Tuesday, 22 April 2025
2475รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ

‘ดร.ปิติ’ ชี้ ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ตีแผ่ความจริง ที่ไม่เคยมีในหนังสือเรียน ย้ำ ต้องศึกษาให้ละเอียด ป้องกัน ผู้ไม่หวังดี บิดเบือนประวัติศาสตร์

(16 มี.ค.67) รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และรองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ  แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution หรือ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ โดยได้ระบุว่า ...

ถึงแม้ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณจะทำให้ 2475 Dawn of Revolution หรือ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ จะมีงานภาพที่ไม่ถึง รวมทั้งการบอกเล่าเรื่องประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมา ด้วยวิธีเล่าเรื่องตามลำดับเวลา จะทำให้ animation เรื่องนี้มีรสชาติที่ไม่ร้อนแรง

แต่ในห้วงเวลาที่ประวัติศาสตร์กำลังถูกบิดเบือนด้วยความไม่ปรารถนาดีของบุคคลบางกลุ่ม 

ในห้วงเวลาที่คนบางกลุ่มถูกขังอยู่ใน Echo chamber ที่เต็มไปด้วย disinformation 

ในห้วงเวลาที่คิดว่าตนเองรู้ดี แต่กลับไม่ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม

Animation เรื่องนี้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในการ ตีแผ่ความจริง ที่ไม่เคยมีอยู่ในหนังสือเรียน ได้อย่างที่ตัวละครในเนื้อเรื่องได้กล่าวไว้

สุดสัปดาห์นี้ ใครมีเวลาว่างๆ แนะนำให้ดูครับ

https://youtu.be/rmNvPB6Jxzo?si=hKTN_aliLagHFHyH

เมื่อดูการ์ตูนจบแล้ว ใครอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในรายละเอียด Chayodom Sabhasri อาจารย์ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือแนะนำ

2475 untold history ด้วยครับ 20 ตอน ตอนละ 10 นาที ทำ 3 ปีก่อน 
สาระละเอียดกว่าการ์ตูน แต่สอดคล้องกัน กินใจยิ่งกว่าการ์ตูน เพราะนำเอกสารจริงมาแสดง
https://youtu.be/bJifRslul34?si=GvoxM9IhvjGC3Dzl

ต่อจาก Animation และสารคดี ใครอยากเห็นของจริง Kidakorn Angkanarak แนะนำ
ดู ๒๔๗๕ Dawn of Revolution แล้วก็ขอเชิญเข้าเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ (King Prajadhipok Museum) ด้วยนะครับ แหล่งความรู้มากมาย เปิด 09:00 - 16:00 น. ปิดวันจันทร์ อยู่ถนนหลานหลวงตัดกับถนนราชดำเนิน เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ใกล้ ภูเขาทอง ป้อมมหากาฬ โลหะปราสาท
https://maps.app.goo.gl/wKpGDN8RE9X4EYfq5?g_st=ic

‘ผู้สร้างหนัง 2475’ ชี้!! จะฝ่ายไหนก็ไม่สำคัญเท่าความจริง ขอแค่คนไทยได้เรียนรู้และทวงคืนความเป็นธรรมให้รัชกาลที่ ๗

เมื่อวานนี้ (21 มี.ค. 67) จากกรณีที่ น.ส.สุดา พนมยงค์ และนางดุษฎี พนมยงค์ บุญทัศนกุล ทายาทหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือนายปรีดี พนมยงค์ ออกมาเคลื่อนไหวถึงข้อคิดเห็นบางประการเรื่องที่ฝ่ายอธรรมกําลังปลุกกระแส โดยสร้างและเผยแพร่ ภาพยนตร์ 2475 อยู่ในขณะนี้ หลังการฉายภาพยนตร์แอนิเมชันประวัติศาสตร์เรื่อง ‘2475 Dawn of Revolution’ ผลงานของผู้กำกับ ซัง-วิวัธน์ จิโรจน์กุล ผ่านออนไลน์ โดยเปรียบตัวเองเป็นฝ่ายธรรมะ ระบุว่า สถาบันปรีดีฯ จะไม่ตอบโต้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดยตรง เพราะทําให้เข้าทางฝ่ายตรงข้าม ที่หวังสร้างข้อมูลเท็จ บิดเบือนประวัติศาสตร์ ยั่วยุเพื่อให้เกิดกระแสด้านลบ

โดยสถาบันปรีดีฯ เผยแพร่ความรู้ และข้อเท็จจริงในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อผู้ที่สนใจจะสามารถสืบค้น เข้าถึงได้สะดวกขึ้น และตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว เคยมีการสร้างสื่อในลักษณะใส่ร้ายและโจมตีการอภิวัฒน์ 2475 แต่ไม่ได้รับความสนใจจากสังคม จึงไม่ประสบความสําเร็จในการปลุกกระแสดังกล่าว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะ กับฝ่ายอธรรม ยังคงดำเนินต่อไปในสังคมอีกยาวนาน ขอบคุณกรรมการทุกท่าน ที่ได้ช่วยกันพิจารณาวิถีทางรับมือกับกระแสดังกล่าว และขอเป็นกําลังใจให้ทุกท่านยืนหยัดอยู่กับความถูกต้องเสมอไป ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เฟซบุ๊กของนายวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘2475 Dawn of Revolution’ โพสต์ข้อความระบุว่า "จริงๆ แล้วแอนิเมชันของเราเกือบจะล้มไปหลายครั้ง และผมเริ่มมีความคิดหนึ่งในหัวว่า หรือเรากำลังทำสิ่งที่ผิด เราจึงมีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากให้เราทำ

วันหนึ่ง ผมไม่รู้จะไปต่อยังไงแล้ว ผมจึงไปพิพิธภัณฑ์พระปกเกล้า พนมมืออธิษฐานต่อพระองค์ว่า “ถ้าผมทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ผมหมดหนทางไปต่อ ให้งานนี้ล้มเหลว และไม่สามารถเผยแพร่ได้ แต่ถ้าผมทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ขอพระองค์ทรงช่วยให้มีปาฏิหาริย์ ทำให้ผมสามารถทำงานนี้เสร็จ และประสบผลสำเร็จ”

ผมไม่รู้หรอกว่า ปาฏิหาริย์ หรือความดันทุรัง แอนิเมชันตัวนี้มันจึงมาถึงจุดหมายปลายทางได้ เราเจ็บปวดที่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของพระองค์ท่านที่เป็นผู้ซึ่งคอยประนีประนอม ประสาน และประคอง ให้การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด แต่กลับถูกกล่าวร้าย ถูกกระทำต่างๆ นานา แม้จนปัจจุบัน

ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องการถูกชี้ว่าเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ทุกคนต่างเป็นตัวเอกในเรื่องราวของตัวเอง เป็นเรื่องปกติ เราเพียงแค่ต้องการคืนความเป็นธรรมให้พระองค์ท่าน และคนไทยจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้

