Wednesday, 23 April 2025
Crimes

‘ตำรวจ’ เตรียมส่งหลักฐานตู้เย็น ‘ครูอ๊อด’ ตรวจหาสารพิษ พ่อเผยอาการคล้ายโดนวางยา คาด!! เอี่ยว ‘แอม ไซยาไนด์’

(29 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ส่งเรื่องและหลักฐานขอความอนุเคราะห์ให้ห้องปฏิบัติการของ รองศาสตราจารย์ ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในฐานะผู้ตรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อหาสารตัวยาไซยาไนด์ ในวัตถุพยานคดี นางสรารัตน์ (แอม) ตรวจวิเคราะห์วัตถุพยานที่เก็บจากรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กต 9532 นครปฐม ของนางสรารัตน์ จำนวน 12 รายการ จากการตรวจเก็บหลักฐานเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย. น.ส.ศิริพร ผู้เสียชีวิต ขับรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน กน 2340 กาญจนบุรี จากบ้านพักอาศัยไปจอดรถที่บริเวณบ้านพักของนางสรารัตน์ และเปลี่ยนไปนั่งรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กต 9532 นครปฐม มีผู้ต้องหาเป็นเจ้าของรถและขับรถคันดังกล่าวจาก จ.กาญจนบุรี ระหว่างทางแวะปั๊มน้ำมันในพื้นที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

จากนั้นขับรถต่อไปริมแม่น้ำศาลาประชาคม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้เสียชีวิตลงไปปล่อยปลา ระหว่างผู้เสียชีวิตลงไปปล่อยปลานั้นมีอาการหมดสติ หรือเป็นลม และเสียชีวิตในวันเดียวกัน จึงตรวจยึดรถเก๋งไว้ตรวจสอบ วัตถุพยาน 12 ชิ้น ที่ใช้สำลีชุบเอทานอลเช็ดรถตามจุดต่างๆ อย่างละ 1 ถุง รวม 12 ถุง ประกอบด้วยตรวจเช็ดที่ประตูหน้าข้างรถ (ด้านใน) ที่เบาะหน้าด้านซ้าย ที่คอนโซลหน้ารถด้านซ้าย ที่พนักพิงด้านหน้ารถ ที่บานประตูหน้าขวา (ด้านใน) ที่เบาะหน้าด้านขวา ที่พักเท้าหน้าขวา ที่เบาะหลัง ที่ช่องเก็บของหลัง ที่พักเท้าหน้าซ้าย ที่ Control และที่พักเท้าหลังเพื่อให้ตรวจหาสารพิษ หรือยาพิษ หรือสารเคมีที่เชื่อมโยงกับไซยาไนด์ หรือสารพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างละเอียดเพื่อประกอบสำนวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม ส่งหลักฐานตู้เย็นตรวจหาสารพิษ หรือยาพิษ หรือสารเคมีที่เชื่อมโยงกับไซยาไนด์ หรือสารพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยตู้เย็นดังกล่าวตั้งอยู่ในห้องนอนของ น.ส.ผุสดี สามบุมี อายุ 39 ปี หรือ ครูอ๊อด อดีตข้าราชการครู ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ คาดถูกนางสรารัตน์วางยาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในบ้านเลขที่ 96 หมู่ 3 ต.บำลูกบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม สภาพศพชักเกร็ง มือจิก น้ำลายฟูมปากและจมูก พ่อดูแล้วว่าอาการคล้ายกับคนโดนวางยา 

ทั้งนี้ ตู้เย็นดังกล่าวพ่อแม่ของครูอ๊อดยืนยันไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวตั้งแต่วันที่ครูอ๊อดเสียชีวิตวันที่ 20 พ.ย.65 จนถึงปัจจุบัน จึงส่งมาตรวจสอบที่ห้องแล็บ

ด้าน น.ส.โศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ถึงอาการนางสรารัตน์ว่า เป็นวันที่ 3 ที่ผู้ต้องขังใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือนจำระหว่างการตั้งครรภ์ 4 เดือน โดยยังคงอยู่ในห้องกักโรค ขณะนี้ความดันปกติแม้ว่าคืนแรกจะมีความดันสูง แต่แพทย์ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์จ่ายยารักษาจนอาการทุเลา

