‘นักวิจัยจีน’ แยกแอนติบอดีต้านเชื้อ HIV จาก 'อัลปากา' พบแนวโน้มดี สำหรับการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่
(27 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คณะนักวิจัยจีนแยกแอนติบอดีจาก ‘อัลปากา’ ซึ่งสามารถออกฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่มีแนวโน้มดีสำหรับการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่
อู๋จื้อเหว่ย ศาสตราจารย์จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยหนานจิง กล่าวว่า ปัจจุบันการบำบัดด้วยยาต้านไวรัสถือเป็นแนวทางหลักในการยับยั้งการจำลองแบบของเอชไอวี ซึ่งแม้ว่าแนวทางนี้จะช่วยยืดอายุขัยของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องศึกษาวิธีการบำบัดใหม่ ๆ
สำหรับแนวทางหลักในการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่ ทางคลินิกจะมุ่งเป้าไปที่กระบวนการที่ไวรัสเข้าสู่เซลล์โฮสต์ โดยในกระบวนการนี้ ตัวรับที่เรียกว่า ‘ซีดี4’ (CD4) จะทำหน้าที่เสมือน ‘ลูกบิดประตู’ ซึ่งไวรัสใช้เพื่อเปิด ‘ประตู’ ของเซลล์
ทีมนักวิจัยได้แยกนาโนบอดี ‘ซีดี4’ จำนวนหลายพันตัวจากอัลปากา ซึ่งในจำนวนนี้มี ‘เอ็นบี457’ (Nb457) ที่แสดงศักยภาพยับยั้งเอชไอวี โดยนาโนบอดีคือ แอนติบอดีชนิดหนึ่งที่เล็กและเสถียรกว่าแอนติบอดีทั่วไป
รายงานระบุว่าทีมนักวิจัยสร้างอนุภาคเหมือนไวรัส (Pseudovirus) จำนวนหนึ่งขึ้นมาเพื่อจำลองสายพันธุ์เอชไอวี 117 สายพันธุ์ และทำให้อนุภาคเหมือนไวรัสเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับเอ็นบี457 โดยผลการทดลองเผยว่าเอ็นบี457 สามารถยับยั้งไวรัส 116 สายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และออกฤทธิ์ต้านไวรัสอย่างครอบคลุม
อู๋สี่หลิน นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยหนานจิง กล่าวว่า ในการทดสอบไวรัสจริง นาโนบอดีสามหน่วยย่อยที่ดัดแปลงมาจากเอ็นบี457 แสดงศักยภาพการยับยั้งเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ ส่วนผลการทดลองกับหนูเผยว่าแทบจะไม่สามารถตรวจพบไวรัสดังกล่าวได้ในหนูที่ได้รับการบำบัด และไม่พบการกลายพันธุ์ที่ดื้อยา
อู๋จื้อเหว่ย กล่าวว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะดื้อยา ส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาลดลง ทว่าแอนติบอดีที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ไวรัสโดยตรง แต่มุ่งเป้าไปที่ซีดี4 ซึ่งเป็น ‘ลูกบิดประตู’ ทำให้มีโอกาสดื้อยาน้อยลงและมีนัยสำคัญต่อการพัฒนายาต้านเอดส์ชนิดใหม่และการรักษาทางคลินิก
อนึ่ง ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการนานาชาติเนเจอร์ คอมมิวนิเคชันส์ (Nature Communications) เมื่อไม่นานนี้
ที่มา: Xinhua / Xinhuathai