Monday, 9 June 2025
ElectionTime

‘ชาติพัฒนากล้า’ ชู นโยบาย ‘ลดค่าการกลั่น หั่นค่า FT’ พร้อมทุบโครงสร้างราคา ‘น้ำมัน - ไฟฟ้า’ ต้องถูกกว่านี้

(28 ก.พ.66) ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมเวทีเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ในหัวข้อ ‘พรรคการเมืองตอบประชาชน อนาคตพลังงานไทย’ โดยย้ำถึงหลักการเสรีนิยมประชาธิปไตย ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส รื้อโครงสร้างที่ผูกขาด ให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่งเรื่องพลังงานเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่โคตรผูกขาด

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า น้ำมันและค่าไฟฟ้าแพง เพราะถูกยัดเยียดต้นทุนจากราคาสมมุติ ประชาชนต้องจ่ายแพงเกินจริง ส่วนกำไรมหาศาลตกอยู่กับกลุ่มทุนผูกขาด อย่างเรื่องน้ำมัน แข่งขันแค่เฉพาะแถมน้ำหรือไม่แถมน้ำ แต่ไม่เคยแข่งกันด้วยราคา เพราะกำหนดราคาต้นทุนสมมุติร่วมกัน ความน่าเกลียดที่สุดคือ รัฐบาลที่ยอมจำนนต่อระบบนี้ 

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ปีที่แล้วสงครามรัสเซีย-ยูเครน ค่าการกลั่นสมมุติที่คิดจากส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบกับราคาน้ำมันสำเร็จรูป มีส่วนต่างห่างกันมาก ค่าการกลั่นสูงผิดปกติ โรงกลั่นก็กำไรมหาศาลทั่วโลก หลายประเทศใช้วิธีเก็บภาษีลาภลอยกับบริษัทกลั่นน้ำมัน เพื่อไปชดเชยค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ที่มันแพงขึ้น แต่รัฐบาลไทยกลับนิ่งเฉย รัฐมนตรีคนปัจจุบัน เคยบอกว่า จะรับบริจาคจากโรงกลั่นน้ำมัน ทั้งที่สามารถทำได้ชัดเจนกว่าด้วยการใช้มติ ครม.ออกพระราชกำหนด เก็บภาษีลาภลอยจากโรงกลั่นที่เป็นบริษัทมหาชน รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นคณะกรรมการการควบคุมราคาสินค้า และยังเป็นคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานด้วย

“ผมและนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เคยเตือนและนำเสนอแนวทางการแก้ไขลดค่าการกลั่น เก็บภาษีลาภลอยไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ซึ่งเป็นแนวทางที่ต่างประเทศก็ใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบนี้ เราเสนอวิธีการแก้ไขตั้งแต่กองทุนน้ำมันยังติดลบไม่ถึงแสนล้าน แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการ จนถึงวันนี้กระทรวงการคลังต้องไปค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมัน เป็นหนี้แสนล้าน ประชาชนต้องช่วยผ่อนทุกครั้งที่เติมน้ำมันยาว 7 ปี” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

‘เพื่อไทย’ เปิดตัว ‘เศรษฐา’ พรุ่งนี้ นั่งที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย

‘เพื่อไทย’ เปิดตัว ‘เศรษฐา’ พรุ่งนี้ นั่งที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย คาดลงพื้นที่หาเสียงแทน ‘อิ๊งค์’ หลังอายุครรภ์ 7 เดือนกว่าแล้ว

(28 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) เวลา 09.30 น. พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย จะร่วมแถลงข่าวเปิดตัว นายเศรษฐา ทวีสิน สมาชิกพรรค พท.และประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวทางการเมืองอย่างเป็นทางการครั้งแรกในนามพรรค พท.ก่อนหน้าที่นายเศรษฐา เคยร่วมลงพื้นที่เยาวราชหาเสียงร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 ม.ค.66

‘ชลน่าน-แพทองธาร-เศรษฐา-เพื่อไทย’ เล่นใหญ่!! โพสต์ภาพ-คลิป ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’

(28 ก.พ. 66) พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์คลิปความยาว 1 นาที รวบรวมนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ทยอยประกาศในวาระต่าง ๆ ไปแล้ว ได้แก่…

