Sunday, 8 June 2025
ไทย

กงสุลใหญ่ชิคาโกยืนยัน 'ไม่พบข้อมูล' ชายเอเชียที่ตม.สหรัฐฯ รวบ ยันไร้คนไทยถูกจับ

(28 ม.ค.68) จากกรณีที่ ฟิล แม็กกรอว์ หรือ ดร. ฟิล พิธีกรชื่อดังของสหรัฐฯ ได้เดินทางร่วมกับโธมัส โฮแมน ผู้คุมชายแดนคนใหม่ในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐ ในปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาและมีการเผยแพร่ชายคนหนึ่งที่ชื่อ Seda (Sam) Soma ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐจับกุม และได้อ้างตัวเองผ่านสื่อว่าเป็นคนไทยนั้น

สำนักข่าว VOA ได้ประสานงานเพื่อสอบถามข้อมูลต่อ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก ยืนยันว่า ชายคนดังกล่าวไม่ใช่คนไทยตามที่มีการกล่าวอ้าง 

จากข้อมูลที่รายการของ ดร.ฟิล เผยแพร่ ระบุว่า ชายผู้ชื่อ Sam ที่ถูกจับกุมในคลิปดังกล่าวคือชายที่กระทำผิดทางเพศและหลอกลวงเหยื่อจากประเทศไทย โดยในคลิประบุว่า แซม เซดา เป็นชายผู้ที่ระบุว่าเกิดในประเทศไทย ได้พูดคุยกับดร.ฟิล ขณะที่ถูกถามเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของเขาในสหรัฐฯ โดยเขาได้หลีกเลี่ยงการตอบคำถามเกี่ยวกับการถูกขับออกจากประเทศ และขอพบทนายก่อนที่เจ้าหน้าที่จะคุมขังเขา

เรื่องดังกล่าว นางฆฏนาวดี กัลยาณมิตร กงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก ได้กล่าวกับ VOAThai ว่า เมื่อได้รับข้อมูลจากข่าวดังกล่าว ทางสถานกงสุลได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบทะเบียนราษฎร์ และไม่พบชื่อของชายดังกล่าว ซึ่งยืนยันได้ว่าเขาไม่ใช่คนไทย โดยอาจเป็นไปได้ว่าเขาเกิดในค่ายผู้ลี้ภัยและเดินทางมาสหรัฐฯ ตามแม่ที่เป็นพลเมืองอเมริกัน

นอกจากนี้ กงสุลใหญ่ยังกล่าวเสริมว่า สถานกงสุลยังไม่ได้รับรายงานว่ามีคนไทยคนใดถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในกรณีนี้แต่อย่างใด

ขณะที่ นางอุราสี ถิรตั้งเสถียร เจิง กงสุล ณ นครชิคาโก กล่าวว่า กระบวนการส่งตัวผู้ที่ถูกจับกุมจะอ้างอิงจากประเทศต้นทางที่บุคคลนั้นถือสัญชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลสัญชาติอย่างรอบคอบ

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก ยังได้แนะนำให้ชุมชนไทยในพื้นที่ไม่ต้องตกใจและติดตามข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับสถานการณ์การจับกุมที่เกิดขึ้น

การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้คำมั่นที่จะดำเนินการขับผู้อพยพที่อยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายออกจากประเทศ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีนโยบายคุ้มครองผู้อพยพ เช่น ชิคาโก

ตามรายงานจากสำนักงานตำรวจนครชิคาโก การจับกุมดังกล่าวถูกดำเนินการโดยหน่วยงานพิเศษของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐ  (ICE) โดยไม่ขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ

นอกจากดร.ฟิลแล้ว ยังมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม เอมิล โบฟ เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ โดยระบุว่า ผู้อพยพที่ถูกจับกุมรายแรกในชิคาโกเป็นผู้ที่อาศัยในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย และเคยก่อเหตุฆ่าหญิงสาววัย 19 ปีในอุบัติเหตุขณะขับขี่ภายใต้ฤทธิ์สุรา

ล่าสุด รายงานจาก ICE ระบุว่าในวันเดียวกันได้จับกุมผู้อพยพผิดกฎหมายถึง 956 ราย ซึ่งมากกว่าการจับกุมเฉลี่ยในปีงบประมาณ 2024 ถึงสามเท่า

"จากการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนไม่เคยพูด หรือมีคำพูดในลักษณะตำหนิทางการไทย จึงควรหยุดการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว"

