Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! ต่างชาตินิยมยกกองถ่ายหนังในไทย ดันอุตฯ หนังไทยโต โกยรายได้กว่า 9 ล้านพันบาท

(13 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและยินดีที่ ประเทศไทยเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ต่างประเทศมักเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ทำให้สถานที่สวยงามของไทยเป็นที่รู้จัก เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมทั้งยังมีส่วนในการกระจายรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศไปในโอกาสเดียวกันด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า จากรายงานของกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ในปี 2565 มีการถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทยถึง 348 เรื่อง โดยเดือนกันยายน และพฤศจิกายน 2565 มีการถ่ายทำสูงสุดที่ 42 เรื่อง ในขณะที่ล่าสุด เดือนมกราคม 2566 มีการถ่ายทำไปแล้วถึง 34 เรื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 298.11 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2566)

นายอนุชา กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ภาครัฐยังได้ให้การสนับสนุนเป็นสิทธิประโยชน์ในรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) ตามมติ ครม. (7 ก.พ. 2566) ร้อยละ 20-30 เป็นระยะเวลา 2 ปี สิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ร้อยละ 20 เมื่อมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกินร้อยละ 10 

นายอนุชา กล่าวว่า ยังมีการปรับเพิ่มการคืนเงินจากเดิม 75 ล้านบาท/เรื่อง เป็น 150 ล้านบาท/เรื่อง จะทำให้เพดานเงินลงทุนสร้างภาพยนต์ต่อเรื่องเพิ่มเป็น 750 ล้านบาท จากเดิม 375 ล้านบาท เพื่อเป็นการรับกับแนวโน้มที่คณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาในไทยเป็นผู้สร้างรายใหญ่ เงินทุนสูง โดยเฉพาะภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์

'รมว.เฮ้ง' ห่วงลูกจ้างบาดเจ็บ เหตุตึกทรุด ย่านพระราม 9 สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาสาเหตุ-เร่งช่วยเหลือตามสิทธิ

(13 ก.พ. 66) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ห่วงเหตุอาคารก่อสร้างทรุดตัว ย่านพระราม 9 ทำให้มีลูกจ้างบาดเจ็บ 5 ราย สั่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม หาสาเหตุและเร่งช่วยเหลือตามสิทธิ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า "กรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว เกิดเหตุอาคารก่อสร้างที่พักอาศัยถล่มทับลูกจ้างบาดเจ็บ 5 ราย เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16.00 น. ในเบื้องต้น ผมได้รับรายงานจากพนักงานตรวจความปลอดภัย สนง.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 เหตุเกิดในพื้นที่ใกล้เคียงกับอาคารโชว์ดีซี ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยเป็นพื้นที่โครงการก่อสร้างบ้านพักอาศัย ขณะเกิดเหตุมีลูกจ้างทำงานอยู่ภายในอาคารประมาณ 130 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย สัญชาติกัมพูชา นำส่งโรงพยาบาลเพชรเวชแล้ว จำนวน 3 ราย และไม่ประสงค์ให้นำส่งโรงพยาบาลจำนวน 2 ราย

ผมจึงสั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม ลงพื้นที่หาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ พร้อมจะเดินทางไปเยี่ยมลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเพชรเวช และจะเร่งดำเนินการให้ได้ลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายต่อไป"

ด้านนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า พนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 (สรพ.5) จะเชิญนายจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อตรวจสอบว่านายจ้างได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือเข้าร่วมการประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย วาระพิเศษ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าในการจัดทำระเบียบข้อบังคับสำหรับการรื้อถอนแท่นขุดเจาะ และพิจารณาแนวทางลดการแพร่ก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่พัฒนาร่วมอย่างยั่งยืน

