Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

'ดีอีเอส' เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ 'ข่าวปลอม' หลังข่าวปลอมกรมสรรพากรเรียกชำระหนี้ พุ่งอันดับ 1

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) สรุปสถานการณ์ข่าวปลอมสัปดาห์ล่าสุด พบว่าข่าวปลอมกรมสรรพากรโทรศัพท์เรียกจ่ายหนี้ภาษีอากรค้างชำระมาอันดับหนึ่ง ขณะที่กระแสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนระบาดและทำให้การติดโควิด-19 ง่ายขึ้น ส่งผลมีข่าวปลอม 7 เรื่อง

น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (DES) กล่าวว่า สรุปผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 2-8 ธันวาคม 2565 โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบข้อความที่เข้ามาจำนวน 5,131,164 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 222 ข้อความ แบ่งเป็นข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 184 ข้อความ และข้อความที่มาจาก Line Official จำนวน 38 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 103 เรื่อง

ทั้งนี้ DES ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจ เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 ข่าวปลอมเรื่องนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศจำนวน 49 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 ข่าวปลอมเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 39 เรื่อง

กลุ่มที่ 3  ข่าวปลอมเศรษฐกิจ จำนวน 11 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 ข่าวปลอมเรื่องภัยพิบัติ จำนวน 4 เรื่อง

สำหรับข่าวปลอมทั้ง 4 กลุ่มมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องโควิค-19 จำนวน 7 เรื่อง

‘เพื่อไทย’ แฉกระจุย ปมบีทีเอสทวงหนี้ 4 หมื่นล้าน เผย!! เตรียมยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ชัชชาติ สะสางปัญหา

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีการทวงหนี้ 4 หมื่นล้านบาท ว่า บีทีเอส ได้ปล่อยคลิปที่มีภาพนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) นำทีมผู้บริหารและพนักงาน อธิฐานขอพรท้าวมหาพรหม ให้ช่วยแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินโดยเร็ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลอดที่ตนเล่นการเมืองมา 20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนหนี้สิน 4 หมื่นล้านนั้น ทำไมกรุงเทพมหานคร (กทม.) จ่ายไม่ได้ เป็นเพราะผู้ว่าฯกทม.ในอดีตก่อนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เจาะใจทำผิดสัญญา สร้างหนี้ขึ้นมา 4 หมื่นล้านบาทเอื้อประโยชน์ให้บีทีเอส 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า กทม.ให้กรุงเทพธนาคม จ้างบีทีเอส ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือและสายเขียวใต้ โดยไม่มีการประมูล ทำให้เกิดหนี้ก้อนแรก จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกทม. ปล่อยให้ประชาชนนั่งฟรี โดยไม่มีการเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 มาตั้งแต่ปี 61 แต่มีค่าวิ่งรถเกิดเป็นหนี้ส่วนที่ 2 จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท และกทม.หยุดจ่ายค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 มาตั้งแต่ปี 62 ทำให้เกิดหนี้ส่วนที่ 3 จำนวน 4 พันล้านบาท เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกคำสั่ง คสช.มาตรา 44 ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นี่จึงเป็นที่มาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยเหลวปล่อยให้เกิดหนี้ 

‘อลงกรณ์’ เรียกร้องพรรคการเมืองยุติแตกแยกแบ่งขั้ว มุ่งแข่งนโยบายและผลงานในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยืนยันประชาธิปัตย์ก้าวข้ามความขัดแย้งแล้วพร้อมสร้างการเมืองวิถีใหม่ เตือนหากการเมืองยังแตกแยกแบ่งขั้วประเทศจะวิกฤติไม่รู้จบ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยวันนี้ภายหลังการสัมมนาหัวข้อ ‘โอกาส ความหวัง การเมืองวิถีใหม่’ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต วาระครบรอบ70ปีของนสพ.สยามรัฐ โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองร่วมเสวนาโดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า การเมืองวิถีใหม่คือการเมืองที่สร้างสรรค์ เป็นการเมืองที่เป็นความหวัง แข่งขันด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและผลงาน โปร่งใส สุจรืตทุกระดับ ยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ให้โอกาสคนทุกรุ่นที่มีประสบการณ์ ความรู้ความสามารถมาร่วมทำงานร่วมคิดร่วมขับเคลื่อนนโยบายที่ทำได้จริงและอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อวันนี้และวันหน้าสามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งและสร้างจุดเปลี่ยนประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่า