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศชี้แจ้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า การเยือนไทยของผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนเป็นการประสานงานในกรอบความร่วมมือของหน่วยงานความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศไม่ใช่ผู้ประสานงานหลักของการเยือนดังกล่าว จึงไม่ทราบรายละเอียด และสำหรับกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อความว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนตำหนิทางการไทยนั้น จากการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีน ไม่เคยพูด หรือมีคำพูดในลักษณะดังกล่าว จึงควรหยุดการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเองได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือในเวทีระหว่างประเทศในทุกระดับมาโดยตลอด และพร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงการประสานงานกับทุกหน่วยงานเพื่อร่วมกันจัดการกับปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง

เวียดนาม-มาเลเซีย เร่งสปีดส่งออก ไทยเสี่ยงเสียแชมป์ทุเรียนตลาดจีน

(7 ก.พ.68) รายงานการวิจัยความเสี่ยงของประเทศและอุตสาหกรรมของบีเอ็มไอ (BMI Country Risk and Industry Research) หน่วยงานในเครือสถาบันวิจัยฟิทช์ (Fitch) คาดการณ์ว่าความต้องการทุเรียนที่เพิ่มมากขึ้นในจีนจะผลักดันการส่งออกทุเรียนของผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโต

สถาบันฯ คาดว่าการแข่งขันในตลาดทุเรียนจะดุเดือดมากขึ้น โดยการส่งออกจากเวียดนามและมาเลเซียจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน่าจะท้าทายสถานะของไทยในการเป็นผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ที่สุดในโลกมากยิ่งขึ้น

สถาบันฯ มองว่ามาเลเซียจะกลายเป็นผู้ส่งออกทุเรียนสดป้อนตลาดจีนที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจากข้อตกลงเมื่อปี 2024 ที่รัฐบาลจีนบรรลุข้อตกลงกับมาเลเซียในการอนุญาตการส่งออกทุเรียนสดเข้าสู่จีน โดยในช่วงเวลานั้นมาเลเซียได้ส่งออกทุเรียนแช่แข็งทั้งเปลือกและเนื้อทุเรียนแช่แข็งไปยังจีนอยู่แล้ว

ส่วนการผลิตและการส่งออกทุเรียนของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหลักบางประการที่ผลักดันการเติบโต ส่วนใหญ่คือสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในไทยที่กระทบการส่งออก และข้อตกลงที่กระทรวงเกษตรของเวียดนามและสำนักบริหารศุลกากรทั่วไปจีนบรรลุร่วมกันในปี 2022 ซึ่งอนุญาตการส่งออกทุเรียนสดไปยังจีน

นอกจากนี้ เวียดนามยังได้รับประโยชน์จากการมีพรมแดนทางบกติดกับจีน และการผลิตทุเรียนนอกฤดูกาล สิ่งนี้เป็นพัฒนาการสำคัญที่จะเพิ่มรายได้จากการส่งออกของเวียดนาม ควบคู่กับการเพิ่มการแปรรูปและลดแรงกดดันในการเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล

ด้านรัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเร่งทำงานเพื่อให้สามารถส่งออกทุเรียนสดไปยังจีน ขณะที่ลาวเป็นอีกประเทศหนึ่งที่สถาบันฯ คาดว่าจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในห่วงโซ่อุปทานทุเรียน

สถาบันวิจัยฟิทช์เผยว่าจีนนำเข้าทุเรียนสดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสิบปีมานี้ พร้อมคาดการณ์ว่าความต้องการทุเรียนจากจีนจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยคาดว่าในระยะสั้นถึงระยะกลางจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในภาคส่วนนี้

บีเอ็มไอคาดว่าการเติบโตจะดำเนินต่อไปในระยะกลางถึงยาว เนื่องจากตลาดยังคงห่างจากช่วงอิ่มตัว และผลไม้ชนิดนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ทุเรียนเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีราคาแพงที่สุด และมักถูกมองว่าเป็นสินค้าแปลกใหม่ที่มักรับประทานในโอกาสพิเศษ บีเอ็มไอจึงเชื่อว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่จะมีศักยภาพทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงในแง่อำนาจซื้อของผู้บริโภค

ครบรอบ 420 ปีความสัมพันธ์ไทย-อิหร่านและ 70 ปีการทูต ย้ำมิตรภาพยาวนานและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

