Sunday, 20 April 2025
HIV

“วันเอดส์โลก” ยุติความเหลื่อมล้ำ ยุติเอดส์!!  

วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็น “วันเอดส์โลก” (World AIDS Day) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกประเทศทั่วโลก จะร่วมกันรณรงค์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอดส์!! 

วันนี้ THE STATES TIMES เลยอยากเชิญชวนทุกคนร่วมสร้างการป้องกัน!! และช่วยกันปฏิบัติกันอย่างถูกต้อง เพื่อลดการผู้ติดเชื้อรายใหม่, ไม่มีการเสียชีวิตเนื่องจากเอดส์ และไม่มีการเลือกปฏิบัติ ตามที่ UNAIDS ได้กำหนดธีมรณรงค์ ในปี 2564 นี้... "End inequalities. End AIDS. End pandemics. ยุติความเหลื่อมล้ำ ยุติเอดส์” เพื่อเป็นแรงช่วยให้สู่ความสำเร็จในการ ยุติปัญหาเอดส์ไปพร้อมกัน

แนวโน้มของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในปัจจุบัน
>> ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อที่มีชีวิตอยู่ 470,000 ราย 
>> ในประเทศไทยคาดว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อมากถึง 1,000,000 ราย 
>> ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อมากถึง 38,000,000 ราย

'สาว' โพสต์สำนึกบาป หลังมีเพศสัมพันธ์ไม่ซ้ำหน้าตลอด 7 เดือน เฉลย!! ติดเชื้อ HIV แต่กำเนิด วอน!! ผู้ชายที่นอนด้วยรีบไปตรวจกัน

(5 พ.ย.66) โรคเอดส์ หรือ การติดเชื้อ HIV เป็นโรคที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ การสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง การใช้ของมีคม เข็ม ร่วมกับผู้อื่น แม้ว่าปัจจุบันจะมียาต้านไวรัส แต่ก็ยังถือว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หาย และต้องกินยาไปตลอด

ล่าสุด มีโพสต์ในโลกออนไลน์ที่น่าตกใจ เมื่อมีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ว่า เธอนั้นติดเชื้อ HIV มาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเธอทราบดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย เกิดอกหัก ออกเที่ยวกลางคืนก็จะมีพฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เพิ่งรู้จักกัน พร้อมบอกพิกัดที่เธอไปเที่ยวบ่อยๆ และระบุว่าตนเองสำนึกผิด และรู้สึกบาปกับสิ่งที่ทำ อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าว ยังไม่สามารถระบุที่มาได้ว่า เป็น

โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “คิดอยู่นานว่าจะโพสต์ดีมั้ย คือเราเรียนอยู่ปี 2 จะขึ้นปี 3 ค่ะ เริ่มเที่ยวครั้งแรกช่วงเดือนเมษายน เพราะอกหัก ไปเที่ยวที่ไรก็จะได้ One Night Stand ตลอดค่ะ และที่รู้สึกผิดที่สุดเลยคือเราเป็น HIV ตั้งแต่กำเนิด สงสารคนที่เคยมีอะไรกับเรา ขออโหสิกรรมให้เราด้วยนะ ตอนนี้เราอยากหนีไปบวชชีที่ไหนไกลๆ ไม่อยากเจอใครเลย

มีภาพเข้ามาในหัวว่าผู้ชายเขาก็จะต้องมีครอบครัวในอนาคต เรากังวลว่าเขาจะติดเชื้อ เราไม่อยากให้แฟนและลูกในอนาคตเขาต้องมาเจออะไรแบบเราค่ะ ที่ผ่านมา 7 เดือน เราเที่ยวแทบทุกวัน แต่ที่ไปบ่อยก็คือผับข้างปั๊มน้ำมัน คือเราทานยาทุกวัน แต่ก็ดื่มเหล้าทำให้เชื้อดื้อยาค่ะ เลยขอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว จะรักษาตัวเองจะตั้งใจเรียนให้จบ คนที่เรานัดกันในผับถ้ามาเจอข้อความนี้ เราอยากให้ทุกคนไปตรวจด้วย เพราะตอนนี้เราก็มีภาวะแทรกซ้อนเลยทำให้ดื่มไม่ได้อีก เป็นห่วงนะคะ”

ทั้งนี้ สถานการณ์ล่าสุด กรมควบคุมโรค เปิดเผยสถานการณ์ว่า โดยในปี 2565 คาดประมาณผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 9,230 คน ซึ่งเกือบครึ่งเป็นกลุ่มอายุระหว่าง 15-24 ปี และมีสัดส่วนเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระบบการรักษาถึงร้อยละ 22.4 ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2551 ที่ร้อยละ 9.5 และยังพบผู้ติดเชื้อซิฟิลิสและหนองใน สูงถึง 14,534 คน

เด็ก 11 ติด HIV บอกหมอไม่ต้องตรวจ เพราะเต็มใจติดเป็นเพื่อนแฟนอายุ 18 ปี

(1 เม.ย. 67) เพจไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor ได้แชร์เรื่องราวของคนไข้ซึ่งมาพบแพทย์ในแผนกผู้ป่วยนอก คนไข้นี้เป็นน้องผู้ชายอายุ 11 ขวบ มาพบแพทย์ด้วยอาการมีหนองที่อวัยวะเพศ หมอจะขอตรวจ HIV ด้วย แต่น้อง 11 ขวบ ตอบอย่างมั่นใจว่า ไม่ต้องตรวจ แฟนผมเป็น ผมติดเป็นเพื่อนแฟน เคสนี้แฟนอายุ 18 ปี มาล่อน้องอายุ 11 ขวบ