วันที่ (11 ก.พ. 66) พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะสมาชิกองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA:Malaysia-Thai Joint Authority) เข้าร่วมการประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย วาระพิเศษ ในระดับผู้บริหารอย่างเป็นกันเอง(Board Retreat)  โดยมี ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ประธานร่วมฝ่ายไทยเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย YBHG.TAN SRI DR.RAHAMAT BIVI BINTI YUSOFF ประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย และสมาชิกองค์กรร่วมฯ จากทั้งสองประเทศเข้าร่วมการประชุม ณ Intercontinental Phuket Resort จ.ภูเก็ต โดยการประชุมครั้งนี้มีการรายงานความก้าวหน้าและร่วมพิจารณาร่างระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการรื้อถอนแท่นขุดเจาะ และการบรรยายเกี่ยวกับการแพร่ก๊าซเรือนกระจก รวมถึง การกำหนดแผนงานลดการแพร่ก๊าซเรือนกระจกภายใต้กรอบการรักษาสภาวะแวดล้อมในพื้นที่พัฒนาร่วม ไทย-มาเลเซีย (MTJDA: Malaysia – Thai Joint Development Area) ให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน 

'ปราสาทกาซีอันเตป' มรดกยุคโรมันอายุ 2 พันปี พังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรเคีย

ภัยพิบัติแผ่นดินไหวระดับรุนแรงมากที่เกิดขึ้นในทางตอนใต้ของประเทศตุรเคียและตอนเหนือของประเทศซีเรีย ซึ่งมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองกาซีอันเตป (Gaziantep) สร้างความเสียหายใหญ่หลวง อาคารบ้านเรือนทลายลงมาเหลือสภาพเป็นซากปรักหักพัง เศษอิฐซากปูนที่ทับถมกองพะเนินมีครอบครัวของใครบางคนที่รอการค้นพบอยู่ในนั้น โดยไม่ทราบว่าจะพบในสภาพเป็นหรือตาย

ครบหนึ่งสัปดาห์ของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ตุรเคียและซีเรีย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 33,000 รายแล้ว และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก คาดก็อาจจะขึ้นไปถึงหลักแสน การค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตดำเนินไปท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของคนในพื้นที่ ขณะที่อากาศหนาวเหน็บเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร บวกกับความซับซ้อนทางการเมืองของพื้นที่ ทำให้ความช่วยเหลือจากนานาชาติเป็นไปอย่างล่าช้า

ความเสียหายทางด้านวัตถุสิ่งปลูกสร้างนั้น หนักหนากว่าการที่ผู้คนสูญเสียบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เนื่องด้วยประเทศตุรเคียเป็นดินแดนแห่งอารยธรรมหลายจักรวรรดิสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ตั้งแต่จักรวรรดิโรมันตะวันออก จักรวรรดิไบแซนไทน์ และจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งมรดกทางอารยธรรมเหล่านั้นยังหลงเหลืออยู่ให้เห็นหลายแห่งทั่วประเทศตุรเคีย รวมถึงประเทศที่มีพรมแดนติดกันอย่างซีเรีย ซึ่งในอดีตก็เคยเป็นพื้นที่ในจักรวรรดิเดียวกันความเสียหายหรือผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้จึงเกิดขึ้นกับโบราณสถานเหล่านั้นด้วย

ในพื้นที่ประเทศตุรเคียและซีเรียมีโบราณสถานหลายแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การ เพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) ซึ่งตามข่าวที่ยูเนสโกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ยูเนสโกเป็นกังวลและได้ร่วมกับพันธมิตรลงพื้นที่สำรวจความเสียหายแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีแหล่งมรดกโลกแห่งใดเสียหาย

สำหรับในซีเรีย ยูเนสโกกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองโบราณอเลปโป ซึ่งอยู่ในรายชื่อมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย (World Heritage in Danger List) จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่และพันธมิตรพบว่า หอคอยด้านตะวันตกของกำแพงเมืองเก่าและอาคารเก่าหลายแห่งในตลาดได้รับความเสียหาย

ส่วนในตุรเคีย ยูเนสโกบอกว่า “รู้สึกเศร้าใจกับการพังทลายของอาคารหลายแห่งในเมืองดิยาร์บากีร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ‘ป้อมปราการดิยาร์บากีร์ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมสวนเฮฟเซล การ์เดน’ (Diyarbakır Fortress and Hevsel Gardens Cultural Landscape) ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของจักรวรรดิโรมัน จักรวรรดิไบแซนไทน์ และจักรวรรดิออตโตมัน”