ล่าสุดได้รับรายงานว่า ผู้ต้องขังไม่มีปัญหาเรื่องความดันแล้ว ส่วนอาหารเมื่อเย็นวันที่ 28 เม.ย. สามารถรับประทานอาหารได้

ทั้งนี้ จากการอยู่ในเรือนจำพบว่าผู้ต้องขังมีการปรับตัวได้ดี มีความเฟรนด์ลี่ (Friendly) โดยพยายามชวนผู้ต้องขังอื่นๆ ในห้องกักโรคพูดคุย ไม่มีการปลีกวิเวก หรือเก็บตัว รวมทั้งยังไม่ได้รับรายงานเรื่องอาการซึมเศร้า หรือการร้องไห้ฟูมฟายแต่อย่างใด ส่วนเรื่องชีพจรของเด็กในครรภ์ยังปกติ เนื่องจากในกรณีของผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์จะมีการตรวจชีพจรของเด็กในครรภ์เสมอ

ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลางอธิบายชีวิตของบุตรในครรภ์หลังคลอดว่า กรณีผู้ต้องขังช่วงแรกแม่และลูกจะได้อยู่ด้วยกัน เพราะแม่จะต้องให้นมบุตรประมาณ 4 เดือน หรือหากหลังจากให้นมบุตรเสร็จสิ้นญาติและครอบครัวอาจจะเข้ามารับเด็กออกไปก่อนก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของครอบครัวนั้นๆ หากไม่มีญาติมารับเด็กออกไปอาจมีการส่งตัวเด็กไปยังที่รับดูแลเลี้ยงเด็กแทนก่อนอายุ 1 ปี เพราะจะไม่ให้เด็กต้องเติบโตอยู่ในที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ทางราชทัณฑ์มีบุคลากรและโปรแกรมสำหรับช่วยดูแลผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง การเปิดเพลงบรรเลง เพลงโมสาร์ท การเรียนโยคะ กิจกรรมฝึกการเลี้ยงบุตร เพื่อเตรียมความพร้อมพัฒนาการให้กับเด็กในครรภ์

‘พ่อแม่’ สะอื้น!! เมื่อลูกชายทาสยา ‘เผาบ้าน-เผารถ’ เหตุขอเงินซื้อน้ำมันโช๊คอัพไม่ได้ ล่าสุดคุมตัวได้แล้ว 

(30 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกว่า 10 นาย ระดมรถดับเพลิงกว่า 4 คัน ช่วยกันดับไฟที่กำลังลุกไหม้ บ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ เลขที่ 34 หมู่ 11 ตรงข้ามศาลาประชาคม บ้านแสนสุข ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ ของนายแสง แดนเขาเม็ง อายุ 73 ปี ซึ่งใช้เวลาราวกว่า 40 นาที จึงควบคุมไฟเอาไว้ได้ ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด

หลังเพลิงสงบ นายเชิดชัย เจริญดี รองปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ และจ่าเอกพินิจ สินนาง หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าสอบถามผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการชุมชน ทราบว่า คนที่เผาบ้านหลังดังกล่าว คือลูกชายของเจ้าของบ้าน ทราบชื่อนายณัฐพงศ์ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของบ้านจุดไฟเผามอเตอร์ไซค์และจุดไฟเผา เบื้องต้น หลังเผาบ้าน ได้หลบหนีไป

ด้านนายแสง ผู้เป็นพ่อ หลังกลับมาเห็นบ้านไฟไหม้ถึงกับทรุด น้ำตาไหล ยืนถือน้ำมันโช้กอัพ สะอื้อบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อเช้าลูกชายโทรไปขอเงิน จะซื้อน้ำมันโช้กอัพมอเตอร์ไชค์ ตนก็บอกว่าไม่มี เดี๋ยวเย็นๆ กลับมาจากวิ่งสามล้อ พอได้เงินค่าวิ่งสามล้อแล้วจะซื้อมาให้ แต่มาไม่ทัน บ้านไฟไหม้ก่อน คาดว่าลูกชายคงไม่พอใจ ที่ผ่านมาลูกชายก่อปัญหาตลอด วิ่งสามล้อได้เงินมา ก็ขอวันละ 500-600 บาท พ่อวิ่งสามล้อได้วันละ 100-200 บาท ต้องป้อนให้ลูกชาย พ่อแม่ไม่มีอะไรจะกิน ตนกับภรรยาต้องไปเช่าบ้านอยู่ที่อื่นเพราะกลัวลูกชายจะปาดคอ ครั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย น้ำตาก็เสียมาหลายหยดแล้ว