(11 ก.พ.68) สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจัดพิธีเฉลิมฉลองวันชาติ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 46 ปีของชัยชนะการปฏิวัติอิสลาม พร้อมกับรำลึกถึงสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ระหว่างอิหร่านและไทยที่มีมายาวนานถึง 420 ปี และเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

แถลงการณ์ในโอกาสพิเศษนี้เน้นย้ำถึงมิตรภาพและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างอิหร่านและไทย โดยย้อนรอยความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นเมื่อ 420 ปีก่อน ผ่านนักปราชญ์ศาสนาและพ่อค้าชาวเปอร์เซีย 'ชีคอาหมัด กุมี' ผู้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและศาสนาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ความสัมพันธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงอิทธิพลของอารยธรรมเปอร์เซียในไทย ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างรากฐานแห่งมิตรภาพระหว่างสองชาติ

การศึกษาประวัติศาสตร์ของอารยธรรมอิหร่านเผยให้เห็นถึงการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง และการเคารพซึ่งกันและกัน โดยชาวอิหร่านมักเลือกใช้การเจรจาและความอดทนแทนการครอบงำหรือการใช้อำนาจฝ่ายเดียว ความสัมพันธ์ของอิหร่านและไทยมีรากฐานยาวนานตั้งแต่ 420 ปีก่อน เมื่อชีคอาหมัด กุมี นักปราชญ์และพ่อค้าเปอร์เซียได้เดินทางมายังสยามและเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างอารยธรรมโบราณทั้งสอง

ในปีนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลอง 46 ปีของชัยชนะในการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลามและการยุติการปกครองของราชวงศ์ปาห์ลาวี การปฏิวัติครั้งนี้มีความสำคัญทั้งในเชิงสังคมและการเมือง และเป็นสัญลักษณ์ของความพยายามในการฟื้นฟูประเทศให้เป็นอิสระจากอิทธิพลของมหาอำนาจ

การปฏิวัติอิสลามซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนด้วยศรัทธาและการเสียสละ ได้สร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของอิหร่าน แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากและอุปสรรค แต่ประเทศก็สามารถเติบโตและเจริญรุ่งเรืองในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

อิหร่านยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งการผลิตดาวเทียมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การผลิตไอโซโทปทางการแพทย์สำหรับรักษามะเร็งและโรคทางระบบประสาท นักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านได้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอย่างน้อย 10 ดวงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ปัจจุบัน อิหร่านมีนักศึกษาประมาณ 3.2 ล้านคนในมหาวิทยาลัย ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นสตรี การพัฒนาทางการศึกษาและการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศในระดับอุดมศึกษายังคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของประเทศ ขณะเดียวกัน การพัฒนาภาคพื้นฐานในชนบทและพื้นที่ที่พัฒนาน้อยกว่าได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ในการกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและประเทศไทยในปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอิหร่าน โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 50,000 คนเดินทางมาไทยในปี 2024 การเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศถือเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

การเฉลิมฉลองในครั้งนี้ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลาม อิหม่ามโคมัยนี และผู้พลีชีพที่เสียสละเพื่อการปฏิวัติอิสลาม โดยหวังว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิหร่านและไทยจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความเต็มใจและการสนับสนุนจากรัฐบาลของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและราชอาณาจักรไทย เราจะได้เห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เจริญรุ่งเรืองในทุกมิติต่อไป

บางภาคส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้มีการพัฒนาและยังคงมีศักยภาพมหาศาลที่จะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกัน เป้าหมายหลักของนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลอิหร่านคือ การปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ รวมถึงการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับสากล ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและรัฐบาลไทยกำลังก้าวสู่การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 70 ปี พร้อมกับการเฉลิมพระชนมายุ 72 พรรษาและมหามงคล 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลอิหร่านขอใช้โอกาสนี้ในการยืนยันคำมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีงามนี้ให้ยั่งยืนตลอดไปแก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไทย และประชาชนชาวไทย ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

ครบ 3 ปีรถไฟจีน-ลาว เชื่อมไทย-จีน ขนสินค้าดันเศรษฐกิจภูมิภาคโต สร้างการเดินทางข้ามประเทศ 1.6 ล้านครั้ง

(11 ก.พ.68) นับตั้งแต่ที่ทางรถไฟจีน-ลาวเปิดดำเนินการเมื่อกว่า 3 ปีก่อน ทางรถไฟสายนี้ไม่เพียงแต่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ลาว แต่ยังช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสำหรับไทยเองแล้ว ทางรถไฟจีน-ลาวยังถือเป็นโลจิสติกส์รูปแบบใหม่สำหรับการค้ากับจีน

