Monday, 21 April 2025
โจไบเดน

เฟกนิวส์!! 'นายกฯ เศรษฐา' จับมือ 'ไบเดน' อาจเป็นภาพตัดต่อ หลังเทียบภาพดันเหมือนตอน 'ลุงตู่' จับมือไบเดนที่กัมพูชา

(26 ก.ย. 66) จากเฟซบุ๊ก 'Warat Gap' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า..

สรุปเท่าที่อ่านข่าวย้อนหลัง

1. นายกเศรษฐา ‘น่าจะ’ ได้พบไบเดนในงานเลี้ยง UNGA จริง แต่ไม่มีหลักฐานว่าได้จับมือกัน ซึ่งก็แปลกที่ไม่มีภาพของงานเลี้ยงนี้เลย แม้แต่เว็บไซต์ไทยคู่ฟ้า หรือว่าไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพ? หรือว่านายกเข้าไปคนเดียวเลยไม่มีคนถ่ายรูปให้?

ซึ่งนายกเศรษฐายอมรับเองว่าได้พบกันสั้น ๆ และคาดว่าจะได้คุยกันยาวขึ้นในเดือน พ.ย. นี้ในการประชุมทวิภาคี

2. ภาพของประชาชาติธุรกิจ ที่เศรษฐาจับมือกับไบเดน เป็นภาพตัดต่อจากภาพของลุงตู่ที่จับมือกับไบเดนที่กัมพูชา ซึ่งไม่รู้ว่าคนทำ ทำไปเพื่ออะไร ใช้อะไรคิด บก.มีหรือไม่ แถมยังเอาภาพ background ที่มีเศรษฐาอีกคนอยู่ในภาพ (หลังไบเดน) ด้วย

ซึ่งทั้งการใช้ภาพ และพาดหัว ต้องนับว่าเป็น Fake News ก็จะรอดูว่าประชาชาติธุรกิจ ในเครือมติชน จะมีแถลงการณ์ขออภัย และมีมาตรการลงโทษผู้รับผิดชอบหรือไม่อย่างไร

‘ไบเดน’ จ่อขอสภาฯ อนุมัติงบเสริมแกร่งกองทัพ ‘อิสราเอล’ ชี้!! เพื่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด

(20 ต.ค. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว Biden to seek billions in military aid for Israel as invasion of Gaza nears ระบุว่า ในการปราศรัยของ โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 66 ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ต.ค. 66 ตนจะขอให้รัฐสภาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการสนับสนุนอิสราเอล เพื่อเสริมขีดความสามารถของกองทัพอิสราเอลให้แข็งแกร่งขึ้น โดยย้ำว่า เพื่อรักษาความมั่นคงของสหรัฐฯ จำเป็นต้องสนับสนุนพันธมิตรที่สำคัญอย่างอิสราเอล นี่เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดที่จะจ่ายผลตอบแทนให้กับสหรัฐฯ ไปอีกหลายชั่วอายุคน

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า หากคำขอของไบเดนได้รับการอนุมัติงบประมาณด้านนี้ของสหรัฐฯ จะมีมูลค่ารวมถึง 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 3.5 แสนล้านบาท อีกด้านหนึ่ง บนพื้นดินในฉนวนกาซา ดูเหมือนว่าอิสราเอลกำลังเข้าใกล้การเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดิน บุกเข้าสู่ฉนวนกาซาเต็มรูปแบบที่ปกครองโดยกลุ่มฮามาส ซึ่งปัจจุบันกองทัพอิสราเอลระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์อยู่บริเวณใกล้ชายแดนฉนวนกาซา 

โดย โยฟ กัลลันท์ (Yoav Gallant) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล กล่าวกับทหารอิสราเอล เมื่อวันที่ 19 ต.ค.66 ว่า ตอนนี้เราเห็นฉนวนกาซาจากระยะไกล แต่อีกไม่นานเราจะเห็นมันจากด้านใน คำสั่งกำลังจะตามมาในเร็ว ๆ นี้

อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาด้วยการโจมตีทางอากาศหลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 66 ที่นักรบของกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล ซึ่งคร่าชีวิตชาวอิสราเอลไป 1,400 ราย อีกทั้งยังปิดล้อมฉนวนกาซาประชาชน 2.3 ล้านคนและส่งสัญญาณการบุกภาคพื้นดินเต็มรูปแบบ พลเรือนในฉนวนกาซากล่าวว่าสถานการณ์ของพวกเขาสิ้นหวังมากขึ้น เนื่องจากขาดแคลนอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และเวชภัณฑ์ มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 3,500 ราย และอีกกว่าล้านคนกลายเป็นคนไร้บ้าน ตามการระบุของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ ด้าน อัยมาน ซาฟาดี (Ayman Safadi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจอร์แดน กล่าวว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้น

ในระหว่างการเยือนอิสราเอลเป็นเวลา 8 ชั่วโมงเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 66 ไบเดนพยายามทำข้อตกลงเพื่อขอความช่วยเหลือในฉนวนกาซา แต่ประสบความสำเร็จอย่างจำกัด เขากล่าวว่าอิสราเอลและอียิปต์เห็นพ้องกันว่ารถบรรทุก 20 คันพร้อมสิ่งของบรรเทาทุกข์สามารถข้ามเข้าไปในเขตนี้ได้ ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอียิปต์ 2 รายกล่าวว่า อุปกรณ์ถูกส่งไปเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 66 ผ่านการข้ามพรมแดนเพื่อซ่อมแซมถนนในฝั่งฉนวนกาซา ท่ามกลางรถบรรทุกมากกว่า 100 คันยังกำลังจอดรออยู่ในอียิปต์ ด่านดังกล่าวปิดตั้งแต่อิสราเอลเริ่มโจมตีในฝั่งปาเลสไตน์

