Sunday, 8 June 2025
โดนัลด์ทรัมป์

‘ม.โตเกียว’ พร้อมช่วย ‘นศ.ต่างชาติ ฮาร์วาร์ด’ หลังทรัมป์แบน เล็งใช้แนวทางรับเรียนชั่วคราว แต่โอนหน่วยกิตได้เมื่อคลี่คลาย

(26 พ.ค. 68) มหาวิทยาลัยโตเกียว ประกาศเตรียมเปิดรับนักศึกษาญี่ปุ่นและนักศึกษาต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิกถอนสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติ โดยนักศึกษาจะสามารถเข้าเรียนเพื่อสะสมหน่วยกิต ซึ่งสามารถโอนกลับไปยังฮาร์วาร์ดได้หากสถานการณ์คลี่คลาย

สำหรับ ม.โตเกียว เคยใช้แนวทางนี้มาแล้วจากกรณีช่วยเหลือนักศึกษาในสงครามประเทศยูเครน ซึ่งจะอนุญาตให้เข้าร่วมเรียนในรายวิชาต่าง ๆ และใช้บริการห้องสมุด เพื่อให้โอกาสในการศึกษาต่อไม่สะดุด โดยรองอธิการบดี คาโอริ ฮายาชิ ระบุว่า สถาบันต้องการสนับสนุนนักศึกษาที่มีความตั้งใจจริง ให้สามารถเรียนต่อได้อย่างราบรื่น

ขณะเดียวกัน นักศึกษาญี่ปุ่นในฮาร์วาร์ดต่างแสดงความวิตกและไม่พอใจอย่างมากต่อคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยหนึ่งในนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวที่ไปศึกษาเรื่องควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ฮาร์วาร์ด กล่าวว่า หากต้องยุติการเรียนกลางคัน “ความพยายามที่ผ่านมาจะสูญเปล่า”

ทั้งนี้ มาตรการใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ บังคับให้นักศึกษาต่างชาติที่ยังเรียนอยู่ในฮาร์วาร์ดต้องโอนย้ายไปสถาบันอื่น มิฉะนั้นจะสูญเสียสถานะพำนักในประเทศ ขณะที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงปิดภาคฤดูร้อน อาจทำให้นักศึกษาหลายคนไม่มีเวลาย้ายสถาบันได้ทัน

ข้อมูลจากองค์การสนับสนุนนักเรียนญี่ปุ่นระบุว่า ปัจจุบันมีนักเรียนญี่ปุ่นกว่า 13,500 คนในสหรัฐฯ โดย 260 คนอยู่ที่ฮาร์วาร์ด นักวิชาการในญี่ปุ่นเตือนว่าหากสถานการณ์ยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานะของนักศึกษาต่างชาติ สหรัฐฯ อาจสูญเสียความนิยมในฐานะจุดหมายด้านการศึกษานานาชาติ โดยแคนาดา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย อาจกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า

ทรัมป์จวกปูติน ‘บ้า’ ปมถล่มยูเครนครั้งใหญ่ เตือนรุกรานยูเครนมาก จะพารัสเซียล่มสลาย

(26 พ.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียอย่างรุนแรงผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social โดยระบุว่าปูติน “บ้าไปแล้ว” และเตือนว่าหากยังคงพยายามยึดครองยูเครนทั้งหมด จะนำไปสู่ “จุดจบของรัสเซีย”

ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อการที่รัสเซียยิงขีปนาวุธและโดรนโจมตีเมืองต่างๆ ในยูเครน พร้อมระบุว่าเป็นการสังหารผู้บริสุทธิ์โดยไม่จำเป็น และกำลังพิจารณาคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

นอกจากปูติน ทรัมป์ยังวิจารณ์ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน โดยกล่าวว่าท่าทีแข็งกร้าวของเซเลนสกี “สร้างปัญหา” และ “ควรหยุดพูดแบบนั้นได้แล้ว” พร้อมชี้ว่าความขัดแย้งนี้เป็นผลจาก “ความไร้ความสามารถ”

ทรัมป์ย้ำว่าสงครามยูเครนจะไม่เกิดขึ้นหากเขายังเป็นประธานาธิบดี โดยโยนความรับผิดชอบไปที่ปูติน เซเลนสกี และอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมยืนยันว่าเขาเพียงต้องการ “ช่วยดับไฟสงครามที่ใหญ่และน่าเกลียดนี้”