นอกจากนี้ ยูเนสโกกังวลว่าแหล่งมรดกโลกอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวอาจได้รับผลกระทบด้วย เช่น โกเบคลี เทเป (Göbekli Tepe), เนมรุต ดัก (Nemrut Dağ) และเนินเขาอาร์สลันเตเป (Arslantepe) แม้จะไม่ใช่มรดกโลก แต่โบราณสถานที่เห็นชัดเจนว่าพังเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้ คือ 'ปราสาทกาซีอันเตป' (Gaziantep Castle) มรดกอารยธรรมยุคโรมันที่อยู่คู่เมืองนี้มากว่า 2,000 ปี

เมืองกาซีอันเตป (Gaziantep) ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอานาโตเลีย เป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีประชากรอาศัยตั้งรกรากต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ในยุคจักรวรรดิออตโตมัน (ค.ศ. 1299-1922) เมืองนี้มีชื่อว่า 'แอนเตป' (Antep) ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น 'กาซีอันเตป' (Gaziantep) ในปี 1928 และใช้ชื่อนี้ต่อมาถึงทุกวันนี้

ปราสาทกาซีอันเตปตั้งอยู่ใจกลางเมืองกาซีอันเตป จากการขุดค้นทางโบราณคดีมีหลักฐานว่าปราสาทหินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรก เพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ในสมัยจักรวรรดิโรมัน ในช่วง 2-3 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช และต่อมามีการขยายต่อเติมให้เป็นปราสาทเต็มรูปแบบ ตามข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพิพิธภัณฑ์และแหล่งโบราณคดีในประเทศตุรเคีย ระบุว่ารูปแบบปราสาทที่เห็นในยุคปัจจุบันเป็นรูปแบบที่ต่อเติมปรับปรุงในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ ในช่วง ค.ศ. 527-565

'ชัยธวัช' ดักคอ 'ส.ส.รัฐบาล' อย่าคิดหนีอภิปราย 152 ลั่น!! 'ก้าวไกล' พร้อมจัดหนัก เช็กบิลรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง

(13 ก.พ. 66) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล อาจไม่อยู่เป็นองค์ประชุมในการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ. ที่จะถึงนี้ เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ถ้าทำจริง จะยิ่งเปลือยประจานตนเอง กระแสเสื่อมศรัทธาต่อฝ่ายรัฐบาลจะเพิ่มสูงขึ้นทันที เพราะการอภิปรายเป็นกลไกปกติในการตรวจสอบรัฐบาล

และขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสให้รัฐบาลได้ชี้แจงประเด็นที่สังคมสงสัย โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมามีหลายเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น หากการอภิปรายมาตรา 152 ครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง กลับไม่ร่วมมือแม้แต่เป็นองค์ประชุม ประชาชนจะยิ่งเห็นว่ารัฐบาลเป็นวัวสันหลังหวะ และข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านเป็นความจริง

Time To Change 'เมื่อประเทศเปลี่ยนไป'

ถามคนไทยว่า “รู้จักคลองผดุงกรุงเกษมกันหรือไม่?” เชื่อว่าร้อยทั้งร้อย ต้องคุ้นเคยกับคลองสำคัญแห่งนี้เป็นอย่างดี ย้อนเวลากลับไป คลองผดุงกรุงเกษม หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า คลองผดุงฯ ถูกดำริให้ขุดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ราวปี พ.ศ. 2394 เนื่องจากทรงเห็นว่าบ้านเมืองเจริญมากขึ้น สมควรที่จะขุดคลองเพื่อขยายออกไปรอบนอกพระนคร เป็นประโยชน์ในการสัญจร และการทำมาค้าขายของประชาชน โดยได้รับพระราชทานชื่อว่า คลองผดุงกรุงเกษม