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า เดวิด แซทเทอร์ฟิลด์ (David Satterfield) ทูตพิเศษสหรัฐฯ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้ทำงานด้านประเด็นด้านมนุษยธรรมในตะวันออกกลาง ยังคงเจรจากับทางการอิสราเอลและอียิปต์ ในเรื่องของรูปแบบที่แน่นอนในการส่งมอบความช่วยเหลือ ซึ่งปัจจุบันประสบความล่าช้า ขณะที่อิสราเอลเรียกร้องการรับรองว่ากลุ่มติดอาวุธฮามาสไม่สามารถควบคุมสิ่งของบรรเทาทุกข์ได้

องค์การสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้ความช่วยเหลือเร่งกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดความขัดแย้ง ซึ่งปกติแล้วจะมีรถบรรทุก 100 คันต่อวันลำเลียงสิ่งของไปช่วยเหลือชาวกาซา โดยมีรายงานว่า วันที่ 20 ต.ค. 66 อันโตนิโอ กูเตร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ จะเดินทางไปเยือนด่านพรมแดนราฟาห์ จุดเชื่อมระหว่างอียิปต์กับฉนวนกาซา ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ กิลาด เออร์ดาน (Gilad Erdan) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ กล่าวในการชุมนุมในนิวยอร์ก ตำหนิว่า เลขาธิการใหญ่ UN ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ก่อการร้าย

ขณะเดียวกัน เหตุระเบิดในโรงพยาบาลในฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 66 สร้างความโกรธเคืองแก่โลกอาหรับ และการรุกรานภาคพื้นดินของอิสราเอลที่คาดการณ์ไว้ เพิ่มความหวาดกลัวว่าความขัดแย้งจะขยายวงออกไป ชาวปาเลสไตน์กล่าวโทษการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลว่าเป็นต้นเหตุของเหตุระเบิดในโรงพยาบาล แต่อิสราเอลกล่าวว่ามีสาเหตุมาจากการยิงจรวดที่ล้มเหลวโดยกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอล

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 66 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า เรือรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ ลำหนึ่งสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธร่อน 3 ลูก และโดรนหลายลำที่กลุ่มติดอาวุธฮูตียิงมาจากประเทศเยเมน ซึ่งคาดว่ามีเป้าหมายมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยกลุ่มฮูตีนั้นเหมือนกับกลุ่มฮามาสที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ในวันเดียวกัน กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ซึ่งเป็นพันธมิตรอีกรายหนึ่งของอิหร่าน เปิดเผยว่าา ได้ยิงจรวดใส่ที่มั่นของอิสราเอลในหมู่บ้านมานารา และดึงการโจมตีด้วยปืนใหญ่ของอิสราเอล เพื่อตอบโต้หลังจากความรุนแรงบริเวณชายแดนเพิ่มความรุนแรงครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 17 ปี

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของเลบานอน และกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ให้ข้อมูลตรงกันว่า เหตุปะทะระหว่างกองทัพอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ บริเวณชายแดนเลบานอน-อิสราเอล เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 66 มีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย ขณะที่กองทัพเลบานอน กล่าวเพิ่มเติมว่า มีผู้สื่อข่าวชาวเลบานอนเสียชีวิต 1 ราย โดยอ้างว่ามาจากการโจมตีของอิสราเอล นอกจากนั้นยังมีสื่อมวลชน 7 คน ติดอยู่ในวงล้อม และประสานให้กองกำลังของ UN เข้าไปช่วยเหลือ ขณะที่ฝ่ายอิสราเอล ชี้แจงว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ท่ามกลางความกังวลว่าเวสต์แบงก์ ดินแดนเชื่อมต่อระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน อาจกลายเป็นแนวรบที่ 3 ในสงครามที่กว้างขึ้น ชาวปาเลสไตน์ 13 คนถูกสังหารในการปะทะกับกองกำลังอิสราเอลในค่ายผู้ลี้ภัยนูร์ชามส์ในเมืองทูลคาร์ม ฝั่งตะวันตก ตามรายงานเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 66 โดยสภาเสี้ยววงเดือนแดง (สภากาชาด) ปาเลสไตน์ ด้าน อาบู โอเบดา (Abu Obeida) โฆษกของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า พวกตนได้เตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามยืดเยื้อกับกองทัพอิสราเอล และเรียกร้องให้ผู้คนในประเทศอาหรับและมุสลิมประท้วงต่อต้านอิสราเอล.

นสพ.The Guardian ของอังกฤษ เสนอข่าว New York’s Jewish community rallies for release of Israeli hostages: ‘They should be on the front page’ ระบุว่า ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา วันที่ 19 ต.ค. 66 ชุมชนชาวยิวได้รวมตัวกันบริเวณจตุรัสไทมส์ สแควร์ เรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกัน 203 คน ที่ถูกจับไปในเหตุการณ์กลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล วันที่ 7 ต.ค. 66

การชุมนุมจัดโดยสภาอิสราเอล-อเมริกัน ดึงดูดผู้เข้าร่วมทางการเมือง เช่น ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) นักการเมืองพรรคเดโมแครต ผู้นำฝ่ายเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ กิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ และ เอริก อดัมส์ (Eric Adams) นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์ก ซึ่งที่เมืองนี้มีผู้นับถือศาสนายิวประมาณ 1.6 ล้านคน มากกว่าใน 2 เมืองของอิสราเอลอย่างเทลอาวีฟและเยรูซาเลมรวมกัน

