Wednesday, 23 April 2025
APC

‘หมอยง’ เปิดเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ในวงวิจัย วารสารวิชาการเรียกเก็บค่าตีพิมพ์แพงเว่อร์

(29 ต.ค. 67) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ‘กับดัก ผลงานทางวิชาการของมหาวิทยาลัย กับสำนักพิมพ์’ ว่า

ค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่ผลงานวิชาการ ของอาจารย์มหาวิทยาลัย เพิ่มขึ้นแบบ exponentialกว่า 60% ของผลงานวิจัยที่เผยแพร่ในระดับนานาชาติ จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า Article Processing Charge (APC) ชื่อเรียกนี้เพราะมาก ไม่ยอมเรียกว่าค่าตีพิมพ์ 

สำนักพิมพ์เกือบทุกแห่ง คิดว่า APC และจะออกมาในรูปของ open access หรือเปิดเผยเป็นสาธารณะมากขึ้น ให้เข้าไปอ่านได้ โดยไม่ต้องเสียสตางค์

สำนักพิมพ์ได้วัสดุ หรือผลงาน มาฟรีๆ ให้ผู้อ่านทบทวน หรือที่เราเรียกว่า reviewer ก็ฟรี มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของการจัดการ และระบบการเผยแพร่บนอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทสำนักพิมพ์ในปัจจุบันนี้จึงมีกำไร อย่างมาก เป็นบริษัทที่มีอัตรากำไรมหาศาล บางบริษัทกำไร 30 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า

ค่าตีพิมพ์ที่ใช้อยู่ขณะนี้ มีค่าเฉลี่ยที่สูงมาก บางวารสารค่าตีพิมพ์เป็นแสน โดยเฉพาะวารสารที่อยู่ใน q1 หรือ T1 ซึ่งมหาวิทยาลัยต้องการ 

การจัดอันดับ Ranking ของมหาวิทยาลัย จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็นภาคเอกชนเป็นคนจัดการ ซึ่งจะเกี่ยวโยงกันกับการตีพิมพ์ หรืออาจจะเรียกว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน

ผมลองคิดคร่าวๆ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ผลงานระดับงานนานาชาติ ประมาณ 3,000 เรื่องต่อปี 60% ต้องเสียค่าตีพิมพ์ ถ้าคิดค่าเฉลี่ยเรื่องละ 50,000 บาท ก็ประมาณเกือบร้อยล้านบาท แต่ความจริงน่าจะมากกว่านี้มาก น่าทำการศึกษาวิจัยแล้ว รวมทั้งประเทศจะเป็นเท่าไหร่

ที่ศูนย์ผม เผยแพร่ผลงานวิจัยในปีที่แล้ว 2003 จำนวน 42 เรื่อง บางเรื่องมีผู้ร่วมวิจัยอื่นจ่าย ที่ศูนย์ต้องจ่าย เพียงแค่ 18 เรื่อง เฉลี่ยเรื่องละ 80,000 บาท รวมจ่ายไปทั้งสิ้นประมาณ 1.5 ล้านบาท แต่สามารถเบิกมหาวิทยาลัยได้ 150,000 บาท ที่เหลืออีก ล้าน 3 กว่า ผมต้องหาเงินมาจ่าย การขอแหล่งทุนเมื่อเป็นผู้อาวุโสแล้ว ก็จะขอยากขึ้น และเงินจำนวนนี้เป็นเงินจำนวนที่ค่อนข้างมาก ถ้าเอาไปทำวิจัยก็จะได้ผลงานเพิ่มขึ้น 

จะเล่าในตอนต่อไปว่ามหาวิทยาลัยติดกับดักอย่างไร

‘หมอยง’ เปิดข้อเท็จจริงต่อเนื่อง ‘มหาวิทยาลัย’ ทุ่มงบดันการจัดลำดับ

(30 ต.ค. 67) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ‘ธุรกิจสำนักพิมพ์ทางวิชาการ กับดัก ผลงานทางวิชาการของมหาวิทยาลัย’

การจัดอันดับมหาวิทยาลัย จะรวมผลงานทางวิชาการที่เผยแพร่ในระดับนานาชาติ และการอ้างอิง (citation) เป็นเหตุให้มหาวิทยาลัย จึงต้องกำหนด ให้ตีพิมพ์ในวารสารที่คาดว่าจะมีการอ้างอิงสูง 

วารสารที่มีการอ้างอิงสูงไม่ว่าเป็นวารสารเกิดใหม่ จะเป็นวารสารที่เป็น open access (OA) มากกว่าวารสารเก่าแก่ ที่ ไม่เสียสตางค์ และเราจะดู Impact Factor หรือ IF กันมาก วารสารที่อ้างอิงสูง ก็จะมีค่า IF สูง หลายคนพยายามพูดว่าสำนักพิมพ์ MDPI, Hindawi, Frontier เป็นธุรกิจ ผมไม่เคยคิดเช่นนั้น เพราะทุกสำนักพิมพ์เป็นธุรกิจเหมือนกันหมด ไม่ต่างกัน และที่ผ่านมาถ้าไม่ดีจริงก็อยู่ไม่ได้ เช่น Hindawi 

