Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

'ก้าวไกล' ลงพื้นที่ กทม.เปลี่ยนแผงหวยเป็นแผงขายนโยบาย ชี้!! กาก้าวไกล ปากท้องดี มีอนาคต เหมือนถูกรางวัลที่ 1

‘ก้าวไกล’ ลุยประตูน้ำ-ตลาดจตุจักร งัดลูกเล่นใหม่ เปลี่ยนแผงหวยเป็นแผงขายนโยบาย ประชาชนตอบรับคึกคัก ด้านพิธาย้ำ ‘กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ พร้อมเป็นนายกฯ แกนนำปิดสวิตซ์ 3 ป.

(29 ม.ค.66) พรรคก้าวไกลลงพื้นที่พบปะประชาชนและแนะนำนโยบายหลักของพรรค 'กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต'

โดยช่วงเช้าไปที่ศูนย์การค้าแพลทินัม แฟชั่นมอลล์ นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เอกกวิน โชคประสพรวย ส.ก.เขตราชเทวี พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตใกล้เคียง 

พิธากล่าวว่า หลังการประชุมสามัญ วันนี้พรรคก้าวไกลต้องการเดินหน้าต่อเนื่อง นำนโยบายที่ได้ประกาศมาเสนอต่อประชาชน โดยเฉพาะนโยบายปากท้องดี เนื่องจากศูนย์การค้าแพลทินัมเป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางเศรษฐกิจ เราคาดหวังว่าการลงพื้นที่วันนี้ จะอธิบายให้ประชาชนเห็นภาพมากขึ้นว่านโยบายของพรรคก้าวไกลจะทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอย่างไร โดยเฉพาะนโยบายหวย SME ซื้อของรายย่อยได้ลุ้นเงินล้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มแต้มต่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยในการแข่งขันกับทุนใหญ่

'โซนี่’ ย้ายสายการผลิตกล้องถ่ายรูปจากจีนมาไทย สำหรับขายในตลาด ‘สหรัฐฯ-ยุโรป-ญี่ปุ่น’

(29 ม.ค.66) เว็บไซต์ นสพ. Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว Sony separates production of cameras for China and non-China markets ระบุว่า โซนี่ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ตัดสินใจแยกสายการผลิตกล้องถ่ายรูปสำหรับจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป และประเทศญี่ปุ่น ย้ายออกจากจีนมายังประเทศไทย เพื่อปกป้องระบบห่วงโซ่อุปทานโดยการลดการพึ่งพาจีน โดยโรงงานโซนี่ที่ประเทศจีนจะผลิตกล้องสำหรับจำหน่ายในตลาดจีน

ในปัจจุบัน กล้องของโซนี่ถูกส่งออกจากโรงงานในจีนและไทย ไซต์ดังกล่าวจะคงไว้ซึ่งโรงงานผลิตบางส่วนเพื่อนำกลับมาออนไลน์ในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โซนี่ได้ย้ายสายการผลิตกล้องถ่ายรูปสำหรับตลาดสหรัฐฯ เป็นแห่งแรก ต่อมาจึงเป็นการย้ายสายการผลิตสำหรับตลาดญี่ปุ่นและยุโรปในช่วงปลายปี 2565

รายงานของยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor) บริษัทวิจัยตลาดข้ามชาติซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ พบว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา กล้องถ่ายรูปแบบมิเรอร์เลสของโซนี่ ซีรีส์อัลฟา ขายไปได้ถึง 2.11 ล้านตัว แต่ในจำนวนนี้มาจากตลาดจีนเพียง 1.5 แสนตัว ส่วนที่เหลืออีกราวร้อยละ 90 เป็นตลาดอื่น ๆ นั่นหมายความว่าสายการผลิตกล้องของโซนี่ส่วนใหญ่ย้ายจากจีนไปไทยแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางโซนี่ได้ชี้แจงว่า ยังให้ความสำคัญกับตลาดจีนและยังไม่มีแนวคิดเรื่องการออกจากตลาดดังกล่าว นอกจากนั้น โรงงานของโซนี่ในจีน จะยังคงผลิตสินค้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ เครื่องเล่นวีดีโอเกม และเลนส์กล้องถ่ายรูป สำหรับส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ

'กิมจิจีน' รุกคืบครองส่วนแบ่งตลาดในเกาหลีใต้ 40% ผลพวกจาก 'วิกฤติเศรษฐกิจ - สภาพอากาศแปรปรวน'

