Monday, 21 April 2025
เพื่อไทย

'เจ๊หน่อย' เดือด!! 6 สส.ไทยสร้างไทย โหวต 'อุ๊งอิ๊ง' นั่งนายกฯ ชี้!! ผิดมารยาทในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

(16 ส.ค.67) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก หลัง 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย โหวตเห็นชอบ ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า...

ดิฉัน และผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย ขอยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทย เรามีจุดยืนรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตย และทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่ซื่อสัตย์ต่อเสียงประชาชน และต้องปฏิบัติตามมติของพรรคฝ่ายค้านร่วม 

ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคไทยสร้างไทย ควรมีจิตสำนึกต่อการทำหน้าที่อย่างสุจริต ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภา การลงมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จากพรรครัฐบาลในวันนี้ ถือว่าเป็นการขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย และผิดมารยาทในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

ซึ่งในเวลา 14:00 น. วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคไทยสร้างไทย ที่ขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบในเบื้องต้น

โดยหลังประชุมกรรมการบริหาร จะมีการออกแถลงการณ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ

และต้องกราบขอโทษต่อพี่น้องประชาชนสำหรับการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อเสียงของประชาชน

'สุริยะ' มั่นใจ!! 'อุ๊งอิ๊ง' มุ่งมั่นทำงาน คนไทยฝากความหวังได้ เชื่อ!! บทเรียนในอดีตช่วยให้ไม่พลาด ส่วนอายุน้อยไม่ใช่ปัญหา

(16 ส.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม กล่าวภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับการโหวตจากสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า…

ต้องขอแสดงความยินดีกับนายกฯ คนใหม่ ซึ่งเป็นคนที่ 3 แล้วของคนในตระกูลชินวัตร น.ส.แพทองธารอยู่ในแวดวงการเมืองตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทยแล้ว ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ว่าจะไปไหนก็จะพา น.ส.แพทองธารไปด้วย เชื่อว่า น.ส.แพทองธารได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองมานาน และตอนที่ น.ส.แพทองธาร มาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็มีการสะสมประสบการณ์มาเรื่อย ๆ จึงคิดว่า เมื่อ น.ส.แพทองธารมารับตำแหน่งนายกฯ ในวันนี้ ได้รับเสียงโหวตจากสภาฯ และหลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ อย่างเป็นทางการ ก็เชื่อมั่นว่า น.ส.แพทองธารจะสามารถช่วยประเทศชาติได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ได้อย่างดี

ต่อคำถามที่ว่า แม้ น.ส.แพทองธารจะตามนายทักษิณมานาน แต่ด้วยอายุและประสบการณ์ยังน้อยเกินไปสำหรับการเป็นนายกฯ ที่จะมาบริหารประเทศ นายสุริยะ กล่าวว่า ยุคนี้เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ อย่างนายกฯฝรั่งเศสก็อายุยังน้อย ฉะนั้น คนรุ่นใหม่มีความกระฉับกระเฉง โลกวันนี้ไม่ได้แข่งกันที่ความใหญ่ แต่มันแข่งกันที่ความรวดเร็ว โลกยุคใหม่ คนรุ่นใหม่ จะทำได้ดีมาก ตนเชื่อมั่นอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มองอย่างไรที่คนมองว่า น.ส.แพทองธารอาจจะมีจุดจบทางการเมืองเหมือนกับพ่อและอา นายสุริยะ กล่าวว่า ตนไม่เชื่ออย่างนั้น แต่เชื่อว่า ถ้าตราบใดที่เรามีบทเรียนในอดีตอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีความผิดพลาดอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่า ในอดีตมันมีระบบที่เข้ามาพยายามทำลายระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกครั้งเราก็กลับมาได้ ดังนั้น จึงเชื่อว่า จากบทเรียนที่ผ่านมา นายกฯ คนใหม่จะเอาบทเรียนในอดีตมาพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามซักต่อว่า เรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต ไม่น่าห่วงสำหรับนายกฯ ใหม่ใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า โครงการนี้หลังจากฟอร์มรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางพรรคร่วมรัฐบาลจะมาดูกันอีกทีว่า จะดำเนินการกันอย่างไร 

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มว่า ยังต้องรับฟังความคิดเห็นจากรัฐบาลอีกหรือ ในเมื่อให้ประชาชนลงทะเบียนไปแล้ว นายสุริยะ กล่าวว่า เนื่องจากตอนนี้มีการเปลี่ยนนายกฯ คนใหม่ พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องมาคุยกันอีกครั้ง 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ยืนยันว่าโครงการนี้จะไม่หยุดชะงักกลางคันใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า รอพรรคร่วมรัฐบาลคุยกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ประชาชนฝากความหวังกับนายกฯ คนใหม่ได้ใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร จะมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนก็มั่นใจว่า น.ส.แพทองธาร จะทำหน้าที่ได้ดี ฉะนั้น มั่นใจว่า ประชาชนฝากความหวังไว้ได้

‘คุณหญิงหน่อย’ ติง!! 6 สส.ไทยสร้างไทย โหวต ‘อุ๊งอิ๊ง’ นั่งนายกฯ ผิดจริยธรรมการเป็นฝ่ายค้าน ด้าน ‘ฐากร’ โต้กลับ “จะปล่อยให้ประเทศไม่มีนายกฯ ต่อไปได้อย่างไร?”

จากกรณีที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ด้วยเสียงเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง และงดออกเสียง 27 เสียง

ปรากฏว่า 6 สส. จากพรรคไทยสร้างไทย คือ นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด, นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี, นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ, ​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี, นายหรั่ง ธุรพล สส.อุดรธานี และนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร ที่เคยเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ลงมติเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ คนที่ 31

ต่อมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ต่อกรณี 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย โหวตเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า...