จะเป็นฝ่ายไหน ก็ไม่สำคัญเท่าความจริง"

“เราเห็นประวัติศาสตร์ เราเห็นว่าประวัติศาสตร์ปัจจุบันไม่ค่อยให้ความเป็นธรรมกับรัชกาลที่ 7 เท่าไร คือเราอ่านประวัติศาสตร์ เราเห็นว่าท่านถูกกระทำต่างๆ มากมาย ด้วยความที่กระแสของประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนกันขึ้นมาในยุคหลังๆ มักจะเน้นไปในทางโจมตีทำให้การเสียสละของพระองค์ด้อยค่าลง เราแค่รู้สึกว่าเราอยากคืนความเป็นธรรมให้พระองค์ อยากให้คนไทยรู้ว่าท่านสู้เต็มที่แล้ว ท่านพยายามเต็มที่แล้วที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงการปกครองมันราบรื่นที่สุด” นายวิวัธน์ กล่าว

นายวิวัธน์ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือนายปรีดี พนมยงค์ ออกประกาศคณะราษฎร ผู้คนก็รู้สึกโกรธแค้นกันมาก ซึ่งอาจนำไปสู่ทั้งการก่อหวอดทำร้ายคณะราษฎร หรือก่อกบฏหรือปฏิวัติอะไรขึ้นมาอีก ในเวลานั้น รัชกาลที่ 7 ท่านก็ส่งจดหมายไปยังพระประยูรญาติ ขออย่าเคลื่อนไหวใดๆ จากนั้นเมื่อหลวงประดิษฐ์มนูธรรม รวมถึงพระยาพหลพลพยุหเสนา แกนนำคณะราษฎร มาขอพระราชทานอภัยโทษ รัชกาลที่ 7 ท่านก็เขียนจดหมายส่งไปเพิ่มเติมอีกฉบับว่าปรับความเข้าใจกันแล้ว

ซึ่งรัชกาลที่ 7 ได้ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันรักษาความสงบ ให้ประเทศไทย (หรือสยามในเวลานั้น) เดินไปได้ แม้กระทั่งช่วงที่มีการสู้รบระหว่างฝ่ายคณะราษฎรกับฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช ท่านก็พยายามไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่ายมาเจรจากัน อย่าทะเลาะตีกันเพราะคนไทยไม่ควรมาฆ่ากันเอง ตนจึงมองว่ารัชกาลที่ 7 ท่านเสียสละให้ทุกอย่างแล้ว แต่ประวัติศาสตร์แนวใหม่ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องเหล่านี้ 

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ท้า!! กลุ่มหนุนคณะราษฎร เผยตัวออกมา เชื่อ!! ฝ่ายอนุรักษ์ พร้อมดีเบต ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ อยู่แล้ว

(5 เม.ย. 67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

แอนิเมชัน ทำเอาดิ้นเจียนตาย 2475 Dawn Revolution Annimation ส่งแรงสะเทือนขนานใหญ่ ยอดผู้ชมกว่าล้านครั้ง ความจริงจากอดีตที่คนรุ่นใหม่ไม่เคยรู้ไม่เคยอ่าน ตามไม่ทัน ถูกล้างสมอง ถูกครอบงำ จนโงหัวไม่ขึ้น ได้ตาสว่าง ปรีดีถูกลอกคราบ ความล้มเหลวของคณะราษฎร ความแตกแยกของคณะราษฎร เอกสารสมุดปกเหลือง เค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์ ถูกตีแผ่ปรีดีไม่ได้ถูกเนรเทศแต่หลบหนีออกจากประเทศภายหลังจากความพยายามก่อการยึดอำนาจด้วยกำลังทหารจากรัฐบาลเมื่อปี 2492 ล้มเหลว กลายเป็นกบฏวังหลวง ( เพราะยึดวังหลวงและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นฐานที่มั่นทางทหาร) จนเสียชีวิตในต่างประเทศ

ไม่เหมือนเจ้าหลายคนหรือผู้ร่วมก่อการคณะราษฎรที่ต้องถูกเนรเทศ ถูกจับขังปล่อยเกาะตะรุเตา โดยไม่มีการพิจารณาคดีความ ทำเอาคนรุ่นใหญ่อย่าง สศษ.และวิทยากร ต้องออกมาแสดง เพราะปล่อยไว้ไม่ได้ มิเช่นนั้น จิตวิญญาณ 2475 ตายสนิท ต้องออกมาปกป้อง และโจมตีแอนิเมชัน 2475 อย่างนั้นอย่างนี้ แต่กลับถูกตีโต้กลับทุกดอก เอาความจริงผิด ๆ ความจริงไม่ถึงครึ่งออกมาพูด บรรดาอาจารย์ที่อยากช่วยชี้แจงแก้ตัวแทนคณะราษฎรหรือแก้ตัวให้ปรีดีผู้วิเศษ ก็เสนอตัวออกมาเลย มีคนฝ่ายที่ถูกเรียกว่าอนุรักษ์ออกมาท้าอยู่แล้ว แต่ยังไม่เห็นตัวจริงฝ่ายชื่นชมคณะราษฎร หลบหน้ากันอยู่ไยอยากดูแอนิเมชันภาคสองสามสี่

เพจ '2475 Dawn of Revolution' ถูกรุมรีพอร์ตโพสต์หนังสือการ์ตูน คาด!! เพราะเนื้อหาอิงหลักฐาน อาจเบิกเนตรผู้คนจากผู้แหกตา

(8 พ.ค. 67) เพจ '2475 Dawn of Revolution' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

เปิดเฟซมา ตกใจ เจอหน้าต่างเด้งเตือน
ว่าเพจโดนลบโพสต์ เพราะมีคนไปรีพอร์ตข้อหาสแปม 
ก็เลยใช้สิทธิ ‘วีโต้’ คัดค้านกลับไป 
จนเฟซบุ๊ก คืนโพสต์กลับมา 

เฮ้ออออ ขอพื้นที่เสรีภาพทางวิชาการหน่อยสิครับ 😆

📣📣📣 เปิดพรีออเดอร์ 🔥🔥🔥
หนังสือการ์ตูน ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ 
ดัดแปลงจาก ภาพยนตร์แอนิเมชัน
ปกแข็ง เย็บกี่ ขนาด A5  พิมพ์สี่สี ทั้งเล่ม
จำนวน 440-480 หน้า

โอนเงินสั่งจองได้ที่ 
ธนาคารกสิกรไทย 
ชื่อบัญชี  บจก.นาคราพิวัฒน์ 
เลขที่บัญชี 1518061840

💝 สั่งจองหนังสือ โดยส่งข้อมูลตามแบบฟอร์มได้ที่ 
https://forms.gle/Ls647MmQh39qmXYD8

** หากจองผ่าน Form ไม่ได้ ให้ติดต่อทาง inbox เพจนะครับ **

มุมมอง 'คนรุ่นใหม่' หลังรับชม '2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ'  ในหลวงของปวงชนทุกยุคสมัย ล้วนทำเพื่อคนไทยทั้งสิ้น

