Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

'ศชอ.' รุดให้กำลังใจนักเรียนถ่ายคลิปครูบูลลี่ 'พล.อ.เปรม' ชี้!! เป็นเรื่องใหญ่ในสังคม หวั่นคนชั่วชนะความดี

ศูนย์ช่วยเหลือผู้ถูกล่วงละเมิด bully รุดให้กำลังใจน้องนักเรียนถ่ายคลิปครูสาวโรงเรียนดังในกทม. บูลลี่ 'พล.อ.เปรม' ชี้เป็นเรื่องใหญ่ในสังคม หวั่นคนชั่วชนะความดี ต้นไม้พิษ จะผลิตลูกไม้พิษ

(23 ธ.ค. 65) จากกรณีเด็กนักเรียนถ่ายคลิปครูสาวโรงเรียนดังใน กทม. กำลังสอนวิชาสังคมศึกษา แต่กลับใช้คำพูดพาดพิงในลักษณะบูลลี่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษ และอดีตประธานองคมนตรี ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม โดยเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายนพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) ได้เดินทางไปโรงเรียนดังกล่าว และเรียกร้องให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานครเขต 2 เร่งตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน

ล่าสุด นายนพดล พรหมภาสิต โพสต์ข้อความว่า

วันนี้จะไปพบน้องที่ถ่ายคลิปกับคุณย่า เพื่อพูดคุยให้กำลังใจ ให้น้องมั่นใจว่าจะปลอดภัย เพราะน้องเกิดความสับสนว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปนั้นถูกหรือผิด และไม่อยากจะไปโรงเรียนแล้ว

1. สิ่งที่ถูกต้องกำลังจะถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ผิด จากแรงกดดันรอบด้านโดยเฉพาะคนในสังคมที่ต้องเจอทุกวัน (ครู / เพื่อนนักเรียน)

2. คนที่ภูมิต้านทานทางสังคมน้อยจะไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาทำอะไร ๆ ในสิ่งที่ถูกต้อง

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! วิจัยวัคซีนโควิด รุดหน้าเฟส 3 แล้ว เชื่อ!! หากผลิตใช้เองได้ ไทยจะมั่นคงด้านวัคซีน

‘อนุทิน’ เปิดทดลองวัคซีนโควิด HXP-GPOVac ของ อภ. ในคนเฟส 3 ตื้นตันจุกอก ‘อาสาสมัคร 4 พันคน’ เข้าร่วม ย้ำเป็นตัวเปลี่ยนเกม ตีไข่แตกสำเร็จทำไทยมีความมั่นคงวัคซีน ช่วยประหยัดงบประมาณ ส่งออกต่างประเทศ สร้างความร่วมมือต่างชาติขยายต่อยอด อภ.เผยเล็งวิจัยต่อในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

(23 ธ.ค. 65) ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) นพ.ทวีศิลป์ วิศณุโยธิน รองปลัด สธ. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.อภ. และ นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงข่าววิจัยทางคลินิกระยะที่ 3 เพื่อประเมินความปลอดภัยและความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีน HXP-GPOVac ขนาด 10 ไมโครกรัมในรูปแบบเข็มกระตุ้นเปรียบเทียบกับวัคซีนโควิด-19 ชนิดที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ พร้อมเยี่ยมชมการเริ่มฉีดวัคซีนในอาสาสมัคร ซึ่งเริ่มวันนี้เป็นวันแรก - 11 ม.ค. 2565

นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนโควิด HXP-GPOVac หนึ่งในโครงการวิจัยที่คืบหน้าที่สุดของไทย มาถึงจุดวิจัยทางคลินิกในระยะที่ 3 ถือเป็นพัฒนาการอีกหนึ่งขั้นในการสร้างภูมิคุ้มกันในประเทศไทย ต้องขอคารวะอาสาสมัคร 4 พันคน มีทั้งประชาชนและ อสม. ถือว่าเป็นวีรบุรุษวีรสตรี ที่เป็นผู้ที่จะทำให้การพัฒนาวิจัยวัคซีนเกิดผลสำเร็จ มีคุณูปการต่อประชาชนไทยและประเทศ แต่ไม่ต้องกังวล วัคซีนผ่านการทดสอบระยะที่ 1 และ 2 ว่าปลอดภัย ถึงนำมาทดสอบจำนวนมากในระยะที่ 3 เป็นรูปแบบเชื้อตายที่คนไทยคุ้นเคยดีว่าปลอดภัย อย่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่

นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้ไม่มีวัคซีนตัวไหนป้องกันการติดเชื้อโควิดได้ แต่ทุกตัวทำให้ผู้ที่ติดเชื้อไม่มีอาการรุนแรงและไม่เสียชีวิต หากได้รับวัคซีนตามที่ สธ.กำหนดแนะนำ ทั้งนี้ ถ้าการทดสอบได้ผลน่าพอใจ ก็พร้อมจะผลิตวัคซีนตัวนี้เป็นเข็มกระตุ้นจากโรงงานผลิตยาของ อภ.ที่มีคุณภาพระดับโลก เงินทองก็จะไม่รั่วไหลออกนอกประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงของระบบสาธารณสุขไทย

"ทราบว่าอาสาสมัครเป็น อสม. เชื่อว่าคนไทยทุกคนที่รับฟังข้อมูลนี้ก็จะรู้สึกจุกอกด้วยความปลื้มใจและศรัทธาที่มีให้กับ อสม. ที่ทุ่มเทด้านสาธารณสุข ในนามรัฐบาล สธ. และบุคลากรทางการแพทย์ ขอบคุณทุกคนทุกหน่วยงาน ทั้งในและต่างประเทศที่ช่วยกันให้ไทยจะมีวัคซีนป้องกันโควิดจากฝีมือคนไทย ตอกย้ำขีดความสามารถของไทยในการดูแลประชาชนให้มีความมั่นคงด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน" นายอนุทินกล่าว

นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ช่วงโควิดระบาดเราเห็นจุดอ่อนความมั่นคงทางยาและวัคซีน รัฐบาลให้การสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ พัฒนาวิจัยวัคซีนมีหลายรูปแบบ อภ.ใช้เทคโนโลยีไข่ไก่ฟักและแบบเชื้อตาย มีความก้าวหน้าสูงสุดทำได้ในเฟส 3 โดยจะเปรียบเทียบกับไวรัลเวกเตอร์คือแอสตร้าเซนเนกา หวังว่าจะใกล้เคียงกันเรื่องคุณภาพ จะเป็นวัคซีนของคนไทย โดยจะทดลองวัคซีนในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีด้วยจะได้ใช้ในทุกกลุ่มอายุ หากมีความสำเร็จจะทำให้คนไทยมีความมั่นคง กลับไปสู่ภาวะปกติสุข มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และการพึ่งพาตนเอง

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า มีคนถามว่าทำไมต้องมาทดลองวัคซีนกับอาสาสมัครในพื้นที่ จ.นครพนม ซึ่งอยู่ห่างไกลจากกทม.และ อภ. ในฐานะที่ปรึกษาโครงการและเคยมาทำงานในพื้นที่นี้ในการทำวิจัยเรื่องวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาก่อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จึงนับว่าพื้นที่นี้มีความเข้าใจและเคยสร้างฐานการร่วมมือมาก่อน ขอให้ความมั่นใจอาสาสมัครว่า เราทดลองในขั้นก่อนหน้านี้ยาวนานมาก ตั้งแต่การได้ผล ไม่มีสารปนเปื้อน ไม่มีอันตราย ทดลองในหนู กระต่าย ลิง และอาสาสมัครจำนวนน้อยในระยะที่ 1 และ 2 คือพื้นที่นี้ ผลคือไม่มีใครมีปัญหาจากการทดลอง ความปลอดภัย 100% ก็ว่าได้ จึงมั่นใจที่จะทำ ทั้งนี้ กรมฯ เข้ามาช่วยในการตรวจในขั้นตอนต่าง ๆ ทั้งคุณภาพ ระดับภูมิคุ้มกัน และการติดเชื้อ ซึ่งเรามีมาตรฐานระดับโลกก็จะเป็นที่เชื่อถือ ถ้าสำเร็จจะมีวัคซีน Made in Thailand เจ้าแรก ไม่ต้องหาซื้อจากใครถือเป็นความมั่นคงทางวัคซีนของประเทศ

‘ดีอีเอส - ETDA’ เตรียมลุย 10 จังหวัดทั่วไทย เร่งสร้างภูมิคนไทยรู้ทันปัญหาออนไลน์

วันนี้ (23 ธ.ค. 65) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) จัดงานแถลงข่าว Kick off เปิดตัวโปรเจค ‘1212 ETDA Workshop : สร้างภูมิคนไทยรู้ทัน ปัญหาออนไลน์’ จับมือพาร์ตเนอร์ลุยพัฒนาทักษะการรู้เท่าทันโลกออนไลน์และกระบวนการช่วยเหลือหากต้องตกเป็นเหยื่อภัยออนไลน์ แก่เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ 10 จังหวัดทั่วประเทศ เริ่มจังหวัดแรก 25 มกราคมนี้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทุกกิจกรรมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการทำธุรกรรมออนไลน์กันแทบทั้งสิ้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวก ให้เราสามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ติดต่อสื่อสาร ทำงาน ตลอดจนทำธุรกิจได้รวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้นเท่านั้น เพราะสิ่งที่ตามมา คือ ภัยหรือปัญหาที่แฝงมากับโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น การฉ้อโกงและอาชญากรรมออนไลน์, แก๊ง Call Center, บัญชีม้า, การหลอกลวงลงทุน-ระดมทุนออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน, การพนันออนไลน์, การหลอกลวงซื้อขายสินค้าและเว็บไซต์ผิดกฎหมาย เป็นต้น 