“การเลือกตั้งครั้งหน้าควรแข่งขันด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและผลงานตามแนวทางการเมืองวิถีใหม่โดยต้องก้าวข้ามความขัดแย้งแตกแยกแบ่งขั้วทางการเมืองแบบสุดโต่งที่ทำให้ประเทศติดหล่มจมปลักวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทก์มากว่า 20 ปี การเลือกตั้งต้องสร้างโอกาสและความหวังให้กับประชาชนและต้องเป็นการเลือกตั้งที่สุจริตสะท้อนอำนาจของประชาชน”

เชียงใหม่จัดพิธีถวายเครื่องสักการะล้านนา พระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ‘วันรำลึกเจ้าดารารัศมี พระราชชายา’

เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 เวลา 9.00 น. นายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและภาคีเครือข่าย เฝ้ารับเสด็จ พลเอกหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ประธานมูลนิธิสถาบันการศึกษาในรัชกาลที่ 6 และสมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โปรดกำหนดการเสด็จมาเป็นประธานในพิธีถวายเครื่องสักการะล้านนา พระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา พระผู้ประทานที่ดินให้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ณ พระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา สวนบ้านบานเย็นโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย

เนื่องในวันที่ 9 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ เจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ 5 พระผู้ประทานที่ดินคุ้มหลวงกลางเมืองเชียงใหม่เพื่อก่อสร้างโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยในปัจจุบัน โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โดยนายพูลศักดิ์ จิตสว่าง ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ผู้บริหาร ครูบุคลากร พร้อมภาคีเครือข่าย ได้จัดพิธีถวายเครื่องสักการะล้านนา พระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา เนื่องในวันรำลึกเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ณ ลานพระอนุสาวรีย์เจ้าดารารัศมี พระราชชายา สวนบ้านบานเย็น โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร ทุ่มงบกว่า 29 ล้านบาท มอบไออุ่นพร้อมถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยหนาวรวม 4 ภาค

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร ทุ่มงบกว่า 29 ล้านบาท มอบไออุ่นพร้อมถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยหนาวรวม 4 ภาค

ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ จัดทีมสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ 'ภัยหนาว' ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดอุทัยธานี กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย   นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม บึงกาฬ สกลนคร ลพบุรี เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร ขอนแก่น ชัยภูมิ กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร รวม 40 จังหวัด รวมผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 47,000 ชุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 29 ล้านบาท โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โดยในวันที่ 9-10 ธันวาคม 65 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่สรวย อำเภอแม่ลาว อำเภอเมือง และอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า รวม 2,000 ชุด โดยมี ผู้แทนหน่วยงานรัฐ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย และมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์แม่จัน เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ และนางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์ ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่

ในโอกาสเดียวกันนี้ ที่จังหวัดนครสวรรค์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ทำพิธี มอบศาลาที่พักผู้โดยสารเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อหลบแดดหลบฝน ณ บริเวณหน้าแขวงการทางนครสวรรค์ที่ 1 อำเภอเมือง รวมทั้ง จัดทีมหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ ณ บริเวณมูลนิธิการกุศลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน 'ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต' ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

กาฬสินธุ์ฉลองมหาเจดีย์ศรีมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ ในวันอายุวัฒนะ 6 รอบ ‘พระเทพสารเมธี’ เจ้าอาวาสวัดประชานิยม