ดิฉัน และผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย ขอยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทย เรามีจุดยืนรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตย และทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่ซื่อสัตย์ต่อเสียงประชาชน และต้องปฏิบัติตามมติของพรรคฝ่ายค้านร่วม 

ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคไทยสร้างไทย ควรมีจิตสำนึกต่อการทำหน้าที่อย่างสุจริต ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภา การลงมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จากพรรครัฐบาลในวันนี้ ถือว่าเป็นการขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย และผิดมารยาทในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

ซึ่งในเวลา 14:00 น. วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคไทยสร้างไทย ที่ขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบในเบื้องต้น

โดยหลังประชุมกรรมการบริหาร จะมีการออกแถลงการณ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ

และต้องกราบขอโทษต่อพี่น้องประชาชนสำหรับการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อเสียงของประชาชน

ทางฟาก นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เราได้มีการประชุม สส.พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้แจ้งมติของพรรคประชาชน ว่าจะโหวตไม่เห็นชอบ เนื่องจากขัดกับหลักประชาธิปไตย และการที่อดีตพรรคก้าวไกลเคยมีเสียงข้างมาก จึงควรเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่ในส่วนพรรคไทยสร้างไทย เรามองว่าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงตกต่ำ และมีชื่อเสนอมาชื่อเดียว หากเราไม่โหวตเห็นชอบในวันนี้ แล้วจะทำอย่างไร

นายฐากรกล่าวต่อว่า หากมีชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาชนเสนอมา อย่างไรพรรคไทยสร้างไทยก็โหวตให้อยู่แล้ว หรือพรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นกัน แต่เนื่องจากไม่มีชื่อแคนดิเดตฯ จากพรรคฝ่ายค้านเลย พรรคไทยสร้างไทยจึงเห็นชอบร่วมกันว่า เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เราจะต้องรออีกนานเท่าไหร่ กว่าจะทูลเกล้าฯ กว่าจะยกร่างนโยบาย ซึ่งเราคาดว่าจะใช้เวลาร่วมเดือนในการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้นหากเราปล่อยไปเรื่อย ๆ ประเทศชาติจะมีความเสียหาย

“เราไม่ได้โหวตเพื่อที่จะบอกว่าจะเข้าร่วมรัฐบาล เราต้องการคิดถึงความเสียหายที่เกิดกับประชาชนและประเทศชาติ” นายฐากรกล่าว

นายฐากรกล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยยังอยู่กับพรรคร่วมฝ่ายค้านเช่นเดิม ดังนั้น การอภิปรายงบประมาณ เราก็จะโหวตไม่เห็นด้วยเช่นเดิม ยืนยันว่าเราโหวตโดยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีการติดต่อกับพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น จะเดินหน้าในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อ

เมื่อถามว่า จะถูกมองว่าเป็นพรรคงูเห่าหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ไม่มี ไม่มีเด็ดขาด เพราะการโหวตไม่ได้เป็นมติพรรค แต่เป็นมติที่ประชุม สส. ทั้งนี้ เราไม่เห็นด้วยที่จะโหวตไม่เห็นชอบ เพราะยึดหลักการว่าต้องมีนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ ยอมรับว่าสื่ออาจพาดหัวข่าวว่าเป็น ‘งูเห่า’

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะทำงานกับพรรคฝ่ายค้านยากขึ้นหรือไม่ นายฐากรปฏิเสธว่าไม่ยาก เพราะจุดยืนเราชัดเจน ส่วนได้พูดคุยกับนายปกรณ์วุฒิหรือยังนั้น นายฐากรกล่าวว่า นายปกรณ์วุฒิได้ให้ตนลงมาพูดคุยกับสื่อมวลชน

เมื่อถามว่า การที่โหวตลักษณะนี้มีผลประโยชน์แลกใช่หรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ไม่มี เราไม่เคยรับผลประโยชน์จากใครทั้งสิ้นในการโหวตครั้งนี้ แม้แต่เก้าอี้รัฐมนตรีก็ไม่เคยพูดคุย จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาพรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคที่เงียบที่สุด แม้จะมีกระแสข่าวว่าเราจะเข้าร่วมรัฐบาล แต่เราก็ยังอภิปรายในสภาอยู่ตลอดเวลา

เมื่อถามว่า หากไม่มีเสียงจากไทย เสียงในสภาก็เพียงพอที่จะให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว นายฐากร กล่าวว่า สส.ในพื้นที่ บอกว่าหากลงคะแนนไม่เห็นชอบ ประชาชนในพื้นที่จะไม่เห็นด้วย เพราะเขาต้องการให้มีรัฐบาลบริหารประเทศ ตนได้ถาม สส.ทุกคนแล้ว ซึ่งเมื่อตนเดินทางถึงสภาในตอนเช้า ก็ได้เรียกประชุม สส. เพื่อแสดงความเห็น ยืนยันว่าเราดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมด

เมื่อถามว่า จะทำให้พรรคไทยสร้างไทยถูกมองว่าไม่มีจุดยืนหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ไม่ ยืนยันว่าเราโหวตตามหลักการของเรา แต่ละพรรคก็มีหลักการของตัวเอง ดังนั้น ถ้าเอาหลักการของพรรคอื่นมาเชื่อมโยงกับเรา ก็เชื่อมโยงไม่ได้

“ย้ำว่าจุดยืนของเราคือสิ่งไหนที่รัฐบาลทำไม่ถูก ก็จะเดินหน้าอภิปราย ทั้งนี้ หากเราโหวตแล้วเสียงแตก นั่นคืองูเห่า ถ้าเราเป็นฝ่ายค้านก็ต้องโหวตเหมือนกัน”

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ไม่ได้คุยกันเลย

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า นายฐากรแตกหักกับคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะอยากไปร่วมรัฐบาล นายฐากรกล่าวว่า ไม่ ตนไม่เคยแตกหัก ใครจะไปกล้าแตกหักกับคุณหญิง แต่ยอมรับว่าไม่ได้พูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ก่อนจะโหวต ก็เราเพิ่งตัดสินใจเมื่อเช้าก่อนโหวต

เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นการลอยแพคุณหญิงสุดารัตน์หรือไม่ นายฐากรร้องโอ๊ย ก่อนกล่าวว่า ใครจะกล้าลอยแพคุณหญิง ไม่มีหรอก ยืนยันว่าไม่ลอยแพ แต่กลัวคุณหญิงจะลอยแพพวกเรา พร้อมย้ำว่าคุณหญิงสุดารัตน์มีความสำคัญต่อพรรคไทยสร้างไทย ดังนั้น เราต้องให้ความสำคัญ เพราะพรรคไทยสร้างไทยคือพรรคที่คุณหญิงสุดารัตน์สร้างมา