ปัญหาเหล่านี้ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเงาตามตัว โดยจากการให้บริการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ ของศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ 1212ETDA พบว่า ปี 2565 (มกราคม - พฤศจิกายน 65) ได้รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์สูงถึง 59,794 ครั้ง สูงกว่าปี 2564 ที่มีจำนวนติดต่อ 54,348 ครั้ง 

โดยปัญหาซื้อขายออนไลน์ยังคงครองแชมป์ สูงเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ ปัญหาเว็บไซต์ผิดกฎหมาย, สอบถามข้อสงสัย และแจ้งเบาะแส แก๊ง Call Center SMS หลอกลวง ฯลฯ แม้จากการให้บริการช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ของ 1212ETDA พร้อมกับพาร์ตเนอร์ที่เกี่ยวข้องครอบคลุมทั่วประเทศในระดับชุมชน สามารถผลักดันให้ประชาชนผู้ประสบปัญหาเข้าถึงการช่วยเหลือดูแลแล้วกว่า 95% จากจำนวนผู้ร้องเรียนทั้งหมด แต่การทำให้ผู้ใช้งาน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ ผู้นำในชุมชน เกิดความรู้ความเข้าใจและรู้เท่าทันภัยออนไลน์ ตลอดจนรู้วิธีการรับมือ การเข้าถึงกระบวนการการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อนั้น จึงเป็นอีกประเด็นที่ทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำ

ดังนั้น กระทรวงดิจิทัลฯ โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ในฐานะหน่วยงานที่มุ่งยกระดับและส่งเสริมให้คนไทยเกิดการทำธุรกรรมออนไลน์ที่มั่นคงปลอดภัยน่าเชื่อถือ จึงร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.), สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, กรมการค้าภายใน, ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ฯลฯ จึงจัดกิจกรรม ‘1212 ETDA Workshop : สร้างภูมิคนไทย รู้ทันปัญหาออนไลน์’ เพื่อนำผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้และจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการสร้างความรู้ ความเข้าใจต่อภัยออนไลน์ ตลอดจนรู้วิธีป้องกัน การช่วยเหลือ และการจัดการปัญหาออนไลน์แก่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานระดับภูมิภาค ผู้นำชุมชน และประชาชนที่สนใจ ตามพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ รวมกว่า 10 จังหวัดทั่วประเทศ รวมกว่า 2,000 คน ภายใต้เนื้อหาที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็น การอัปเดตเทรนด์ภัยออนไลน์ รูปแบบกลลวงในรูปแบบต่าง ๆ วิธีการรับมือ ตลอดจนแนวทางการให้คำแนะนำ การให้ความช่วยเหลือ การประสานติดต่อหน่วยงานท้องถิ่นและส่วนกลางที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็น และการสร้างความตระหนักรู้และการรู้เท่าทันออนไลน์ในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์ ไปกับหลักสูตร EDC หรือ  ETDA Digital Citizen เป็นต้น

นิพนธ์ฯ จี้!! กระทรวงศึกษาเร่งตรวจสอบ 'ครูสาว' ใช้อคติส่วนตัวบิดเบือนประวัติศาสตร์ระหว่างสอน

นิพนธ์ฯ จี้ กระทรวงศึกษาเร่งตรวจสอบพร้อมดำเนินการตามระเบียบและกฎหมาย ย้ำ!! ประวัติศาสตร์-ประชาธิปไตย สอนได้แต่อย่าบิดเบือน กรณีการสอนของครูสาวใช้อคติส่วนตัวบิดเบือนประวัติศาสตร์ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายและความแตกร้าวในสังคม 

ไม่นานมานี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง สิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อและโลกออนไลน์ จากกรณีครูสาวโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย กรุงเทพมหานคร สังกัดสพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการสอนเนื้อหาในวิชาประวัติศาสตร์ โดยพาดพิงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ด้วยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมเพราะตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทเสียสละ ทำความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศชาติ ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย จึงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ประธานองคมนตรี เป็นรัฐบุรุษ และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นั้น จนถึงแก่อสัญกรรม เป็นแบบอย่างของความจงรักภักดีต่อสถาบันและประเทศชาติบ้านเมืองที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทุกคนควรเอาเป็นแบบอย่าง สิ่งดีงามที่ท่านได้ทำเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินนั้น จึงทำให้เป็นที่รักของชาวสงขลา เป็นรัฐบุรุษของคนไทยทั้งประเทศ แต่เรื่องราวจากข่าวที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่สบายใจให้คนจำนวนมาก

'บิ๊กตู่' ลั่น!! รบ. พยายามแก้ปัญหาบ้านเมืองมาตลอด ชี้!! ไม่มีการแบ่งแยกพื้นที่ ดูแลทั่วถึงทุกจังหวัด