ในการชุมนุมครั้งนี้ ทูตอิสราเอลประจำ UN ให้คำมั่นว่า จนกว่าที่ตัวประกันชาวอิสราเอลจะต้องได้กลับบ้าน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และฉนวนกาซาจะไม่มีช่วงเวลาที่เงียบสงบ พร้อมกับ ยังตำหนิท่าทีของ อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ที่มองข้ามความเจ็บปวดของชาวอิสราเอล ซึ่งมีกำหนดการเดินทางไปเยือนด่านชายแดนราฟาห์ จุดเชื่อมต่อระหว่างอียิปต์กับฉนวนกาซา ในวันที่ 20 ต.ค. 66 ว่า ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ก่อการร้ายที่ลักพาตัวคนที่เรารัก 

“หากเลขาธิการใส่ใจต่อความต้องการด้านมนุษยธรรมอย่างแท้จริง ตัวประกันของเราก็ต้องมีความสำคัญสูงสุดของเขา” เออร์ดาน กล่าว

'หวังอี้' เยือนวอชิงตัน ส่งสารผู้นำจีนถึง 'ไบเดน' ตอกย้ำ 3 พันธกิจ 'เคารพ-สันติ-ร่วมมือกัน'

(28 ต.ค.66) สำนักข่าวซินหัว เผย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้พบปะกับ หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.)

หวัง ซึ่งเป็นกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้ถ่ายทอดคำทักทายของสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ต่อไบเดนเป็นลำดับแรก

หวัง ระบุเพิ่มเติมว่าการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของเขาในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายสื่อสารกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการตามความเข้าใจร่วมกันที่สำคัญซึ่งบรรลุโดยประธานาธิบดีของสองประเทศ อีกทั้งสานต่อการดำเนินการจากการประชุมสุดยอดที่บาหลีระหว่างสีจิ้นผิงและไบเดนสู่การประชุมสุดยอดที่ซานฟรานซิสโก เพื่อป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีเสื่อมถอยอีกต่อไป และนำพาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กลับสู่เส้นทางการพัฒนาที่แข็งแกร่งและมั่นคงในเร็ววัน

หวัง กล่าวว่า หลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ (China-U.S. joint communiqués) 3 ฉบับ เป็นรากฐานทางการเมืองที่สำคัญที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งต้องยึดมั่นโดยปราศจากการแทรกแซง

หวัง กล่าวว่า จีนใส่ใจกับความหวังของสหรัฐฯ ในการรักษาเสถียรภาพและปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน พร้อมเสริมว่าทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อโลก ต่อประวัติศาสตร์ และต่อประชาชน และผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่มั่นคงและแข็งแรง โดยสอดคล้องกับหลักการ 3 ประการที่นำเสนอโดยสีจิ้นผิง ได้แก่ การเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

หวังชี้ว่าประเด็นดังกล่าวไม่เพียงเป็นผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของสองประเทศและประชาชนของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นปณิธานร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศด้วย

ด้าน ไบเดน ได้ส่งมอบคำทักทายไปยังประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

ไบเดน กล่าวอย่างชัดเจนว่าเขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน พร้อมแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ ยินดีรักษาการติดต่อสื่อสารกับจีนเพื่อร่วมกันจัดการกับความท้าทายระดับโลก

อนึ่ง หวังได้หารือกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ สองครั้ง และจัดการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์กับเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ระหว่างการเดินทางเยือนวอชิงตัน ดี.ซี.

จับตา!! ‘โจ ไบเดน’ พบ ‘สี จิ้นผิง’ สะท้อนสงคราม ‘ชิป’ ผ่อนคลาย ส่อดันหุ้นกลุ่มเทคฯ-EV พุ่ง ลุ้น!! ท่าทีตอบสนองตลาดทุนจีน

เปิด 3 ประเด็นที่ต้องจับตาในการเจอกันของ ‘โจ ไบเดน - สี จิ้นผิง’ คือ ท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้นเรื่องสงครามชิป อาจดันตลาดหุ้นกลุ่มเทคฯ พุ่ง ขณะที่การหารือเพื่อบรรลุข้อตกลงเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน อาจผลเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนหากมีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนภาคเอกชน-ฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางธุรกิจ อาจทำให้ตลาดเงิน-ตลาดทุนจีนตอบสนองเชิงบวก

(14 พ.ย. 66) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า นักลงทุนหวังว่าการพบกันตามแผนระหว่างประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ (Joe Biden) และ ‘สี จิ้นผิง’ (Xi Jinping) ของจีนจะเป็นสัญญาณการกระชับความสัมพันธ์ และเพิ่มความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์ของเอเชียที่ปรับตัวลงอย่างร้อนแรง

โดยบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประเมินว่า การประชุมในวันพุธที่ซานฟรานซิสโกจะเป็นช่วงเวลาสําคัญในการเยือนสหรัฐครั้งแรกของประธานาธิปสีนับตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาได้พบกับประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ (Donald Trump) และยังเป็นการสนทนาครั้งแรกของทั้งสองในรอบหนึ่งปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็อาจจะยังคงเป็นประเด็นเรื่องภาษีที่ทรัมป์เรียกเก็บจากสินค้าจีนหลายชนิดและการปิดกั้นการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

ทั้งนี้ การผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสองมหาอํานาจอาจเป็นจุดเปลี่ยนเพื่อล่อนักลงทุนให้กลับมาที่จีน โดยนักลงทุนตราสารทุนและนักลงทุนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินกําลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดเนื่องจากหุ้นของประเทศกําลังฟื้นตัวจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และการอพยพออกของกองทุนทั่วโลก ท่ามกลางเงินหยวนที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์

“สัญญาณเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีมากขึ้น หรือแม้แต่การพยายามกระชับความสัมพันธ์เล็กน้อย อาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนชั่วคราว” เสี่ยว เจียจือ (Xiaojia Zhi) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Credit Agricole CIB กล่าว

ขณะที่แหล่งข่าววงในของบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ทั้งสองประเทศพยายามเพื่อบรรเทาความตึงเครียด ซึ่งไบเดนและสีเตรียมประกาศข้อตกลงที่จะเห็นรัฐบาลจีนปราบปรามการผลิตและส่งออกเฟนทานิล (Fentanyl) ซึ่งใช้ในการผลิตสารสังเคราะห์ซึ่งมีอันตรายถึงตาย

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนอาจเปิดเผยคํามั่นสัญญาเพื่อซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 (Boeing’s 737) ระหว่างการประชุมสุดยอดเอเปค (APEC) ตามรายงานของบลูมเบิร์ก และจีนซึ่งเป็นผู้นําเข้าถั่วเหลืองอันดับต้น ๆ เพิ่งจะซื้อสินค้าจากสหรัฐมากกว่า 3 ล้านตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยท่าทีปรารถนาดีก่อนการเจรจาในวันพุธ

ดังนั้น ในการเจอกันที่จะถึงนี้มีประเด็นทางเศรษฐกิจที่ต้องจับตา ดังนี้

1.) เทคโนโลยี
จีนซึ่งเป็นตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกําลังต่อสู้กับการคว่ำบาตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเทคโนโลยี ดังนั้นสัญญาณของการกระชับความสัมพันธ์และระงับข้อพิพาทอาจช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนสําหรับบริษัทต่างๆ ตั้งแต่ Apple Inc. Chip Bellwethers Taiwan Semiconductor Manufacturing Co., Samsung Electronics Co. และ Nvidia Corp.

2.) พลังงานสะอาด
การเน้นเป้าหมาย ‘สีเขียว’ อาจจุดประกายทำให้หุ้นที่เชื่อมโยงกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ขยับตัวสูงขึ้น เช่น ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนํา Contemporary Amperex Technology Co. และผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ LONGi Green Energy Technology Co.

3.) ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา
นักลงทุนส่วนหนึ่งอยู่ในช่วงพิจารณาว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะมีโมเมนตัมแบบใดนอกเหนือจากการประชุมสุดยอดผู้นำจี 20 ไม่ว่าจะมีขั้นตอนในการผ่อนคลายกฎระเบียบส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพราะหากมีการผ่อนคลายกฎระเบียบเหล่านั้นอาจทำให้เงินหยวนหยุดการอ่อนค่าลงได้และตลาดหุ้นก็จะมีแง่มุมเชิงบวกด้วย

‘ปู่ไบเดน’ ตัดสินใจเปิดบัญชี ‘TikTok’ เดินหน้าหาเสียง เจาะกลุ่มวัยรุ่น

(12 ก.พ.67) ผู้นำโลกต่างร่วมวง ‘ติ๊กต็อก’ แพลตฟอร์มมาแรงในหมู่วัยรุ่น และล่าสุดคือ ประธานาธิบดี ไบเดน

โดยเมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.พ.67) ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดี วัย 81 ปี จากพรรคเดโมแครต โพสต์คลิปประเดิมบนบัญชี @bidenhq พูดคุยสบายๆ ในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่การเมืองไปจนถึงเกมนัดชิง NFL

ความเคลื่อนไหวของไบเดนสวนทางกับท่าทีของทางการ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐไม่ว่าจากพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครตล้วนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นของบริษัทจีน ‘ไบต์แดนซ์’ ซึ่งนักการเมืองสหรัฐกล่าวหาว่า ถูกรัฐบาลปักกิ่งใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ แต่ ‘ไบต์แดนซ์’ ปฏิเสธมาโดยตลอด

หลายรัฐในสหรัฐรวมถึงรัฐบาลกลางห้ามใช้แอปติ๊กต็อกบนเครื่องมือของราชการ แต่แม้รัฐบาลกลางไม่ไว้ใจก็ไม่ได้ห้ามหรือควบคุมการใช้แอปเพิ่มมากไปกว่านี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อการเลือกตั้งสหรัฐใกล้เข้ามา ติ๊กต็อกยิ่งเป็นช่องทางให้เข้าถึงวัยรุ่น ไบเดนจึงตัดสินใจใช้แพลตฟอร์มนี้ โดยคลิปเมื่อวันอาทิตย์จบลงที่ประธานาธิบดีตอบคำถามว่า เขาชอบใครระหว่างตนเองกับโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเก็งจากพรรครีพับลิกัน

“ล้อเล่นหรือเปล่า ชอบไบเดนซิ” เจ้าตัวตอบพลางหัวเราะ

‘มะกัน’ โดนแฉ!! เตรียมส่งระเบิด-อาวุธ หนุนอิสราเอลเพิ่ม ขณะ ‘ผู้นำไบเดน’ เล่นบทเรียกร้องหยุดยิงในฉนวนกาซา

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 สำข่าวรอยเตอร์อ้าง หนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา อ้างแหล่งข่าวเป็นเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เปิดเผยว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเตรียมจะส่งระเบิดและอาวุธอื่นๆ ให้กับอิสราเอล ในการเติมคลังแสงทางทหารให้กับกองทัพอิสราเอล ในขณะที่อีกด้านผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องผลักดันให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา

การเสนอส่งมอบอาวุธดังกล่าว รวมถึงระเบิด MK-82 และ ยุทโธปกรณ์โจมตีร่วม KMU-572 ซึ่งเพิ่มการนำวิถีให้กับระเบิด รวมถึงฟิวส์ระเบิด FMU-139 คาดว่าอาวุธเหล่านี้น่าจะมีมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี การส่งมอบอาวุธเหล่านี้ยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบภายในของฝ่ายบริหาร ซึ่งแหล่งข่าวเปิดเผยว่า รายละเอียดในข้อเสนอดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ก่อนหน้าที่รัฐบาลไบเดนจะยื่นต่อประธานคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ของสภาคองเกรส เพื่อพิจารณา ก่อนจะมีการอนุมัติเห็นชอบก่อนการส่งมอบต่อไป

กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ กองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) และ กระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ยังไม่ได้ตอบสนองต่อการร้องขอความเห็นไปของทางรอยเตอร์ เกี่ยวกับรายงานข่าวนี้

ทั้งนี้ ถึงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลไบเดนได้ข้ามการพิจารณาของสภาคองเกรส เกี่ยวกับการขายอาวุธให้กับอิสราเอลไปแล้ว 2 ครั้ง

ขณะที่รัฐบาลไบเดนเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง จากการยังคงจัดหาอาวุธให้กับอิสราเอล ท่ามกลางการกล่าวหาว่าอาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ถูกใช้ในการโจมตีในฉนวนกาซา ซึ่งเข่นฆ่าสังหาร และทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

โดยนับจากอิสราเอลเปิดปฏิบัติการบุกโจมตี ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินถล่มฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้กลุ่มฮามาสที่บุกโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่ผ่านมา ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาแล้วมากกว่า 28,775 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และทำให้ชาวปาเลสไตน์เกือบทั้งหมด จากที่มีทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านคนในฉนวนกาซา ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นหนีภัยสงคราม

ส่วนในอิสราเอลมีผู้เสียชีวิตจากน้ำมือของกลุ่มฮามาสที่บุกเข้ามาโจมตีในวันดังกล่าว จำนวน 1,200 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และยังจับไปเป็นตัวประกันในฉนวนกาซาอีกราว 253 คน โดยได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้วกว่าร้อยคน

‘ไบเดน’ กร้าว!! สหรัฐฯ จะ ‘หยุดส่งอาวุธ’ ให้อิสราเอล หากกองทัพยิวเปิดปฎิบัติการบุกโจมตีเมืองราฟาห์

(9 พ.ค. 67) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ออกมาเตือนอิสราเอลต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก ในวันที่ 8 พฤษภาคม ว่า สหรัฐจะหยุดจัดหาอาวุธให้อิสราเอล หากกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) บุกโจมตีเมืองราฟาห์ ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของฉนวนกาซาที่เต็มไปด้วยผู้ลี้ภัยสู้รบชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1 ล้านคน

“ผมบอกให้ทราบชัดเจนว่า หากพวกเขาเข้าไปในราฟาห์ ผมจะไม่จัดหาอาวุธที่เคยใช้ในอดีตเพื่อให้พวกเขานำไปใช้ในราฟาห์หรือในเมืองอื่น ๆ นั่นคือวิธีที่จะจัดการกับปัญหานั้น” ไบเดนกล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น

ท่าทีดังกล่าวของไบเดนถือเป็นคำประกาศที่แข็งกร้าวที่สุดของเขานับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับในฉนวนกาซาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้ความพยายามที่จะยับยั้งการโจมตีเมืองราฟาห์ของอิสราเอล แต่ก็เป็นการตอกย้ำความแตกแยกที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสหรัฐและชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดในตะวันออกกลาง

ไบเดนยอมรับว่า อิสราเอลได้ใช้อาวุธของสหรัฐเพื่อสังหารพลเรือนในฉนวนกาซา พลเรือนที่ถูกสังหารในกาซาเป็นผลจากระเบิดเหล่านั้นและวิธีการอื่น ๆ ทั้งนี้ คำกล่าวของไบเดนดังกล่าวเป็นการตอบคำถามถึงระเบิดที่มีน้ำหนักรวม 2,000 ปอนด์ที่สหรัฐส่งให้กับอิสราเอล

เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐซึ่งไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า สหรัฐได้ตรวจสอบการส่งมอบอาวุธที่อาจถูกนำไปใช้ในราฟาห์อย่างรอบคอบแล้ว และด้วยเหตุนี้จึงมีการระงับการขนส่งระเบิดน้ำหนัก 2,000 ปอนด์จำนวน 1,800 ลูก และระเบิดน้ำหนัก 500 ปอนด์ จำนวน 1,700 ลูก

กิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ประณามการตัดสินใจของสหรัฐในการเลื่อนการส่งมอบอาวุธให้อิสราเอลออกไป โดยระบุว่าเป็นเรื่องน่าผิดหวังมาก แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อว่าสหรัฐจะยุติการส่งมอบอาวุธต่าง ๆ ให้กับอิสราเอลก็ตาม

การคาดการณ์ของเออร์ดานสอดคล้องกับท่าทีของไบเดนที่ยืนยันขณะให้สัมภาษณ์ว่า สหรัฐจะยังจัดหาอาวุธเพื่อป้องกันตนเองให้กับอิสราเอลต่อไป รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศไอรอนโดมด้วย

“เรากำลังดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่า อิสราเอลมีความปลอดภัยในแง่ของไอรอนโดม และยังคงมีความสามารถในการตอบสนองการโจมตีที่มาจากตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ แต่เราจะไม่จัดหาอาวุธและกระสุนปืนใหญ่ เราจะไม่ทำ เพราะมันผิด” ไบเดน กล่าว

การสัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นของผู้นำสหรัฐในครั้งนี้ถูกเผยแพร่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ออกมายอมรับต่อสาธารณะเกี่ยวกับการตัดสินใจของไบเดน ที่จะระงับการส่งระเบิดหลายพันลูกให้กับอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับราฟาห์ ซึ่งสหรัฐคัดค้านการรุกครั้งใหญ่ของอิสราเอลโดยไม่มีมาตรการปกป้องพลเรือน

'ฮามาส' ขานรับ!! ข้อเสนอใหม่ 'ไบเดน' หยุดยิงใน 'กาซา' ภายใต้ท่าที 'อิสราเอล' ที่ยังอยากกำราบศักยภาพฮามาส

(1 มิ.ย.67) พวกฮามาสขานรับในทางบวก หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯเปิดเผยในวันศุกร์ (31พ.ค.) ว่าอิสราเอลเสนอโร้ดแมปใหม่ที่มุ่งหน้าสู่สันติภาพอย่างถาวรในกาซา พร้อมเรียกร้องนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้ให้ตอบรับข้อตกลงที่น่าประหลาดใจดังกล่าว ระบุ ‘ถึงเวลาแล้วที่ต้องยุติสงครามนี้’

ในการกล่าวแบบจริงจังเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับโร้ดแมปล่าสุดที่ถูกเสนอให้เป็นทางออกของความขัดแย้ง ไบเดนระบุว่าข้อเสนอ 3 ขั้นพร้อมด้วยการหยุดยิงโดยสิ้นเชิงใน 6 สัปดาห์ จะพบเห็นอิสราเอลถอนกำลังออกจากพื้นที่ที่มีประชากรอยู่อาศัยทั้งหมดของกาซา

ถึงเวลาแล้วที่สงครามนี้ต้องยุติลง 'ไบเดน' กล่าวปราศรัยผ่านโทรทัศน์จากทำเนียบขาว อิสราเอลเสนอข้อเสนอใหม่อย่างครอบคลุม มันคือโร้ดแมปสำหรับการหยุดยิงที่ยาวนานและปล่อยตัวประกันทั้งหมด

ไบเดน วัย 81 ปีจากพรรคเดโมแครต ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในสหรัฐฯ ให้หาทางยุติสงครามกาซา ก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาในเดือนพฤศจิกายน ที่เขาต้องต่อสู้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ท่ามกลางการประท้วงตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศและเสียงขุ่นเคืองภายในพรรคของเขาเอง

ประธานาธิบดีรายนี้บอกว่าภาระหน้าที่สำหรับสันติภาพจะตกอยู่บนบ่าของพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ซึ่งเปิดฉากจู่โจมอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน จุดชนวนความขัดแย้งทำลายล้างในกาซา ‘ฮามาสจำเป็นต้องรับข้อตกลง’

อย่างไรก็ตาม ไบเดน เปิดเผยว่าเขาได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู และผู้นำอิสราเอลคนอื่น ๆ เช่นกัน ว่าอย่าปล่อยให้เวลานี้สูญเสียไป โดยบอกว่าปฏิบัติการรุกรานของอิสราเอลกัดเซาะศักยภาพของพวกฮามาสลงไปได้อย่างมากแล้ว ‘ฮามาส ไม่มีศักยภาพการโจมตีแบบเดียวกับ 7 ตุลาคม อีกแล้ว’ ผู้นำสหรัฐฯระบุ พร้อมบ่งชี้ว่าเขาเชื่อว่าอิสราเอลบรรลุเป้าหมายสงคราม และควรลดระดับปฏิบัติการดังกล่าวได้แล้ว

เกี่ยวกับข้อเสนอโร้ดแมป ไบเดน กล่าวว่าในช่วง 6 สัปดาห์ จะรวมไปถึงการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์และโดยสิ้นเชิง ถอนกำลังทหารอิสราเอลออกจากพื้นที่ประชากรทั้งหมดของกาซา ปล่อยตัวประกันจำนวนหนึ่ง ในนั้นรวมถึงพวกผู้หญิง คนชรา ผู้ได้รับบาดเจ็บ แลกกับการปล่อยนักโทษปาเลสไตน์หลายร้อยคน

"จากนั้นอิสราเอลและฮามาสจะใช้เวลา 6 สัปดาห์เหล่านี้ เจรจาหาทางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่ยั่งยืน แต่การหยุดยิงเบื้องต้นจะถูกขยายออกไปหากการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุปและยังคงเดินหน้าต่อไป" ไบเดนกล่าว "ตราบใดที่พวกฮามาสทำตามคำมั่นสัญญาของพวกเขา ตามถ้อยคำในข้อเสนอของอิสราเอล การหยุดยิงชั่วคราว จะกลายมาเป็นการยุติความเป็นปรปักษ์อย่างถาวร" ไบเดนกล่าว

สำหรับขั้นที่ 3 จะเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูที่สนับสนุนโดยนานาชาติ ซึ่งจะใช้เวลานานหลายปี

ฮามาสระบุในวันศุกร์ (31พ.ค.) ว่าพวกเขา มองในแง่บวก ต่อโร้ดแมปของอิสราเอลในการมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิง ที่แถลงโดยประธานาธิบดีไบเดน หลังสงครามในกาซาลากยาวมานานเกือบ 8 เดือน

