Monday, 21 April 2025
โดนัลด์ทรัมป์

ทรัมป์สั่งอายัดทรัพย์-แบนวีซ่าเจ้าหน้าที่ ICC ตอบโต้สหรัฐและอิสราเอลถูกสอบสวน

(7 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) โดยกล่าวหาว่าศาลดำเนินการอย่างไม่ชอบธรรมและไร้มูลความจริงต่อสหรัฐและอิสราเอล

ตามรายงานของบีบีซี (BBC) และเอพี (AP) ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่กำหนดมาตรการคว่ำบาตร ICC ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเฮก โดยให้เหตุผลว่าศาลได้ดำเนินการสอบสวนอิสราเอลและสหรัฐโดยไม่มีความชอบธรรม คำสั่งดังกล่าวลงนามเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่น

คำสั่งของทรัมป์ระบุว่า "ศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินการอย่างมิชอบและปราศจากมูลความจริง โดยมุ่งเป้าไปที่สหรัฐและอิสราเอล ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของเรา" นอกจากนี้ ทรัมป์ยังวิพากษ์วิจารณ์ ICC ว่าใช้อำนาจโดยมิชอบในการออกหมายจับต่อเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และโยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล

คำสั่งดังกล่าวยังเน้นว่า 'ICC ไม่มีอำนาจเหนือสหรัฐหรืออิสราเอล' และระบุว่ามาตรการคว่ำบาตรจะรวมถึงการจำกัดการทำธุรกรรมทางการเงินและการออกวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ICC ซึ่งมีส่วนช่วยในการสอบสวนพลเมืองของสหรัฐและชาติพันธมิตร

การแซงก์ชั่นอาจรวมถึงการอายัดทรัพย์สินและการห้ามเจ้าหน้าที่ของ ICC และครอบครัวของพวกเขาเข้าประเทศสหรัฐ คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในช่วงเวลาที่เนทันยาฮูเดินทางเยือนสหรัฐเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์

การตอบโต้ของสหรัฐเกิดขึ้นหลังจาก ICC ออกหมายจับเนทันยาฮูเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ในข้อกล่าวหาการก่ออาชญากรรมสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งเนทันยาฮูปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด นอกจากนี้ ICC ยังออกหมายจับต่อผู้บัญชาการของกลุ่มฮามาสด้วย

ทำเนียบขาวกล่าวหาว่า ICC กำลังสร้างมาตรฐานที่เป็นอันตราย โดยทำให้สหรัฐและเจ้าหน้าที่ของตนตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงจากการคุกคาม การล่วงละเมิด และการจับกุมอย่างไม่เป็นธรรม

“การกระทำของ ICC เป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของสหรัฐ และเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติของเรา รวมถึงนโยบายต่างประเทศที่สำคัญของสหรัฐและพันธมิตร เช่น อิสราเอล” คำสั่งดังกล่าวระบุ

นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังกล่าวหา ICC ว่าจำกัดสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล ขณะเดียวกันก็มองข้ามบทบาทของอิหร่านและกลุ่มต่อต้านอิสราเอลในความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ สหรัฐไม่ใช่สมาชิกของ ICC และปฏิเสธอำนาจศาลของ ICC มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ในสมัยแรกของทรัมป์ รัฐบาลสหรัฐเคยใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ของ ICC ที่กำลังสืบสวนกรณีที่กองทัพสหรัฐอาจก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวถูกยกเลิกไปในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

ทรัมป์สั่งโรงกษาปณ์หยุดผลิตเหรียญ 1 เซนต์ เชื่อประหยัดงบ ตามคำแนะนำอีลอน มัสก์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังสหรัฐหยุดการผลิตเหรียญ 'เพนนี' หรือเหรียญ 1 เซนต์ หลังจากมีการชี้แจงว่าค่าใช้จ่ายในการผลิตเหรียญดังกล่าวสูงกว่ามูลค่าของมันเอง  

ตามรายงานจากกรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ (10 ก.พ.68) ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 'ทรูธ โซเชียล' โดยระบุว่า การผลิตเหรียญกษาปณ์ของสหรัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีต้นทุนเกินกว่า 2 เซนต์ต่อเหรียญ ซึ่งถือเป็นการสูญเสียทรัพยากรอย่างมาก  