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 23 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อน เป็นประธานในพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ 'เที่ยวชุมชน ยลวิถี' ประจำปี 2565 โดยเดินมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเองด้วยสีหน้าตั้งใจ เกือบ 30 นาที ว่า วันนี้ทราบดีว่าทุกคนให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมือง และหลายพรรคการเมืองก็ออกมาเคลื่อนไหวกันเยอะแยะไปหมดและก็เห็นว่าทุกคนอยากทราบว่านายกรัฐมนตรีจะไปอย่างไรต่อไป วันนี้จากสถานการณ์ ที่ได้ติดตามมาตลอดเวลาที่ผ่านมาและเห็นถึงความเคลื่อนไหวของหลายพรรคการเมืองมีการเสนอชื่อผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค

“ที่ผ่านมานายกฯก็พยายามพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ ด้วยหลักการและเหตุผลต่าง ๆ มากมายหลายประการ วันนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติก็ได้เสนอมาแล้วว่ายินดีสนับสนุนนายกฯ คือผมให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้นไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไป ให้เกิดความเสียหายหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งผมก็เคยบอกแล้วว่าในช่วงที่ผ่านมาผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ แต่วันนี้พรรคพลังประชารัฐก็ได้มีการตกลงใจที่จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงได้ตัดสินใจวันนี้แล้วกันซึ่งความจริงก็ได้เตรียมการมาพอสมควรแล้วว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะได้สบายใจกันและก็สุดแล้วแต่ประชาชนก็แล้วกันว่าจะให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร สิ่งที่ผมต้องตัดสินใจแบบนี้เพราะว่าเพราะสิ่งหลายๆอย่างที่ผมได้ทำไว้มาอย่างต่อเนื่องหลายปี ที่ผ่านมานั้นก็น่าจะได้มีการสานต่อถ้าหากว่าผมสามารถอยู่ได้ในระยะเวลาตามที่กำหนด ในระหว่างนั้นก็จะได้สานต่อในสิ่งที่ยังค้างคา ยังไม่สำเร็จและยังมีปัญหาอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 4 ปีแรก และ 4 ปีหลัง ก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ระยะแรกจะเป็นรัฐบาลผิดรัฐธรรมนูญก็ตาม ในการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีการเสนอชื่อก็เป็นวาระที่สอง ที่ผ่านมานายกเป็นผู้ที่กำหนดนโยบายและดูแลทุกพื้นที่ซึ่งในความเป็นจริงก็ดูแลทุกพรรค จะเห็นได้ว่าแผนงานโครงการต่าง ๆ ลงไปทุกจังหวัดไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นของใคร และหลายจังหวัดที่นายกฯ ลงพื้นที่ไปก็ไม่ได้มี ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาล คือพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุนตนแต่ก็พร้อมลงไปอย่างวันก่อนที่ไปจังหวัดเชียงรายก็ไม่ได้มี ส.ส. ของรัฐบาลสักคน แต่ตนก็ไปให้ เพราะตนมองประชาชนเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ส.ส.ทุกคน ต้องถือว่าเป็นตัวแทนของราษฎรที่คัดเลือกเข้ามาอะไรที่ต้นทำให้ได้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. จัดสรรงบประมาณลงไปให้แต่ทุกอย่างต้องทำอย่างโปร่งใสและเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอดและไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์ใดใดทั้งสิ้น “ผมยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์แม้แต่เพียงเล็กน้อย”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการปรึกษาในเรื่องดังกล่าวกับพล.อ.ประวิตรหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เรื่องนี้ได้กราบเรียนท่านไปนานแล้ว ว่าผมอาจจะมีความจำเป็นบางอย่าง ก็เรียนกับท่านไปหลายครั้งแล้ว จนครั้งสุดท้ายได้ตัดสินใจไปแล้วและคุยกับท่านแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีความขัดแย้งอะไรกันทั้งสิ้น อันนี้เป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไปตามการเมืองตามระบบประชาธิปไตยก็ว่ากันไป”

เมื่อถามว่าถือว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้จากกันไปไหนนี่ ก็ยังคงพูดคุยกันอยู่เหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกันมันลึกซึ้ง ลึกซึ้งยิ่งกว่าและผมก็จบมาก็อยู่ในการดูแลของท่าน และท่านก็เป็นผู้บังคับบัญชาของผมคนแรกในการที่ผมจบจากโรงเรียนในร้อยไปแวะรับราชการตั้งแต่ร้อยตรี จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตรับราชการมาจนถึงวันนี้ ความผูกพันอันนี้มันไม่มีใครลบล้างผมได้ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกันและท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งผมก็ได้บอกท่านว่าท่านจะได้สบายใจเพราะว่าท่านมีแรงกดดันมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ทราบดีกันอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่าจะต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็น่าจะต้องคงสมัคร ส่วนจะสมัครได้เป็นทางการเมื่อไหร่นั้นอย่าเพิ่งถาม

ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียวที่พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ก็เห็นว่ายังมีคนเดียว แต่อย่าพึ่งไปถามอะไรล่วงหน้าเลย อย่าถามนี่ไปนั่นไปโน่นไปเรื่อย แล้วจะตอบได้อย่างไรเล่า