(25 มิ.ย.67) จากกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้จัดกิจกรรมดูภาพยนตร์แอนิเมชัน เรื่อง '2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ' ณ โรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ทั้ง 2 โรง คือ โรงที่ 9 และโรงที่ 13 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมา ล่าสุดจากช่องติ๊กต็อก ‘modernizationnetwork’ ได้สอบถามความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ 2 ราย หลังจากที่ได้รับชมแล้วว่ารู้สึกกันอย่างไรบ้าง

โดยท่านแรก ชื่อว่า ‘น้องหนุงหนิง’ ได้เปิดเผยว่า ตนรู้สึกประทับใจมาก และได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่างที่ในหนังสือเราไม่เคยได้รู้มาก่อน พร้อมบอกอีกว่า ภูมิใจในพระมหากษัตริย์ของเรา ไม่ว่าจะพระองค์ไหน ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าท่านเต็มที่มาก ไม่ว่าจะสมัยไหน จึงอยากจะเชิญชวนทุกคนให้ไปเรียนรู้และรับชมกันเยอะ ๆ จะได้รู้อะไรที่เราไม่เคยรู้ในหนังสือ ซึ่งเราสามารถดูได้จากที่นี่ และภูมิใจไปด้วยกัน

ถัดมาท่านที่สอง ชื่อว่า ‘น้องเปา’ อายุ 23 ปี ได้เปิดเผยว่า ตนรู้สึกประทับใจเรื่องราวในประวัติศาสตร์ไทย ได้รู้ในความเป็นมาว่ากว่าจะมาเป็นทุกวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง พร้อมย้ำว่ารู้สึกประทับใจในหลาย ๆ ฉาก ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เพราะตนก็ไม่ค่อยมาดูหนังแนวแอนิเมชันที่เป็นประวัติศาสตร์ และเผยสาเหตุที่มาดูนั้น มาดูเพราะในฐานะที่เป็นแฟนคลับลุงตู่และอาจารย์พีระพันธุ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยบอกอีกว่า ตนติดตามผลงานของลุงตู่มาโดยตลอด และชื่นชอบเพราะตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคอร์รัปชัน หรือพวกโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ก่อสร้างมาดีมาก ๆ จึงรู้สึกประทับใจที่ประเทศไทยเรามีนายกฯ อย่างลุงตู่ ที่อยู่มา 8-9 ปี สร้างผลงานให้กับประชาชนมาให้เห็นมากมาย โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง หรือเราชนะ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชนชาวรากหญ้า ที่สามารถซื้อข้าวกินได้ในราคาประหยัดขึ้นโดยให้รัฐบาลช่วยออก จึงถือเป็นโครงการที่น่าประทับใจอย่างมาก ส่วนอาจารย์พีระพันธุ์ ตนรู้สึกชื่นชอบในผลงานอย่างการแก้ปัญหาลดราคาน้ำมันให้กับประชาชน

นอกจากนี้ น้องเปา ยังได้ระบุเพิ่มเติมว่า ถ้าหากเอาโครงการที่รัฐบาลช่วยออกครึ่งหนึ่ง ประชาชนช่วยออกครึ่งหนึ่งแบบลุงตู่ น่าจะมีประโยชน์ร่วมกันกับพ่อค้าแม่ค้า รัฐบาล และประเทศชาติ ส่วนพรรคก้าวไกลตนคิดว่า ขออย่างเดียว ถ้าพรรคก้าวไกลไม่มีการแตะต้องสถาบันจะเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เพราะคนรุ่นใหม่ โดนปลูกฝังมากับพรรคก้าวไกลเรื่องเกี่ยวกับ ม.112 กันเยอะมาก ซึ่งคิดว่าถ้าพรรคก้าวไกลถอยเรื่อง ม.112 ได้จะดีมาก ๆ

ทั้งนี้ แม้ตนจะเกิดไม่ทัน ในหลวง ร.9 และ ในหลวง ร.10 ในการทรงงาน แต่ตนเคยไปรับเสด็จเพราะคุณพ่อเคยพาไปที่สนามหลวง และวันที่ในหลวง ร.9 สวรรคต ก็ได้มีโอกาสไปไหว้ และรับเสด็จในหลวง ร.10 มาแล้วหลาย ๆ ครั้ง

'ผู้กำกับแอนิเมชัน 2475' โต้!! 'จอมไฟเย็น' นักโทษหนีคดีที่ฝรั่งเศส แขวะแบบไร้หลักฐาน หวังให้คนเข้าใจผิดว่า 'หนัง' ได้รับทุนหนุนจากรัฐ

(26 มิ.ย. 67) จากกรณี จอมไฟเย็น ปฏิกษัตริย์นิยม ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “อะไรที่รับทุนรัฐมันจะมีข้อกำหนดห้ามเอาผลงานไปทำกำไรอยู่นะ - มิตรสหายท่านหนึ่ง - ”

ด้านเพจ ‘2475 Dawn of Revolution’ ก็ได้ออกมาไขข้อกระจ่าง ว่า “หนังหลายเรื่องรับทุนสนับสนุนของรัฐยังเอาไปหารายได้ได้เลยครับ อย่างแอนิเมชันเรื่อง นักรบมนตรา ก็ได้ทุนสนับสนุนส่วนหนึ่ง หนังนเรศวรก็ได้ ประเด็นคือเรื่องพวกนี้มันปรากฏชัดเจนอยู่แล้ว คุณยังไปหลงเชื่อข้อความอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ…

“ผมมาทราบเรื่องการขอทุนสนับสนุนหนัง หลังจากที่เปิดตัวแอนิเมชันไปแล้วหนึ่งเดือน เขามีเงื่อนไขเพียง เป็นหนังที่ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนและพร้อมฉายในรอบปีงบประมาณนั้น…

“สส.มี กมธ.ก็มีนะครับ ขอข้อมูลภาครัฐได้ ถ้าจะกล่าวหาใคร ควรไปค้นหากันครับว่า แอนิเมชันเรื่องนี้ได้งบจากรัฐ หรือใช้เงินภาษีมาทำหรือไม่…

“พวกคุณถนัดแต่พูดลอย ๆ หวังให้คนคิดและเข้าใจไปเองผิด ๆ ต่อไปควรหัดใช้หลักฐานและตรรกะกันบ้างนะครับ”

รู้จัก 'จิตรากร ตันโห' คนรุ่นใหม่ผู้มีแนวคิดแบบประนีประนอม ภายใต้มุมมองความสมดุลแห่งอำนาจ หนึ่งในผู้ร่วมเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น'

ถือเป็นอีกหนึ่งงานเสวนาที่ห้ามพลาด!! กับ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' ในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

โดยงานนี้ ได้รับเชิญผู้ร่วมเสวนาผู้ทรงเกียรติหลายท่าน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ...