'กิมจิ' อาหารประจำชาติของเกาหลี เป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคยดีและซึมซับผ่านทาง Soft Power ด้านต่าง ๆ เช่น ร้านอาหารเกาหลี ซีรีส์ รายการวาไรตี้ และเมื่อเจอกิมจิที่ไหน เราจะนึกถึงเกาหลีขึ้นมาก่อนทันที

แต่รู้หรือไม่ว่า ตอนนี้ตลาดกิมจิในเกาหลีใต้ถูกกิมจิจากประเทศจีน กินส่วนแบ่งตลาดไปมากถึง 40%

ตัวเลขส่งออกกับนำเข้าที่สวนทางกันของกิมจิ กำลังกลายเป็นประเด็นในเกาหลีใต้ ท่ามกลางการยิ้มรับความสำเร็จและเม็ดเงินจาก Soft power

มูลค่านำเข้ากิมจิปี 2022 ของเกาหลีใต้อยู่ที่ 169 ล้านดอลลาร์ (ราว 5,500 ล้านบาท) เพิ่มจาก 140 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,500 ล้านบาท) ของปี 2021 

และยังเพิ่มขึ้นมาแทบทุกปี ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สวนทางกับตัวเลขส่งออกในปี 2022 ซึ่งอยู่ที่ 140 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,500 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 7 ปี

'บิ๊กตู่' เตรียมลงพื้นที่ 'จ.นครสวรรค์ - จ.พิจิตร' ตรวจความคืบหน้าหลายโครงการ - รับฟังปัญหา ปชช.

(29 ม.ค.66) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดพิจิตร ในวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการ และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยมีกำหนดการ ดังนี้

โดยช่วงเช้านายกรัฐมนตรีมีกำหนดตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำเพื่อความยั่งยืนและเพื่อการเกษตรสมัยใหม่ ณ สันฝายเก่าบึงบอระเพ็ด ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ 

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปติดตามการขับเคลื่อนระบบการบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้าในระดับพื้นที่ ณ วัดดงแม่ศรีเมือง ตำบลตาสัง อำเภอบรรพตพิสัย และตรวจติดตามการพัฒนาความมั่นคงด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ณ โรงพยาบาลบรรพตพิสัย ตำบลเจริญผล อำเภอบรรพตพิสัย  

'ลุงหนู' ขอคนกรุงเชื่อมั่น!! 'พรรค ภท.' เลือกแต่คนมีของ ขอโอกาสได้ลองทำงานตามสไตล์พรรครับใช้กรุงเทพฯ

'อนุทิน' เสนอตัวทำงานให้คนกรุงเทพฯ ครั้งแรก ดึงส.ส.กรุงเทพฯ หวังแก้ปัญหาให้ สั่น พร้อมเป็นนายกฯ หาก ภท.ชนะเลือกตั้ง ไม่หวั่นเสียงส.ว. ระบุ ทำงานได้กับทุกคน แจง ปมย้าย 'หมอสุภัทร' ไม่ใช่หน้าที่รมต. พร้อมไม่เคยมองใครในกระทรวงเป็นเสี้ยนหนาม

(29 ม.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่บริเวณชุมชนวัดมะกอก เขตสามเสนใน กรุงเทพฯว่า การลงพื้นที่นี้ก็ถือเป็นการมาศึกษาปัญหาของพี่น้องที่อยู่ในชุมชนที่ตนเองเกี่ยวข้อง และแก้ปัญหาให้ถูกต้อง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเราก็เป็นครั้งแรกที่มาเสนอตัวเป็นตัวเลือกให้กับพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพฯ โดยตนเชื่อว่าถ้าคนกรุงเทพฯ รู้จักพรรคภูมิใจไทยแล้วก็น่าจะชอบในสไตล์พรรคที่กล้าตัดสินใจ

โดยคนกรุงเทพฯ ก็คงได้เห็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำไว้ทั่วประเทศที่ได้ให้สัญญาไว้เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 2562 ในหลาย ๆ เรื่องเราก็ได้ส่วนงานที่เราเกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาให้กรุงเทพฯ ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีส.ส.ในกรุงเทพฯ เลยก็ตาม วันนี้เราได้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และส.ส.หลายมา เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะผลักดันนโยบายและเจตนารมณ์ได้ด้วยสไตล์การทำงานของพรรคภูมิใจไทย พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้เรามีของ มีน้ำมีเนื้อ ไม่ใช่ว่าเอาใครก็ไม่รู้ที่เราไม่รู้จักกันมาเสนอให้คนกรุงเทพฯ แต่นี่เราเอาส.ส.กรุงเทพฯ มาเสนอจะได้ทำงานต่อเนื่องไป