เมื่อถามว่า ในอนาคตหากมีการเทียบเชิญ จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า ต้องไปพูดคุยกัน แต่วันนี้ขออยู่ในโลกความเป็นจริง วันนี้เราเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด วันนี้ขออยู่ในโลกปัจจุบัน อย่าเพิ่งอยู่ในโลกอนาคต แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ปิดประตู ขอตอบเพียงว่า ทำหน้าที่วันนี้ให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธารได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เหมาะสมหรือไม่ นายฐากรกล่าวว่า เมื่อผลออกมาแล้วก็แสดงความยินดี เพราะไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดทุกคนก็ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แต่ถึงแม้จะเป็นคนอื่นที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน เราก็ยินดีที่จะโหวต

'ชวน' กรีด!! ใครอยากร่วมรัฐบาล อย่าอ้างคนอื่น ส่วนตนเองย้ำชัด!! ไม่เห็นด้วยร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

(23 ส.ค.67) นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตหัวหน้าพรรคฯ กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ยังไม่มีการแจ้งมาจากกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคตามระเบียบข้อบังคับพรรคฯ จะต้องขออนุมัติจากที่ประชุม สส.และ กก.บห. แต่ทราบว่า มีความพยายามของ กก.บห. และ สส.บางคน ที่อยากจะเข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งเห็นได้จากพฤติกรรมในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ครั้งแรก และตอนลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ จึงเห็นว่า ไม่ควรมาอ้างว่า ประชาชนอยากให้ร่วม หากอยากเป็นรัฐบาลก็ควรพูดตรง ๆ ว่าอยากเป็น

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนตัวยังยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล เนื่องจากเคยไปรณรงค์ให้ประชาชนในภาคใต้ไม่เลือกพรรคเพื่อไทย เพราะถูกเลือกปฏิบัติ ไม่พัฒนาภาคใต้ เนื่องจากคนใต้ไม่เลือก จึงไม่อยากทรยศ แต่หากเสียงส่วนใหญ่มีมติให้เข้าร่วมรัฐบาล ก็ต้องว่ากันไปตามมติของพรรค ไม่มีปัญหา เพราะตนไม่ใช่ตัวปัญหาของพรรค ตนอยู่กับพรรคฯ มาเกือบ 60 ปี มีส่วนร่วมล้มลุกคลุกคลาน ตกทุกข์ได้ยากมาด้วยกัน ฟื้นฟูพรรคจนกระทั่งได้เป็นรัฐบาล

“หากอยากเป็นก็บอกตรง ๆ ว่า อยากเป็นรัฐบาล อย่าไปอ้างคนอื่น เราควรพูดเรื่องจริงว่า เพราะอยากเป็น เราก็ไม่ว่าอะไร และหากมติส่วนใหญ่ให้เป็นเราก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าไปหลอก ไปอ้างเหตุผลอะไรมาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ทำให้คนที่ติดตามเราอยู่จะมีความรู้สึกในทางลบกับพรรคฯ” นายชวน กล่าว

ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลนายชวนจะลาออกนั้น นายชวนกล่าวว่า ตนไม่เคยพูด และตนเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดมาก ซึ่งตนเคยบอกว่า ใครชนะเลือกตั้งได้ที่ 1 เป็นรัฐบาล ตอนนั้นตนแพ้ไป 2 เสียง และรวมเสียงได้มากกว่าด้วยซ้ำ แต่ต้องรักษาคำพูด ตนเป็นนักการเมืองที่อยู่มาได้ เพราะประชาชนเลือก เพราะความเชื่อถือคำไหนคำนั้น อะไรทำได้ก็ทำ อะไรทำไม่ได้ก็บอกตรง ๆ ตนจึงไม่พูดว่าจะลาออกเพราะถ้าพูดต้องลาออก

เมื่อถามว่า นายชวนจะเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่แน่นอน เพราะตนเป็นนักการเมืองตัวจริง ไม่ใช่นักฉวยโอกาส ไม่ใช่นักกินเมือง ไม่ใช่นักปล้นเมืองโกงเมือง ตนเป็นนักการเมืองรู้ในกติกา จึงไม่เป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล แต่จะใช้สิทธิ์โดยชอบธรรมที่มี เช่นกฎหมายที่ดีของรัฐบาลตนก็พร้อมที่จะสนับสนุน ยกเว้นบางเรื่องเช่นหากมีกรณีพฤติกรรมที่ทุจริต หากมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนก็ไม่ควรที่จะยกขบวนกันไปยอมรับสิ่งเหล่านี้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือจุดยืนของพรรคต้องมี ไม่ใช่ว่าอะไรก็ได้ ซึ่งตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลในสมัยของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการไปเจรจา ไม่ได้อยากเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วขอร่วมหน่อย แต่เป็นการร่วมโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้อง แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและประกันรายได้เกษตรกร

“ผมไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว หรือไปอาฆาตแค้นอะไร กับนายกรัฐมนตรีหรือคนในพรรคเพื่อไทย แต่ผมต้องการตอบแทนบุญคุณคนภาคใต้ โดยการทำหน้าที่แทนชาวบ้าน และที่เหนือไปกว่านั้นคือพรรคฯมีเกียรติยศมายาวนาน เราไม่เคยถูกประณามว่าเป็นพรรคอะไหล่ หรือ ถูกกล่าวหาว่า เป็นพรรคที่คอยเสียบ ผมก็รู้สึกเจ็บร้อนแทน และรู้สึกว่าไม่เห็นมีใครออกมาปกป้องพรรค อยากขอร้องว่าหากจะพูดถึง พฤติกรรมคอยเสียบ ขอให้เจาะจงไปที่ตัวบุคคล ที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น เพราะพรรคฯ ไม่ได้ประกอบด้วย สส.เพียง 25 คน แต่ยังมีสมาชิกซึ่งอยู่ข้างนอกอีกจำนวนมาก และคงไม่พอใจกับพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้น แต่คงไม่สามารถทำอะไรได้ สังเกตว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ติดใจที่อยากได้พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลสักเท่าไหร่ แต่ปัญหาคือคนของเราอยากร่วมรัฐบาลมากกว่า” นายชวน กล่าว

สำหรับกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะสูญพันธุ์นั้น นายชวน กล่าวยืนยันว่าไม่สูญ เพราะอย่างน้อยก็น่าจะเหลือตนอีกคน แต่ไม่มั่นใจว่าจะได้รับเลือกเข้ามาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เห็นว่ากก.บห.พรรคชุดนี้ก็มาจากชุดที่แล้ว จึงน่าจะทราบว่า จุดอ่อนอยู่ตรงไหน และยังเชื่อว่า สส.บัญชีรายชื่อในสมัยหน้าน่าจะได้มากกว่าเดิม เพราะจากการลงพื้นที่ เห็นปฏิกิริยาชาวบ้านก็พอจะรู้ว่าหลายคนก็ยังอาลัยและเสียดายพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้ระบบการเลือกตั้งเปลี่ยนไปและคนก็เปลี่ยนไปมาก

นายชวน ยังกล่าวถึง นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรค ประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่ามีนักการเมือง มี 2 ประเภท มีพวกที่พูดเก่ง ชอบตำหนิ แต่ทำงานไม่เก่ง ว่า ตนอยู่สภาฯมากว่า 50 ปี ไม่เคยได้ยินว่าแบ่งกันเช่นนี้ และเห็นว่านายเดชอิศม์เป็นฝ่ายค้านมาเกือบ 1 ปีแทบไม่เคยพูดในสภาฯ เลย หรือจะพูดเพียง 1 ครั้ง ในขณะที่ลูกชายนายเดชอิศม์พูดเก่ง ซึ่งหากพูดอย่างนี้อยากย้อนถามว่าลูกชายทำงานไม่เก่งหรืออย่างไร เพราะลูกชายนายเดชอิศม์อภิปรายงบประมาณได้ดีมาก ตนอยู่สภาฯ มาเคยได้ยินแต่ว่านักการเมือง ที่โกงกับไม่โกง และคนที่เป็นคนอภิปรายได้ดีในสภาฯ เป็นเพราะเตรียมตัวมา ดังนั้นจึงไม่ควรพูดเช่นนี้

นายชวนกล่าวอีกว่า แม้มีความเห็นต่างในการที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ก็ไม่ทำให้พรรคแตก เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยู่มายาวนาน ผ่านอะไรมาเยอะ แต่สิ่งสำคัญคือพรรคต้องมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี

'สส.เพื่อไทย' แฉ 'สส.บางพรรค' ต้นเหตุทำน้ำท่วมภาคเหนือ

(23 ส.ค.6) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล สส.พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ระบุว่า...

"ความสะใจของพวกคุณในวันนั้น คือความเดือดร้อนของประชาชนในวันนี้...

"ไม่ต้องถามว่านายกฯ จะลงพื้นที่น้ำท่วมเมื่อไร? เพราะหากบางพรรคไม่ได้ตัดงบฯ ฝายแกนซีเมนต์ของเพื่อไทยทิ้งทั้งหมดจาก พรบ.งบฯ '67 ก็คงสามารถป้องกันให้น้ำไม่ท่วมจนไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่...ใช่ไหมครับ? #น้ำท่วมภาคเหนือ"

‘เสรีพิศุทธิ์’ น้อยใจ!! ถูกแดกดันรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิต ฟาก ‘อดิศร-เพื่อไทย’ ปลอบ อย่าน้อยใจ เป็นตำรวจ ต้องเข้มแข็ง

(29 ส.ค. 67) ที่พรรคเสรีรวมไทย ย่านบางขุนนนท์ กทม. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส อดีต สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทย กรณีถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า...

"ขณะนี้พรรคเสรีรวมไทย ทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ยังต้องการทำงานให้ประเทศ แต่เมื่อไม่มีโอกาส ก็ขอไปทำงานด้านอื่นก็ได้ จึงได้ประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีมติ 7 เสียง ต่อ 4 เสียง ให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และได้แจ้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผ่านนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่า ขอถอนตัว และจะเป็นอิสระ ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้พรรคได้สร้างผลงาน และปฏิบัติงานตามอุดมการณ์แนวนโยบายของพรรคอย่างเต็มที่และรักษาประโยชน์ประชาชนประเทศชาติ การอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ โดยมารยาทจะไม่สามารถวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลได้ จะอึดอัด ทำอะไรต้องยอมให้เขาเหยียบตลอดเวลา"

เมื่อถามว่า เหตุผลที่ถอนตัวเพราะน้อยใจหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “ผมโกหกใครไม่เป็น ผมน้อยใจ เห็นว่า วันที่ไปประชุมพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ พูดแดกดันว่าพรรคเสรีรวมไทยรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิตแล้ว เผื่อมีโอกาสร่วมงานกับรัฐบาลบ้าง เพราะมีปัญหา เช่น เรื่องตำรวจ ที่รองนายกฯ และรักษาการนายกฯ บอกจะขอดูแลงานตำรวจเอง แบบนี้จะมีปัญหา ทั้งที่ผมเคยเป็น ผบ.ตร.มาก่อน เพราะการดูแลตำรวจไม่ใช่แค่การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจให้เป็นคนของตนเองเท่านั้น แต่ตำรวจต้องมีการปฏิรูปการทำงาน การบริหารจัดการ พรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดทำงานให้ตำรวจเลย คิดแต่จะคุมการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ทำให้ประชาชนขาดศรัทธาตำรวจ”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ช่วงที่นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ตนเคยไปเยี่ยม 5 ครั้ง ช่วงหลังการเลือกตั้งปี 62 ที่ตนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยมีอะไร ตนจัดการให้หมด แม้จะเป็นการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยทำผิดให้เป็นถูก แต่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ สส.เพิ่มขึ้น