'โอ๊ต' จิตรากร ตันโห จบการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนิสิตปริญญาโท สาขาคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สำหรับ 'โอ๊ต' จิตรากร ตันโห ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีมุมมองต่อภาพภูมิรัฐศาสตร์ไทยอย่างมีเหตุมีผล เปิดรับฟังความรอบด้าน และมักจะนำเสนอบทความเชิงสร้างสรรค์สู่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง

โอ๊ต เคยกล่าวว่า ตนเป็นคนที่มีแนวคิดแบบประนีประนอมและเชื่อในระบอบการปกครองแบบผสม (Mixed Constitution) ซึ่งเป็นระบอบการเมืองที่ว่ากันว่าสามารถทำให้เกิดความสมดุลทางการเมือง และจะไม่มีผู้เล่นทางการเมืองคนใดสามารถใช้ระบบดังกล่าวเพื่อทำลายอีกฝ่ายได้ ประกอบด้วย 3 ส่วนผสมกัน 

ส่วนแรกก็คือ The One (เอกบุคคล หรือประมุข) ส่วนสองเรียกว่า The Few (คณะบุคคล) ส่วนสามก็คือ The Many (มหาชน หรือประชาชน) การที่เราจะปกครองประเทศหรือรัฐ 

"เราต้องทำให้ทั้ง 3 ส่วนเสมอกัน ไม่ให้ประมุขของประเทศมีอำนาจมากเกินไป ไม่ให้คณะบุคคลมีอำนาจมากเกินไป รวมถึงไม่ให้ประชาชนมีอำนาจมากเกินไปด้วย ซึ่งแนวคิดการไม่ยอมให้ใครมีอำนาจมากเกินไปสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนมากในสหรัฐฯ ในตอนแรกผู้นำสหรัฐฯ บอกว่าเขาไม่ได้สร้างประชาธิปไตย เขาบอกว่าจะสร้างสาธารณรัฐ ซึ่งในการบอกว่าเขาจะสร้างสาธารณรัฐ แนวคิดพื้นฐานคือวางอยู่บนความไม่ไว้วางใจใครเลย ดังนั้นเลยออกมาในรูปแบบของกลไกในการถ่วงดุลอำนาจไม่ให้ใครมีอำนาจมากเกินไป คำถามคือในประเทศไทยเราใช้กรอบการปกครองแบบนี้ได้สมดุลหรือยัง?"

โอ๊ต เผยอีกว่า 'หากพิจารณาการเมืองไทยในอดีตที่ผ่านมา จะพบว่าไม่เคยสมดุลเลย อย่างช่วง พ.ศ. 2490 - พ.ศ. 2500 เป็นช่วงที่ทหารเข้ามาปกครองล้วน ๆ ประชาชนหรือ The Many ถูกฆาตกรรมออกมาจากระบอบการปกครอง รวมทั้งในตอนนั้นเอง บุคคลหรือพระมหากษัตริย์ก็เป็นเพียงผู้สำเร็จราชการแทน จะเห็นว่ามันไม่ครบองค์ประกอบในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขณะที่ไทยเริ่มใช้กรอบเรื่องการถ่วงดุลอำนาจมามองการเมืองไทยตั้งแต่ทศวรรษ พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา ซึ่งจะเห็นว่ามันเพิ่งครบองค์ประกอบออกตอนช่วง พ.ศ. 2520 เอง"

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ โอ๊ด ให้ความคิดเห็นอีกว่า "ร่วม 40 กว่าปีมานี้ ประเทศไทยเดินมาไกลแล้ว ประชาชนเริ่มมีอำนาจมากขึ้นกว่าสมัยก่อน และผมรู้สึกว่าเรามีความหวังนะ เด็กรุ่นใหม่หลาย ๆ คน มีการคิดวิเคราะห์ที่น่าสนใจมากขึ้น ทุกคนรู้สึกอยากจะแก้ไขประเด็นสังคมกันมากขึ้น แต่ทุกคนก็ต้องไม่พยายามจัดการทุกอย่างอยู่คนเดียว อย่าจับทุกปัญหาไปวางในม็อบหนึ่งม็อบ ต้องสร้างเครือข่ายแล้วผลักดันไปด้วยกัน ที่สำคัญแต่ละฝ่ายต้องไม่พยายามชี้นิ้วไปหาอีกฝ่ายว่าไม่เป็นประชาธิปไตย เราต้องทำให้สังคมไทยเกิด ‘ความโอบอ้อมอารี' โดยเริ่มต้นจากทางภาษาก่อน แล้วมันจะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความทรงจำที่ทำให้เกิดการยอมรับซึ่งกันและกันได้ในทุกเรื่องมากขึ้น"

สำหรับงานเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 - 12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

พร้อมรับชม '2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ Dawn of Revolution' ในเวลา 13.30 - 16.40 ณ สถานที่เดียวกัน

📌 สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนสำรองที่นั่งเข้าร่วมกิจกรรมฟังเสวนาและชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ได้ที่: https://docs.google.com/forms/d/1utXQT68NCUZks5YYcILGBQ91B76zILkSoQ7srQ2ymoc/viewform?ts=66a737cb&edit_requested=true

รู้จัก 'ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์' 'นักวิชาการรุ่นใหม่' ผู้หวังให้สังคมไทยไม่มองตนถูกต้องที่สุด ส่วนผู้อื่นผิดหมด หนึ่งในผู้ร่วมเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น’

ถือเป็นอีกหนึ่งงานเสวนาที่ห้ามพลาด!! กับ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' ในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

โดยงานนี้ ได้รับเชิญผู้ร่วมเสวนาผู้ทรงเกียรติหลายท่าน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ...

ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง / ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ รองผู้อำนวยการศูนย์การเมือง สังคม และอาณาบริเวณศึกษา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ ถือเป็นบุคคลที่มีความสนใจเชิงลึกในทฤษฎีการเมือง, ปรัชญาสังคมศาสตร์, การเมืองการปกครองไทย รวมถึงทฤษฎีประชาธิปไตย สะท้อนผ่านผลงานทางวิชาการ และ งานวิจัยมากมาย อาทิ...

จาก 'เดโมกราเตีย' ถึง 'เดโมคราซี่' การเปลี่ยนไปของมโนทัศน์ 'ประชาธิปไตย' / นักสอพลอประชาชนแห่งประชาธิปไตยเอเธนส์กับบทเรียนต่อประชาธิปไตยไทยร่วมสมัย / 'การศึกษากำเนิดและความเสื่อมของระบอบประชาธิปไตยเอเธนส์' / 'การเมืองของกระบวนการกำหนดนโยบายโฉนดชุมชน' / 'ระบอบการปกครองลูกผสมไทย: 'บทเรียน' หรือ 'ลางร้าย' ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในอาเซียน' / 'คุณธรรม' ใน 'เจ้าผู้ปกครอง' ของมาคิอาเวลลี' และอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ในฐานะนักวิชาการรุ่นใหม่ ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ มักจะมองการเมืองไทยในปัจจุบันและสะท้อนออกมาสู่สังคมได้อย่างจี้ใจดำผู้คนเสมอ โดยอาจารย์ เคยเผยถึงนิยามหนึ่งของ 'การเมือง' ให้รับทราบกันด้วยว่า...