จีนชูแผนใหม่ ‘Made in China’ ดันชิป-อุตสาหกรรมขั้นสูง ย้ำจุดยืนพึ่งพาการผลิต ไม่ยอมตามเกมสหรัฐอเมริกา

(27 พ.ค. 68) รัฐบาลประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อยู่ระหว่างพิจารณาแผนแม่บทใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงต่อยอดจากโครงการ 'Made in China 2025' ซึ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ผลิตชิปและเทคโนโลยีสำคัญ โดยมีเป้าหมายรักษาความแข็งแกร่งในภาคการผลิต ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะย้ายโรงงานกลับประเทศ

ขณะเดียวกัน จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ที่จะเริ่มในปี 2026 โดยพยายามรักษาสัดส่วนภาคการผลิตในระบบเศรษฐกิจให้คงที่ในระยะยาว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บางส่วนยังไม่สนับสนุนการกำหนดเป้าหมายการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากยังไม่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

การหารือล่าสุดสะท้อนว่า จีนอาจยังคงกลยุทธ์เดิม แม้จะเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ และยุโรปที่ต้องการให้จีนลดการพึ่งพาภาคการผลิต โดยสหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีควบคุมการส่งออก และแยกตัวเชิงยุทธศาสตร์ในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ชิปและยา เพื่อผลักดันการพึ่งพาตนเอง

อย่างไรก็ตาม จีนยังยืนกรานรักษามาตรการควบคุมแร่หายาก และผลักดันการบริโภคภายในประเทศแทนการพึ่งพาการส่งออกที่อาจลดลงจากผลกระทบของนโยบายสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ได้ระบุว่า 'การกระตุ้นการบริโภค' เป็นภารกิจหลักของรัฐบาลในปีนี้

‘ทรัมป์’ ขึ้นภาษี EU 50% ทำให้ ‘เยอรมนี’ เสี่ยงทรุดหนัก คาดสูญ 7.3 ล้านล้านบาท GDP ลดลง 1.1% ต่อปี..ถึง 2028

(27 พ.ค. 68) สถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี (IW) รายงานว่า หากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปที่อัตรา 50% ต่อเนื่องจนสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเยอรมนีสูญเสียมูลค่าสูงสุดถึง 200,000 ล้านยูโร (ราว 7.39 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2028

การศึกษาของ IW ชี้ว่า ผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีลดลงเฉลี่ยปีละ 1.1% ระหว่างปี 2025 ถึง 2028 และหากสหภาพยุโรปตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีในลักษณะเดียวกัน ความสูญเสียทางเศรษฐกิจของเยอรมนีอาจเพิ่มขึ้นเป็น 290,000 ล้านยูโร (ราว 10.71 ล้านล้านบาท) ในช่วงเวลาเดียวกัน

ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2025 ว่าจะเรียกเก็บภาษี 50% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป โดยให้เหตุผลว่าการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรปไม่มีความคืบหน้า และระบุว่าหากสินค้าถูกผลิตในสหรัฐฯ จะไม่ถูกเก็บภาษีดังกล่าว

ขณะที่ ลาร์ส คลิงไบล์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนี เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขข้อพิพาททางภาษีระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปโดยเร็ว เนื่องจากการเก็บภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย

ส่วนภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี โดยเฉพาะภาคการส่งออก กำลังเผชิญกับความเสี่ยงอย่างมากจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

‘ทรัมป์’ ยื่นข้อเสนอใหม่ให้ ‘แคนาดา’ เลือกจ่าย 61 พันล้านดอลลาร์ หรือเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

(28 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยื่นข้อเสนอใหม่ต่อแคนาดา โดยระบุว่าแคนาดาเลือกได้เลยจะจ่าย 61 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.23 ล้านล้านบาท) เพื่อเข้าร่วมระบบป้องกันขีปนาวุธ 'Golden Dome' หรือกลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ เพื่อได้รับสิทธิเข้าร่วมฟรี โดยทรัมป์ประกาศผ่าน Truth Social ว่า “แคนาดาจะไม่ต้องจ่ายแม้แต่ดอลลาร์เดียว หากกลายเป็นรัฐที่รักยิ่งของเรา”

