Saturday, 7 June 2025
NATO

สวีเดนทุ่มงบ 100 ล้านโครนา อัปเกรดบังเกอร์ทั่วประเทศ เน้นความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินระดับชาติ หลังร่วม NATO

(6 เม.ย. 68) สวีเดนจะจัดสรรเงิน 100 ล้านโครนา (ราว 334 ล้านบาท) สำหรับการตรวจสอบ ควบคุม และปรับปรุงที่พักพิงป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ โดยตั้งแต่ปี 2024 หน่วยงานรับมือเหตุฉุกเฉินของสวีเดน (MSB) ได้เพิ่มการตรวจสอบบังเกอร์ของประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 64,000 แห่ง

ตามแถลงการณ์ของ MSB ประเทศสวีเดน ซึ่งได้เข้าเป็นสมาชิกของ NATO ในเดือนมีนาคม 2024 ยังลงทุนด้านการพัฒนาบริการฉุกเฉิน การเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการเติมเต็มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์อีกด้วย 

การปรับปรุงบังเกอร์คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปี จนถึงขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการสร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่ 25 แห่งจากทั้งหมด 80 แห่งแล้ว ซึ่งสามารถรองรับผู้คนได้หลายพันคน ในปี 2025 

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีสวีเดน อุลฟ์ คริสเตอร์สัน กล่าวว่าประเทศ “ไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะสันติภาพ” พร้อมประกาศเพิ่มงบกลาโหมเป็น 2.4% ของ GDP ในปีนี้ และตั้งเป้าเป็น 2.6% ภายในสามปี

สตอกโฮล์มได้เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศมาตั้งแต่ปี 2014 และตั้งแต่ปี 2022 ก็ได้เปิดใช้โครงการ “การป้องกันโดยรวม” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการระดมทรัพยากรทั้งหมดของสังคมในยามวิกฤต

การปรับปรุงศูนย์หลบภัยนิวเคลียร์ของสวีเดนเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นและความกังวลด้านความปลอดภัยในยุโรป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องในยูเครน การเป็นสมาชิกนาโตของสวีเดนทำให้ความมุ่งมั่นในการป้องกันประเทศร่วมกันของสวีเดนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และประเทศกำลังดำเนินการเชิงรุกเพื่อให้แน่ใจว่าสวีเดนสามารถเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉินได้

การเน้นย้ำถึง "การป้องกันประเทศโดยรวม" เป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสวีเดนในการรักษาระดับความพร้อมรบสูง โดยทรัพยากรทางทหารและพลเรือนถูกผนวกรวมเข้ากับการวางแผนความมั่นคงแห่งชาติ 

นอกจากนี้ความคิดริเริ่มนี้ยังเป็นการเตือนถึงความพยายามของยุโรปในวงกว้างที่จะเพิ่มความสามารถในการรับมือภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งทางทหารแบบเดิม

‘เยอรมนี’ อาจฟื้นระบบเกณฑ์ทหารปีหน้า หากไม่มีอาสาสมัครมากเพียงพอในอนาคต

(26 พ.ค. 68) บอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนี เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (24 พ.ค.) ว่า รัฐบาลอาจพิจารณานำระบบเกณฑ์ทหารกลับมาใช้ภายในปี 2569 หากจำนวนผู้สมัครใจเข้าร่วมกองทัพยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เยอรมนีในฐานะสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) กำลังเร่งเสริมศักยภาพทางการทหารนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในปี 2565 แต่การรับสมัครทหารโดยสมัครใจยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

กองทัพเยอรมนีระบุว่า ยังต้องการกำลังพลเพิ่มอีกประมาณ 100,000 นายในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามพันธะผูกพันกับ NATO ได้อย่างเต็มที่

พิสโตริอุสกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลยังเน้นการรับสมัครทหารแบบสมัครใจเป็นหลัก แต่หากจำนวนผู้สมัครไม่เพียงพอในอนาคต อาจจำเป็นต้องพิจารณานำระบบเกณฑ์ทหารภาคบังคับกลับมาใช้ พร้อมเสริมว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจมีผลบังคับใช้เร็วที่สุดในวันที่ 1 ม.ค. 2569

ด้านอันเดรียส เฮนเน ผู้บัญชาการกองบัญชาการปฏิบัติการภายในประเทศของกองทัพเยอรมนี กล่าวสนับสนุนความพยายามในการเพิ่มจำนวนผู้สมัคร โดยระบุว่า เยอรมนีกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ยังจำเป็นต้องเร่งให้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ โครงสร้างพื้นฐาน และกำลังพล

จีนต้องไม่ให้เกาหลีเหนือ เข้ามาแทรกแซง สงครามในยูเครน มิฉะนั้น NATO จะขยายเข้าสู่เอเชีย

(1 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ปธน. มาครง แห่งฝรั่งเศส ขู่ลั่นว่า “จีนต้องไม่ให้เกาหลีเหนือ เข้ามาแทรกแซงสงครามในยูเครน มิฉะนั้น NATO จะขยายเข้าสู่เอเชีย”

Macron: China must prevent North Korea from interfering in the war in Ukraine, otherwise NATO will expand to Asia

‘นาโต้’ ส่งสัญญาณชัดประกาศลั่น ทะเลดำ–บอลติก อย่าแตะ!!..ใครล้ำเจอดี

(6 มิ.ย. 68) นายกฯ มาร์ค รุตเต้ (Mark Rutte) เลขาธิการนาโต้ แถลงเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนว่า นาโต้ยกระดับเขต ทะเลดำและทะเลบอลติก ให้เป็น 'เขตความรับผิดชอบเชิงยุทธศาสตร์' ขององค์กร เพื่อเสริมความพร้อมตอบโต้ภัยคุกคาม พร้อมทั้งย้ำว่านาโต้จะส่งเสริมการป้องกันพื้นทะเลและโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำของภูมิภาค

รุตเต้ ได้ยืนยันด้วยว่าหากเกิดการโจมตีใดๆ ในทะเลบอลติก นาโต้จะตอบโต้ด้วย 'การตอบสนองที่รุนแรง' ซึ่งครอบคลุมการป้องกันขีปนาวุธ ระบบสื่อสาร และขีปนาวุธระยะไกล โดยเฉพาะในบริเวณโครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำที่ได้รับผลกระทบ

การประกาศนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเพิ่มบทบาทของนาโต้ในทะเลบอลติก เช่น การซ้อมรบทางทะเลระยะยาวที่มีเรือรบจากหลายชาติออกจากท่าเรือในเยอรมนี และการเสริมความเข้มแข็งด้านการลาดตระเวนทางอากาศและเรือดำน้ำ

นอกจากนี้ รุตเต้ยังเชื่อมโยงแนวทางนี้กับเป้าหมายด้านงบประมาณกลาโหมของนาโต้ ที่กำหนดเป้าวางงบในระดับกลาโหมอย่างน้อย 5% ของ GDP (3.5% ภาระหลัก และ 1.5% เพื่อโครงสร้างพื้นฐาน) เพื่อให้เกิดการประยุกต์ใช้กำลังที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top