“ผมช่วย สส.ของพรรคเพื่อไทยมาตลอด และรัฐมนตรีอีกหลายคน เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ผมมีเสียงเดียว เอาไปเทียบกับพรรคหนึ่งเสียงได้อย่างไร เพราะรู้จักมา 51 ปี เมื่อเขาไม่รู้จักกันแบบนี้ จะให้ผมรู้จักหรอ ถอนตัวดีกว่า” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า นายทักษิณรับปากจะให้ตำแหน่งหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "พูดกับตนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ว่าเป็นหนี้บุญคุณตน ขอให้ไปคิดดู คนที่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจจะมีรุ่นพี่ที่ดูแลนายทักษิณ ตั้งเป็นผู้การ ผู้บัญชาการทั้งหมด แต่ไม่ตั้งตนเลย พูดตลอดเวลาเป็นหนี้ตนเป็นพันครั้งต้องชดใช้ แต่พูดแล้วก็เฉย แม้กระทั่งตอนตนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็พูดว่าต้องตอบแทน แต่ก็เฉย ไม่เป็นไร เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของ น.ส.แพทองธาร จะเอา สส.หรือไม่เอา สส.ก็ได้ เป็นอำนาจนายกฯ แต่ลืมตนทุกที ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร อาจคิดว่า พรรคเสียงเดียว ไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่น ๆ ได้อย่างไร เพราะเข้ามาหวังประโยชน์ แต่ตนต้องการเข้ามาทำงาน หลังจากเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างตนกับนายทักษิณ นายทักษิณก็ไม่โทรมาหา และพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ว่าอะไร โดยยืนยันว่า ตนไปเยี่ยมนายทักษิณ 2 ครั้ง ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจจริง"

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "ที่บอกว่าตน จะไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นฝ่ายค้าน เป็นไปไม่ได้ เพราะตนไม่เอาคณะปฏิวัติ ส่วนจะรอสายตรงจากนายทักษิณติดต่อมาหรือไม่นั้น ไม่มี เขาทำลายพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ อย่างเก่งก็ทำให้เสรีรวมไทยสูญพันธุ์ แต่เราก็มีแค่หนึ่งเสียง การออกมาแถลงข่าววันนี้ ไม่ได้ต้องการสร้างมูลค่าให้ตัวเอง ที่ผ่านมาสมัยตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเสนอเงิน 300 ล้านบาท และให้ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แต่ตนไม่เอา"

เมื่อถามว่า ถ้าตอนนี้มีการต่อรองให้เก้าอี้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงจะเอาหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ไปก็โง่สิ เดินมาขนาดนี้ มันก็รบกันท่าเดียว แน่นอนว่า ขอตัดสัมพันธ์นายทักษิณ คบมา 51 ปีแล้ว ทำได้แค่นี้ จะคบต่อไปทำไม หลังจากนี้ให้รอดู ป.ป.ช.จะเชิญตนไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่า จะต้องติดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ"

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า จะต้องมีภาค 2 ให้ติดตามใช่หรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ขอให้คอยดู เดี๋ยวนักข่าวไม่มีงานทำ"

ต่อข้อถามว่า มองว่า น.ส.แพทองธาร เป็นร่างทรงนายทักษิณหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "สื่อก็รู้ ไม่เห็นต้องถาม ส่วนการกระทำของนายทักษิณ จะเข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ สื่อก็รู้เช่นกัน ขณะนี้นายทักษิณไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ เมื่อไม่ใช่สมาชิกพรรค จะไปแสดงตัวเชิญทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อคืนวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้สนับสนุน น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ไม่ได้ ถือว่าครอบงำพรรค"

เมื่อถามว่า มองอนาคตของพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธาร อย่างไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "อยู่ได้ไม่ถึงปี สั้นกว่านายเศรษฐา จะตายด้วยเรื่องของนายทักษิณเอง รวมถึงเรื่องคดีของ น.ส.แพทองธารด้วย แต่เราคงไม่ถึงขั้นไปยื่นร้อง น.ส.แพทองธาร"

เมื่อถามว่า ประเมินว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเดินเกมแก้แค้นนายทักษิณ อย่างไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ต้องแก้แค้นเต็มที่ แต่ พล.อ.ประวิตรคงสู้ไม่ได้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคตระบัดสัตย์ หลังเลือกตั้งปี 2562 ก็ตระบัดสัตย์ไปร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้มี สส.ลดลงจาก 52 คนเหลือ 25 คนในปัจจุบัน

"ส่วน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยบอกถ้าพรรคแพ้การเลือกตั้งปี’66 จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เลิก ตระบัดสัตย์หรือไม่ ทั้งที่พูดต่อที่สาธารณะ ถามว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ตนมองว่าผิด แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นผู้ตัดสิน ดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังมีสัจจะดีกว่านักการเมือง สำหรับบทบาทของพรรคเสรีรวมไทยต่อจากนี้ จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน สิ่งไหนที่รัฐบาลทำดีก็ไม่คัดค้าน ถ้าทำไม่ดีก็ค้าน และจะดำเนินการฟื้นฟูพรรคในการเลือกตั้งต่อไป ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเชิญให้ร่วมรัฐบาล ก็ไม่เข้าร่วมแล้ว"

เมื่อถามว่า ราคาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องจ่ายในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้คืออะไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ก็จบแล้ว ใน กทม.ก็จบแล้ว"

ภายหลังจากการเปิดใจของหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยจบลง ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลว่า...

"ด้วยความเคารพ โดยส่วนตัวแล้วตนเคารพ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นอย่างยิ่ง เคารพประวัติการต่อสู้ของท่าน คนไทยยกให้เป็นวีรบุรุษนาแก ยังมีผลงานที่ตรึงตาตรึงใจ แต่กรณีที่จะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ทราบว่าเป็นเหตุผลกลใด เพราะ 1-2 วันที่ผ่านมาก็เจอกันอยู่ในวันรับสนองพระบรมราชโองการฯ ไปเจอที่ไหน ท่านก็บอกว่า จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย การตัดสินใจทางการเมืองเป็นเรื่องของแต่ละพรรค แต่ก็อยากจะกล่าวว่ากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า ลองทบทวนคำพูดของท่านในครั้งที่ผ่านมา แล้วไปศึกษาว่า ควรเป็นไปหรือไม่ เราให้เกียรติอย่างสูง โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นรุ่นพี่นักเรียนนายร้อยของหลาย ๆ คน เป็นผู้บัญชาการตำรวจที่มีบทบาท"