'การเมืองไทยในปัจจุบัน มันไม่ใช่การเมืองแล้ว แต่มันคือ การยุทธ์ การรบ หรือการสงครามมากกว่า และทุกฝ่ายเลยที่เข้าร่วมแบบไม่มีข้อยกเว้น ตั้งแต่ นักการเมือง, ทหาร, ตำรวจ, นักวิชาการ, นักกิจกรรม, นักศึกษา ผมเห็นแต่ละฝ่ายจ้องจะเอาชนะคะคานกันอย่างเดียว พูดกันตรง ๆ ฝั่งเสื้อแดงขึ้นก็บี้ เสื้อเหลือง-เสื้อน้ำเงิน-เสื้อเขียว ให้ตายไปข้าง เสื้อเหลือง-เสื้อน้ำเงิน ขึ้นก็บี้เสื้อแดงให้ตายไปอีกข้าง สุดท้ายบี้กันเองจนเละ เสื้อเขียวเข้ามาก็จัดการทุกฝ่าย อย่างที่เห็น ๆ กันอยู่

"ฉะนั้นผมถือว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีแต่สัญญาณอันตรายของการเมืองไทย สังคมของเรามาถึงจุด ที่น่าเป็นห่วงมาก ดูเหมือนว่าเราไม่อยากจะอยู่ร่วมกันแล้ว ที่มันน่ากลัวคือ สังคมเราแบ่งขั้วแบบสุดโต่ง ไร้เหตุผลกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ใครมีแนวคิดทางการเมืองเป็นเสื้อสีอะไรก็เห็นตัวเองถูกอยู่พวกเดียว พวกอื่นผิดหมด บ้านเมืองเรามาถึงจุด ๆ นี้ได้อย่างไร ไม่ดูเหตุดูผลกันแล้ว แต่ไปดูที่เป็นพวกใคร เป็นฝ่ายไหน ถ้าไม่ใช่กลุ่มตัวเองแค่อ้าปากก็ผิดแล้ว แล้วผมคิดว่ามันเป็นกันทุกกลุ่ม แย่พอกันทั้งหมด"

ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ เผยอีกว่า "ถ้ากรอบคิดในการมองการเมืองไทยเป็นแบบนี้ อนาคตการเมืองไทยจะเละเป็น 'ซีเรีย' แน่นอน แต่ทางออกยังมี อย่างผมเองถือว่ามีโอกาสดีที่ตอนเรียนปริญญาโทได้ไปเป็นผู้ช่วยวิจัยที่ศึกษาวิธีคิดของกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดง พอเราได้ลงไปสัมผัสพี่น้องเสื้อแดงและเสื้อเหลืองอย่างใกล้ชิด มันเห็นเลยว่า เขาหวังดีต่อบ้านเมืองด้วยกันทั้งคู่ ผมเชื่อว่าคนเราพอสัมผัสกันมันมองกันออก มันอ่านใจกันออก ในยุคนี้ก็เหมือนกัน ทหารก็ไม่ได้แย่กันทั้งกองทัพ หรือแม้แต่ตัวเราเองยังมีดี มีชั่ว มีถูก มีผิดกันทั้งหมด...

"อย่ามองความเห็นตัวเองถูกไปทั้งหมด แล้วมองคนอื่นผิดหมด โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง ต้องเลิกเสียที ถ้าคิดอย่างนี้ได้ก่อน อคติหรือการเหมารวมที่มันนำไปสู่ความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มมันจะเบาบางลง มันจะเริ่มคุยกันได้ คุยกันรู้เรื่อง ถอยคนละก้าวบ้าง สังคมเราจึงพอจะเห็นทางออกจากวิกฤตนี้"

สำหรับงานเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 - 12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

พร้อมรับชม '2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ Dawn of Revolution' ในเวลา 13.30 - 16.40 ณ สถานที่เดียวกัน

📌 สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนสำรองที่นั่งเข้าร่วมกิจกรรมฟังเสวนาและชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ได้ที่: https://docs.google.com/forms/d/1utXQT68NCUZks5YYcILGBQ91B76zILkSoQ7srQ2ymoc/viewform?ts=66a737cb&edit_requested=true

รู้จัก ‘ฤกษ์อารี นานา’ อดีตนักเรียนไทยในต่างแดน ผู้ไม่ถูกกลืนตัวตน-ละทิ้งความเป็นไทย หนึ่งในผู้ร่วมเสวนา ‘มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น’

ถือเป็นอีกหนึ่งงานเสวนาที่ห้ามพลาด!! กับ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' ในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

โดยงานนี้ ได้รับเชิญผู้ร่วมเสวนาผู้ทรงเกียรติหลายท่าน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ แมน-ฤกษ์อารี นานา ทายาทของ ‘ไกรฤกษ์ นานา’ นักประวัติศาสตร์ชื่อดังของประเทศไทย ซึ่งต้องบอกว่าเป็นบุคคลทรงคุณค่าและมีดีกรีไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

โดย ฤกษ์อารี นานา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง Institut Catholique de Vendee ประเทศฝรั่งเศส และระดับปริญญาโท เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา SOAS University of London ประเทศอังกฤษ และเคยปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย

สำหรับมุมมองต่อประเทศฝรั่งเศสรวมถึงประเทศในแถบยุโรป ‘ฤกษ์อารี นานา’ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ UTN World กับ แมน นานา EP.1 ซึ่งได้เล่าเรื่องราวขณะที่ตนได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส สรุปได้ว่า…

สมัยนั้นระบบการศึกษาที่ฝรั่งเศส ก็มีความคล้ายคลึงกับในไทย คือ เน้นท่องจำ เน้นทฤษฎีซะส่วนใหญ่ แต่จะต่างกันตรงเด็กส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายในการทำคะแนนที่แข่งกับตัวเองอย่างมาก และถึงขั้นต้องทำคะแนนให้ได้ดีกว่าเด็กโรงเรียนอื่นด้วย โดยที่ฝรั่งเศสเขาจะวัดคะแนนเป็นเต็ม 20 คะแนน แต่ถ้าเมืองไทยจะเป็นเกรด 1-2-3-4 ซึ่งถ้าอยู่ที่ฝรั่งเศสคะแนนเต็ม 20 หากทำได้สัก 15 ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว 