รายงานระบุว่าการเปิดใช้งานจุดขนถ่ายสินค้าสถานีเวียงจันทน์ใต้บนทางรถไฟจีน-ลาวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 นับเป็นก้าวสำคัญของการเชื่อมโยงระบบรางระหว่างจีน ลาว และไทย โดยตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งบรรทุกทุเรียน ลำไย และสินค้าอื่น ๆ จากไทยถูกนำเข้าสู่จีนผ่านทางรถไฟจีน-ลาว ส่วนสินค้าส่งออกจากจีน เช่น เบียร์และยา ถูกขนส่งสู่ไทยผ่านเส้นทางสายนี้ด้วยเช่นกัน

บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน สาขานครคุนหมิง จำกัด รายงานว่ามีขบวนรถไฟสินค้าที่วิ่งผ่านทางรถไฟจีน-ลาว-ไทยโดยตรง จำนวน 272 ขบวน ในปี 2024 ซึ่งขนส่งสินค้าทั้งหมด 144,900 ตัน ตัวเลขข้างต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 และร้อยละ 71.7 เมื่อเทียบปีต่อปี ตามลำดับ

นอกจากนี้ จีนและไทยได้ร่วมกันสำรวจรูปแบบการขนส่งที่ผสมผสานระหว่างทางถนนและทางราง โดยมีการขนส่งผลไม้สด ผัก และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแช่เย็นจากไทยทางถนนสู่นครหลวงเวียงจันทน์ ก่อนจะขนถ่ายขึ้นขบวนรถไฟด่วนจีน-ลาวเพื่อส่งตรงถึงนครคุนหมิงของจีน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการขนส่งและรับประกันการหมุนเวียนสินค้าที่มีประสิทธิภาพ

นอกเหนือจากการค้าแล้ว ทางรถไฟจีน-ลาวยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและวัฒนธรรม โดยตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา ปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารต่อเดือนเพิ่มขึ้นจากกว่า 6 แสนครั้งช่วงเริ่มให้บริการ อยู่ที่มากกว่า 1.6 ล้านครั้ง ซึ่งช่วยยกระดับการเชื่อมโยงและสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมในภูมิภาค

มาสด้าทุ่ม 5,000 ล้าน!! ดันไทยขึ้นแท่นฐานผลิต B-SUV Mild Hybrid เตรียมผลิต 1 แสนคันต่อปี ส่งออกญี่ปุ่น-อาเซียน-ตลาดโลก

(13 ก.พ.68) นายมาซาฮิโร โมโร (Masahiro Moro) ประธานและซีอีโอของบริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีของไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยมาสด้าเตรียมทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรถยนต์อเนกประสงค์ B-SUV แบบ Mild Hybrid (MHEV) ตั้งเป้าการผลิตที่ 100,000 คันต่อปี เพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก

แผนการลงทุนครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบไปเมื่อเดือนธันวาคม 2567 โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ Hybrid (HEV) และ Mild Hybrid (MHEV) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2575 นอกจากนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังได้ออกมาตรการส่งเสริมเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตที่นำเทคโนโลยีอัตโนมัติและระบบหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต

นายมาซาฮิโร โมโร เปิดเผยว่า มาสด้ามีประวัติการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 70 ปี และได้ลงทุนสร้างฐานการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากโรงงาน AutoAlliance (AAT) ในจังหวัดระยองเมื่อปี 2538 เพื่อผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และโรงงาน Mazda Powertrain Manufacturing Thailand (MPMT) ในจังหวัดชลบุรี เมื่อปี 2558 สำหรับการผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ โรงงานเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของมาสด้าและซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการลงทุนครั้งล่าสุด มาสด้ามุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือก (xEV) โดยเพิ่มงบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทเพื่อผลิต B-SUV Mild Hybrid ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง ลดมลภาวะ และเพิ่มความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล รถยนต์รุ่นนี้จะถูกผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังญี่ปุ่น กลุ่มประเทศอาเซียน และตลาดโลก การลงทุนดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ และแบตเตอรี่ โดยตั้งเป้าที่จะเริ่มกระบวนการผลิตภายในปี 2570