1.) คิดใหญ่ : สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ 200,000 บาทต่อปี เป็นศูนย์กลางการขนส่งคมนาคมในภูมิภาค เป็นศูนย์กลางงานเทศกาลในภูมิภาคเอเชีย ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 เงินเดือนปริญญาตรี/ข้าราชการ 25,000 บาท ภายในปี 2570 ปฏิรูปกองทัพเป็นทหารมืออาชีพ ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบ รายได้เกษตรกรเพิ่มเป็น 3 เท่าภายในปี 2570 ต่อต้านการรัฐประหาร

2.) ทำเป็น : ยกระดับ 30 บาท บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทั่วไทย จองคิวได้เร็ว ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยไปทั่วโลก 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ปราบปรามผู้ผลิต และผู้ขายยาเสพติด GDP เติบโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5% ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ รัฐบาลดิจิทัลเพื่อประชาชน เพิ่มความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

‘เพื่อไทย’ แต่งตั้ง ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นั่ง ปธ.ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

(1 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่าพรรคเพื่อไทยมีคำสั่งที่ 001/2566 เรื่อง แต่งตั้งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 23 มี.ค.65 ได้รับทราบการเปิดตัวโครงการ 'ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม' และต่อมาได้มอบหมายให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมดังกล่าว และต่อมาได้มีคำสั่งพรรคเพื่อไทย ที่ 0004/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานรับผิดชอบโครงการ 'ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม' ลงวันที่ 1 เม.ย. 65 ซึ่งการดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวจะต้องทำในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จึงต้องอาศัยบุคลากรของพรรคที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมนี้ เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

‘บิ๊กตู่’ กั๊กตอบชื่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 'รทสช.' แต่ย้ำ!! พรรคเน้นทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม

(1 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รสทช.ว่า เป็นบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทาและนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีโอกาสพบปะสมาชิกหลายคนหลายภาคและเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาสวมเสื้อให้ ถือเป็นเกียรติให้กันและกัน

ตนมีความเชื่อมั่นในบรรดาสมาชิกของพรรคที่มีหลากหลาย หลายกลุ่ม หลายวัย เพราะเราต้องการเดินหน้าทำงานให้คนทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีปัญหาต่าง ๆ เราต้องทำให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานในอนาคต ขอขอบคุณบรรดาสมาชิก ส.ส. และขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ตนมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรคบอกแล้วว่ามีความพร้อม ทันเวลาอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดของ กกต. พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งให้ครบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าได้ ส.ส.อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตั้งเป้า แล้วไม่ได้ตามเป้าแล้วจะไปตั้งทำไม เพราะเราเชื่อมั่นว่าจะได้กว่าเป้า ส่วนเป้าที่วางไว้จะเป็นเท่าไหร่นั้นจะยังไม่บอก ทุกคนต่างหวังเช่นนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการจะเป็นรัฐบาลได้ ส.ส. จำนวน 250 เสียงขึ้นไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลกติกาก็คือจะต้องได้คะแนนเสียงสูง และต้องมีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เสียงมากเสียงน้อยก็จะต้องขึ้นอยู่กับบทบาทการพูดคุยต่อไป ว่าเป็นรัฐบาลกันอย่างไร เพราะครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ตนก็ผ่านมาแล้ว

‘พิธา’ ควง ‘ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ’ เยือนอีสาน 3-4 มี.ค. ชู ‘อนาคตใหม่ก้าวไกล เพื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’

(1 มี.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล เผย วันที่ 3-4 มีนาคมนี้ พรรคก้าวไกลยกทัพบุกพื้นที่อีสาน 2 จังหวัด คือ ขอนแก่น และร้อยเอ็ด นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และมีไฮไลต์สำคัญ คือ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลมีมติ เปิดตัว 3 ขุนพลแกนนำอนาคตใหม่ เป็นผู้ช่วยหาเสียงพร้อมเดินสายทั่วประเทศสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ โดยประเดิมที่แรก เวทีปราศรัยจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.พรรณิการ์ วานิช ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยเป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นการเข้าสู่บรรยากาศโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

‘เศรษฐา’ กั๊กตอบนั่งแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย แต่พร้อมช่วย ‘อุ๊งอิ๊ง’ เดินหน้าหาเสียงเต็มที่

(1 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้เดินทางเข้าพรรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังได้รับแต่งตั้ง โดยมี นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ให้การต้อนรับ

โดย นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ได้มีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษา และพูดคุยกับผู้ใหญ่ภายในพรรคมาโดยตลอด วันนี้เป็นฤกษ์ดีที่ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทำงานการเมืองให้มากขึ้น ส่วนการเดินหน้าทำการเมืองเพื่อรณรงค์ไปสู่การเลือกตั้ง ขอให้เป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตลอดการหาเสียงช่วงที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ทำได้ด้วยดีมาโดยตลอด แต่คนที่ตั้งครรภ์ 7 เดือนก็มีขีดจำกัด ส่วนตัวก็พร้อมที่จะมาช่วยในลักษณะที่ตนถนัด