ในคำสั่งของทรัมป์ เขาได้กำหนดให้กระทรวงการคลังสหรัฐหยุดผลิตเหรียญเพนนีใหม่เป็นการชั่วคราว เพื่อประหยัดงบประมาณให้กับรัฐบาล

การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานประสิทธิภาพรัฐบาล (ดอจ) ภายใต้การนำของนายอีลอน มัสก์ ได้ยกประเด็นนี้ขึ้นมาในเดือนมกราคมที่ผ่านมา  

การลดต้นทุนการผลิตเหรียญในสหรัฐเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมานานและเคยมีการนำเสนอร่างกฎหมายหลายฉบับในสภาคองเกรส แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีกฎหมายใดที่ได้รับการอนุมัติจากสภา

ทรัมป์สนใจซื้อฉนวนกาซาเป็นของสหรัฐ ให้ทุนต่างชาติบริหาร ยุติขัดแย้งในดินแดน

(10 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.พ.) ว่า เขามีความตั้งใจที่จะเข้าควบคุมฉนวนกาซา โดยเสนอให้สหรัฐฯ เป็นเจ้าของดินแดนดังกล่าว และให้ประเทศในตะวันออกกลางเข้ามามีบทบาทในการฟื้นฟูพื้นที่

ทรัมป์กล่าวระหว่างเดินทางบนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน (Air Force One) มุ่งหน้าสู่นิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา เพื่อเข้าชมการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ (Super Bowl) ว่า “สหรัฐฯ ตั้งใจจะเข้าควบคุมฉนวนกาซาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มฮามาสกลับมามีอำนาจอีก ส่วนเรื่องการพัฒนา เราอาจให้ประเทศในภูมิภาคเข้ามามีส่วนร่วม หรือให้หน่วยงานอื่นดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของเรา”

รายงานจากสำนักข่าวซินหัวระบุว่า แนวคิดของทรัมป์เกี่ยวกับ “การเป็นเจ้าของระยะยาว” ฉนวนกาซา ถูกหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยหลายประเทศอาหรับ รวมถึงชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรป แสดงท่าทีคัดค้าน เนื่องจากมองว่าอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของภูมิภาคและกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง

อาณาจักรธุรกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ : จากเจ้าพ่ออสังหาฯ สู่เวทีการเมือง

หากพูดถึงบุคคลที่ทรงอิทธิพลทั้งในแวดวงธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ สื่อบันเทิง และการเมือง โดนัลด์ ทรัมป์ คือชื่อที่ไม่มีใครไม่รู้จัก จากการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างตึกระฟ้าในนิวยอร์ก สู่การเป็นพิธีกรเรียลลิตี้ชื่อดัง และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 และ 47 

อาณาจักรธุรกิจของทรัมป์ไม่ได้มีเพียงแค่ตึกหรูและโรงแรมระดับโลก แต่ยังขยายไปถึงคาสิโน สนามกอล์ฟ โซเชียลมีเดีย และแม้กระทั่งแบรนด์สินค้าต่าง ๆ แม้จะประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่เส้นทางของเขาก็เต็มไปด้วย วิกฤติทางการเงิน การล้มละลาย และคดีความมากมาย และวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกเส้นทางธุรกิจของเขากันค่ะ

จี้ยูเครนชดใช้เงินช่วยเหลือ USAID แลกทรัพยากรแร่หายาก-น้ำมัน

(10 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีแผนหารืออย่างเป็นทางการกับผู้นำยูเครนเกี่ยวกับแนวทางในการชำระคืนความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ ได้ให้ผ่านโครงการ USAID ซึ่งรวมถึงการให้สหรัฐสามารถเข้าถึงทรัพยากรแร่หายาก น้ำมัน และก๊าซของยูเครน เป็นการชดใช้ความช่วยเหลือที่เคยให้ไป ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เผย

วอลซ์ ระบุว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์พร้อมจะนำทุกประเด็นมาพูดคุยในสัปดาห์นี้ รวมถึงอนาคตของ USAID ที่มอบให้ยูเครน เราต้องได้รับการชดเชยค่าใช้จ่ายเหล่านั้น ซึ่งจะเป็นความร่วมมือกับยูเครนในแง่ของทรัพยากรแร่หายาก น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และการซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ" วอลซ์กล่าวกับ NBC News พร้อมย้ำว่าการเจรจาเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้