โพสต์นี้ พล.อ.ท. นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เข้ามาขอแชร์พร้อมคอมเมนต์ว่า เด็กปัจจุบันโตไวกว่าที่คิด บางโรงพยาบาล เด็กอายุ 12 ปี มาฝากท้องแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องตามให้ทัน

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง พร้อมแสดงความเป็นห่วงในอนาคตของน้อง 11 ขวบ พร้อมแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีกับแฟนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า โดยระบุว่า น้องอาจเข้าใจว่ามันติดต่อเหมือนโควิดหรือเปล่า เช่น ทางน้ำลาย กินน้ำต่อ ๆ กัน น้องคงไม่รู้ว่าการต้องกินยาไปตลอดชีวิตไม่ใช่เรื่องสนุก โรคนี้ไม่ใช่หวัดที่กินยาแล้วจะหาย ยาเสพติดก็รับมือยากแล้ว ที่น่าตกใจเป็นเด็ก ม.ต้น

ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กบางคน บอกว่า เคยเจอเด็ก 18 เป็น DCM (กล้ามเนื้อหัวใจบาง) มีประวัติใช้ยาเสพติดตั้งแต่ 11 ขวบ กัญชาและน้ำกระท่อม น่าห่วงว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร

รวมถึงคอมเมนต์แสดงความเป็นห่วงน้อง ๆ เยาวชน ด้วยความไม่รู้ว่าอันตรายถึงชีวิต ในช่วงเยาว์วัยขาดความยั้งคิด อาจจะมีเพศสัมพันธ์และแพร่เชื้อกว้างขวางออกไปอีก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์บางท่าน บอกว่า สมัย 10 ปีที่แล้ว เคยตรวจเด็ก ม.ต้น ผลบวก แจ้งน้องว่าเป็น HIV น้องตอบอย่างมั่นใจ “ถ้าผมเป็น ก็เป็นกันทั้งห้อง”

‘นักวิจัยจีน’ แยกแอนติบอดีต้านเชื้อ HIV จาก 'อัลปากา' พบแนวโน้มดี สำหรับการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่

(27 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คณะนักวิจัยจีนแยกแอนติบอดีจาก ‘อัลปากา’ ซึ่งสามารถออกฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่มีแนวโน้มดีสำหรับการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่

อู๋จื้อเหว่ย ศาสตราจารย์จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยหนานจิง กล่าวว่า ปัจจุบันการบำบัดด้วยยาต้านไวรัสถือเป็นแนวทางหลักในการยับยั้งการจำลองแบบของเอชไอวี ซึ่งแม้ว่าแนวทางนี้จะช่วยยืดอายุขัยของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องศึกษาวิธีการบำบัดใหม่ ๆ

สำหรับแนวทางหลักในการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่ ทางคลินิกจะมุ่งเป้าไปที่กระบวนการที่ไวรัสเข้าสู่เซลล์โฮสต์ โดยในกระบวนการนี้ ตัวรับที่เรียกว่า ‘ซีดี4’ (CD4) จะทำหน้าที่เสมือน ‘ลูกบิดประตู’ ซึ่งไวรัสใช้เพื่อเปิด ‘ประตู’ ของเซลล์

ทีมนักวิจัยได้แยกนาโนบอดี ‘ซีดี4’ จำนวนหลายพันตัวจากอัลปากา ซึ่งในจำนวนนี้มี ‘เอ็นบี457’ (Nb457) ที่แสดงศักยภาพยับยั้งเอชไอวี โดยนาโนบอดีคือ แอนติบอดีชนิดหนึ่งที่เล็กและเสถียรกว่าแอนติบอดีทั่วไป

รายงานระบุว่าทีมนักวิจัยสร้างอนุภาคเหมือนไวรัส (Pseudovirus) จำนวนหนึ่งขึ้นมาเพื่อจำลองสายพันธุ์เอชไอวี 117 สายพันธุ์ และทำให้อนุภาคเหมือนไวรัสเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับเอ็นบี457 โดยผลการทดลองเผยว่าเอ็นบี457 สามารถยับยั้งไวรัส 116 สายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และออกฤทธิ์ต้านไวรัสอย่างครอบคลุม

อู๋สี่หลิน นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยหนานจิง กล่าวว่า ในการทดสอบไวรัสจริง นาโนบอดีสามหน่วยย่อยที่ดัดแปลงมาจากเอ็นบี457 แสดงศักยภาพการยับยั้งเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ ส่วนผลการทดลองกับหนูเผยว่าแทบจะไม่สามารถตรวจพบไวรัสดังกล่าวได้ในหนูที่ได้รับการบำบัด และไม่พบการกลายพันธุ์ที่ดื้อยา

อู๋จื้อเหว่ย กล่าวว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะดื้อยา ส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาลดลง ทว่าแอนติบอดีที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ไวรัสโดยตรง แต่มุ่งเป้าไปที่ซีดี4 ซึ่งเป็น ‘ลูกบิดประตู’ ทำให้มีโอกาสดื้อยาน้อยลงและมีนัยสำคัญต่อการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่และการรักษาทางคลินิก

อนึ่ง ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการนานาชาติเนเจอร์ คอมมิวนิเคชันส์ (Nature Communications) เมื่อไม่นานนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top