นอกจากการขยายฐานการผลิต มาสด้ายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายซัพพลายเชนในประเทศเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ โดยการลงทุนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญภายใต้แนวทาง Multi-Solution ของมาสด้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันยาวนานระหว่างบริษัทกับประเทศไทย พร้อมทั้งมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

วีซ่าง่าย-เงินเยนอ่อน ดึงนักท่องเที่ยวจีนแห่เที่ยว ยอดเดินทางแซงไทยหลังเจอวิกฤตความปลอดภัย

(13 ก.พ.68) ญี่ปุ่นแซงหน้าไทย กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดตรุษจีนในปีนี้ แซงหน้าประเทศไทยที่เคยเป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางจีนช่วงเทศกาลตรุษจีน สาเหตุหลักมาจากนโยบายวีซ่าที่ผ่อนปรนและค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง

ข้อมูลจากเว็บไซต์ท่องเที่ยว Trip.com ของจีนระบุว่า จำนวนการจองทริปไปญี่ปุ่นในช่วงวันหยุดยาว 8 วันจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่แล้ว ตามรายงานของ Japan Today 

นอกจากญี่ปุ่นแล้ว ประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนยังรวมถึงไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ตามข้อมูลจากบริษัทท่องเที่ยวดังกล่าว  

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาตั๋วเครื่องบินที่ถูกลง ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง และกฎระเบียบด้านวีซ่าที่ผ่อนคลายมากขึ้น South China Morning Post รายงาน  

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ผ่อนปรนเงื่อนไขการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยขยายระยะเวลาสูงสุดของวีซ่าหลายครั้งเข้าออกจาก 5 ปีเป็น 10 ปี และเพิ่มระยะเวลาพำนักสูงสุดของนักท่องเที่ยวแบบหมู่คณะจาก 15 วันเป็น 30 วัน  

ในปีที่แล้ว ประเทศไทยยังครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงตรุษจีน  

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงชาวจีน หวัง ซิง ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนหลายคนทบทวนแผนการเดินทาง  

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ให้คำมั่นหลายครั้งว่าจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเยือน แต่ตัวเลขของนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยก็ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก

ทหารเขมร ร้องเพลงชาติกัมพูชาบน 'แผ่นดินไทย' หวิดปะทะเดือดที่ปราสาทตาเมือนธม

(17 ก.พ. 68) สถานการณ์ตึงเครียดเกิดขึ้นบริเวณปราสาทตาเมือนทม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อคณะทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งเดินทางขึ้นมายังพื้นที่ดังกล่าว พร้อมร้องเพลงชาติของตนและมีการโต้เถียงกับทหารไทยอย่างดุเดือด  

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 12.30 น. โดยมีการบันทึกคลิปวิดีโอจากฝั่งทหารไทย ขณะที่ผู้นำทหารกัมพูชาในชุดแขนยาวสีขาว กล่าวถ้อยคำในเชิงข่มขู่เป็นภาษาไทยและภาษาเขมร โดยระบุว่า "ห้ามทหารไทยเหยียบพื้นที่นี้แม้แต่ก้าวเดียว ถ้าจะยิงก็ยิง" 

ด้านทหารไทยได้ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า "ผมมายืนตรงนี้เพราะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา" แต่ผู้นำทหารกัมพูชาได้สวนกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า "เดี๋ยวกูก็จะสั่งลูกน้องกูเหมือนกัน" ก่อนจะเดินทางกลับไปยังฝั่งกัมพูชา  

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมทหารกัมพูชาจึงขึ้นมาร้องเพลงชาติบนพื้นที่ดังกล่าว และใช้ถ้อยคำแข็งกร้าวต่อทหารไทย 

ขณะเดียวกันด้าน แม่ทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีทหารกัมพูชาร้องเพลงชาติบนแผ่นดินไทย ยืนยันทำไม่ได้แน่นอน

พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งขึ้นมาร้องเพลงชาติบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นดินแดนของประเทศไทย เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การโต้เถียงระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย โดยต่างฝ่ายต่างถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมอยู่ในเขตแดนไทย แม้จะเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันแน่ชัด ทั้งนี้ ฝ่ายไทยอนุโลมให้ชาวกัมพูชาขึ้นมาสักการะได้ แต่ต้องไม่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ใดๆ  

แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า การร้องเพลงชาติบนพื้นที่ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้** ฝ่ายไทยจึงเข้าไปตักเตือนและท้วงติงเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการใช้ภาพถ่ายหรือคลิปไปเป็นหลักฐานกล่าวอ้าง นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้ประสานพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาทหารกัมพูชาผ่านช่องทางคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว และกองกำลังสุรนารีได้ดำเนินการทำหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการ

ไต้หวันขึ้นบัญชีไทย ประเทศกลุ่มเสี่ยง เข้าลิสต์เดียวกับกัมพูชา-เมียนมา-ลาว

(17 ก.พ. 68) ไต้หวันเพิ่มไทย เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา และลาว ในรายชื่อจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงสูง หลังพบเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการฉ้อโกงออนไลน์

กระทรวงมหาดไทยไต้หวันประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า นักเดินทางที่มุ่งหน้าไปยังประเทศเหล่านี้จะได้รับคำเตือนผ่านตั๋วเครื่องบิน พร้อมแนะนำให้ดาวน์โหลดแอป "คู่มือความปลอดภัยในการเดินทาง" เพื่อเพิ่มความระมัดระวัง  

รายงานจากสื่อไต้หวัน ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2555 ชาวไต้หวันจำนวนมากถูกหลอกให้ทำงานในเครือข่ายฉ้อโกงในกัมพูชา ซึ่งภายหลังได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แก๊งอาชญากรรมเหล่านี้ได้ย้ายฐานไปยังเมียนมา ลาว และประเทศใกล้เคียง ส่งผลให้ชาวไต้หวันจำนวนไม่น้อยตกเป็นเหยื่อ ถูกกักขัง หรือบังคับให้ทำงานในขบวนการฉ้อโกง บางรายยังติดอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา  

รัฐบาลไต้หวันเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง โดยร่วมมือกับสายการบินต่างๆ เพื่อเพิ่มข้อความเตือนเกี่ยวกับการฉ้อโกงบนตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงแจกจ่ายบัตรข้อมูลที่สนามบิน หวังลดจำนวนเหยื่อที่อาจตกเป็นเป้าหมาย  

นอกจากนี้ ไต้หวันยังเดินหน้าช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยอาศัยพระราชบัญญัติต่อต้านการค้ามนุษย์ พร้อมจับมือกับองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) และสมาคมธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ตกเป็นเหยื่อให้สามารถกลับประเทศได้อย่างปลอดภัย  

มาตรการเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของไต้หวันในการปกป้องพลเมืองจากขบวนการฉ้อโกงที่แพร่ระบาดในภูมิภาค  

ปราบพนันออนไลน์-คอลเซ็นเตอร์ไม่ยั้ง ทูตจีนแถลงขยายความร่วมมือยับยั้งอาชญากรรมข้ามชาติ

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (18 ก.พ.68) ระบุว่า เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ได้หารือเชิงลึกกับฝ่ายไทยเกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามการพนันออนไลน์และอาชญากรรมฉ้อโกง แถลงการณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของสถานทูตจีนระบุว่า

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย และมีการติดต่อประสานงานกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหารือเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือในการปราบปรามการพนันออนไลน์และอาชญากรรมฉ้อโกงในเมืองเมียวดีและสถานที่อื่น ๆ รวมถึงการช่วยเหลือพลเมืองจีนที่ติดอยู่ที่เมียวดี

เอกอัครราชทูตหานระบุว่า การเยือนจีนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรเมื่อไม่กี่วันก่อน ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ ผู้นำทั้งสองประเทศแสดงความมุ่งมั่นในการปราบปรามการฉ้อโกง การพนันออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของทั้งสองประเทศดำเนินการอย่างรวดเร็วและบรรลุผลเบื้องต้น หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในขั้นต่อไป และทำงานร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างกลไกความร่วมมือ เร่งดำเนินการ และขจัดอาชญากรรมข้ามพรมแดนที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนอย่างร้ายแรงให้หมดสิ้นไป

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขอบคุณฝ่ายจีนที่ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรอย่างอบอุ่น และกล่าวชื่นชมบทบาทสำคัญของการเยือนครั้งนี้ในการส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-จีนในทุก ๆ มิติ เน้นย้ำว่าไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การพนันออนไลน์และการฉ้อโกง และได้ดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพหลายประการ และยินดีที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับจีนต่อไปบนพื้นฐานของความร่วมมือที่ดีที่มีอยู่ และร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยสำหรับประชาชนของทุกประเทศในภูมิภาค”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top