วารสารบางวารสาร จะเพิ่มตัวเลข IF ด้วยการเพิ่มจำนวนผลงานที่เป็นรีวิว และแน่นอนวารสาร open access ก็มีการอ้างอิงสูงกว่า การตั้งราคาค่าตีพิมพ์สูงตาม ขึ้นอยู่กับ IF ด้วย หรือ ranking ของวารสาร ก็จัดโดยภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับสำนักพิมพ์

สำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียง รู้ดี และเมื่อมีผลงานที่ส่งมาให้เป็นจำนวนมาก (raw materials) สำนักพิมพ์ก็ได้โอกาส ก็ออกวารสาร ลูก ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เช่นเมื่อส่งมามากก็ปัดลงเสนอให้ลงพิมพ์ในวารสารลูก และทุกวารสารเสียสตางค์ทั้งนั้น วารสารบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ก็ทำเช่นนั้น เป็นที่รู้ดีกัน เมื่อวัสดุเข้ามาถึงโรงพิมพ์แล้ว กระบวนการส่งให้ทบทวน การทบทวนทางวิชาการ ก็ไม่ได้มีค่าตอบแทนอะไร มีน้อยบริษัท ที่จะให้ค่าตอบแทนเป็นคูปองส่วนลดในการตีพิมพ์ ก็ยังดีกว่าไม่ให้อะไรเลย ในเมื่อเป็นธุรกิจ ก็น่าจะคิดกันแบบธุรกิจ เป็นการลงทุนเพียงบริหารจัดการ 

และอีกประการหนึ่ง นอกจากวารสารเฉพาะทางแล้ว ทุกสำนักพิมพ์ธุรกิจ จะออกวารสาร 'จับฉ่าย' หรือจะเรียกให้เพราะหน่อย ก็เป็น miscellaneous เช่น PLOS ONE, Peer J, Scientific Reports, Heloyon, Cureus, F1000research, etc วารสารในกลุ่มนี้เมื่อจัดอันดับแล้ว จะอยู่ใน Q ที่สูงโดยเฉพาะ Q1 ตามที่มหาวิทยาลัยต้องการแน่นอน เพราะตัวหารในกลุ่ม miscellaneous มีมากทุกสาขาวิชามารวมกัน ทั้งที่ค่าเพจชาร์จ ก็ไม่เบาเลย ยกตัวอย่างเช่น Scientific reports ก็ไม่ต่ำกว่า 80,000 บาท หรือทั่วไปก็มักจะเกิน 2,000 เหรียญ US 

ผมอยู่ในสาขาไวรัส วารสารดังของไวรัส ถ้าจัดลำดับแล้วน่าสงสารที่สุด เพราะมีวารสารที่เกี่ยวกับ HIV มีการอ้างอิงสูงจึงทำให้การจัดลำดับลงมา ค่อนข้างต่ำ ผมยกตัวอย่างเช่น Archive Virology อยู่ใน Q3, เป็นไปได้อย่างไร ซึ่งเป็นวารสารที่ดำเนินการมาร่วมร้อยปี และลงพิมพ์ได้ฟรี ผู้อ่านจะต้องเป็นคนเสียสตางค์ J Gen Virology วารสารที่ดีมาก แต่ก็อยู่ใน Q2 ของ Scimaco หรือเครือข่ายของสำนักพิมพ์ เราจะยังยึดถือลำดับ หรือ IF กันอีกต่อไปหรือ 

สมมุติประเทศไทยตีพิมพ์วารสารต่างประเทศ ปีละ 10,000 เรื่อง และ 60% ต้องเสียสตางค์ค่าตีพิมพ์ และเฉลี่ยเรื่องละ 50,000 บาท ช่วยลองเอา 6,000 เรื่องคูณกับ 50,000 บาท จะเป็นเงินเท่าไหร่ ที่ประเทศไทยจะต้องเสียออกไป ความจริงน่าจะมากกว่าหมื่นเรื่อง และห้องสมุดยังต้องจ่ายให้กับสำนักพิมพ์อยู่ รวมทั้งยังต้องซื้อ ฐานข้อมูล น่าจะมีใครทำวิจัยเรื่องนี้ และเงินทั้งหมดนี้ใครเป็นคนจ่าย ผมเองคงตอบไม่ได้ว่าเราจ่ายเงินเรื่องนี้ไปเท่าไหร่ ถ้าให้ผมประเมินก็มากกว่า 500 ล้านบาทของทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย จริงเท็จอย่างไรคงต้องประเมินกันจริงๆ และผู้บริหารเท่านั้นที่รู้ว่าจ่ายไปเท่าไหร่ 

รายได้ของประเทศไทย อยู่ในระดับปานกลางสูง แต่ก็ยังต่ำกว่ากลุ่มรายได้ประเทศที่จัดว่าเป็นรายได้สูง แต่การเก็บค่าตีพิมพ์ ของเราเท่ากับประเทศที่มีรายได้สูง เราจะสู้ไหวไหม 

โปรดติดตามตอนต่อไปอีก และพยายามคิดหาทางออก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top