ตำรวจไซเบอร์ รวบแก๊งหลอกลวงเป็นชาวต่างชาติส่งพัสดุราคาแพงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จ่ายค่าธรรมเนียม สูญเงินกว่า 36 ล้านบาท

วันนี้ (2 พ.ค. 2566) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้สั่งการให้มีการจับกุมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลอกลวงสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างจริงจัง

สืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2564 มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก โปรไฟล์ ชื่อ 'Helen' ส่งข้อความมาหาผู้เสียหายทางเฟซบุ๊ก อ้างว่า ถูกกักตัวอยู่ในค่ายทหารที่ประเทศซีเรีย โดยมีแผนที่จะหลบหนี เพราะในค่ายมีการสู้รบกันทุกวัน จึงขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหาย ให้รับพัสดุที่จะส่งมายังประเทศไทยไว้ให้ก่อน แล้วจะมารับพัสดุดังกล่าวภายหลังจาก เข้ามาประเทศไทย โดยแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าในกล่องพัสดุดังกล่าวเป็นเงินสหรัฐ จำนวน 1,700,000 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 50 ล้านบาท ต่อมามีการติดต่อกันผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ 'Helen' และ 'T' จากนั้นเฟซบุ๊กดังกล่าวก็มีการปิดตัวลง

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผยความคืบหน้าคดี ‘แอม ไซยาไนด์’ พบว่ามี ‘ตำรวจ’ 1 นาย เอี่ยวเรื่องนี้ด้วย!!

(2 พ.ค. 66) ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยก่อนเข้าประชุมคณะตำรวจคลี่คลายคดีการเสียชีวิตวางยาฆ่าชิงทรัพย์ จากนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ ว่าในช่วงที่ 3-4 วันที่ผ่านมาคดีมีความคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมเพื่อเร่งรัดสำนวนการสอบสวนที่เหลืออยู่ ตอนนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่ 14 คน 14 คดี มีผู้รอดชีวิต 1 คน ซึ่งตอนนี้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับไปแล้ว 10 คดี และแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วพร้อมอายัดตัวผู้ต้องหา ซึ่งตอนนี้ผู้ต้องหาอยู่ที่เรือนจำ ส่วนอีก 4 คดีที่เหลือวันนี้จะมาไล่เรียงทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้ครบถ้วนทั้งหมด 14 คดี และตอนนี้ต้องมาดูพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงบุคคลใกล้ชิด ซึ่งยังไม่ขอเอ่ยชื่อ และวันนี้พบพยานหลักฐานแล้วว่ามีบุคคลใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้องและร่วมกันกระทำความผิด

ส่วนไซยาไนด์ตอนนี้พบแหล่งที่มาแล้ว อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วันนี้ได้ประสานอธิบดีกรมอุตสาหกรรมที่รับผิดชอบและดูแลเรื่องการอนุญาตการนำเข้า ซึ่งเมื่อนำเข้ามาแล้วจะต้องมีวิธีการควบคุมไม่ให้กระจายออกไป ไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ที่นำเข้ามา โดยวันนี้ได้ขออนุมัติหมายค้นเข้าตรวจค้นแหล่งที่มาของไซยาไนด์แล้ว เบื้องต้นมีรายงานว่าเป็นโรงงานแห่งหนึ่งย่านลาดกระบัง ถ้าพบการกระทำผิดในส่วนนี้ก็จะดำเนินคดีด้วย และวันนี้ได้ประสานอธิบดีกรมโรงงานและเลขาธิการสำนักงานอาหารและยา (อย.)