“มีคนบอกว่า ท่านออกมาแถลงข่าว เอ๊ะ น้อยใจเพราะเหตุใด เพราะการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีก็ยังไม่สำเร็จ มีคนมาบอกว่า ท่านไม่ได้เป็นรองนายกฯดูแลยาเสพติดหรือไม่ อันนี้ผมก็ยังไม่เชื่อ เพราะโผ ครม.ยังไม่ปรากฏชัด ธรรมดาคนที่จะมาร่วมรัฐบาล แม้มีกี่เสียงก็สำคัญ ในฐานะที่ท่านมี 1 เสียง ได้แก่ นายมังกร ยนต์ตระกูล อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยเก่า คุณมังกรกับคุณเสรีพิศุทธ์ก็ไม่ค่อยลงรอยกัน ไปทบทวนนะครับ อาจจะพูดแรงไป พูดถึงคำว่า นักโทษด้วยนะ ทำไมมาโกรธกันในวันสองวัน อายุมากแล้วอย่าใจน้อย” นายอดิศรกล่าว

นายอดิศร กล่าวว่า "ตนไม่ได้ขออนุญาตใครก่อนลงมาแถลง แต่ดูแล้วมันไม่เหมาะสมกับฐานานุรูป และวัยวุฒิ จึงอยากให้ตัดสินใจใหม่ มาร่วมไม้ร่วมมือกันเพื่อชาติบ้านเมือง เราไม่ได้คำนึงว่าท่านมี 1 เสียง แต่คำนึงถึงศักยภาพของท่าน ท่านไปอยู่ฝ่ายค้านก็ไม่ได้เป็น สส. มีนายมังกรคนเดียวจะไปอยู่กับเขาได้หรือ"

“กลับมาเถอะครับพี่เสรี กลับมานะ กลับมา เดี๋ยวผมจะได้รับถึงพรรคเอง อย่าน้อยใจ เป็นตำรวจพิทักษ์สันติราษฎร์ต้องเข้มแข็ง ยินดีต้อนรับพี่นะครับ พวกเราคงไม่ถือสาอะไร ถือว่าเป็นคำอวยพร” นายอดิศรกล่าว

เมื่อถามว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถอนตัว? นายอดิศรกล่าวว่า "ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน อยากเป็นรองนายกฯ หรือเปล่า แต่จะเป็นได้อย่างไร มีเสียงเดียว"

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวถึงขนาดว่า นักโทษตั้งนายกฯ? นายอดิศร กล่าวว่า "วันตั้งนายกฯท่านก็ไปร่วมอยู่ ตนยังยกมือไหว้ท่าน เดินไปส่งถึงรถตู้ ใส่ชุดขาวด้วย ห่าวมาไม่กี่วันกลายเป็นแบบนี้แล้ว มันจะเสียสัตย์ เสียเกียรติภูมิ"

ส่วนจะกังวลหรือไม่ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะเอาความลับมาเปิดเผย? นายอดิศร กล่าวว่า "ไม่มีความลับ เป็นเรื่องของราชทัณฑ์ ตนกังวลว่าอายุมากแล้ว เราก็ 70 ปีด้วยกันแล้ว อย่าใจน้อย อยู่อีกไม่กี่ปีก็ไปแล้ว"

กรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาแสดงความห่วงใย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องความสุจริตและจริยธรรมในการตั้ง ครม.? นายอดิศร หัวเราะพร้อมกล่าวว่า "ขอบคุณนายไพบูลย์ สงสัยจะฝึกงานเป็นฝ่ายค้าน ลองไปเจรจากับพรรคประชาชนดูว่าเขาให้เป็นฝ่ายค้านด้วยหรือไม่"

เมื่อถามว่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐแตกออกเป็นสองส่วน ในการร่วมรัฐบาล เวลาโหวตในสภาจะเป็นปัญหาหรือไม่? นายอดิศร กล่าวว่า "รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกในการตัดสินใจเดินต่อไป โผ ครม.ก็ไม่ได้มีคนมาจากพรรคพลังประชารัฐเลย ซึ่งหากจะมาโหวตสนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็ไม่ติดใจ พร้อมย้ำว่าการจะไปร้องเรียน เป็นการร้องแบบลูกทุ่งลูกกรุง นึกอะไรได้ก็ไปร้อง ระวังร้องเท็จก็แล้วกัน อยากให้ยุติ เพราะรัฐบาลพักไป 2-3 เดือนก็เสียเวลา เหลืออีกเพียง 3 ปีเอง ขอให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เข้มแข็ง"

"มาประชุมสภาหน่อย ท่านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ" นายอดิศรกล่าวปิดท้าย

‘อดีตผู้พิพากษา’ ไม่ค้าน ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย 'หากทำเพื่อชาติ - ไม่ระราน 112 - มีฝีมือชัดกว่าคนจากพรรคล้มเจ้า'

(2 ก.ย. 67) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า...

“.....เรื่องความคิดเห็นทางการเมืองอาจมีเห็นความแตกต่างกันได้ แต่ไม่ควรจะด่ากันว่าคนที่เห็นต่างกับเราเป็นคนเลวใช้ไม่ได้ ฯลฯ เพราะมันเรื่องของความคิดและเหตุผลของแต่ละคน ผิดถูกอย่างไร อนาคตจะบอกให้รู้เอง

“.....ผมเห็นว่า สภาพปัญหาของบ้านเมืองในปัจจุบัน แตกต่างกันกับเมื่อ 10 กว่าปีก่อนมาก เมื่อก่อนเราไม่เคยมีพรรคการเมืองที่ต้องล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ปัจจุบันมีแล้วดังที่ศาลรัฐธรรมได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567

“.....ถ้าต้องให้เลือกระหว่างที่พรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นยอมเป็นทาสของชาติมหาอำนาจที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกันทั่วโลกตลอดมา และเอาคนที่ไม่เคยทำงานอะไรอันแสดงถึงการมีความรู้ความสามารถมาเป็นรัฐมนตรีและเป็นพรรคการเมืองที่ต้องการล้มล้างการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามความต้องการของชาติมหาอำนาจบางประเทศที่อยากเห็นประเทศไทยปกครองในระบอบการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งจะทำให้เขาเข้าแทรกแซงได้ง่ายไม่เหมือนปัจจุบันที่เขาทำไม่ได้

“.....กับการให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคภูมิใจไทย, พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล แม้โดยหลักการผมจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