วอลซ์ยังเสริมว่า ทรัมป์มีเป้าหมายที่จะยุติความขัดแย้งในยูเครน แต่คาดหวังให้ยุโรปรับผิดชอบด้านหลักประกันความมั่นคง

"หลักการสำคัญคือ ยุโรปต้องเป็นเจ้าภาพในการจัดการความขัดแย้งนี้ต่อไป ประธานาธิบดีทรัมป์จะเป็นผู้ยุติความขัดแย้ง แต่ในแง่ของหลักประกันด้านความมั่นคง ยุโรปต้องเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง" วอลซ์กล่าว

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้จะมีการเจรจาในยุโรปโดยมีตัวแทนสหรัฐฯ เข้าร่วม ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีกลาโหม รองประธานาธิบดี และทูตพิเศษ โดยจะหารือถึงรายละเอียดของข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับจุดยืนของรัสเซียต่อการยุติความขัดแย้งนั้น หากย้อนไปในเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้เสนอแนวทางสันติภาพ โดยระบุว่ารัสเซียพร้อมที่จะหยุดยิงและเจรจาทันทีหากยูเครนดำเนินการตามเงื่อนไขต่อไปนี้

ยูเครนต้องประกาศยกเลิกการเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO อย่างเป็นทางการ, กองทัพยูเครนต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ที่รัสเซียผนวกเข้าใหม่, รัฐบาลเคียฟต้องดำเนินมาตรการปลดอาวุธทางทหารและขจัดลัทธินาซี, ยูเครนต้องประกาศสถานะเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ ปูตินยังกล่าวถึงการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสันติภาพ

รัสเซียได้ย้ำหลายครั้งว่ายูเครนเองเป็นฝ่ายห้ามการเจรจามาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 อีกทั้งสถานะความชอบธรรมของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในมอสโก

ทรัมป์สั่งขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก 25% กระทบทุกประเทศ มีผลบังคับใช้ 4 มี.ค. จ่อดันต้นทุนสินค้าสหรัฐแพงขึ้น

(11 ก.พ. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลกเป็น 25% โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับประเทศใด ซึ่งมาตรการนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง

ทำเนียบขาวระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ซึ่งเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากการนำเข้า อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า มาตรการนี้อาจจุดชนวนให้เกิดข้อพิพาททางการค้ากับนานาประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมรายใหญ่ของโลก

แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังต้องนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในปริมาณมากจากประเทศอย่างแคนาดา เม็กซิโก และบราซิล แต่มาตรการนี้จะทำให้การนำเข้าสินค้าดังกล่าวมีต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ ในอดีต สหรัฐฯ เคยกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กจากจีนในอัตราเพิ่มเติม 25% และภาษีอะลูมิเนียม 10% ตั้งแต่สมัยแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง และอัตราภาษีดังกล่าวยังคงมีผลต่อเนื่องในยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน นั่นหมายความว่า การนำเข้าเหล็กจากจีนในปัจจุบันต้องเผชิญภาษีรวมไม่ต่ำกว่า 50% และไม่น้อยกว่า 25% สำหรับอะลูมิเนียม

แม้ว่ามาตรการภาษีจะมุ่งเป้าไปที่จีน แต่ในความเป็นจริง จีนไม่ได้ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมมายังสหรัฐฯ โดยตรงเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มักถูกส่งไปแปรรูปในประเทศที่สามก่อนเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ

แน่นอนว่าการขึ้นภาษีจะส่งผลให้ราคาเหล็กและอะลูมิเนียมในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น อาจกระทบต่อผู้ผลิตที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบเหล่านี้ ขณะที่ผู้บริโภคปลายทางอาจต้องแบกรับราคาสินค้าที่แพงขึ้นตามไปด้วย

แม้ว่ามาตรการนี้จะถูกบังคับใช้กับทุกประเทศ แต่ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่า อาจพิจารณายกเว้นภาษีให้กับออสเตรเลียเป็นกรณีพิเศษ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ

ทรัมป์ยังเปิดเผยว่า เขากำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้ายานยนต์ ยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงชิปคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจขยายวงกว้างของความตึงเครียดทางการค้ากับพันธมิตรหลายประเทศ เมื่อนักข่าวถามถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจเผชิญมาตรการตอบโต้จากนานาประเทศ ทรัมป์ตอบสั้น ๆ ว่า “ผมไม่สนใจ”

