ประเพณีพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์อันเลอค่า ให้ปรากฏแก่สายตาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สมกับเป็นเมืองสร้างสรรค์และเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ ควรค่าแก่มรดกแห่งความทรงจำ

'ชัยวุฒิ' เสนอนโยบาย 'เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี' นำเงินพัฒนาประเทศ พร้อมปรับกฎหมายให้เป็นสากล หนุน 'ธุรกิจผับ บาร์'

(19 ก.พ. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาทุนสีเทา ว่า รัฐบาลเอาจริงและจะเร่งดําเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุมพรรคพิจารณา เพื่อจัดทำเป็นนโยบายพรรค ด้วยวิธีแก้กฎหมายที่ล้าสมัยหรือขัดกับวิถีชีวิตของประชาชน ต้องปรับให้ทันสมัยตรงกับหลักสากล ให้ธุรกิจไปได้ โดยเปลี่ยนส่วยมาเป็นภาษี จะทำให้ได้เงินเข้ามาพัฒนาประเทศ ธุรกิจไม่ต้องมีการจ่ายส่วย ไม่มีการคอรัปชั่น 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และพรรคพปชร.มองว่าแนวทางการแก้ไขปัญหานอกจากการปราบปรามอย่างจริงจัง ต้องแก้ไขกฎหมายเปลี่ยนส่วยให้เป็นภาษี สกัดกั้นช่องทางเรียกรับส่วยจากผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่นธุรกิจบริการบางประเภท เช่น ผับ บาร์ เป็นต้น ควรเปิดขายได้มากกว่าเที่ยงคืนเช่นเดียวกับต่างประเทศ แต่ไทยไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ทำให้เกิดการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยผู้ประกอบการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้เปิดบริการเกินเวลา รองรับท่องเที่ยวต่างชาติได้ จึงเกิดทุนสีเทา ธุรกิจผิดกฎหมายขึ้นมา

ซูเปอร์โพล เผย คะแนนนิยม 'บิ๊กตู่' สูสี 'อุ๊งอิ๊ง' ชี้ ปชช. ชอบใจวลีเด็ด "ซื้อบ้าน แถมสัญชาติ"

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ชี้คะแนนนิยมของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังกลับมาเพิ่มสูงขึ้นจนจี้ติดคะแนนนิยมของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร

(19 ก.พ. 66) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ค้านถาม ลุงตู่ตอบ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,571 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95

เมื่อถามถึงการอภิปรายนายกรัฐมนตรี กรณี ตู้ห่าว และทุนจีนสีเทา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.2 ระบุชอบวลีเด็ด ของ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่า ซื้อบ้าน แถมสัญชาติ เชื่อมโยงกับ ธุรกิจครอบครัวพรรคการเมืองใหญ่ และพวกพ้อง ร้อยละ 55.6 ระบุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโต้ได้ดี มีประเด็น ทั้ง ตู้ห่าวได้สัญชาติช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ซื้อบ้านแถมสัญชาติ เกี่ยวโยงพรรคการเมืองใหญ่ ร้อยละ 54.8 ระบุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโต้ด้วยข้อมูลใหม่ ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ตู้ห่าว ได้สัญชาติไทยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 54.3 ระบุการอภิปรายนายกรัฐมนตรี กลายเป็น บูมเมอแรง กลับไปยัง พรรคการเมืองใหญ่ฝ่ายค้าน และร้อยละ 45.5 ระบุ ฝ่ายค้านอภิปรายในเรื่องรู้มาก่อนแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ ไม่ได้ประโยชน์อะไร

ที่น่าพิจารณา คือ ข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี จัดการปัญหา ทุนจีนสีเทา และพนันออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.7 ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ถอนสัญชาติไทยของคนต่างชาติที่ทำผิดร้ายแรง ยึดทรัพย์ และห้ามเข้าประเทศอีก ถ้ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.5 ระบุ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องจัดการเด็ดขาดกับขบวนการพัวพัน ทุจริต ธุรกิจสีเทา และ พนันออนไลน์

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึง ถ้าเลือกได้ จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า สูสีกันระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 28.5 กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 25.7 ในขณะที่ ตามมาติด ๆ คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 21.2 ทิ้งห่าง นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 14.4 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 3.8 และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เพียงร้อยละ 2.7 ตามลำดับ

'เอนก' เผย มสธ. นำเงินรายได้ไปลงทุนได้ ไม่ผิด กม. ชี้!! เป็นไปตามกระบวนการ - มติของสภา มสธ.

'เอนก' แจง มสธ.นำเงินรายได้ไปลงทุนทำได้ หารือกับกรมบัญชีกลางและสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว เผย 4 ปีได้ผลตอบแทนกว่า 200 ล้าน ส่วนการแต่งตั้งอธิการบดี มสธ.ให้รอผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด 

เมื่อวันที่ (17 ก.พ. 66) ศ.(พิเศษ)​ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวถึงกรณีนายระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีนายกสภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช(มสธ.) กรรมการสภา มสธ. และคณะกรรมการบริหารเงินได้และทรัพย์สิน มสธ.มีมติเห็นชอบ นำเงินรายได้ของ มสธ. จำนวน 5,500 ล้านบาท ไปลงทุนกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จัดการกองทุน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ว่า การลงทุนของ มสธ. เป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนและมติของสภา มสธ. และชอบด้วยกฎหมาย โดยสภา มสธ.เห็นชอบกรอบและนโยบายการลงทุน และคัดเลือกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 4 บริษัท ภายใต้การกำกับดูแลของ กลต. และก่อนการลงทุน มสธ. ได้หารือกับกรมบัญชีกลางและส่งร่างสัญญาการลงทุนให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจตามระเบียบราชการแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำฝากธนาคารโดยได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4 ปีอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 0.61 – 1.16 บาท และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามผลทุก 3 เดือน โดย 4 ปีที่ผ่านมา พ.ศ.2562-2565  มสธ. ได้รับผลตอบแทนจากเงินลงทุน ทั้งสิ้น 216,965,623 บาท โดยเฉลี่ย 4 ปี ร้อยละ 2.33-4.40 บาท ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top