เมื่อถามว่า นี่คือก้าวแรกของการเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปถึงขั้นนั้น ขอให้เป็นขั้นตอน เพราะยังมีอีกหลายเรื่อง ต้องให้เกียรติสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะมีหลายท่านที่มีความเหมาะสม

เมื่อถามย้ำว่า หลายฝ่ายฟันธงไปแล้วว่า นายเศรษฐา คือ แคนดิเดตนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ตนมาเป็นที่ปรึกษาให้ น.ส.แพทองธาร มาช่วยเติมเต็มในส่วนที่คิดว่าจะช่วยประเทศชาติได้ หลังจากนี้ จะไปช่วยหาเสียง ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจก็อยู่แค่เมืองหลวงอย่างเดียว ซึ่งการลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น การลงพื้นที่ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ตนไปทำ แต่ก็ต้องมีความเป็นตัวตนของตนด้วย และทำในสิ่งที่ตนเองถนัด

เมื่อถามว่า หากคณะกรรมการรบริหารเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพร้อมจะรับหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ถึงวันนั้นก่อนดีกว่า ต้องให้เกียรติ หากไปพูดก่อนจะเป็นการกดดันคนอื่นที่มีศักยภาพ ตนเป็นน้องใหม่ ยังมีผู้ใหญ่หลายท่านที่มีคุณภาพ

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้พร้อมแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า จะพร้อมหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องพูด เป็นระบอบพรรคการเมือง เราไม่ใช่คนตัดสิน ต้องให้เกียรติผู้บริหารพรรคด้วย ที่สำคัญขณะนี้ยังไม่ยุบสภาฯ ขอทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก่อน ในฐานะที่มีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจมากว่า 30 ปี ตนจะขอทำให้เต็มที่จนถึงที่สุด หวังว่าขอเสนอแนะของตนจะเป็นประโยชน์พรรคการเมือง

เปิดตัวล็อตใหญ่!! ‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม พปชร. เปิดหน้าผู้สมัครชุดใหญ่ เสริมแกร่งให้พรรค ลั่น!! จัดตั้งรัฐบาลชัวร์

(1 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในจำนวนนี้ มีทั้ง ส.ส.เก่า และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ประมาณ 50 คน บรรยากาศคึกคัก มี ส.ส. อดีต ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เดินทางมาจำนวนมาก

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เปิดตัวครั้งนี้ ประกอบด้วย

ภาคกลาง
- กรุงเทพมหานคร ได้แก่ นายศิริพงศ์ รัศมี ส.ส.กทม. เขต 17
- จังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ นายจาตุรนต์ นกขมิ้น, นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ, นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ, นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ, น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ, นายแสน บานแย้ม ที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.สมุทรปราการ, นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวรพร อัศวเหม
- จังหวัดราชบุรี ได้แก่ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต 2, นายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ ส.ส.ราชบุรี, นายจตุพร กมลพันธุ์ทิพย์
- จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4
- จังหวัดชัยนาท ได้แก่ นายธนบดี คุ้มชนะ อดีตนายก อบจ.ชัยนาท
- จังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 3
- จังหวัดสระบุรี น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี เขต 1
- จังหวัดสิงห์บุรี นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี เขต 1
- จังหวัดสุพรรณบุรี นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สุพรรณบุรี 

ภาคอีสาน
- จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ นายสุขสันต์ ชื่นจิตร เขต 5 และนายอัครแสนคีรี โล่วีระ เขต 7
- จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ นายสิตกวิน เตียวเจริญโสภา เขต 5 และนายเสรษฐิพณ แท่นดี เขต 6
- จังหวัดขอนแก่น ได้แก่ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น เขต 7, นายบัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น, นายพิพัฒน์พงศ์ พรหมนอก เขต 8
- จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 1, นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 4, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 6, นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 7, นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา เขต 8 และนายณัฐพล ชวนกระโทก

ภาคใต้
- จังหวัดตรัง ได้แก่ นายนิพนธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เขต 1
- จังหวัดกระบี่ ได้แก่ นายอนันต์ เขียวสด
- จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1, นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2, นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3
- จังหวัดนราธิวาส ได้แก่ นายสมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2
- จังหวัดภูเก็ต ได้แก่ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต เขต 1, นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2
- จังหวัดปัตตานี ได้แก่ นายอันวาร์ สาละ อดีต ส.ส.ปัตตานี
- จังหวัดยะลา ได้แก่ นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา เขต 1