“มีช่วงหนึ่งที่ผมไปสอบวิชาเศรษฐศาสตร์ (เทียบระดับพอ ๆ กับ ม.6 ของไทย) ผมทำคะแนนได้ 19 คุณครูกับเพื่อน ๆ ก็ตกใจอย่างมาก” ฤกษ์อารี นานา กล่าวพร้อมอธิบายเพิ่มเติมต่อว่า “การที่คนที่นั่นรู้สึกตกใจในสิ่งที่คนเอเชีย ซึ่งเป็นคนไทย คนที่พวกเขาคิดว่ามาจากประเทศด้อยพัฒนาทำได้จากคะแนนที่สูงเช่นนั้น ส่วนสำคัญเพราะ หากการพัฒนาของประเทศไทย จะเป็นการพัฒนาทุก ๆ เรื่องไปตามการพัฒนาของประเทศ ซึ่งนั่นก็หมายรวมถึงความสามารถด้านการศึกษา แต่กลับกันกับฝรั่งเศสหรืออาจจะหมายรวมถึงยุโรปด้วยนั้น จะยังคงความเป็นอนุรักษ์นิยมค่อนข้างสูง”

“พวกเขายังชื่นชมในประวัติศาสตร์ของประเทศตน ทวีปตน ที่เคยยิ่งใหญ่ล้ำหน้าใครในโลก เรียนรู้เร็ว เจริญเร็ว แต่วันนี้พวกเขาเริ่มหยุดเจริญแล้ว และความเจริญที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ล้วนมาจากบุญเก่า”

สังเกตได้ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ยังอยู่ได้เพราะชื่อเสียงด้านการศึกษา ทำให้มีนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนมากมายในลอนดอน ซึ่งหากถ้าไม่มีนักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนเอเชียด้วยแล้ว ก็นึกภาพอนาคตของประเทศนี้ไม่ออกเช่นกัน เพราะนักเรียนที่ไปเรียนต่อ ล้วนแล้วแต่ไปสร้างรายได้ให้กับประเทศของเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าเรียนต่อ ค่าเช่าบ้าน ค่าร้านอาหาร ค่า Shopping และอื่น ๆ … ความขลังของบุญเก่ายังมีผลอยู่

จากมูลเหตุเหล่านี้ จึงทำให้ประเทศในยุโรป (ฝรั่งเศส) ยังกระหยิ่มยิ้มย่อง และทำให้เขามองว่าเอเชียอย่างเรา ยังไงก็ยังล้าหลัง

“เวลาเขามองประเทศไทยวันนี้ เขายังรู้สึกว่าเหมือนมองเมืองไทยในยุคเลย 20 ปีที่แล้วไปอีกไกล คนไทยขี่ช้างอยู่ คนไทยขี่เกวียนอยู่ จนกระทั่งวันที่เพื่อนของผมที่เป็นคนฝรั่งเศสได้มาไทย ก็ตกใจกันอย่างมาก เพราะเมืองไทยมีการใช้จ่ายผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด ใช้จ่ายกันตั้งแต่ร้านค้าใหญ่ ๆ ไปจนถึงร้านค้าเล็ก ๆ เมืองไทยมีรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ที่ไม่มีความสกปรก ไม่มีขอทาน รถไฟฟ้าไม่มีกลิ่นฉี่ ดูดีมาก แต่ในปารีสกลับมีหนู มีคนปัสสาวะเรี่ยราด มีขอทาน แล้วก็มีคนเล่นยาด้วยในรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งคนฝรั่งเศสคนไหนที่ได้มาเปิดหูเปิดตาในไทยตอนนี้ พูดได้แค่คำเดียวว่า ‘ศิวิไลซ์’ มาก ๆ...

“ไม่เพียงเท่านี้ เขายังมองอีกว่า บ้านเราอารยะ มีมารยาทสูง เอาแค่ในรถไฟฟ้าของไทย ผู้คนจะมีมารยาทในการใช้งาน ไม่โวยวาย ไม่คุยเสียงดัง เข้า-ออก ตามคิวอย่างเป็นระเบียบ และยังเอื้อเฟื้อต่อเด็ก, สตรีมีครรภ์ และ คนชรา ได้นั่งก่อน กลับกันในรถไฟฟ้าที่ยุโรป เช่น ในฝรั่งเศส ใครจะโทรศัพท์หาใคร จะตะโกนยังไงก็ได้ เพราะเขามองว่ามันก็เป็นสิทธิ์ของเขา หนักข้อคือจะกินข้าวเลอะเทอะยังไงก็ได้ ซึ่งตรงนี้ในมุมมองคนฝรั่งเศสที่ได้มาไทย เขายอมรับเลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เจริญแล้ว”

นอกจากมุมมองต่อประเทศฝรั่งเศสและประเทศในยุโรปแล้ว ‘ฤกษ์อารี นานา’ ก็ยังเคยแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่เข้ามามีบทบาททางการเมืองไว้ด้วยว่า “ที่เข้ามาเพราะมีเรื่องหนึ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจมานาน ก่อนจะกลับมาไทย คนที่จบเมืองนอกมาเหมือนกัน โดยเฉพาะที่ฝรั่งเศส แล้วพูดถึงความเท่าเทียม อะไรต่าง ๆ ในสังคม แล้วอ้างประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส แต่อยากให้ดูว่า ฝรั่งเศสก็ไม่ได้เจริญขึ้นมากกว่า 400 ปีที่แล้ว ไม่ได้มีความเท่าเทียมกัน ก็ยังมีชนชั้นเหมือนเดิม ซึ่งเกิดขึ้นจากระบบทุนนิยม รัฐบาลต้องลดความเหลื่อมล้ำนั้นในสังคม”

“อย่างไรก็ดีมองว่า ปัจจุบันประเทศไทยดีที่สุด และดีมากกว่านี้ได้แต่ต้องปรับปรุงแก้ไข โดยไม่ใช้วิธีการยกเลิก ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นการทำการเมืองที่ง่ายเกินไป และที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้วิถีชีวิตคนดีขึ้น ถ้าไม่มีหลักในตัวเอง”

ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ฝากความห่วงใยไปยังเยาวชนรุ่นใหม่ของไทยด้วยว่า “เป็นห่วงคนรุ่นใหม่เหมือนกัน ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่จบเมืองนอกมาก็ไม่อยากให้คนไทยสรรเสริญต่างชาติมากเกินไป เพราะคนไทยก็มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ดี และต้องปรับปรุงแก้ไขให้มันดีขึ้น ไม่อยากเห็นคนรุ่นใหม่ด้อยค่าตัวเอง ให้มองประเทศไทยดีกว่านี้เป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่านี้และมีความหวังไม่ใช่ต้องย้ายประเทศ ผมก็มีเพื่อนฝรั่งเศสย้ายมาไทย และเขาก็สรรเสริญประเทศไทยดีทุกอย่าง”

สำหรับงานเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 - 12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

พร้อมรับชม '2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ Dawn of Revolution' ในเวลา 13.30 - 16.40 ณ สถานที่เดียวกัน

📌 สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนสำรองที่นั่งเข้าร่วมกิจกรรมฟังเสวนาและชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ได้ที่: https://docs.google.com/forms/d/1utXQT68NCUZks5YYcILGBQ91B76zILkSoQ7srQ2ymoc/viewform?ts=66a737cb&edit_requested=true