คลองผดุงฯ มีความยาวกว่า 5.5 กิโลเมตร ถูกขุดและตัดผ่านคลองสำคัญๆ ในย่านพระนคร ทำให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ และเกิดศูนย์กลางชุมชนขึ้นอีกมากมาย รวมทั้งยังทำให้เกิดวัดสำคัญ และย่านการค้า อาทิ ตลาดเทเวศร์ ตลาดมหานาค ย่านหัวลำโพง ตลาดนางเลิ้ง ฯลฯ

เพจสายไหมต้องรอด พาญาติสาวผูกคอตายเข้าร้องเรียน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หาสาเหตุที่แท้จริง หลังติดใจการเสียชีวิต

วันนี้ (13 ก.พ.66) เวลาประมาณ 09.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมารับเรื่องร้องเรียนจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ แอดมินเพจสายไหมต้องรอด ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ โดยพา นายเกรียงศักดิ์ ริ้วกลาง ผู้ร้องซึ่งเป็นพี่ชาย ของน.ส.วัน (นามสมมติ)อายุ 31 ปี ซึ่งเสียชีวิตด้วยการผูกคอตาย เชื่อว่าการเสียชีวิตชีวิตของ น.ส.วัน น้องสาวนั้น มีความผิดปกติน่าสงสัย อาจเสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรม ก่อนหน้านี้ผู้ตายได้คบหากับชายชาวต่างชาติคนนึง ที่รู้จักกันในสถานบันเทิงและได้คบหากันมาประมาณ 4-5 เดือน สัปดาห์ที่แล้วผู้เสียชีวิต ได้ปรึกษาพี่ชาย ว่าถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย และได้หลบหนีออกมา พี่ชายจึงแนะนำให้ไปแจ้งความ โดยลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมา ผู้ตายยังปรึกษาพี่ชายเรื่อย ๆ ว่า ถูกบังคับให้เสพยา เช่น กัญชา โคเคน และมีการถ่ายคลิป ถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสมไว้และขู่ว่าจะเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตหากไม่ยินยอม ทางพี่ชายของผู้ตาย ได้พยายามหาทางช่วยเหลือผู้ตาย แต่ได้รับแจ้งว่าผู้ตายได้เสียชีวิตด้วยการผูกคอ โดยคนที่อยู่ในเหตุการณ์อ้างว่านำตัวลงมาปั๊มหัวใจ แต่ช่วยไว้ไม่ได้ ก่อนจะนำส่งไปที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อชันสูตรการเสียชีวิต

'ปคบ.-อย.' บุกโกดังลอบผลิตเครื่องสำอาง - ยาสีฟันปลอม ยึดของกลางเกือบ 70,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 14 ล้าน!!

(13 ก.พ. 66) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมแถลงการตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เพื่อทลายเครือข่ายลอบนำเข้าเครื่องสำอางแบรนด์ไทยปลอมหลากยี่ห้อ ของกลางกว่า 70 รายการ มูลค่ากว่า 14 ล้าน

พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นสามารถตรวจยึดและอายัดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และยาสีฟันไทยยี่ห้อดังปลอม และแบรนด์อื่น ๆ กว่า 67,430 ชิ้น 70 รายการ มูลค่าของกลางกว่า 14 ล้านบาท พร้อมจับกุมนายจง (Mr.Zhong) สัญชาติจีน ซึ่งทำหน้าที่ดูแลสถานที่ โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ รับแค่ว่ามีหน้าที่แพ็คสินค้าและส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ โดยมีนายทุนจีนเป็นคนสั่งการ และทำมาแล้วกว่า 3 เดือน

พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ผู้ต้องหาให้การซัดทอดไปยังกลุ่มทุนจีน ว่า เป็นผู้ส่งสินค้ามาให้จากประเทศจีน ตนเป็นคนแพ็คของส่งของ ซื้อขายผ่านร้านแพลตฟอร์มออนไลน์ (ช้อปปี้, ลาซาด้า) กว่า 18 ร้านค้า โดยเปลี่ยนชื่อบัญชีผู้รับโอนเงิน รวมทั้งเปลี่ยนที่จัดส่งหลายครั้ง โดยใช้รถขนส่งของเอกชนเพื่ออำพรางจนยากที่จะตรวจสอบ