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่วัดประชานิยม เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ ชาวพุทธศาสนิกชนในภาคอีสานกว่า 3,000 คน ร่วมกันรำถวายเสริมความเป็นสิริมงคลเนื่องในวันอายุวัฒนะ พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม ครบ 6 รอบ 72 ปี มี นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ นำถวายภัตตาหารเช้า และมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมงาน ท่ามกลางพ่อค้า คหบดี และเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ร่วมทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล

โดยในช่วงเช้ามีพระสงฆ์กว่า 300 รูป ได้ออกรับบิณฑบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง มีการเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นเป็นการถวายภัตตาหารเช้า และได้มีการรำถวายขอพรพระมหาเจดีย์ศรีมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ โดยมีผู้เข้าร่วมฟ้อนรำกว่าสองพันคน ในชุดพื้นเมืองที่สวยงาม โดยมีผู้ใจบุญที่มาจากหลายจังหวัดทางภาคอีสานได้ร่วมกันออกโรงทานเสริมบุญบารมี ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นด้วยความสามัคคี

สำหรับประวัติ พระเทพสารเมธี (บัวศรี ชุตินฺธโร) เป็นเจ้าอาวาสวัดประชานิยม และ อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) นามเดิม บัวศรี นามสกุล วงศ์สวัสดิ์ บิดา นายแดง วงศ์สวัสดิ์ มารดา นางมี วงศ์สวัสดิ์

เกิดที่ บ้าน อุ่มเม่า ตำบล อุ่มเม่า อำเภอ ยางตลาด จังหวัด กาฬสินธุ์ โดยเกิดวันที่ 10 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2493 วัน อังคาร แรม 3 ค่ำ เดือน อ้าย ปี ขาล การศึกษาประถมศึกษาปีที่ 4 นักธรรมชั้นเอก เปรียญ 4 ประโยค บรรพชาเมื่อวันที่ 19 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร

โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑุฒโน) เด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌาย์ และอุปสมบทวันที่ 23 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 ณ วัดบวรนิเวศวิหารกรุงเทพมหานคร โดยมี สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌาย์ การงานในอดีต เป็นครูสอนปริยัติธรรม เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เจ้าคณะตำบลลำพาน เจ้าคณะอำเภอสมเด็จ ด้านสมณศักดิ์ พ.ศ. 2524 เป็นพระครูภัทรคุณาภรณ์ พ.ศ. 2530 เป็น พระสุเมธีธรรมภาณ พ.ศ. 2539 เป็น พระราชญาณเวที พ.ศ. 2549 เป็น พระเทพสารเมธี รางวัลที่ได้รับ ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา (เสมาธรรมจักร) จากกรมการศาสนา พุทธคุณูปการ จากสภาผู้แทนราษฎร ส่วนตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาสวัดประชานิยม อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต)

นิพนธ์ มั่นใจ เลือกตั้งส.ส.ปี 66 ภาคใต้ ปชป.ได้ 35-40 ที่นั่ง โว มีหลายเขตคนแย่งกันลง จนต้องมีการทำโพลหาคนที่แข็งแกร่งที่สุด ซัด บางคนพอไม่ผ่านการทำโพลก็หันมาทำลายพรรค

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่สำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 สงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวเปิดการประชุมใหญ่สามัญสาขาพรรคประชาธิปัตย์ ประจำจังหวัดสงขลา เขตเลือกตั้งที่ 1 โดยมี นายถนอมศักดิ์ แป๊ะเส้ง ประธานสาขาพรรค พร้อมด้วย นายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคปชป.เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา กรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภา อบจ.สงขลา สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขารูปช้าง สมาขิกพรรค และผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสาขาพรรคปชป.เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา  