ส่วนการประชุมในวันนี้เป็นการตรวจสอบพยานหลักฐานและเรียบเรียงสำนวนทั้ง 10 สำนวน เพื่อเพิ่มความแน่นหนาของพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้สำนวนมีความรัดกุมที่จะสามารถให้ศาลพิพากษาลงโทษผู้กระทำความผิดได้ ส่วนอีก 4 คดี ก็จะเร่งรัดดำเนินการเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับให้ครบถ้วน ในส่วนทั้ง 10 คดี พยานหลักฐานจะแตกต่างกันบางส่วน แต่หลักการสำคัญคือความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดของนางแอม ซึ่งยืนยันว่าเป็นคนลงมือและก่อเหตุในลักษณะคล้ายกัน คือนำไซยาไนด์มาให้เหยื่อกิน ถึงแม้การชันสูตรพลิกศพจะพบสารไซยาไนด์ในร่างผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย แต่แผนประทุษกรรมพบว่าสามารถเชื่อมโยงไปถึงกรณีอื่นได้ ภายใน 1-2 วัน จะรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้

‘ศาลเชียงใหม่’ ค้านประกันตัว ‘ไอ้ณัฐ’ คดีฆ่าเซลล์สาว ชี้!! อัตราโทษสูง หวั่นผู้ต้องหาหลบหนี

(2 พ.ค.66) เวลา 15.40 น. ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวน สภ.สันทราย ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 นายณัฐ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นฯ, ฆ่าผู้อื่นฯ, ข่มขืนกระทำชำเรา ซ่อนเร้นอำพรางศพฯ น.ส.บี อายุ 35 ปี เซลล์ขายรถยนต์ยี่ห้อดัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี

ตร.-กรมโรงงานฯ-อย. บุกค้นบริษัทนำเข้าสารเคมี ย่านลาดกระบัง เตรียมตรวจสอบรายชื่อสั่งซื้อ หาจุดเชื่อมโยงคดี ‘แอม ไซยาไนด์’

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 3 นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้นห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา สูง 4 ชั้น ประกอบธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่บนถนนเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ

โดยการตรวจค้นครั้งนี้ ตำรวจได้ข้อมูลมาจากการเก็บหลักฐานขวดไซยาไนด์ ที่พบในถุงดำที่ แอม ว่าจ้างให้นายตะวัน หลานของนายแด้ นำถุงดังกล่าวไปทิ้ง โดยเมื่อตรวจสอบหมายเลขการผลิตข้างขวดไซยาไนด์ดังกล่าว พบว่าตรงกับหมายเลขการผลิตที่บริษัทนี้ได้ทำการจำหน่าย

จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และชุดขยายผลของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาตรวจค้น หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

สำหรับบริษัทนี้ ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา ด้านหน้าปิดประตูเหล็กเอาไว้ ส่วนด้านในมีกล่องเก็บผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่แสดงหมายค้น พนักงานที่ดูแลบริษัทก็ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นด้านใน แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพ

ขณะที่ นายวราวุฒิ พิทักษ์จำนงค์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านฮาร์ดแวร์ ซึ่งอยู่ติดกับบริษัทที่ตำรวจเข้าตรวจค้น บอกว่า บริษัทนี้เปิดมาได้ 3-4 ปีแล้ว เป็นโกดังเก็บสินค้าประเภทสารเคมี และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ตนรู้จักกับเจ้าของ แต่ไม่ได้คุยกันลึก ๆ ก่อนหน้านี้ โกดังไม่ปิดประตูด้านหน้า แต่ที่ปิด เพราะฝุ่นเยอะ เจ้าของกลัวของจะเสียหาย ซึ่งมีพนักงาน 3-4 คน คอยดูแลแพ็กของอยู่ แต่ถ้ามีลูกค้ามารับของก็จะเปิดโกดังและปิดทันที และเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตนเห็นว่าตำรวจสอบสวนกลาง เข้ามาตรวจค้นแล้ว ประมาณ 2 ครั้ง

ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย คณะทำงานชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจค้น แต่เบื้องต้นไม่พบสารไซยาไนด์ และมีข้อมูลว่า มีการจำหน่ายจริง ซึ่งทางบริษัทให้การว่า บริษัทจะรับสารไซยาไนด์ต่อมาจากบริษัทที่นำเข้ามาอีกทีหนึ่ง แล้วนำมาจำหน่ายให้กับผู้ซื้อ ซึ่งไม่ได้มีการสต็อกสินค้า แต่จะต้องให้ผู้ซื้อสั่งสินค้าเข้ามาแล้ว จึงจะสั่งจากบริษัทนำเข้ามาแล้วส่งให้ผู้ซื้อทันที