เมื่อถามว่าจะยังคงจับมือทางการเมืองกับพล.อ.ประวิตรต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง มันขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ประชาชนจะเลือกใครเข้ามาวันนี้ยังไม่มีใครรู้ ถึงเวลานั้นสถานการณ์การเมืองที่เรียกว่าการจับคู่ทางการเมืองใครจะเป็นฝ่ายค้านเป็นฝ่ายรัฐบาล ซึ่งก็เหมือนครั้งที่แล้ว ก็จะมีพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้าคะแนนเสียงมารวมกันได้ และมากกว่าก็จะได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ครั้งที่แล้วตนก็มาอย่างนั้นไม่ใช่หรือ

เมื่อถามว่าวันนี้ถือว่านายกรัฐมนตรีได้ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเต็มตัวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่ายังไม่ชัดอีกหรือ ทำไมต้องถามย้ำกันอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจคนนี้ครอบครัว สนับสนุนเต็มที่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ ก็เข้าใจกันละนะ เขาเข้าใจว่าผมทำเพื่ออะไรนะ”

ภาษิตของคนทำจริง “กริยา เจ กริยาเถนัง จะทำสิ่งไร ควรทำจริง” สิ่งยึดเหนี่ยวสำคัญจาก ‘เสด็จเตี่ย’ 

ก่อนอื่นผมขอแสดงความเสียใจกับลูกเรือ เรือหลวงสุโขทัย ทหารเรือผู้เดินทางไปร่วมกับเรือ และผู้สูญเสียทุก ๆ ท่านนะครับ โดยส่วนตัวผมค่อนข้างมีความผูกพันกับทหารเรืออยู่มาก เพราะผมมีเพื่อนที่เป็นทหารเรือและเพื่อนที่มีภูมิลำเนาอยู่ ณ ถิ่นทหารเรืออย่างสัตหีบอยู่มากโข จึงค่อนข้างเศร้าที่ได้ฟังข่าวการอับปางของเรือหลวงสุโขทัย และรำลึกถึงเพื่อน ๆ ทหารเรือที่ได้จากไป และอยากจะขอทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ว่าอย่าได้ปรามาสทหารเรือไทยเลยครับ เพราะพวกเขาปกป้องอธิปไตยเพื่อพวกเราคนไทยทุกคน และพวกเขาก็ทุกข์กับการสูญเสียเพื่อนทหารอันเป็นที่รักเช่นเดียวกัน 

เรื่องนี้ผมเขียนเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งปกติจะมีวันที่ 19 ที่มีความสำคัญกับลูกประดู่และผมอยู่ 2 วัน วันแรกคือ วันที่ 19 พฤษภาคม ‘วันอาภากร’ วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ และอีกวันคือวันที่ 19 ธันวาคม ‘วันอาภากรรำลึก’ คือวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ แน่นอนที่ผมยกวันสำคัญ 2 วันนี้มา เพราะผมอยากจะเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ พลเรือเอก พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ‘องค์บิดาแห่งทหารเรือไทย’ 

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีพระนามเดิมว่า ‘พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์’ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาโหมด สายสกุลบุนนาค เป็นพระราชโอรสรุ่นแรกที่เสด็จไปทรงศึกษาวิทยาการสมัยใหม่ในทวีปยุโรป โดยเสด็จฯ ไปคราวเดียวกับ ‘สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ’ (รัชกาลที่ 6 ในกาลต่อมา) ทรงเลือกศึกษาวิชาการทหารเรือที่ประเทศอังกฤษ และเสด็จฯ กลับสยามเมื่อมีพระชนมายุ 20 พรรษา ทรงมีความตั้งพระทัยแน่วแน่ในการพัฒนากองทัพเรือสยามให้สามารถเกรียงไกรเทียบเท่าอารยประเทศ โดยปรับปรุงกองทัพเรือใหม่ในทุก ๆ ด้าน เน้นหนักวิทยาการสมัยใหม่ และการฝึกเพื่อการเป็นนายทหารเรือที่เก่งกาจไม่แพ้ใครในโลก 

ถึงตรงนี้บอกก่อนผมไม่ได้จะมาเล่าเรื่องราวของพระองค์เป็นหลักนะครับ เพราะพระประวัติของพระองค์นั้นมีคนเล่าสู่กันฟังอยู่มากมายแล้ว อ้าว!!! เกริ่นมาอย่างยาวแล้วจะไปเล่าเรื่องอะไรล่ะ? ก็จะมาเล่าถึง ‘ภาษิต’ และการ ‘ทำจริง’ ของพระองค์ เพราะทั้ง 2 วันสำคัญที่ผมเกริ่นมาข้างต้น จะยกเอา ‘ภาษิต’ และการ ‘ทำจริง’ มา ‘รำลึก’ ถึงพระองค์ท่าน