ทั้งนี้เพื่อให้สมาขิกพรรคทุกคนได้รับทราบถึงกิจกรรมต่างๆของทางสาขาพรรคที่ได้ดำเนินการตลอดเวลาที่ผ่านมา และเลือกตั้งกรรมการบริหารสาขาพรรคแทนชุดเก่าที่ครบวาระ โดยมีพนักงานการเลือกตั้งชำนาญการ ตัวแทนผู้สังเกตุการณ์จากสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดสงขลา ร่วมสังเกตการณ์ และกล่าวทักทายผู้เข้าร่วมประชุมพร้อมทั้งชี้แจงข้อกฏหมายที่สำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และบรรยายถึงบทบาทหน้าที่ของสมาชิกพรรค มีต่อสาขาพรรค 

นายนิพนธ์กล่าวช่วงหนึ่งว่า ในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลสาขาพรรคประจำเขตเลือกตั้งสาขาพรรคปชป. ต้องขอขอบคุณกรรมการสาขา และสมาชิกพรรค ในรอบปีที่ผ่านมาที่ได้ข่วยทำกิจกรรมของสาขาพรรคด้วยดีตลอดมา ในนามตัวแทนพรรคปชป.จึงต้องขอขอบคุณ เพราะพรรคอยู่ได้ด้วยความเข้มแข็งเพราะสาขาพรรค  ผู้แทนพรรค สมาชิกพรรค เราจึงอยู่ได้ตลอด 76 ปี เข้าปีที่ 77 ซึ่งพรรคปชป.เป็นการเมืองเดียวที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เป็นพรรคของมวลสมาชิกทุกคน นี่คือความต่าง ความไม่เหมือนจากพรรคการเมืองอื่นๆ จึงขอให้มั่นใจในพรรคปชป. ตั้งแต่นี้ไปจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง การเลือกตั้งที่จะ ซึ่งกกต.ประกาศแล้วว่าถ้าครบวาระ ในวันที่ 7 พ.ค. 66 จะเป็นวันเลือกตั้ง คืออยู่ครบวาระ 23 มี.ค. ซึ่งตนขอยืนยันว่าภาคใต้คราวที่ แล้ว ส.ส. 50 คนเราได้ 22 คน ถือว่าเราเสียหายมาก โดยการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะถึงนี้ ในฐานะที่เป็นผอ.เตรียมการเลือกตั้งของพรรคคาดว่าพรรคจะได้ 35 - 40 ที่นั่ง  เพราะครั้งนี้ปชป.ประกาศสู้เต็มที่ ในทุกเขตเลือกตั้งโดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนใต้ คนไทยในมาเลเซีย ที่ตนได้เดินทางไปพบปะกับพี่น้องในมาเลเซียเครือข่ายต้มยำกุ้งที่มีพื้นเพอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาในจชต. นั่นคือแก้ความยากจนในพื้นที่ให้มีอาชีพ มีรายได้ และ มีงานทำ เพราะ ปชป.เข้าใจและเข้าถึงในเรื่องนี้ตนจึงได้นำคณะเดินทางไปพบเครือข่ายต้มยำกุ้งที่ประเทศมาเลเซียและพบกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่ต่างกันในหลายเรื่อง เพื่อนำไปสู่การร่วมกันแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ และได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง 

‘พิธา’ ชี้!! กอ.รมน. เบิกงบซ้ำซ้อนหน่วยงานอื่น กร้าว!! หากเป็น รบ. จะโยกงบหนุน ศก. - ศิลปะ

‘พิธา’ ประกาศ ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล พร้อมตัดงบ กอ.รมน. โยกไปทำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ชี้ซอฟต์พาวเวอร์ไทยจะรุ่ง ต้องมีรัฐสวัสดิการให้คนทำงานกล้าลอง-บ้านเมืองมีเสรีภาพ-เป็นประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่จังหวัดเชียงใหม่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีและนิทรรศการ ‘เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2022 - Chiang Mai Design Week 2022’ โดยได้ร่วมเสวนาพูดคุยกับศิลปินอิสระ พร้อมชูนโยบายพรรคก้าวไกลในการส่งเสริมวงการศิลปะสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ในประเทศไทย