ข้อเสนอของทรัมป์มีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง ด้วยนโยบายปกป้องอธิปไตยของประเทศ และปฏิเสธแนวคิดของทรัมป์อย่างชัดเจน โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยล้อเลียนอดีตนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ว่าเป็นเพียง 'ผู้ว่าการทรูโด'

ในขณะเดียวกัน โครงการ Golden Dome ของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกว่า 175 พันล้านดอลลาร์ และอาจสูงถึง 542 พันล้านดอลลาร์ในระยะยาว โดยเป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่รวมถึงการวางอาวุธในอวกาศ ซึ่งทรัมป์คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปี 2029

การยื่นข้อเสนอของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากพระเจ้าชาร์ลส์แห่งอังกฤษเสด็จแคนาดาและกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา ย้ำอธิปไตยและเสรีภาพของแคนาดา ขณะที่นายกฯ คาร์นีย์ได้ย้ำจุดยืนว่า “แคนาดาไม่ใช่ของซื้อขายได้” ส่วนทรัมป์ตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวก็รู้เอง”

‘ทรัมป์’ สั่งระงับสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนต่างชาติ พร้อมตรวจเข้ม!!..บัญชีโซเชียลมีเดียของผู้สมัคร

(28 พ.ค. 68) รัฐบาลทรัมป์มีคำสั่งให้สถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ ทั่วโลกหยุดเพิ่มนัดสัมภาษณ์สำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่าเข้าศึกษาในสหรัฐฯ โดยมีผลทันที เพื่อเตรียมขยายมาตรการตรวจสอบข้อมูลโซเชียลมีเดียของผู้สมัคร ซึ่งคำสั่งนี้ออกโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ และถูกเผยแพร่ไปยังทุกหน่วยงานทางการทูต

เอกสารภายในระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน การจัดสรรทรัพยากร และกระบวนการของแผนกกงสุล โดยจะให้ความสำคัญกับการบริการสำหรับพลเมืองสหรัฐฯ วีซ่าผู้อพยพ และการป้องกันการฉ้อโกงเป็นอันดับแรก ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าการตรวจสอบโซเชียลมีเดียจะดำเนินการอย่างไร

ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา วีซ่าของนักเรียนต่างชาติหลายพันคนถูกเพิกถอน โดยรัฐบาลทรัมป์อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงและการต่อต้านแนวคิดหัวรุนแรง นอกจากนี้ยังมีคำสั่งห้ามนักเรียนต่างชาติลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปีการศึกษาหน้า ส่งผลให้อนาคตของนักเรียนเหล่านี้ตกอยู่ในความไม่แน่นอน

ขณะที่ องค์กรด้านการศึกษานานาชาติและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เตือนนักเรียนต่างชาติให้หลีกเลี่ยงการเดินทางกลับถิ่นฐานในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เนื่องจากอาจไม่สามารถกลับเข้าประเทศได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามาตรการใหม่นี้อาจกระทบทางการเงินต่อมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่พึ่งพานักเรียนต่างชาติเป็นจำนวนมาก

‘ม.ฮาร์วาร์ด’ อาจถูกตัดงบ 100 ล้านดอลลาร์ หลังถูกกล่าวหาเลือกปฏิบัติ-ต่อต้านชาวยิว

(28 พ.ค. 68) รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมให้หน่วยงานรัฐทบทวนเงินทุนที่มอบให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยอาจยุติหรือโอนงบประมาณไปยังหน่วยงานอื่น หากพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดในการกดดันสถาบันการศึกษาชั้นนำแห่งนี้

สำนักงานบริหารบริการทั่วไป (GSA) เตรียมส่งจดหมายถึงหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ระบุสัญญาที่ทำไว้กับฮาร์วาร์ด ซึ่งคาดว่ามีมากถึง 30 ฉบับ รวมมูลค่าราว 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,650 ล้านบาท) ขณะที่ร่างจดหมายฉบับนี้กล่าวหาว่าฮาร์วาร์ดมีพฤติกรรมเลือกปฏิบัติและต่อต้านชาวยิว