“กริยา เจ กริยาเถนัง จะทำสิ่งไร ควรทำจริง” คือ ‘ภาษิต’ นั้น โดยปรากฏอยู่บนตราประจำพระองค์ ซึ่งเป็นตราประจำราชสกุล ‘อาภากร’ คือ ตราสุริยมณฑล มีสุริยเทพบุตร อยู่บนราชรถเทียมสิงห์ แล้วคุณเชื่อไหม? ตราประจำองค์นี้ได้มาเมื่อพระองค์ถูกปลดจากราชการทหารเรือ!!!! และผู้ที่พระราชทานตราประจำพระองค์นี่ก็คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้ปลดพระองค์จากทหารเรือนั่นเอง!!! ด้วยสาเหตุคือทรง “ฝึกสอนนักเรียนนายเรือในหนทางไม่ดี ทำให้มีจิตร์ฟุ้งสร้าน…” แต่ในท้ายที่สุดมูลเหตุที่ทรงตัดสินพระราชหฤทัยในคราวนั้น พบคำตอบที่ชัดเจนใน “ประวัติต้นรัชกาลที่ 6 เล่ม 2” ว่า... 

“เพราะไม่เสด็จไปทรงงานที่กระทรวงทหารเรือ ทั้งยังทรงเป็นต้นแบบให้นายทหารเรือรุ่นหนุ่มคิดกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา” เนื่องจาก ‘เสด็จเตี่ย’ อยากต่อรองสวัสดิการต่าง ๆ ให้ทหารเรือ แต่เมื่อท้ายที่สุดในหลวงรัชกาลที่ 6 ได้ทรงมีพระราชวินิจฉัยความว่า “ใน พ.ศ. 2454 นั้นเอง, กรมชุมพรได้ขอเข้ารับราชการในกองทัพเรือตามเดิมบังเกิดความรู้สึกกระดากขึ้นในใจว่าอาจจะได้ประพฤติต่อกรมชุมพรข้อนข้างแรงเกินไปสักหน่อย เมื่อคำนึงดูว่าทั้งผู้ที่เปนโจทก์ ทั้งผู้ที่ได้เปนที่ปรึกษาในเมื่อวินิจฉัยคดีนั้นเปนผู้ที่ไม่ชอบกับกรมชุมพรส่วนตัวอยู่ แต่กรมชุมพรก็มีความผิดจริงอยู่ด้วย ดังได้กล่าวมาแล้วซึ่งจะละเลยเสียทีเดียวนั้นก็หาได้ไม่” ซึ่งด้วยความ ‘ทำจริง’ ของทั้งในหลวงรัชกาลที่ 6 และ ‘เสด็จในกรม’ ทำให้เกิดตราประจำองค์ในระหว่างถูกปลดจากการเป็นทหารเรือขึ้นนั่นเอง 

ตราประจำพระองค์นี้ ‘เสด็จในกรม’ ได้มาหลังจากทรงถูกปลด 3 เดือน โดยการที่ได้มานั้น พระองค์ได้ทรงสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองเสือป่า ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงใฝ่พระราชหฤทัย ที่จะได้ฝึกฝนข้าราชการพลเรือนให้มีความรู้วิชาทหาร และมีวินัย จนกระทั่งได้รับพระราชทานธงประจำพระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริและทรงออกแบบธงประจำตัวนายเสือป่าชั้นสัญญาบัตรพระราชทานให้ด้วยพระองค์เอง ซึ่งธงประจำพระองค์ของ ‘เสด็จในกรม’ มีพื้นธงสีแดงชาดตามวันประสูติ คือวันอาทิตย์ ลายในธงเป็นรูปสุริยมณฑล คือรูปพระอาทิตย์ ซึ่งงานช่างอย่างไทยเขียนเป็นรูปราชรถเทียมสิงห์อยู่ภายในวงกลม

ทำไม? ต้องเป็น ‘รูปสุริยมณฑล’ สันนิษฐานได้จากพระนาม ‘อาภากร’ อันมีความหมายว่า ‘พระอาทิตย์’ และมีนัยถึงการที่ทรงสืบสายสกุลจากราชนิกุลบุนนาคในสมเด็จพระเจ้ายาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งถือตราประจำตัวเป็นตราสุริยมณฑลเช่นกัน และจากพระนามของพระองค์ ‘อาภากรเกียรติวงศ์’ ซึ่งแปลว่า ‘ผู้เกิดในวงศ์ตะวันอันมีเกียรติ’ ซึ่งในช่วงชีวิตของพระองค์ พระองค์ก็เปรียบดังดวงตะวันของเหล่าทหารเรือ 

ส่วน ‘กยิรา เจ กยิราเถนํ’ ออกเสียงอ่านว่า ‘กะ ยิ รา เจ กะ ยิ รา เถ นัง’ เป็นวรรคหนึ่งของคาถาภาษาบาลีซึ่งมีเต็ม ๆ 4 วรรค (1 บาท) ข้อความเต็มทั้ง 4 บาท มีดังนี้

กยิรา เจ กยิราเถนํ           ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม
สิถิโล หิ ปริ พ พฺ าโช      สว ภิยฺโย อากิรเต รชํ