พิธากล่าวในการเสวนาช่วงหนึ่งว่า แม้ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะพยายามยกคำว่า ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ และคำว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาใช้มากมาย แต่ในความเป็นจริง วงการศิลปวัฒนธรรมในประเทศไทยกลับเป็นวงการหนึ่งที่ได้รับการส่งเสริมน้อยที่สุด เห็นได้จากงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่อยู่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ สศส. กลับได้รับงบประมาณต่อปีเพียง 300 ล้านบาทเท่านั้น หรือกระทรวงวัฒนธรรมเอง งบประมาณกว่า 4 พันล้านบาทจากกว่า 6.7 พันล้านบาท ได้ถูกใช้ไปกับการส่งเสริมวัฒนธรรมแบบแช่แข็ง ตายตัว และรับใช้การเมืองของฝ่ายอนุรักษ์นิยม เช่น เรื่องค่านิยม 12 ประการ ขณะที่งบประมาณเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์มีเพียง 60 ล้านบาท และงบเกี่ยวกับการส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมสมัยมีเพียง 180 ล้านบาท

พิธากล่าวว่า ที่ผ่านมาวัฒนธรรมที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐ มักเป็นวัฒนธรรมเพื่อการควบคุมประชาชน มีมุมมองต่อวัฒนธรรมไทยว่าเป็นสิ่งตายตัว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และยังใช้โครงสร้างทางสังคมการเมืองมาปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอย่าง พ.ร.บ.ภาพยนตร์, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ รวมถึงกฎหมายที่ถูกใช้เล่นงานคนเห็นต่างทางการเมือง เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในทางกลับกัน หน่วยงานที่อยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีอย่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กลับได้รับงบประมาณปีหนึ่งๆ ถึง 8 พันล้านบาท หรือศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ที่มีภารกิจและงบประมาณส่วนใหญ่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น ๆ ได้รับงบประมาณถึง 1,400 ล้านบาท สะท้อนการไม่ให้ความสำคัญกับซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างจริงจังของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ที่ทุ่มงบประมาณมากกว่าไทยอย่างมหาศาล หน่วยงาน KOCCA (Korean Creative Content Agency) ได้รับงบประมาณปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท กระทรวงวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ได้งบประมาณปีละ 2 แสนล้านบาท ครั้งหนึ่งเกาหลีใต้เคยมาดูงานที่บริษัทชั้นนำของวงการเพลงไทย แต่วันนี้วงการเพลงป็อปของเกาหลีใต้ไปไกลกว่าไทยมากแล้ว

พิธายังระบุต่อไปว่า การผลักดันซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในประเทศไทย ต้องเริ่มต้นที่วิธีคิดของผู้มีอำนาจ ที่ต้องไม่ใช่แค่การอนุรักษ์ของเดิม แต่เป็นการปรับตัวตามยุคสมัย สร้างรัฐสวัสดิการเพื่อให้คนทำงานสร้างสรรค์กล้าลองผิดลองถูก และทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

ทะลุเป้าปี 65!! ททท. ฉลองต่างชาติเที่ยวไทยครบ 10 ล้านคน พร้อมเดินหน้าดันยอดสู่ 20 ล้านคนในปี 66

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่งการบ้านรัฐบาล จัดงาน ‘Amazing Thailand 10 Million Celebrations’ เฉลิมฉลองโอกาสสำคัญ
ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ครบ 10 ล้านคน (ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ตามเป้าหมายส่งเสริมตลาดต่างประเทศของปี 2565 ของ ททท. ณ ท่าอากาศยานสำคัญ 7 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ สนามบินสมุย และด่านพรมแดนทางบก 2 แห่ง ได้แก่ ด่านพรมแดนสะเดา และด่านพรมแดนหนองคาย 