“.....แต่เมื่อคิดถึงความมั่นคงของสถาบันมหากษัตริย์ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย, พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนาที่ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นและมั่นคงตลอดมาประเทศไทยต้องมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตลอดไป ทั้งจะไม่ยอมให้มีการแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และถ้ามี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็จะไม่ยอมให้รวมผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 ด้วย

“.....ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว ผมจึงเลือกที่ต้องยอมลืมความเกลียดชังความขุ่นเคืองใจที่มีอยู่ตลอดมาไว้ชั่วคราว ทั้งนี้เพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติและการปกครองของประเทศไทยที่ยังต้องมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่ตลอดไป

“.....ผมจึงต้องทนกล้ำกลืนยอมรับกับการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลของพรรรคการเมืองดังกล่าวข้างต้นครับ"

'วิปรัฐบาล' เตรียมคุยพรรคร่วมฯ จ่อถอนร่างแก้ รธน.รายมาตรา ยัน!! หากเพื่อนไม่เอาด้วย พร้อมถอย ตามวิถีประชาธิปไตย

(25 ก.ย. 67) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ว่าวันนี้ (25 ก.ย.) จะหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ต่อการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รายมาตรา ที่ขณะนี้พบว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่สนับสนุนการแก้ไขรายมาตราในประเด็นตัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรม 

ทั้งนี้ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยได้ยื่นร่างแก้ไขดังกล่าวต่อรัฐสภาแล้ว แต่คงหมวดจริยธรรมไว้ ให้มีอยู่เหมือนเดิม ขณะที่ประเด็นความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ยังคงมีเช่นเดิม แต่กำหนดกรอบปฏิบัติให้ชัดเจน ไม่ใช่แก้ไขเพื่อเป็นข้อหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ดีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยยังอยู่ระหว่างตรวจสอบของรัฐสภา และยังไม่ถูกบรรจุวาระ

“หากเพื่อนไม่เอาด้วย เราต้องไปด้วยกัน ถอยได้ก็ถอย ไม่ใช่เรื่องลำบากใจอะไร เป็นวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย เพราะพรรคเพื่อไทยแค่เสนอยังไม่บรรจุ จะถอนออกมาก็ได้ หรือบรรจุแล้วคาไว้ก็ได้ ทั้งนี้ผมยอมรับผิด เพราะเป็นความต้องการที่จะเสนอร่างรัฐธรรมนูญประกบกับฝ่ายค้านที่เตรียมเสนอเช่นกัน” นายวิสุทธิ์ กล่าว

เมื่อถามถึงข้อเสนอแก้จริยธรรมมีข้อเสนอจากหัวหน้าพรรคใหญ่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริง พรรคประชาชนมาคุยกับตนก่อน ว่ามีแนวคิดแก้ประมวลจริยธรรมออกทั้งหมด ทำให้ตนไปปรึกษากับสส.ในพรรค ว่าเขาขอมาแบบนี้จะเอาด้วยหรือไม่ โดยสส.ในพรรคมองว่ากระแสสังคมอาจไม่ยอมรับหากตัดทั้งหมด เราจึงเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประกบ และกำหนดว่าไม่ได้ตัดประมวลจริยธรรม และก่อนเสนอได้ถามผู้ใหญ่ในพรรค ว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งนายภูมิธรรมม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ฐานะผู้ใหญ่ในพรรค บอกว่ามีหลายพรรคบอกมาว่าควรแก้แบบนั้นแบบนี้ ซึ่งตนถือวิสาสะไปเอง โดยไม่ได้ฟังรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งตนอาจฟังแล้วแปลความหมายผิด ไม่ได้ถามว่าหัวหน้าพรรคคนไหนที่พูดในวันที่เข้าเฝ้าฯ เมื่อได้รับสัญญาณจึงรีบทำ 

นายวิสุทธิ์ กล่าวย้ำว่า ตามขั้นตอนของการเสนอร่างกฎหมาย หากฝ่ายค้านเสนอแล้ว แต่ไม่มีฉบับประกบ จะทำให้มีร่างกฎหมายเฉพาะฝ่ายค้าน บางเรื่องเขาทำมาเป็นเชิงบวกกับเขาจะมัดเราเต็มที่ ดังนั้นการยื่นจึงเป็นการเสนอร่างกฎหมายประกบ โดยยืนยันว่าไม่ตัดประมวลจริยธรรม

เมื่อถามว่าการถอยครั้งนี้ทางการเมืองเสียหายหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า “อย่าคิดว่าเสียหาย หากไม่ถูกต้อง ไม่ถูกใจ ไม่ถูกเวลา ถอยกันได้ ผมยอมรับผิดเพียงผู้เดียวว่าตัดสินใจไวไป ฟังผู้ใหญ่แต่ไม่ได้ฟังรายละเอียดข้อเท็จจริง ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ตัดหมวดจริยธรรมเลย หากจะด่ามาด่าที่ผม ผมรับได้”

‘อดิศร’ แจงปม ‘เพื่อไทย’ ถอยแก้ไข รธน. ปมมาตรฐานจริยธรรม ชี้!! ต้องรับฟังทุกฝ่าย และประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่ที่ ‘ประชาชน’

(25 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราเกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรมนักการเมือง ว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประชุม สส.ของพรรคเพื่อไทยมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรม เพราะทำเพื่อพวกพ้องของตนเอง การแก้ไขจริยธรรมเป็นเรื่องที่เปราะบางอ่อนไหว ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยต้องรับฟังความเห็นของประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล จึงคิดว่าหลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะถอยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มองว่าไม่ได้เป็นมาตรการเร่งด่วน แต่การแก้ไขมรดกบาปจากการรัฐประหารจึงคิดว่าจะต้องแก้ไขทั้งฉบับโดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ขึ้นมายกร่างทั้งฉบับ ตอนนี้พรรคเพื่อไทยถอยก่อนเพื่อดำเนินการตามนโยบายเศรษฐกิจที่เร่งด่วน เช่น การแก้ไขเรื่องน้ำท่วม เรื่องปากท้อง และเรื่องยาเสพติดในชุมชน 

“อยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยฟังพรรคแกนนำ โดยเรื่องนี้ก็ริเริ่มโดยพรรคแกนนำเอง แต่เมื่อได้รับฟังความเห็นสาธารณะคิดว่าการแก้ไขเรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องที่ผลประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่ที่ประชาชน พรรคเพื่อไทยจึงรับฟังความเห็นดังกล่าว” นายอดิศร กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับจริยธรรมจะถอยเลยหรือชะลอไว้ก่อน นายอดิศร กล่าวว่า "ตอนแรกเราคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะคิดเหมือนกัน แต่เมื่อได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ว่าจะจากพรรคภูมิใจไทยหรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ต้องให้เกียรติกัน"

เมื่อถามว่า ไม่เสียหน้าใช่หรือไม่? นายอดิศร กล่าวว่า "เรื่องรัฐธรรมนูญไม่มีการเสียหน้า"

เมื่อถามว่า สรุปแล้วพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เสนอเป็นพรรคแรกใช่หรือไม่? นายอดิศร กล่าวว่า "เราต้องฟังความคิดเห็นทุกพรรค ไม่อยากบอกว่าใครเป็นผู้ริเริ่มเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีบางคนบอกว่าเรื่องการตรวจสอบจะไปกลัวทำไม ซึ่งตนเห็นด้วยในส่วนที่หากจะเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ต้องมีการตรวจสอบ เพราะการเมืองต้องการคนที่ไม่มีภาระ และสิ่งที่ขัดต่อคุณสมบัติ ฉะนั้น จึงควรชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อนและรอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะหลังจากนี้จะต้องมีการทำประชามติ หากแก้ไขเป็นบางมาตราจะเสียเงินงบประมาณมากขึ้นโดยที่ไม่จำเป็น"

เมื่อถามย้ำว่า การแก้ไขรายมาตราเราจะไม่ทำแล้ว รอทำทั้งฉบับเลยใช่หรือไม นายอดิศร กล่าวว่า "ต้องฟังเสียงประชาชน เพราะเรื่องจริยธรรมต้องมีความเห็น 2 ฝ่าย อีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นการลงมติเพียงเสียงข้างมาก 1 คนก็ทำให้เปลี่ยนแปลงได้ แต่จะมีการเปลี่ยนเป็น 2 ใน 3 แต่ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจไปขัดกับความรู้สึกของคนบางกลุ่ม ก็ต้องรับฟัง แม้จะไม่แก้เรื่องจริยธรรมก็สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้" 

เมื่อถามว่า เรื่องจริยธรรมที่บอกว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลอื่นเป็นคนริเริ่ม พอจะเปิดเผยได้หรือไม่? นายอดิศร กล่าวว่า "ต้องไปถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ก็ไม่เป็นอะไรเรื่องรัฐธรรมนูญก็รอไว้ก่อน ส่วนเรื่องน้ำท่วม ปากท้องประชาชนน่าจะสำคัญกว่า"

‘รวมไทยสร้างชาติ’ สวนกระแส ย้ำ จุดยืนไม่นิรโทษมาตรา 112 เด็ดขาด ‘เพื่อไทย’ ไร้ข้อสรุปโยนประชุมวิปรัฐบาลอีกรอบ ด้านพรรคอื่นยังสงวนท่าที

(16 ต.ค. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรประจำสัปดาห์นี้คงไม่มีเรื่องไหน วาระไหนที่จะสำคัญไปกว่าการเสนอรายงานของคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่ในเนื้อในมีการให้ความเห็นถึงการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญารวมอยู่ด้วย 

THE STATES TIMES ได้ทำการสำรวจความเห็นจากทุก ๆ พรรค และทุกฝ่ายทางการเมือง ดูเหมือนหลาย ๆ พรรคพยายามสงวนท่าที แต่หนึ่งพรรคแม้จะอยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนนั้นคือพรรครวมไทยสร้างชาติ

‘อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาแถลงหลังจากการประชุมพรรค ย้ำชัด ๆ ว่า

พรรครวมไทยสร้างชาติจึงขอสงวนสิทธิ์ที่จะมีมติงดออกเสียงในการลงมติรายงานฉบับดังกล่าว ทั้งในชั้นการรับทราบ และการเห็นชอบรายงานฉบับดังกล่าวเพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ

ด้วยเหตุผลว่าเป็นการยืนยันในมติเดิมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า จะไม่เห็นชอบในรายงานฉบับดังกล่าว เนื่องจากไม่มีความสมบูรณ์ ขาดข้อสรุปที่ชัดเจน ดังที่เคยได้แจ้งไปเมื่อมีมติพรรครวมไทยสร้างชาติในวันที่ 26 กันยายน 2567 ซึ่งในครั้งนี้รายงานที่พิจารณาก็ยังมีเนื้อหาเช่นเดิม

นอกจากนี้นายอัครเดชยังมีการย้ำจุดยืนและหยิบยกเอาอุทาหรณ์ข้อเท็จจริงที่เคยเกิดมาแล้วออกมา 

จุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติชัดเจนว่าจะต้องไม่มีการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามมาตรา 112 โดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐและละเมิดต่อสถาบันหลักของชาติ

หากจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่รวมเอาผู้กระทำความผิดมาตรา 112 ด้วยแล้วมีความเสี่ยงว่าการกระทำดังกล่าวจะละเมิดต่อกฎหมาย เช่นที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเรื่องในทำนองเดียวกันมาแล้ว 

ขณะที่อีกฟากฝั่งทางการเมืองพรรคประชาชน โดยนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สมาชิกสภาผู้แทนแบบบัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคออกมาแถลงว่า พรรคยังยืนยันในการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดมาตรา 112 

ท่ามกลางบรรยากาศที่ขมุกขมัว ทำให้พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลยังคงวุ่น จับต้นชนปลายไม่ถูก การประชุมพรรคที่นำโดยสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค ยังหาข้อสรุปในเรื่องรายงานนิรโทษกรรมไม่ได้ 

โดยที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติให้นำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล ที่จะจัดขึ้นในวันนี้(16 ต.ค. 67)เพื่อหาข้อสรุป 

เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการเมืองไทยในอนาคต เนื่องจากรายงานฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการตรากฎหมายนิรโทษกรรมในอนาคต ว่าจะรวมเอาผู้กระทำความผิดตามมาตรา 112 อยู่ในการนิรโทษกรรมหรือไม่

ผู้ที่สนใจการเมืองไทยกรุณาติดตามโดยพลัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top