คาถานี้เป็นพระพุทธพจน์มีปรากฏในพระไตรปิฎก ไม่ใช่ถ้อยคำที่ใครคนหนึ่งแต่งขึ้นในภายหลังข้อความนี้ เป็นถ้อยคำที่หยิบยกมาจากพระไตรปิฎก ภาษาบาลีนิยมเขียนแยกเป็นคำ ๆ คาถาประจำพระองค์ จึงต้องแยกเป็นคำ ๆ คือต้องเขียนว่า กยิรา เจ กยิราเถนํ แต่คาถาประจำพระองค์เท่าที่ปรากฏมักเขียนต่าง ๆ กัน อาทิ เขียนติดกันไปหมดเป็น กยิราเจกยิราเถนํ / แยกเป็น 2 วรรค คือเป็น กยิราเจ กยิราเถนํ มีบางแห่งแยกเป็น 3 วรรคเหมือนกัน แต่เป็น กยิราเจ กยิรา เถนํ ซึ่งไม่ถูกหลักการเขียนภาษาบาลี ซึ่งคาถา / ภาษิตนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 6 ได้ทรงยกมาประกอบตราสุริยมณฑล โดยทรงคำนึงถึงพระบุคลิกของ ‘พระเจ้าพี่ยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากร’ เป็นสำคัญ

นอกจากภาษิตประกอบตราประจำพระองค์แล้วนั้น ‘เสด็จเตี่ย’ ยังได้ทรงพระนิพนธ์โคลงกลอนสอนใจ กยิราเจ กยิราเถนํ

“จะทำสิ่งไร ควรทำให้จริง” ไว้อย่างน่าสนใจดังนี้…

ทำงานทำจริงเจ้า               จงทำ                Work While you Work
ระหว่างเล่นควรจำ                  เล่นแท้              Play While you Play
หนทางเช่นนี้นำ                     เป็นสุข              That is the Way 
ก่อให้เกิดรื่นเริงแม้                  นับถือทวีคูณ        To be cheerful and gay 
ทุกสิ่งทำเช่นนั้น               ควรตรอง           All that you do 
โดยแน่สุดทำนอง                  ที่รู้                      Do With  your might 
สิ่งใดทำเป็นลอง                   ครึ่งครึ่ง               Things done by half 
สิ่งนั้นไม่ควรกู้                     ก่อให้เป็นจริง      Are never done right

“ตอกตะปูลงตรง นะเจ้าเด็ก        เสียงเป๊กตีตรง ลงที่หัว
เมื่อเจ้าตีเหล็กนะ เจ้าอย่ากลัว        ตีเมื่อตัวเหล็กยังแดง เป็นแสงไฟ
เมื่องานมีที่ต้องทำ นะเจ้าเด็ก        เป็นข้อเอกทำจริง ไม่ทิ้งไถล
ที่เขาขึ้นยอดได้ สบายใจ        ก็เพราะได้ปีนเดิน ขึ้นเนินมา
ถ้าเด็กใดยืนแช อยู่แต่ล่าง        แหงนคว้างมองแล สู่เวหา
จะขึ้นได้อย่างไร นะลูกยา        ทำแต่ท่าแต่ไม่ลอง ทำนองปีน
ถึงหกล้มหกลุก นะลูกแก้ว        อย่างทำแซ่วเสียใจ ไม่ถวิล
ลองเถิดลองอีกนะ อย่าราคิน        ที่สุดสิ้นเจ้าคงสม อารมณ์เอย." 

ตัวอย่างการ ‘ทำจริง’ ที่ยกตัวอย่างได้ถนัด ก็เช่นครั้งที่พระองค์ถูกปลดจากทหารเรือประจำการแล้วทรงมาเป็น ‘หมอพร’ ครั้งนั้นก็ทรงจริงจังกับการเป็นหมอพร ด้วยการทรงศึกษาวิชาแพทย์ทั้งของไทยและฝรั่ง ทรงนำความรู้ทั้ง 2 แบบมาผสมผสานและทดลอง ทำจริงจนเขียนตำรับยา ตำรับการรักษาได้ ทรงรักษาผู้เจ็บป่วยทั่วไปได้จริง โดยไม่คิดเงิน รักษาอย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ ด้วยการ ‘ทำจริง’ ทำให้ผู้คนที่ พาลนึกไปว่าพระองค์เปรียบเหมือน ‘เทวดา’ ที่ลงมาโปรดมนุษย์ในโลกมากกว่าจะเป็นเจ้านาย จึงพร้อมใจขานนามพระองค์ว่า ‘หมอพรเทวดา’

‘อนุสรณ์’ แซะ ‘บิ๊กตู่’ หลังประกาศย้ายซบ รทสช. ชี้!! ต้องรีบประกาศ เพราะกลัวส.ส. ไม่ย้ายตาม