เมื่อถามพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ติด 1 ใน 4 ของกรุงเทพฯ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็สาเหตุนี้เราจึงต้องเชิญนายพุทธพงษ์ และส.ส.กรุงเทพฯ มาทำงาน เราเลือกส.ส.ที่เข้าใจ ปัญหาต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และใกล้ชิดกับประชาชน 

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรระบาดหนัก ยังคงมีประชาชนตกเป็นเหยื่อหลังจากที่เคยออกมาเตือนแล้ว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย กรณียังคงมีประชาชนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร ดังนี้

ตามที่ บช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน กรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร ส่งข้อความสั้น (SMS) หรือโทรศัพท์ไปหลอกลวงประชาชน หลอกให้กดลิงก์แอดไลน์ของกรมสรรพากรปลอม แล้วส่งลิงก์ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันกรมสรรพากรปลอมซึ่งแฝงมากับมัลแวร์ (Malware) หรือโปรแกรมประสงค์ร้ายที่ถูกเขียนขึ้นมา เพื่อทำอันตรายกับข้อมูลในระบบ เช่น ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ทำงานผิดปกติ ขโมยหรือทำลายข้อมูล หรืออาจจะเปิดช่องทางให้มิจฉาชีพเข้ามาควบคุมโทรศัพท์ของเราได้ รวมไปถึงหลอกลวงให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน โดยมิจฉาชีพมักจะอ้างว่าจะขอทำการตรวจสอบรายได้ของท่าน หรือเป็นการแจ้งเตือนให้ชำระภาษี หรือให้ทำการยกเลิกเสียภาษีจากโครงการของรัฐบาล หรืออ้างว่าสามารถช่วยเหลือไม่ให้เสียภาษีย้อนหลังได้ ผ่านแอปพลิเคชันกรมสรรพากรปลอมดังกล่าว

แต่ในปัจจุบันยังคงพบว่ามีประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ กดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันของกรมสรรพากรปลอม แล้วถูกมิจฉาชีพโอนเงินออกจากบัญชีเป็นจำนวนมาก ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีเจ้าของร้านขายของชำถูกมิจฉาชีพ หลอกติดตั้งแอปพลิเคชันสรรพากร ให้ยกเลิกถุงเงิน และให้เสียภาษีย้อนหลัง สูญเงินกว่า 1.6 ล้านบาท หรือกรณีสามีภรรยาถูกมิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน อ้างว่าให้ยกเลิกภาษีในโครงการคนละครึ่ง สูญเสียเงินเก็บก้อนสุดท้ายกว่า 1 ล้านบาท เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานของรัฐ หรือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

'ชูวิทย์' ยัน!! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง แถมแต่งเรื่อง-ทำลายหลักฐาน-ไม่ยอมรับความจริง

(30 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสตฺข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

หลังจากเมื่อเย็นวันก่อน ผบช.น. ให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์ 

แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวัน

ให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง! และมีคลิปยืนยันด้วย

เพราะเห็นว่าการแถลงข่าวเมื่อเย็นของนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ

ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสด ๆ ร้อน ๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง!

ก่อนหน้านี้ ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง

ใช้ให้ลูกน้อง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการ น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ไปวางแผนทำขายขี้หน้า หลายเรื่อง...

1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน

2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน

3. กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ

4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน

5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง 

ผบ.ตร. เห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน

พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเอง

ทีม บชน. จึงชิงกลับลำ ให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า

ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า วันจันทร์คงแบกหน้าสารภาพผิด

เรื่องสำนวน 'ตู้ห่าว' ยังมีกลิ่นตุๆ ไม่หาย

ยังมาทำเรื่อง 'สาวไต้หวัน' ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก

'พปชร.' ฟุ้ง!! คนแห่ร่วมงานระดมทุนพรรคล้น เหตุกระแส 'พรรค' ดี ชี้!! มีแต่คนคุณภาพไหลร่วม

(30 ม.ค. 66) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการจัดงานระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะจัดขึ้นที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ในวันที่ 30 ม.ค. 2566 ว่า เรื่องการระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐได้ดําเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ ที่มีผู้แสดงความจํานง ซื้อโต๊ะร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ประมาณ 170 โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