'อนุชา' ปัด 'พปชร.' ล็อบบี้พรรคร่วมฯ ล้มอภิปราย ม.152 ชี้ ที่บรรยากาศเงียบเหงา เพราะทุกคนโฟกัสการหาเสียง

(13 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 09.30 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาและคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ลงชื่อเข้าร่วมการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ในวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ว่า ขอรับประกันว่าไม่มีเรื่องนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่กลัวการตรวจสอบ เนื่องจากเป็นเรื่องการเมืองตามปกติ ดังนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสภาฯ แต่ตนเองก็พยายามที่จะดูแลอยู่แล้ว ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง แต่ก็ยอมรับว่า ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีปัญหาเกิดขึ้น ทำให้สภาฯ ไม่ครบองค์ประชุม และต่างฝ่ายต่างโยนปัญหากันไปมา ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สภาฯ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

'ชาติพัฒนากล้า' ลุยสำรวจปทุมธานี - อยุธยาฯ ผลักดัน 'ศก.สายมู' ดึงดูด นทท. สร้างรายได้ให้ประเทศ

(13 ก.พ. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ นายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วย นางสาวยศยา ชิยาปภารักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร, นางสาววิเวียน จุลมนต์ และนางสาวกชพร คีรีโชติ ทีมนโยบายพรรค เดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสายมู ณ วัดโบสถ์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี, วัดไชยวัฒนาราม และอุทยานหลวงปู่ทวด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยวัดโบสถ์นั้น มีการสร้างหลวงพ่อโต องค์ใหญ่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดย นายกอุ๊ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเมื่อกว่า 10 ปี ที่แล้ว จากวัดเล็ก ๆ ขยายเติบโตเป็นวัดขนาดใหญ่ ที่ประชาชนจากทั่วประเทศ เข้ามาสักการะไม่ขาดสาย สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ที่นำของมาจำหน่าย สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน

ส่วนที่วัดไชยวัฒนาราม ก็เป็นแลนด์มาร์กสำหรับแหล่งเช็กอินของชาวไทยและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับร้านค้า เช่าชุดไทย ที่นักท่องเที่ยวนิยมใส่ถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และที่อุทยานหลวงปู่ทวด ซึ่งนายกอุ๊ ได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่ จากพื้นที่นาโล่ง ๆ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ที่สร้างรายได้ให้กับร้านค้าชุมชนในพื้นที่ต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 – 350,000 บาท

นางสาวยศยา หรือ นุ่น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นผู้ที่ทำธุรกิจสายมู กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อและความศรัทธาในศาสตร์การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่คู่คนไทยมาช้านานตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาล การกราบไหว้และบูชาในศาสตร์ต่าง ๆ เปรียบดั่งการยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมถึงปลุกขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตทางโลกได้อย่างเสถียรภาพและมีคุณภาพ มีบทวิจัยจากนักวิจัยหลายประเทศ เป็นเครื่องยืนยันว่าศาสตร์ของการมูเตลูและการนั่งสมาธิสามารถเยียวยาจิตใจ รักษาโรคภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับมวลมนุษย์ได้

นางสาวยศยา กล่าวว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ในการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและศาสตร์การบูชาองค์เทพสายขาวทุกแขนง เริ่มต้นจากผู้ศรัทธากลายมาเป็นผู้บูชา จนมาถึงเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ one stop services เกี่ยวกับการมูเตลู นุ่นเป็นทั้งผู้ซื้อสินค้าและบริการ จนกลายมาเป็นผู้ให้บริการทางด้านสินค้าและบริการทางศาสตร์มูเตลู เป็นเครื่องยืนยันได้จากประสบการณ์จริงว่า ความศรัทธา สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเงิน และต่อยอดทางธุรกิจและเศรษฐกิจได้อย่างไม่รู้จบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top