รู้จัก ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution’ หนึ่งในผู้ร่วมเสวนา ‘มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น’

ถือเป็นอีกหนึ่งงานเสวนาที่ห้ามพลาด!! กับ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' ในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

โดยงานนี้ ได้รับเชิญผู้ร่วมเสวนาผู้ทรงเกียรติหลายท่าน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ซัง-วิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution หรือ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ซึ่งเป็นผู้สนใจในประวัติศาสตร์ไทยในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และมุ่งมั่นคืนความเป็นธรรมให้ในหลวงรัชกาลที่ 7 โดยใช้วิธีบอกเล่าผ่านภาพยนตร์แอนิเมชัน เพื่อสื่อสารให้คนไทยรู้ว่าในหลวง ร.7 สู้เต็มที่ และพยายามจะทำให้การเปลี่ยนแปลงการปกครองในไทยเกิดขึ้นอย่างราบรื่นที่สุด

โดยคุณ วิวัธน์ จิโรจน์กุล เคยได้ให้สัมภาษณ์ถึงจุดเริ่มต้นการทำภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ไว้ว่า…

“แอนิเมชันเรื่องนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 3 ปี มีทีมงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประมาณ 30-40 คน มีทั้งคนที่เข้ามาแล้วก็ออกไป จุดเริ่มต้นมาจากคนกลุ่มเล็ก ๆ แล้วจึงหาทีมงานเพิ่มในภายหลัง หลายคนเป็น ‘ตัวจี๊ด’ พร้อมปะทะโต้เถียงบนโลกโซเชียล แต่ตนก็ได้บอกไปว่า ‘ตีกันไป-มา’ แบบนั้นไม่ได้ประโยชน์ มาทำความจริงป้อนให้เป็นความรู้จะดีกว่า…

“ซึ่งขั้นตอนที่ยากที่สุดในการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้คือการหาหลักฐานข้อมูล แล้วถึงจะหยิบประเด็นจากหลาย ๆ มุมมอง เพื่อหาว่ามุมมองต่าง ๆ มองเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องเดียวกันคือเรื่องอะไร เราถึงหยิบพวกนี้มาเล่า”

และแม้จะเลือกการนำเสนอกึ่ง ๆ จะเป็นนิยาย (Fiction) แต่ข้อมูลที่นำเสนอมาจากบันทึกจริงในประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าโดยบุคคลต่าง ๆ ที่อยู่ในช่วงเวลานั้นซึ่งรวมถึงของฝ่ายคณะราษฎรผู้ก่อการด้วย ทั้งนี้ เมื่อรวบรวมข้อมูลมาได้แล้วก็ต้องมาเลือกอีกว่าจากข้อมูลจำนวนมากจะนำเสนออย่างไรให้พอดีกับเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้โดยสอดคล้องกับเป้าหมายหลักคือให้เข้าใจบทบาทของรัชกาลที่ 7 ที่พยายามประคับประคองสถานการณ์ในยุคเปลี่ยนผ่านให้ไปรอด

เช่น รัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ร่างโดยคณะราษฎรหลายคนที่ร่วมก่อการก็ไม่ได้อ่าน แต่รัชกาลที่ 7 ท่านอ่านและแนะนำให้ไปแก้ไขมาใหม่ นอกจากนั้นยังมีความขัดแย้งภายในกลุ่มคณะราษฎร ระหว่างหลวงประดิษฐ์มนูธรรมกับพระยาทรงสุรเดช ซึ่งเข้าใจได้ว่าหลวงประดิษฐ์ฯ หรือนายปรีดี มีความเป็นนักวิชาการแนวคิดหัวก้าวหน้า ณ ช่วงเวลานั้น แต่ยอมรับว่ายังมีรายละเอียดอีกมากที่ไม่ได้ใส่เข้าไป 

วิวัธน์ จิโรจน์กุล ยังได้กล่าวถึงประเด็นดรามาเกี่ยวกับงบประมาณในการทำภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ด้วยว่า…

“ตอนแรกไม่รู้นะว่างบประมาณในการสร้างภาพยนตร์มันต้องใช้เท่าไรต่อเรื่องหนึ่ง แล้วเป็นเรื่องพีเรียด (Period - เนื้อเรื่องแนวย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์) ต้องย้อนอดีต หาสถานที่ พร็อพ ขนาดวาด (รูป) แต่เมื่อริเริ่มโปรเจกต์แล้ว ก็เริ่มวางแผนการสร้าง ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่า หากเป็นภาพยนตร์ที่ใช้นักแสดง ทุนสร้างอาจอยู่ที่ประมาณ 15-20 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย อีกทั้งทุนประมาณนี้คงจะเป็นเพียงภาพยนตร์ที่ถ่ายทำด้วยฉากเขียว (Green Screen) แล้วใส่กราฟิกเป็นฉากหลังเข้าไป ผลงานที่ออกมาก็อาจไม่น่าดู หรือหากจะทำแอนิเมชันแบบ 3 มิติ เท่าที่ไปสอบถามราคามา พบว่าต้องใช้งบประมาณสูงถึง 100 ล้านบาท จึงมาสรุปที่การทำเป็นแอนิเมชัน 2 มิติ แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มทำในทันที เพราะสอบถามราคาแล้วต้องใช้งบประมาณ 30 ล้านบาทซึ่งเวลานั้นยังมีทุนไม่พอ…

“ดังนั้นเพื่อที่จะให้แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาให้ได้ จึงใช้วิธีสร้างทีมนักวาดขึ้นมา สามารถทำรูปแบบเฟรมต่อเฟรม ออกแบบตัวละครและฉากทั้งหมด แล้วจึงนำเค้าโครงที่ร่างไว้นี้ไปให้สตูดิโอทำ ซึ่งพบว่าลดต้นทุนลงได้มาก แต่เมื่อเห็นผลงานแล้วก็ยังไม่ถูกใจ ท้ายที่สุดทีมงานจึงเลือกที่จะลงมือทำกันเองทั้งหมด โดยไปหาคนที่ชำนาญเรื่อง In Between หรือการเชื่อมต่อภาพแต่ละเฟรมให้ดูเหมือนตัวละครขยับเขยื้อนได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแอนิเมชันมีความยาว 2 ชั่วโมง ต้องใช้รายละเอียดมากในขณะที่มีทีมงานน้อย…