ภาคเหนือ
- จังหวัดกำแพงเพชร ได้แก่ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 1, นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2, นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร เขต 3, นายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4
- จังหวัดพิจิตร ได้แก่ นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร เขต 1, นางณริยา บุญเสรฐ เขต 2, นายเอกวิชญ์ เรืองมาลัย 
- จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 1, นายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 2, นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 3, นายเอี่ยม ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 5
- จังหวัดพะเยา ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 และนายจิรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา เขต 3
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แก่ นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1

อีอีซี
- จังหวัดสระแก้ว ได้แก่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว เขต 2 และนายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.สระแก้ว เขต 3 
- จังหวัดชลบุรี ได้แก่ นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา, ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี, นายประมวล เอมเปีย, นายโอฬาร์ ปัญญปิติพัฒน, นายบรรจบ รุ่งโรจน์, นายนิพนธ์ แจ่มจรัส, นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ อดีต ส.ส.ชลบุรี

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณ ส.ส.เก่าที่ยังอยู่พรรคนี้ และขอบคุณผู้สมัคร ส.ส.ที่ย้ายมาจากพรรคอื่น ขอบคุณผู้สมัคร ส.ส.ใหม่ทุกคน ที่จะมาทำชื่อเสียงให้กับพรรคต่อไป ขอบคุณทุกคน รู้สึกตื่นตันใจ โดยเฉพาะ ส.ส.เก่าที่ยังอยู่กับตน ไม่ไปไหน ขอบคุณมาก วันนี้เราถือว่าเป็นโอกาสดีวันหนึ่งในการเปิดตัวผู้สมัคร ทั้ง ส.ส.เก่าที่ไม่ไปย้ายพรรคอื่น แม้เราจะโดดดูดไปเยอะ แต่ไม่เป็นไร

“พรรคผม ถือเป็นพรรคที่โดนดูดส.ส.มากที่สุด แสดงว่าพรรคเราเข้มแข็ง พรรคอื่นถึงดึงไป ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่พรรคนี้ ขอบคุณคนที่ย้ายเข้ามาในพรรคใหม่ ที่มาจากพรรคอื่นมาอยู่ในพลังประชารัฐ ซึ่งยินดีต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะผู้สมัคร ส.ส.ใหม่ ที่จะมาเป็นกำลังให้กับพรรค เราหวังว่าจะได้ ส.ส.มาก คราวที่แล้วเราได้อันดับสอง คราวนี้ผมอยากได้อันดับหนึ่ง” พล.อ.ประวิตร กล่าว

มันหยด!! อาญาสิทธิ์ (พปชร.) VS สิทธิรักษ์ (รทสช.) ชิงซีนวิสัยทัศน์ ในจังหวะ ‘บิ๊กตู่’ เยือนเมืองคอน

แม้ว่าเมื่อวานนี้ ‘นายหัวสิทธิ์’ หรือ ‘สิทธิรัก ทิพย์อักษร’ ใส่เสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้สวมเสื้อให้ด้วยตัวเองไปเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ชายร่างเล็กผู้น่าจดจำอย่าง ‘อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ ส.ส.เจ้าของพื้นที่ตกอกตกใจสักเท่าไหร่ เพราะก็ได้เปิดตัวประกาศกร้าวขอรักษาแชมป์ ส.ส. จ.นครศรีธรรมราช เขต 3 ในนามพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม 

อาญาสิทธิ์ ระบุว่า “เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ผมปฏิญาณตน ทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ตามที่พี่น้องได้เลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่างลง เมื่อ 7 มีนาคม 2564”

นอกจากนั้นแล้ว นายอาญาสิทธิ์ ก็ยังเห็นว่านโยบายพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้นำมาเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันบริหารประเทศ ใช้แก้ไขปัญหาประชาชนได้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน จับต้องได้ เช่น ด้านสวัสดิการประชารัฐ โดยออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รัฐบาลที่จัดตั้งโดยพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำได้บริหารประเทศด้วยนโยบายที่ทำได้จริง ถึงตัวตนประชาชนเป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่รั่วไหล ประชาชนพึงพอใจ และพรรคพลังประชารัฐพร้อมเดินหน้าทำต่อไป ในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ก็จะพัฒนาเพิ่มเติมและแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น