(23 ธ.ค. 65) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์จำเป็นต้องประกาศ อาจเพราะจำนนต่อสถานการณ์ เพราะหากไม่ประกาศ ส.ส.ก็ไม่กล้าย้ายตาม เมื่อได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คน พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถเสนอชื่อนายกฯ ได้ พล.อ.ประยุทธ์มีพฤติกรรมย้อนแย้ง ไม่พูดอะไรตรงไปตรงมา การอ้างเหตุที่ตัดสินใจประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพรรคพลังประชารัฐได้ประกาศเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไปแล้วนั้น เป็นการพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ตีกินทางการเมืองหรือไม่

‘ชัช เตาปูน’ ทิ้งพรรค ย้ายตาม ‘บิ๊กตู่’ ซบ ‘รทสช.’ นั่งทีมยุทธศาสตร์พรรค

‘ชัช เตาปูน’ ประกาศตาม ‘บิ๊กตู่’ ไป รทสช. นั่งทีมยุทธศาสตร์ เผยยังไม่ตัดสินใจลาออกจากพลังท้องถิ่นไทย เมื่อไหร่ 

(23 ธ.ค. 65) นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ประกาศความชัดเจนในการเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ว่า เมื่อนายกฯ ประกาศความชัดเจน วันนี้ตนจึงพูดได้ว่า จะไปร่วมงานการเมืองกับพรรค รทสช.โดยจะเข้าไปเป็นทีมงานยุทธศาสตร์ของพรรค อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนยังไม่ได้ลาออกจากพรรคพลังท้องถิ่นไท ส่วนจะลาออกหลังจากที่สภาฯ หมดสมัยประชุมหรือเมื่อใดนั้นขอพิจารณาอีกครั้ง เพราะการสังกัดพรรคมีผลผูกพันต่อตำแหน่ง ส.ส.

‘โรม’ จี้ ‘ยุติธรรม’ ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ คาด!! มีส่วนช่วย ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ หลบหนี

(23 ธ.ค. 65) รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามต่อการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมหลังจากที่กรณีที่นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก สามารถไขกุญแจตรวนและพยายามหลบหนีในขณะถูกคุมตัวมาที่ศาล โดยรังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่า ในกระบวนการควบคุมตัวปกติ ราชทัณฑ์ไม่น่ามีโอกาสหลบหนีไปได้

“ตัวผมเองมีโอกาสใช้บริการจากเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์บ่อยครั้ง แนวทางการปฏิบัติในวันที่ผมถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีความเคร่งครัดมาก จนแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนี” รังสิมันต์กล่าว

ทั้งนี้ รังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่าความหละหลวมที่เกิดขึ้นต้องดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ใน 2 ประเด็น คือ กุญแจโซ่ตรวนเป็นกุญแจที่ทำมาจากต่างประเทศ มีมาตรฐานสูง ซึ่งคนที่มีกุญแจสำรองมีแต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นายประสิทธิ์ได้รับกุญแจมาได้อย่างไร อีกประเด็นคือการควบคุมตัวการควบคุมตัว เป็นไปได้อย่างไรที่เป็นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ใส่สูท ซึ่งนี่เป็นสัญญาณนัย ๆ หรือเปล่าที่ไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับนักโทษคนอื่น ๆ

‘เพื่อไทย’ ชวนจับตา ‘บิ๊กตู่’ อาจใช้งบเอื้อพวกพ้อง หลังแต่งตั้ง ‘พีรพันธุ์’ นั่งเลขาธิการนายกฯ

(23 ธ.ค. 65) นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีคำสั่งสลับเก้าอี้แต่งตั้งนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ปรึกษานายกฯ เป็นเลขาธิการนายกฯ โดยโยกนายดิสทัต โหตระกิต เลขานายกฯ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ทั้งที่ไม่พบว่านายดิสทัตมีความผิดหรือไม่เหมาะสมประการใดนั้น จึงมีคำถามว่าในการสลับตำแหน่งครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสสร้างความนิยมให้พรรคการเมืองในการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ทั้งยังอาจตีความได้ว่าเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ด้วยการใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองโดยมิชอบตามที่กำหนดในมาตรฐานทางจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 186 วรรคสอง ประกอบพ.ร.บ.มาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 หรือไม่ 

นายชุมสาย กล่าวต่อว่า กรณีนี้ส่อเจตนาถึงความไม่สุจริตหรือไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เตรียมตัวจะไปทำงานการเมือง เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยได้ร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคก่อนหน้านี้บ้างแล้ว ถือเป็นการทำงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติโดยพฤตินัย ดังนั้นการแต่งตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์เตรียมจะไปสังกัดให้เป็นเลขานายกฯ ในช่วงนี้ อาจเป็นไปโดยมีวาระซ่อนเร้น เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยว่าเป็นการต่างตอบแทนกันในทางการเมือง หรือทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนกับพรรค ยิ่งกว่าประโยชน์ของประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชน หรือการอนุมัติโครงการต่าง ๆ มากมายช่วงท้าย ๆ ของรัฐบาล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top