แม้รัฐบาลจะยังไม่ตัดงบทันที แต่จะเริ่มกระบวนการประเมินว่าเงินทุนใดจำเป็นต่อผลประโยชน์ของรัฐ โดย GSA จะเสนอให้ยกเลิกสัญญาที่ไม่ผ่านเกณฑ์ พร้อมโยกงบประมาณไปยังโครงการอื่น ด้านฮาร์วาร์ดยังไม่ออกแถลงการณ์ แต่เตือนว่าการวิจัยสำคัญ เช่น มะเร็งและโรคติดเชื้อ อาจหยุดชะงักหากขาดเงินสนับสนุน

ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับฮาร์วาร์ดทวีความรุนแรงขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งจากการอายัดงบวิจัย 2.2 พันล้านดอลลาร์ และคำสั่งระงับสิทธิ์รับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งสร้างความโกลาหลให้กับนักเรียนหลายพันคน ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งชะลอการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวชั่วคราว

สหรัฐฯ เตรียมยกเลิกวีซ่านักเรียนจีนจำนวนมาก มุ่งเป้า!!..ผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์

(29 พ.ค. 68) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าสหรัฐฯ จะเริ่ม 'ยกเลิกวีซ่าอย่างเข้มงวด' สำหรับนักเรียนจีนที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือกำลังศึกษาในสาขาที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ พร้อมทั้งจะเพิ่มมาตรการคัดกรองในการอนุมัติวีซ่าของนักเรียนจากจีนและฮ่องกงในอนาคต

การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยเฉพาะหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง และกล่าวหาจีนว่าเอาเปรียบทางการค้าต่อสหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่สงครามภาษีที่ทวีความรุนแรงขึ้น

นอกจากจีนจะเป็นประเทศต้นทางอันดับสองของนักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯ แล้ว นักเรียนจีนยังมีจำนวนมากกว่า 270,000 คนในปีการศึกษา 2023-2024 คิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของนักเรียนต่างชาติทั้งหมด การยกเลิกวีซ่าครั้งนี้จึงสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากในแวดวงการศึกษา

นอกจากนี้ รัฐบาลทรัมป์ยังสั่งระงับการดำเนินการออกวีซ่านักเรียนชั่วคราว และเตรียมขยายมาตรการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของผู้ยื่นขอวีซ่า รวมถึงมีความพยายามยกเลิกวีซ่าของนักเรียนที่มีบทบาททางการเมืองหรือแสดงออกสนับสนุนปาเลสไตน์ ซึ่งรัฐบาลกล่าวหาว่าเป็นการยุยงความเกลียดชัง แม้นักเคลื่อนไหวและนักกฎหมายจะออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ก็ตาม

‘ทรัมป์’ เผยโทรคุย ‘ปูติน’ ยันรัสเซียเตรียมตอบโต้ยูเครน พร้อมจับตา ‘อิหร่าน’ ใกล้มีนิวเคลียร์ในไม่ช้า

(5 มิ.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียหลังการพูดคุยทางโทรศัพท์กับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย โดยระบุว่า ปูตินยืนยันชัดเจนว่า รัสเซียจะมีมาตรการตอบโต้ยูเครน กรณีการโจมตีสนามบินและระบบรถไฟในรัสเซีย ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของยูเครน

แม้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการสนทนาอย่างเป็นทางการ แต่สื่อตะวันตกอย่าง Reuters และ BBC รายงานตรงกันว่า ทรัมป์แสดงท่าที 'เห็นใจ' ต่อท่าทีแข็งกร้าวของปูติน พร้อมระบุว่าการตอบโต้ดังกล่าวเป็น “สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” หากยูเครนยังคงเดินหน้าก่อวินาศกรรมในรัสเซียต่อไป

นอกจากประเด็นยูเครน ทรัมป์ยังกล่าวถึงภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยย้ำว่า “เวลาของโลกใกล้หมดแล้ว” หากยังปล่อยให้อิหร่านพัฒนาอาวุธอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสนอให้ปูตินมีบทบาทเป็นตัวกลางในการเจรจา เพื่อลดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

โดยปูตินแสดงความเปิดกว้างที่จะเข้าร่วมในการเจรจาใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่าตนและปูตินมีความเห็นตรงกันในประเด็นนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top