“ใช้แรงงานเยอะแต่มีคนน้อย ดังนั้นจะเห็นว่าบางเฟรมเราก็จะใช้ซ้ำ ๆ บางเฟรมเราก็จะใช้ 3D มาผสม เพราะ 3D เราสามารถทำแล้ว Render ทีเดียว มันก็จะเป็นภาพขยับต่อเนื่อง ในฉากที่ทหารเยอะ ๆ เน้นใช้ 3D เข้ามาช่วย มันจะเป็นสื่อผสมหลาย ๆ อย่าง ใช้ Motion Graphic บ้าง ใช้ 3D ใช้ 2D ความรู้สึกผมเหมือนเป็นเชฟที่เห็นของเหลือในตู้เย็น สุดท้ายปรุงอย่างไรก็ได้ ออกมาให้มันเล่าเรื่อง 2 ชั่วโมงนี้จบอย่างที่เราต้องการ พอมันจบเสร็จปุ๊บ ก็รู้สึกโล่ง ตอนนั้นคือโล่ง เหมือนยกภูเขาออกจากอก มันเสร็จแล้ว แค่นั้นผมพอใจแล้ว หลังจากนั้นผมไม่สนใจแล้วคนดูจะรู้สึกอย่างไร…

“แอนิเมชันเรื่องหนึ่งใช้ทุนสร้างเป็นหลักสิบล้านบาท เป็นทุนของผมแล้ว 5 ล้านบาท แม้จะเป็นหนี้ก็ตาม เพื่อทำโปรเจกต์แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution ผมต้องไปหยิบยืมเงินจากญาติสนิทมิตรสหายมาเพื่อทำให้สำเร็จ และในวันที่ผลงานแล้วเสร็จก็ถือว่าสำเร็จแล้ว เพราะได้ทำในสิ่งที่ต้องการมาตลอด…สำหรับผมวันนี้ถือว่าถึงตายก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว จะเป็นหนี้หรือล้มละลายก็ไม่เป็นไร  เพราะต่อให้ล้มละลายต้องปิดบริษัท ผมก็ยังไม่ตาย ไปทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้ ผมเพียงอยากให้ผลงานนี้ทำเสร็จสมบูรณ์”

“อย่างที่ผมบอก ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรผมต้องทำให้มันเสร็จ ดังนั้น ผมต้องบอกเลยว่าผมแลกไปเยอะมาก ดังนั้นการที่มากล่าวหาว่าผมได้รับงบประมาณจากกองทัพ หรือมีเงินจากส่วนไหน ๆ มาช่วยซัปพอร์ตโปรเจกต์นี้ ผมถือว่าดูถูกผมมากเลย ดังนั้นผมก็เลยมองว่าวิธีการทำแบบนี้ผมอาจจำเป็นต้องใช้กฎหมาย แต่ถ้าเกิดคุณมาด่าว่าบิดเบือน หรือด่าว่าแอนิเมชันห่วย-กาก ผมไม่กังวลอะไร ไม่ว่าอะไร คุณวิจารณ์ได้ แต่ถ้าเกิดคุณมาด้อยค่าความตั้งใจมุ่งมั่นของทีมงาน หรือเครดิตของคนที่ตั้งใจทุ่มเทเพื่องานนี้ ผมแค่ไม่ยอมเรื่องนี้เรื่องเดียว” วิวัธน์ กล่าว

นอกจากนี้ วิวัธน์ จิโรจน์กุล ยังได้เผยถึงกระแสและผลตอบรับหลังเผยแพร่ภาพยนตร์แอนิเมชันแล้วว่า… “ตั้งเป้าไว้ว่ามียอดรับชมประมาณหลักหมื่นวิวก็สูงแล้ว และแม้จะไม่ได้ตั้งเป้าว่าอยากได้ยอดวิวเท่านั้นเท่านี้ แต่ทุกครั้งที่ยอดวิวขึ้น คนที่สนับสนุนแอนิเมชันเรื่องนี้ก็ดีใจและตื่นเต้นไปกับทีมผู้สร้างด้วย ผมก็จะคอยรายงานยอดเป็นระยะ ๆ โดยมีหนึ่งในทีมงานมาช่วยวาดรูปประกอบทุก ๆ ครั้งที่ยอดเพิ่มครบ 1 แสนวิว…”

“สำหรับผมยอดวิวไม่สำคัญเท่าการที่มีคนเข้ามาดูแล้วรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น” วิวัธน์ กล่าว

ส่วนประเด็นที่มีคนถามเข้ามามากมายว่า ทำไมไม่นำภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ วิวัธน์ จิโรจน์กุล ได้ตอบประเด็นนี้ไว้ว่า… 

“ประเด็นแรกเวลาทำหนังเสร็จ ถ้าเกิดจะเอาไปฉายตามโปรแกรมทั่วไปปกติ จะต้องผ่านกองเซ็นเซอร์ก่อน จัดเรตหนัง อนุญาตเรียบร้อยแล้วถึงจะฉายโรงได้ แต่ผมก็ประเมินแล้ว ผมเข้ากองเซ็นเซอร์ผมโดนหั่นเหี้ยนแน่เลย ประเด็นที่ผมกังวลที่สุดคือเราอาจจะโดนตัดฉากรัชกาลที่ 7 ออก กลัวว่าจะกระทบ เพราะผมบอกว่าเรื่องนี้ การเล่าเรื่อง 2475 ถ้าเราไม่เล่าในมุมของสถาบัน เรื่องนี้ไม่มีทางเล่าจบ ดังนั้นผมเลยคิดว่าผมแค่ฉายปฐมทัศน์แล้วผมฉายออนไลน์ให้ดูฟรี มันไม่จำเป็นต้องผ่านกองเซ็นเซอร์ เราสามารถทำได้…

“เหมือนเราทำสารคดี (Documentary) สักอันหนึ่ง แต่เป็นการเล่าในรูปแบบแอนิเมชัน และเปิดฉายให้ดูฟรีเพื่อให้ความรู้ ผมเลยมองแค่มุมนั้น ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องเปิดฉาย ‘หาเงิน’ อะไร เราเชิญพวกพี่ ๆ ไปดู (รอบปฐมทัศน์ในโรงภาพยนตร์) คนที่เป็น Royalist คนที่รักสถาบันเข้าไปดู ผมอยากทดสอบด้วยว่าเราเล่าในมุมนี้รับไหวไหม? รับได้ไหมที่นำในหลวงรัชกาลที่ 7 มาเป็นคาแร็กเตอร์”

วิวัธน์ จิโรจน์กุล ได้ยืนยันทิ้งท้ายไว้ว่า “ความตั้งใจของการสร้างแอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution ไม่ใช่เพื่อทำร้ายหรือทำลายใคร แต่เพื่อทำประวัติศาสตร์ให้ชัดเจนและเป็นประวัติศาสตร์ที่เป็นธรรมต่อทุกคน”

สำหรับงานเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 - 12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

พร้อมรับชม '2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ Dawn of Revolution' ในเวลา 13.30 - 16.40 ณ สถานที่เดียวกัน

📌 สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนสำรองที่นั่งเข้าร่วมกิจกรรมฟังเสวนาและชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ได้ที่: https://docs.google.com/forms/d/1utXQT68NCUZks5YYcILGBQ91B76zILkSoQ7srQ2ymoc/viewform?ts=66a737cb&edit_requested=true


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top