ผู้นำบราซิลเตือน แค่ปกครองสหรัฐฯ ไม่ใช่ตำรวจโลก หัดเคารพประชาธิปไตยซะบ้าง

(11 ก.พ. 68) ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิลได้กล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นผู้นำสหรัฐฯ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้งให้ปกครองโลก

ในการสัมภาษณ์กับสถานีวิทยุสองแห่งในรัฐบาเยียทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ ลูลาได้กล่าวว่าเขาเคารพผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์ได้รับเลือกจากประชาชนชาวอเมริกัน แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้มีอำนาจในการปกครองทั่วโลก

ลูลาได้กล่าวถึงแผนของทรัมป์ในการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซา โดยระบุว่า ทรัมป์ควรรักษาความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าทางประชาธิปไตยและอารยธรรมกับโลก

ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเข้าครอบครองฉนวนกาซาและพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวหลังจากการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกไป

นอกจากนี้ ลูลาได้วิจารณ์สหรัฐฯ ที่อ้างตนเป็น "สัญลักษณ์ของประชาธิปไตยและตำรวจโลก" โดยกล่าวว่า คำพูดของทรัมป์เกี่ยวกับการยึดครองบางประเทศและดินแดนเป็นการปลุกปั่นและยั่วยุ

ทรัมป์จ่อเลิกเอาผิดคนอเมริกันติดสินบนต่างชาติ อ้างช่วยธุรกิจอเมริกันแข่งเวทีโลก

(11 ก.พ.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ว่า เขามีแผนลงนามในคำสั่งบริหารที่กำหนดให้กระทรวงยุติธรรมหยุดการดำเนินคดีต่อชาวอเมริกันที่ถูกกล่าวหาว่าติดสินบนเจ้าหน้าที่ต่างชาติในการขยายธุรกิจในประเทศอื่นๆ โดยคำสั่งนี้มีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกำหนดให้บังคับใช้กฎหมายต่อต้านการทุจริตในต่างประเทศ (FCPA) ปี 1977 อย่างมีความสมเหตุสมผล

กฎหมาย FCPA ถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรงหากมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ต่างประเทศเพื่อขอรับประโยชน์ทางธุรกิจ รวมถึงการไม่มีกระบวนการบัญชีหรือระบบควบคุมภายในองค์กรที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นการละเมิดทางอาญาที่สำคัญ

เอกสารที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า คำสั่งบริหารนี้จะให้แพม บอนดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมระงับการบังคับใช้กฎหมาย FCPA จนกว่าจะมีการทบทวนกรอบคำแนะนำการบังคับใช้กฎหมายเพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันของอเมริกา

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายในการปกป้องบรรดาบริษัทสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมาย FCPA ที่เข้มงวดเกินไป ซึ่งทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศอย่างเท่าเทียมกับคู่แข่งจากประเทศอื่น

คำสั่งนี้ยังอ้างถึงความสำคัญของการมีความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในแหล่งทรัพยากรสำคัญทั่วโลก เช่น แร่ธาตุ ท่าเรือน้ำลึก และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมความมั่นคงของสหรัฐฯ

ในปี 2024 กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย FCPA ใน 26 คดี และมีบริษัทอย่างน้อย 31 แห่งที่อยู่ภายใต้การสืบสวนจนถึงช่วงปลายปี

‘ทรัมป์’ ปรับโครงสร้าง!! คณะที่ปรึกษาโรงเรียนนายร้อยทุกเหล่าทัพ ย้ำ!! ความแข็งแกร่งของกองทัพ ต้องมาก่อนแนวคิด Woke

(12 ก.พ. 68) ข่าวนี้ถือว่าเรื่องที่น่าสนใจมากนะครับเพราะว่า สิ่งที่ใน donald trump กำลังทำอยู่นะตอนนี้คือการล้างหน่วยงานความมั่นคงโดยเปลี่ยนรูปแบบมาให้เป็นแบบใหม่โดยการคัดเลือกบุคคลที่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่เลือกความหลากหลาย นับว่าเป็นความคิดที่ฉันฉลาดมาก