สำหรับการซื้อขายสารไซยาไนด์ ในปริมาณไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน ไม่ต้องมีใบอนุญาต โดยยอมรับว่า จุดนี้เป็นช่องโหว่ให้บุคคลทั่วไปสามารถครอบครอง และซื้อขายสารดังกล่าวได้ โดยหลังจากนี้ จะดำเนินการตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ซื้อสารไซยาไนด์จากบริษัทนี้ทุกราย เพื่อหาความเชื่อมโยงกับคดีของแอม เพราะยังไม่มีข้อมูลว่า แอม ซื้อสารไซยาไนด์จากบริษัทนี้โดยตรงหรือไม่ แต่เบื้องต้นพบว่า เลขการผลิตตรงกันกับขวดที่เป็นหลักฐานที่พบในคดี

ทั้งนี้ กรณีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ ‘แอม ไซยาไนด์’ ก่อเหตุวางต่อเนื่อง ตำรวจยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกรายคดี โดยทางสำนักข่าวได้รวบรวมหมายจับทั้งหมด เป็นข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 มีรายละเอียด ดังนี้

‘แอม ไซยาไนด์’ ซุ่มหอบทองของสามีขาย-จ้องสแกนม่านตาศพ หลังเสียชีวิตได้วันเดียว พร้อมขวางการผ่าตัดชันสูตรของ ‘จนท.’

เปิดอีกพฤติกรรม ‘แอม’ แด้ตายวันเดียว ซุ่มเอาทองขาย-จ้องสแกนม่านตาศพ

(4 พ.ค.66) ความคืบหน้าคดี ‘แอม ไซยาไนด์’ ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อหาลักทรัพย์ และพยายามฆ่า หลังพบว่ามีผู้เสียชีวิตปริศนานับสิบคน ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวโยง ‘แอม’ โดยหนึ่งในนั้น คือ นายแด้ สามีของแอม ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มี.ค.66 

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหะเสรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี (ผบก.ภ.จว.อุดรธานี) เปิดเผยทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว ว่า คดีแอม ก่อนที่จะถูกออกหมายจับ ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบประจักษ์พยาน ทั้งที่ปั๊มน้ำมัน หอพักที่อยู่ มีพยานบุคคลและหลักฐานอย่างอื่นๆ รวมทั้งสิ่งของนายแด้ ที่แอมส่งไปให้ญาติที่ จ.ราชบุรี มีไซยาไนด์ด้วย ทำให้ศาลออกหมายจับ แอม หลังนายแด้เสียชีวิต

ทั้งนี้ นางแอม ได้นำทองของนายแด้ไปขาย ครั้งแรกนำไปขายในวันที่ 13 มี.ค. เป็นเลสข้อมือ หนัก 3 บาท ขายได้ราคา 85,800 บาท ครั้งที่ 2 ในวันที่ 18 มี.ค. เป็นพระเลี่ยมทอง 3 บาท ขายได้ในราคา 79,000 บาท โดยทางร้านทองให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างดี ส่วนกรณีมีตำรวจยศ รอง ผกก. คนใกล้ชิดแอมเดินทางมา จ.อุดรธานี ทางตำรวจอุดรธานีตรวจสอบพบว่ารถเซฟโรเลตของนายแด้สวมทะเบียน มีคนสนิทของแอม เดินทางขึ้นมาเอารถเอากลับไป แล้วไปจำนำ และศาลได้ออกหมายจับไปแล้ว

'ตำรวจไซเบอร์' รวบหนุ่มเก็บทุเรียน ทำชาวบ้านผวา เสพยา โชว์ปืน

ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำหมายค้นเข้าตรวจค้นจับกุม หนุ่มรับจ้างเก็บทุเรียน พร้อมของกลางยาเสพติดและอาวุธปืน สารภาพเงินนำเงินไปซื้อยาเสพติด มีพฤติกรรมชอบนำปืนออกมายิงโชว์ สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน

ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ รักษาความปลอดภัยและดูแลความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 4-13 พฤษภาคม 2566 นั้น กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการทุกหน่วยในสังกัด ดำเนินการสืบสวนหาข่าว ปราบปราม จับกุม ขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีอาชญากรรมทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และอาวุธสงคราม    

จากการสืบสวนของ ชุดสืบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พบว่า นายมอส (นามสมมติ) พักอาศัยอยู่ที่ หมู่ 9 ตำบลวังใหม่ อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี   มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยมักจะมีคนแปลกหน้าต่างถิ่นมามั่วสุมที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นประจำ ประกอบกับนายมอส มักจะนำอาวุธปืนออกมาโชว์และยิงเล่นสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในละแวกดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.4 บก.สอท.1 สืบสวนจับกุมอย่างเร่งด่วนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน

ทลายโกดังเถื่อน!! แอบอ้างชื่อ ‘คิงพาวเวอร์’ ลวงขายสินค้าไร้คุณภาพ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลางตรวจค้นโกดังสินค้า แอบอ้างชื่อคิงเพาเวอร์ หลอกจำหน่ายสินค้าไม่ได้คุณภาพให้กับประชาชน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CBI) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.

(4 พ.ค.66) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.๒ บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทปราการ ที่ 277/2566 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ในความผิดตาม “พระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2560 มาตรา 242, 243 และ 246

โกดังเก็บสินค้า ถนนบางนา-ตราด ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

สืบเนื่องจากมีประชาชนได้แจ้งแบะแสและได้รับการประสานความร่วมมือจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล King Power ว่ามีการแอบอ้างโดยการปลอมเป็นเพจเฟซบุ๊ก

ตำรวจไซเบอร์ รวบอดีตทหารหน่วยรบพิเศษ เปิดเพจขายปืนดัดแปลงผ่านเฟซบุ๊ก

เมื่อวันที่ 4 พ.ค.66 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ได้สั่งการให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมห้วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและอาวุธสงคราม

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้มีการตรวจสอบการกระทำความผิดตามสื่อสังคมออนไลน์พบการโพสต์ขายอาวุธปืนผ่านทางออนไลน์ผ่านเฟสบุ๊ก ชื่อ “บักสุด” หล่อ ID: 100059181693898 
LINK: https://www.facebook.com/profile.php?id=100059181693898 โดยมีการโพสต์ภาพสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือผิดกฎหมาย ตาม พรบ.อาวุธปืนฯ จึงมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ที่ 4 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

กระทั่งวันที่ 4 พ.ค. 66 เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผกก.2 บก.สอท.3 จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าวพบมารดาของนายณัฏฐ์นวัต แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน และได้นำตรวจค้นพบของกลางเป็นกล่องใส่อาวุธปืนจำนวน 2 กล่อง และอุปกรณ์การเสพยาเสพติด อยู่ภายในห้องพักของนายณัฏฐ์นวัต โดยมารดาแจ้งว่าบุตรชายของตนได้ไปพักอาศัยอยู่กับเพื่อนสาวคนสนิท 

จึงได้นำกำลังตามไปที่บ้านหลังดังกล่าว เลขที่ 211/138 หมู่ที่ 18 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พบนายณัฏฐ์นวัต และเพื่อนสาวคนสนิท จึงทำการตรวจค้น ห้องพักและรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว คันหมายเลขทะเบียน ผต 8236 อุบลราชธานี ของนายณัฏฐ์นวัต ผลการตรวจค้นพบอุปกรณ์โลหะลักษณะคล้ายซองกระสุนปืน, อุปกรณ์ลักษณะคล้ายลำกล้องปืน, ยาบ้า และโทรศัพท์เคลื่อนที่ อยู่ภายในห้องพัก และพบเครื่องกระสุนปืนไม่ทราบขนาดจำนวน 7 นัด อยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้จับกุมตัว นายณัฏฐ์นวัตฯ อายุ 39 ปี ในความผิดฐาน ‘มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) และเสพยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย’ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. ยังกล่าวอีกว่าเดิม นายณัฏฐ์นวัต ผู้ต้องหานั้นเป็นถึงอดีตทหารหน่วยรบพิเศษในสังกัดแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะผันตัวมากระทำความผิดเป็นพ่อค้าอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ในปัจจุบัน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top