นายสันติ กล่าวต่อว่า อีกนัยยะหนึ่ง การสนับสนุนในครั้งนี้ หมายความว่า อย่างน้อยที่สุดก็จะมีพี่น้องประชาชน และนักลงทุนหลายส่วนให้การสนับสนุนถึง 1,700 คนขึ้นไป ก็ต้องถือว่าพรรคเป็นที่ชื่นชม และเป็นความมั่นใจของนักเศรษฐกิจ นักลงทุน นักวิชาการ ตลอดจนพี่น้องประชาชน ที่พร้อมให้การสนับสนุนในการทำงานของพรรค

รองโฆษก อสส. ชี้!! หนี้เงินไม่ใช่หนี้ชีวิต ไม่ต้องเอาไปใช้ให้ใคร แนะ!! สายด่วน 1157 อัยการมีวิธีหาทางออกให้

(30 ม.ค. 66) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “เป็นหนี้…อย่าคิดสั้น  หนี้เงินไม่ใช่หนี้ชีวิต ไม่ต้องเอาชีวิตไปใช้หนี้ใคร..?” ระบุว่า อัยการมีวิธี…แก้ปัญหาชีวิต มาคิดยาว..กับอัยการชีวิตยังไปต่อได้เสมอ ปัญหาหนี้สินเครียด ไม่มีทางออก อย่าคิดสั้น อัยการมีวิธีหาทางออกให้ถูกกฎหมาย ต่อให้ล้มละลาย..ชีวิตก็ยังไปต่อได้

โปรดไปพบอัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย มีทุกจังหวัด 117 สาขาวันเสาร์ก็ไปได้ สายด่วน 1157 อัยการจะบอกวิธีแก้ปัญหาชีวิตจากหนี้สิน อัยการช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชนมาแล้วมากมาย มาหาอัยการจะมองเห็นทางออกชีวิตไม่มีทางตัน ชีวิตไปต่อได้เสมอ มาสู้ชีวิต ๆต้องสู้…อัยการจะอยู่เคียงข้างประชาชน ก่อนตัดสินใจคิดสั้นโปรดมาพบอัยการก่อนครับ

สังคมร่วมใจ ผุด โครงการริสแบนด์และป้ายคิวอาร์โค้ด ช่วยคนป่วยหายออกจากบ้าน คืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัย

ไม่นานมานี้ ‘คุณโบว์ - ณัฏฐา มหัทธนา’ ได้โพสต์รายละเอียดอีกโครงการดีๆ ความว่า...

ใครมีผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจะหายออกจากบ้าน ไปลงทะเบียนรับอุปกรณ์กันได้ฟรีนะคะ

👉 thaimissing.backtohome.org 

โครงการริสแบนด์ และป้ายคิวอาร์โค้ด ‘หาย(ไม่)ห่วง’ เป็นความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิกระจกเงา, บริษัท Enegetic Electrical Engineering จำกัด, บริษัทเอสเคที.เอ็มบรอยเดอรี่ จำกัด และบริษัททรูคอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างนวัตกรรมการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมที่มีอาการหลงลืม และมีความเสี่ยงในการพลัดหลงสูญหายออกจากบ้าน

ในแต่ละปี สถิติผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม โรคหลงลืม และกลุ่มโรคจิตเวช มีแนวโน้มในการพลัดหลงสูญหายออกจากบ้านเป็นจำนวนมาก ปลายทางของผู้ป่วยที่พลัดหลงหายออกจากบ้าน มักอยู่ในที่สาธารณะ ดังนั้น คนในสังคมจะมีส่วนสำคัญในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยที่พลัดหลงหายออกจากบ้านได้

ริสแบนด์ และ ป้ายคิวอาร์โค้ด ‘หาย(ไม่)ห่วง’ จึงเป็นอุปกรณ์ที่ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ เพื่อให้คนในสังคมทราบว่า บุคคลที่สวมใส่ริสแบนด์ หรือมีป้ายคิวอาร์โค้ด รีดติดที่เสื้อหรือกางเกง ดังกล่าวเป็นผู้ป่วยที่กำลังพลัดหลงหายออกจากบ้าน และต้องการความช่วยเหลือ  โดยคิวอาร์โค้ด ที่ริสแบนด์ และป้ายรีดติดเสื้อ ยังสามารถระบุตัวตนของผู้สวมใส่ ภายใต้การรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างรัดกุมที่สุด

ริสแบนด์ 1 เส้น และป้ายคิวอาร์โค้ด จำนวน 12 แผ่น จะส่งมอบให้กับครอบครัวของผู้ป่วยที่ลงทะเบียนกับโครงการเท่านั้น ข้อมูลที่ลงทะเบียนจะถูกเก็บเป็นความลับสูงสุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top