อาญาสิทธิ์ กล่าวอีกว่า “ผมมั่นใจในนโยบายแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งอุดมการณ์ นโยบายพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งนำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ซึ่งท่านประกาศชัดเจนว่าจะนำนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ไปบริหารประเทศต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพลังของประชาชนขับเคลื่อนสร้างพรรคพลังประชารัฐในระบอบประชาธิไตย ให้เป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง มีบุคคลกรการเมืองที่มีคุณภาพ สร้างเสริมการเมืองที่มีคุณธรรม ฟังความเห็นทุกฝ่าย รู้รักสามัคคี ให้อภัย นำประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยคำนึงถึงการกินดี อยู่ดี มีความสงบสุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก โดยการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยของประชาชนชาวไทย ในระบอบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข”

“ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบเขตเลือกตั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช ผมเชื่อว่าประชาชนชาวไทยยังต้องการนักการเมืองที่มีคุณธรรม คนนครศรีธรรมราช เป็นคนจริง รักใครรักจริง ชาวนครเป็นคนจริงใจ รักใครรักจริงไม่ทิ้งไม่ขว้าง “รักจังฮู้” ดังคำกล่าวที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวไว้ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช” อาญาสิทธิ์ กล่าว

อาญาสิทธิ์ ระบุเพิ่มอีกว่า ผมเป็นชาวตำบลสามตำบล อำเภอจุฬาภรณ์ นครศรีธรรมราช หมู่บ้านตำบลเล็ก ๆ ในชนบทซึ่งเป็นแหล่งก่อกำเนิดนักการเมือง นักสู้ทางความคิดที่มีชื่อลือเลื่องมายาวนาน เป็นสถานที่มีการต่อสู้ทางความคิดและอาวุธ ด้วยเหตุผลด้านการเมืองการปกครองที่สำคัญ และความโดดเด่นของเมืองใต้ คนที่กำเนิดในพื้นเพนี้ ภูมิใจในมาตุภูมิ หรือคำสมัยใหม่อาจเรียกว่า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง เรียกว่า ‘คนสามตำบล’ เป็นคนจริง และมีคุณธรรมประจำใจ มีน้ำใจต่อผู้อื่น มีความยุติธรรมประจำใจเป็นที่ตั้ง ไม่ข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอ พร้อมรับมือกับผู้ข่มเหงรังแกที่แข็งแกร่ง เสียชีพอย่าเสียความสัตย์ เป็นเรื่องปฏิบัติจริงของ ‘คนสามตำบล’ มีคำจารึกบนศิลาจารึก หุบเขาช่องคอยเตือนสติ ว่าถ้าคนดีมีอยู่ในหมู่บ้านของชนเหล่าใด ความสุขและผลก็จักมีขึ้นแก่ชนเหล่านั้น”

“ด้วยคุณธรรมของชาวนครฯ ร่วมด้วยคุณลักษณะของคนสามตำบล” ที่ผมยึดถือเหมือนคาถาที่คนโบราณ ยึดถือสัจจะหลักธรรมประจำตัว สิ่งที่ผมไม่กระทำต่อหน้าโดยตรง หรือด้วยเล่ห์ เพทุบาย ในอันที่จะ คิดคดทรยศประชาชน ทรยศต่อพรรคการเมืองที่สังกัด ทรยศต่ออุดมการณ์ นโยบายพรรคที่ได้ให้โอกาสมีบทบาททางการเมือง ทรยศผู้ร่วมอุดมการณ์ในพื้นที่เลือกตั้ง” อาญาสิทธิ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายอาญาสิทธิ์ยังกล่าวต่ออีกว่า “ผมจึงไม่หนีจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ตีจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านผู้มีความตั้งใจทำความดีเพื่อชาติและประชาชนด้วยความเสียสละ รวมทั้งเพื่อนสมาชิกพรรคที่รักทุกคนและท่านที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นกรรมการบริหารพรรค ในท่ามกลางกระแสความนิยม ชื่นชมความดี นักการเมือง และพรรคการเมืองอื่น มากมายหลายพรรค” อาญาสิทธิ์ กล่าว

“เมื่อหมดวาระตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันนี้แล้ว ผมยังตั้งใจที่จะเป็นกำลังของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบเขต ในจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเป็นแขน-ขา อวัยวะส่วน เล็กๆ ของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะหยิบยื่นนำเสนอถึงอุดมการณ์ นโยบายพรรคพลังประชารัฐให้รับรู้ถึงหูของประชาชนด้วยความนอบน้อม จริงใจ”