ถ้อยแถลงของนักรบปาเลสไตน์ระบุว่า ฮามาสพิจารณาในทางบวก ต่อบริบทในคำปราศรัยของไบเดน ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ ในเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงถาวร การถอนกองกำลังอิสราเอลออกจากกาซา การบูรณะฟื้นฟูและแลกเปลี่ยนนักโทษ

คำแถลงของไบเดน มีขึ้นหลังจากความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าในการยุติสงครามต้องมีอันหยุดชะงักลง และมีสัญญาณว่าข้อตกลงอาจดับสนิทตั้งแต่ยื่นให้พิจารณา

เนทันยาฮู กล่าวหลังคำปราศรัยของไบเดน ว่าสงครามในกาซาจะไม่ยุติจนกว่าจะสามารถกำจัดศักยภาพในการปกครองและทำสงครามของพวกฮามาส ขณะที่พวกฮามาส ซึ่งได้รับข้อเสนอในวันพุธ (29พ.ค.) ผ่านคนกลางอย่างกาตาร์ ยืนยันว่าข้อตกลงหยุดยิงใด ๆ ควรเป็นข้อตกลงถาวร

ทางกลุ่มบอกก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ (31 พ.ค.) ว่าได้แจ้งกับพวกคนกลางว่าพวกเขาจะเห็นชอบข้อตกลงหยุดยิงอย่างครอบคลุม ในนั้นรวมถึงแลกเปลี่ยนตัวประกัน หากอิสราเอลระงับปฏิบัติการรุกราน ขณะที่อิสมาอิล ฮานิเยห์ แกนนำฝ่ายการเมืองของฮามาส ที่พำนักอยู่ในกาตาร์ เน้นย้ำว่าข้อเรียกร้องหลักของทางกลุ่ม ในนั้นรวมถึงการหยุดยิงถาวรและอิสราเอลถอนกำลังออกไปทั้งหมด เป็นสิ่งที่ไม่อาจเจรจาต่อรองได้

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ บอกว่าข้อเสนอใหม่ของอิสราเอล แทบจะเหมือนกับที่ ฮามาส เสนอมาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แต่ยอมรับว่ายังคงมีข้อเห็นต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ

ไบเดน ไม่ได้พูดถึงปฏิบัติการจู่โจมของอิสราเอล เล่นงานเมืองราฟาห์ ทางใต้ของกาซา ที่ทางกองทัพอิสราเอลเปิดเผยในวันศุกร์ (31 พ.ค.) ว่าได้เดินหน้าเข้าสู่ใจกลางเมืองแล้ว แม้มีเสียงคัดค้านจากนานาชาติ แต่ ไบเดน ยอมรับว่าชาวปาเลสไตน์ เหมือนตกอยู่ในขุมนรกอย่างแท้จริง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติ ต่อกรณีที่พวกให้การสนับสนุนอิสราเอล นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีนองเลือดในกาซา ทำค่ายผู้ลี้ภัยที่แออัดไปด้วยผู้คน เกิดไฟลุกไหม้ในวันอาทิตย์ (26 พ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 45 รายและบาดเจ็บ 250 คน

กระนั้นทำเนียบขาวบอกในช่วงกลางสัปดาห์ ว่าแม้การโจมตีของอิสราเอลได้ก่อการทำลายล้าง แต่ไม่ถือว่าละเมิดเส้นตายของไบเดน ที่ขีดไว้สำหรับระงับการส่งมอบอาวุธแก่พันธมิตรหลักของสหรัฐฯแห่งนี้

‘ศาล’ ตัดสิน!! ‘ลูกชายโจ ไบเดน’ ทำผิดทางอาญา โทษจำคุกสูงสุด 25 ปี ฐานปลอมข้อมูลเพื่อซื้อปืน

(12 มิ.ย.67) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายวัย 54 ปี ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาทั้ง 3 ข้อหา สืบเนื่องจากการปลอมแปลงเอกสารทางราชการว่าเขาไม่ได้เสพสารเสพติด เพื่อซื้อปืนลูกโม่เมื่อปี 2561 แต่อย่างใด โดยความผิดทางอาญานี้มีโทษฐานจำคุกสูงสุด 25 ปี แต่เขาไม่น่าที่จะได้รับโทษสูงสุดเพราะถือเป็นความผิดครั้งแรก และยังไม่ชัดเจนว่าผู้พิพากษาจะตัดสินให้เขาต้องเข้าคุกด้วยหรือไม่

ด้านประธานาธิบดีไบเดนได้ออกแถลงการณ์หลังจากที่ศาลได้ตัดสินว่าลูกชายของเขามีความผิดจริงว่า เขาเคารพกระบวนการพิพากษาของประเทศและฮันเตอร์กำลังเตรียมการที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป กระบวนการตัดสินของศาลนั้นเสร็จสมบูรณ์ ขณะที่ไบเดนเตรียมกล่าวถ้อยแถลงในเรื่องการลดความรุนแรงจากการใช้ปืน และการยกเลิกข้อกฎหมายว่าด้วยการครอบครองปืนที่ Gun Safety Action Fund องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในรัฐวอชิงตัน ซึ่งนายไบเดนปฏิเสธการกล่าวถึงลูกชายของเขาระหว่างการกล่าวถ้อยแถลงในงานนี้