ข้าพเจ้าถือว่าเป็นจุดที่เป็นโมเดลที่น่าสนใจผู้ว่าข้าราชการหรือการเมืองก็ควรฟังเพราะโดยหลักการแล้วนะครับ
ไม่ว่าจะเลือก สส. เลือก สสร. ฯลฯ ต้องมีความเหมาะสมในสายวิชาชีพนั้นๆ
"ประชาธิปไตยที่ดี" ต้องเกิดขึ้นจาก "ความเป็นมืออาชีพ"ครับ

ความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ หรือคณะกรรมการ กรรมาธิการต่างๆ ควรมีลักษณะเฉพาะเจาะจง มีความเป็นมืออาชีพความชำนาญ ไม่ใช่ความหลากหลายครับ 

ลองฟังข่าวนี้ดูครับ

วอชิงตัน – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศปรับโครงสร้างคณะที่ปรึกษาของโรงเรียนนายร้อยทุกเหล่าทัพของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น West Point, Annapolis, Colorado Springs และ Coast Guard พร้อมให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นไปเพื่อฟื้นฟูหลักการดั้งเดิมของกองทัพ และขจัดอิทธิพลของแนวคิดที่มุ่งเน้นความหลากหลายโดยไม่ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพ

ทรัมป์เน้นย้ำว่า "กองทัพอเมริกันต้องกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง" โดยเขาเห็นว่าการคัดเลือกบุคลากรเพื่อดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ควรยึดหลักความสามารถและความเหมาะสม มากกว่าการกำหนดโควต้าตามเชื้อชาติ เพศ หรืออัตลักษณ์อื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อสมรรถนะโดยรวมขององค์กร
ยกเลิก DEI – กระทรวงกลาโหมเตรียมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (Pentagon) กำลัง ยุตินโยบาย Diversity, Equity, Inclusion (DEI) ที่สนับสนุนการจัดสรรโควต้าให้กับกลุ่มที่หลากหลายภายในองค์กรของรัฐ ซึ่งฝ่ายที่สนับสนุนมองว่าเป็นแนวทางที่ช่วยให้กองทัพมีความครอบคลุมมากขึ้น แต่ฝ่ายที่คัดค้าน โดยเฉพาะทรัมป์และผู้สนับสนุนของเขา มองว่า การแต่งตั้งบุคลากรควรยึดตามความสามารถมากกว่าการกำหนดโควต้า

รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ ได้กล่าวย้ำในที่ประชุมเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมว่า "ความแข็งแกร่งของกองทัพไม่ได้เกิดจากความแตกต่าง แต่เกิดจากความเป็นหนึ่งเดียว" พร้อมชี้ให้เห็นว่า การนำแนวคิด Woke มาใช้ในกองทัพอาจส่งผลต่อขีดความสามารถของหน่วยงานด้านความมั่นคง

นอกจากนี้ เฮกเซธยังให้การสนับสนุนการตรวจสอบหน่วยงานด้านกลาโหม โดยให้ Department of Government Efficiency (DOGE) ภายใต้การดูแลของ อีลอน มัสก์ เข้าตรวจสอบงบประมาณและประสิทธิภาพของกองทัพ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการที่ทรัมป์ต้องการผลักดัน

ทรัมป์เอาคืน!! เดินหน้าฟันภาษีโต้กลับชาติที่เก็บภาษีสหรัฐฯ ลั่นอเมริกาถูกเอาเปรียบมานานแล้ว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (12 ก.พ.68) ว่า เขามีแผนลงนามคำสั่งใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะมีการดำเนินการภายในสัปดาห์นี้

"ผมอาจจะดำเนินการในวันพรุ่งนี้เช้า หรืออาจใช้เวลาพิจารณาเพิ่มเติม แต่แน่นอนว่าเราจะเดินหน้ากับมาตรการนี้" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว พร้อมเน้นย้ำว่า "สหรัฐฯ ถูกเอาเปรียบจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศมานานหลายปีแล้ว"

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้กล่าวถึงแนวทางการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ โดยระบุว่าอาจมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์หรืออังคาร

เมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งปรับขึ้นอัตราภาษีสำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 10% เป็น 25% โดยให้เหตุผลว่านโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

อย่างไรก็ตาม การดำเนินมาตรการทางภาษีของทรัมป์ได้ก่อให้เกิดความกังวลในหมู่พันธมิตรทางเศรษฐกิจและประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ รวมถึงภาคธุรกิจและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเตือนว่าการขึ้นภาษีอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้นในสหรัฐฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top