อีกทั้ง เป็นการขอบคุณนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ให้ความเชื่อมั่นในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และประกาศความสำเร็จแบรนด์ Amazing Thailand ตอกย้ำความเชื่อมั่นประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจนักท่องเที่ยว เตรียมเดินหน้าดันยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่ 20 ล้านคนในปี 2566

ทั้งนี้ การจัดงาน ‘Amazing Thailand 10 Million Celebrations’ ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้รับเกียรติจาก นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ททท. นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานเชียงใหม่ นายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวเพ็ญภัสสร คงสิริ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และนายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ เข้าร่วมให้การต้อนรับและมอบของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวเวียดนาม จำนวน 180 คน ที่เดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD 907 จากเมืองดานัง ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 12.30 น. และนักท่องเที่ยวฮ่องกง จากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง จำนวน 180 คน ที่เดินทางด้วยสายการบินฮ่องกงเอ็กซเพรส เที่ยวบิน UO 754 จากฮ่องกง ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 18.50 น. ซึ่งวางแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ ‘6 พรรคกับโอกาสได้เป็น รบ.’ ชี้!! ‘เพื่อไทย’ พุ่งอันดับ 1 ส่วน ‘ก้าวไกล’ ครองอันดับ 2

(11 ธ.ค. 65) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘6 พรรคกับโอกาส ได้เป็นรัฐบาล’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับ 6 พรรคกับโอกาสได้เป็นรัฐบาล การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูล ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อให้ประชาชนวิเคราะห์ถึงโอกาสที่พรรคการเมือง ทั้ง 6 พรรค ซึ่งกำลังมีกระแสข่าวการไหลเข้า-ออก ของนักการเมือง จะได้เป็นรัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้งสมัยหน้า พบว่า

1. พรรคเพื่อไทย (นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว/น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) 

ร้อยละ 40.38 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก 

ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

ร้อยละ 16.88 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย

ร้อยละ 8.24 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 

ร้อยละ 2.06 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

2. พรรคก้าวไกล (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์) 

ร้อยละ 31.45 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย 

ร้อยละ 30.23 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก

ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

ร้อยละ 11.00 ระบุว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 

ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

3. พรรคพลังประชารัฐ (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) 

ร้อยละ 33.51 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 

ร้อยละ 32.60 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย

ร้อยละ 20.38 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก 

ร้อยละ 10.76 ระบุว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 

ร้อยละ 2.75 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

4. พรรครวมไทยสร้างชาติ (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค/พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) 

ร้อยละ 43.12 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 

ร้อยละ 31.45 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย

ร้อยละ 15.73 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก

ร้อยละ 5.73 ระบุว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 

ร้อยละ 3.97 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

5. พรรคภูมิใจไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) 

ร้อยละ 39.16 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย 

ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

ร้อยละ 21.60 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก

ร้อยละ 4.96 ระบุว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

ร้อยละ 3.44 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

6. พรรคประชาธิปัตย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) 

ร้อยละ 40.69 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย 

ร้อยละ 38.93 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

ร้อยละ 13.20 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก

ร้อยละ 4.58 ระบุว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน 

ร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อกระแสข่าวข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย ภายหลังการเลือกตั้งสมัยหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 45.65 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย เพราะ เป็นเพียงแค่กระแสข่าวลือ โอกาสเป็นไปได้ยาก เนื่องจากอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน

รองลงมา ร้อยละ 29.24 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ เพราะ ทั้งสองพรรคต่างต้องการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ การนำของตนเองจึงไม่น่าจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้

ร้อยละ 16.64 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ เพราะ การเมืองเป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์ จึงมีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองพรรคจะตกลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน

ร้อยละ 5.19 ระบุว่า เชื่อมาก เพราะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยเคยมีความสัมพันธ์กันในอดีต จึงอาจมีการหารือเพื่อตกลงเรื่องผลประโยชน์หากได้เป็นรัฐบาลร่วมกัน และร้อยละ 3.28 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top