อย่างไรก็ดี ไบเดนได้เจอกับบุตรชายเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังคำตัดสิน เมื่อเครื่องบินของเขาลงจอดที่วิลมิงตัน ซึ่งเขาได้เข้าไปโอบกอดฮันเตอร์ทันที โดยไบเดนจะใช้เวลาร่วมกับครอบครัวก่อนที่จะออกเดินทางไปร่วมประชุมกับผู้นำจี 7 ที่อิตาลี ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่ตลอดเวลาในการพิจารณาคดี นางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐก็อยู่เคียงข้างฮันเตอร์ตลอดเวลา และยังจับมือของเขาเดินออกจากศาลหลังรับฟังคำพิพากษาด้วย

นอกจากคดีนี้แล้ว นายฮันเตอร์ยังต้องขึ้นศาลที่รัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อต่อสู้กับข้อหาการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายนด้วย

ทั้งนี้ นายเดวิด ไวส์ ซึ่งนอกจากจะเป็นอัยการในคดีนี้ ซึ่งถูกเสนอชื่อในตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐเดลาแวร์โดนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐ กล่าวว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครที่อยู่เหนือกฎหมาย

‘เดโมแครต’ เครียด!! ‘ไบเดน’ สภาพแย่ ‘ดีเบตรอบแรก’ ทั้ง ‘ไอ-เสียงแหบ-พูดซ้ำคำเดิม’ ส่ง ‘ทรัมป์’ ชนะใส

(28 มิ.ย. 67) บลูมเบิร์กของสหรัฐฯ รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแสดงความผิดพลาดมากมายระหว่างการดีเบตรอบแรก ยิ่งเป็นแรงส่งให้เกิดความวิตกมากขึ้นถึงอายุที่สูงวัยของเขาและการที่เขาจะทำให้การหาเสียงประสบความสำเร็จและเอาชนะในการเลือกตั้งปลายปีได้อย่างไร

บนเวทีบลูมเบิร์กชี้ว่า ไบเดนนั้นทั้งไอ เสียงแหบ พูดซ้ำประโยคเดิม หยุดนิ่งไม่ไหวติง และเขายังพูดติด ๆ ขัด ๆ เมื่อกล่าวถึงตัวเลขเป็นต้นว่า จำนวนของงานที่สร้างใหม่ในสมัยของเขา การจำกัดเพดานจำนวนเงินสูงสุดที่ประชาชนอเมริกันต้องจ่ายสำหรับค่ายารักษาโรคและอินซูลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของไบเดนในการให้ได้รับเลือกกลับเข้ามา ซึ่งในสหรัฐฯ ดินแดนเสรีนิยมที่มีค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูง

การแสดงออกของไบเดนซึ่งเป็นที่น่าผิดหวังของไบเดนยิ่งทำให้ฝ่ายพรรครีพับลิกันลิงโลด และกระพือไฟโหมความอ่อนแรงและชราภาพของไบเดนให้ปรากฏ

ทรัมป์ฮุกหมัดใส่ไบเดนระหว่างเขาพลาดในประเด็นผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ

ทรัมป์กล่าวว่า “ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเขาได้พูดอะไรออกมาในสิ่งนี้ และผมไม่รู้ว่าเขารู้หรือเปล่าถึงในสิ่งที่เขาได้เอ่ย”

บลูมเบิร์กรายงานว่า แต่ใช่ว่าทรัมป์จะทำผลงานดี เพราะเมื่อผู้จัด CNN ถามเขาเกี่ยวกับปัญหาโอปิออยด์ (opioid) ที่กำลังทำร้ายอเมริกันชน อดีตผู้นำสหรัฐฯ โบ้ยตอบเรื่องนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัลถูกรัสเซียควบคุมตัวแทน และโกหกคำโตด้วยการกล่าวอ้างบรรดาผู้สนับสนุนกบฏบุกรัฐสภา 6 ม.ค. ปี 2021 นั้นได้รับเชิญให้เดินเข้าไปภายในรัฐสภาสหรัฐฯ

โพลด่วนของ CNN จัดทำโดย SSRS ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ชมการดีเบตส่วนใหญ่ลงความเห็นให้ทรัมป์ชนะเหนือไบเดน

โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ลงทะเบียนและได้ชมการดีเบตรอบแรกคืนวันพฤหัสบดี (27) 67% ต่อ 33% ชี้ว่า ทรัมป์แสดงความสามารถในการดีเบตได้ดีกว่า

ซึ่งก่อนการดีเบต พบว่ากลุ่มผู้ร่วมแบบสอบถามคนเดิมกล่าวว่า 55% ต่อ 45% ที่คาดว่าทรัมป์จะแสดงความสามารถในการดีเบตได้ดีกว่าไบเดน

และโพลด่วนของ CNN พบว่าผู้ชม 8 ใน 10 หรือราว 81% ต่างชี้ว่า การดีเบตไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ส่วนอีก 14% ชี้ว่าการดีเบตทำให้คนเหล่านี้กลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งแต่ไม่เปลี่ยนใจ ส่วนอีก 5% กล่าวว่าเปลี่ยนใจจากผู้สมัครที่ตั้งใจจะเลือกก่อนหน้า

เดอะการ์เดียนชี้ว่า อดีตผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของไบเดน เคท เบดิงฟิลด์ (Kate Bedingfield) แสดงความเห็นต่อผลงานของไบเดนว่า ‘มันเป็นการแสดงความสามารถดีเบตที่น่าผิดหวังของประธานาธิบดีโจ ไบเดน’

ขณะที่อดีตนักวางแผนทางยุทธศาสตร์ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เดวิด แอ็กเซิลร็อด (David Axlerod) กล่าวว่า พวกเดโมแครตพากันวิตกเป็นอย่างมากและกำลังสงสัยว่าประธานาธิบดีไบเดนสมควรไปต่อในการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top