“ผมยืนหยัดจะทำตามอุดมการณ์ ที่ผมเข้ามารับใช้ประชาชนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไป ผมจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมเป็นกำลังกาย กำลังใจ กำลังขับเคลื่อนอุดมการณ์ และนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับผม ส.ส.นายอำเภออาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ต่อไป” อาญาสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

มุ่งแก้ปัญหาให้ตรงจุด ‘ธนาธร’ คัมแบ็คเวทีปราศรัย ‘ก้าวไกล’ ประเดิมอุดรฯ ชี้! แก้ทุกปัญหาไปพร้อมกัน เพื่อทลายความเหลื่อมล้ำในชาติ 

‘ธนาธร’ รีเทิร์นเวทีหลังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียง ‘ก้าวไกล’ ประเดิมที่อุดรธานี ปลุกปรากฏการณ์ ‘อนาคตใหม่’ ร่วมสานต่อภารกิจเปลี่ยนแปลงประเทศ ย้ำ หมดเวลาแก้ปัญหาแบบทีละเรื่อง ต้องลุยทลายความเหลื่อมล้ำ-แก้ปัญหาประเทศอย่างถาวรเท่านั้น*

วันที่ 1 มีนาคม 2566 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ประเดิมร่วมเวทีหาเสียงของพรรคก้าวไกล หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคอย่างเป็นทางการ เวทีแรกของการเดินสายในรอบสัปดาห์นี้คือ จ.อุดรธานี เริ่มต้นด้วยเวทีรับฟังปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ที่ อ.หนองแสง ก่อนเดินทางร่วมเวทีปราศรัยที่ อ.กุมภวาปี ท่ามกลางการต้อนรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น หลังจากร้างลาเวทีหาเสียงระดับชาติมานานกว่า 3 ปีภายหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)

ธนาธร เริ่มต้นการปราศรัยด้วยการเล่าถึงการทำงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่าช่วงที่ผ่านมา ได้ไปร่วมทำงานกับท้องถิ่น ทั้งระดับเทศบาล และ อบต. ได้เห็นปัญหาในระดับท้องถิ่นหลายเรื่อง เช่น เรื่องน้ำประปา ที่น่าเหลือเชื่อว่าประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 คนส่วนใหญ่ในประเทศยังไม่มีน้ำสะอาดที่ไหลตลอด 24 ชั่วโมงใช้ทุกวัน ถ้าไม่แกว่งสารส้มเองให้ตกตะกอนก็ต้องซื้อน้ำถังมาใช้ กลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ตอกย้ำความยากลำบากในชีวิตของคนส่วนใหญ่ ที่มีมากพออยู่แล้ว

สิ่งที่ได้ไปเห็นมาจากการทำงานท้องถิ่น ยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่ตนเชื่อมาตลอด ว่าประเทศของเราควรดูแลกันและกันได้ดีกว่านี้ คนไทยทุกคนไม่ว่าเกิดที่ไหนควรเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานได้เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำประปา โรงพยาบาล โรงเรียน ถนนหนทาง ฯลฯ ควรจะดีเท่ากันทุกที่ ซึ่งไม่ใช่ว่าประเทศของเราไม่มีความรู้หรือศักยภาพพอที่จะทำได้ แต่ปัญหาคือการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเข้าไม่ถึงทรัพยากรและงบประมาณ ยกตัวอย่างเช่น เงินทุกบาทที่เอาไปซื้อเรือดำน้ำ ก็คือทุกบาทที่ไม่ได้เอามาทำน้ำประปาให้สะอาดสำหรับประชาชนทุกคนในประเทศนี้

ธนาธรกล่าวต่อไปว่า การเดินทางของพรรคอนาคตใหม่มาสู่พรรคก้าวไกล คือการเดินทางไปสร้างสังคมไทยที่จะทลายความเหลื่อมล้ำ เช่น การต่อสู้กับทุนผูกขาดเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทำมาหากินได้ เราไม่เคยสัญญาว่าจะให้ข้าวตันละเท่าไร เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ดีกว่าคือการสร้างระบบเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสให้ทุกคนทำมาหากินได้ เช่นที่เราเสนอกฎหมายสุราก้าวหน้า เพื่อยกเลิกการผูกขาดในตลาดสุรากว่า 4 แสนล้านบาท ที่อยู่กับแค่ 2-3 บริษัทมากว่า 40 ปี โดยไม่เคยมีใครคิดจะแก้ไข


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top