Sunday, 20 April 2025
เชียงใหม่

เชียงใหม่-คณะแพทยศาสตร์ มช. แถลงข่าวสื่อมวลชน โชว์ผลงานเด่นในรอบปี 2567

คณะแพทยศาสตร์ มช. จัดงานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำปี 2567ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 65 ปี คณะแพทยศาสตร์ มช. ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่แสดงถึงบทบาทและความก้าวหน้าของคณะฯ ในการเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย โดยมีการนำเสนอข้อมูลและความสำเร็จในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งแนวทางการพัฒนาในอนาคต ภายใต้ความร่วมมือของ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ศูนย์ศรีพัฒน์ และ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ)นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “คณะแพทยศาสตร์ มช. มีผลงานเด่นที่สร้างความภาคภูมิใจทั้งในด้านวิชาการ การวิจัย และการให้บริการสุขภาพ และเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์ในภาคเหนือ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาวิชาการ วิจัย การผลิตบุคลากรทางการแพทย์ และการบริการสุขภาพ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนและสังคมในทุกมิติ โดยได้กำหนดทิศทางและแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ผ่านนโยบายหลักที่สำคัญ 

ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพด้านการศึกษาโดยเสริมสร้างหลักสูตรแพทยศาสตร์ให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของสังคมสนับสนุนการเรียนรู้แบบบูรณาการและใช้เทคโนโลยี AI ในการศึกษาการแพทย์ สร้างบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและจริยธรรม ส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ ผลักดันงานวิจัยที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เพิ่มโอกาสความร่วมมือด้านวิจัยในระดับนานาชาติผ่านศูนย์วิจัยระดับมาตรฐานโลก พัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพของประชาชน ยกระดับคุณภาพการบริการทางการแพทย์ ปรับปรุงโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ 

และศูนย์ศรีพัฒน์ ส่งเสริมศูนย์ความเป็นเลิศ (Centers of Excellence) ให้มีความทันสมัย มีนโยบายการรักษาเฉพาะทางที่มีความซับซ้อนสูง และขยายบริการทางการแพทย์ให้เข้าถึงชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ด้วยคุณภาพระดับมาตรฐานสากล  ยกระดับชื่อเสียงของคณะแพทยศาสตร์ มช. สู่ระดับโลก พัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อต่อยอดพันธกิจหลักทั้งการศึกษา การวิจัย และการบริการ ในปี 2567 คณะแพทยศาสตร์ มช. ได้ขับเคลื่อนโครงการเชิงรุกต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การเปิดตัวเทคโนโลยีขั้นสูงทางการแพทย์ใหม่ในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ความสำเร็จของศูนย์วิจัยที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ การเพิ่มจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านโครงการพัฒนาบุคลากร และในปี 2568 จะมีแผนสร้างเครือข่ายด้านสุขภาพระดับภูมิภาคที่มีศูนย์กลางในเชียงใหม่ ผลักดันการวิจัยที่ต่อยอดเชิงพาณิชย์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในระบบสาธารณสุข เพื่อขยายบทบาทของคณะแพทยศาสตร์ มช. ในฐานะผู้นำด้านสุขภาพของประเทศไทย และเดินหน้าสร้างความเป็นเลิศในทุกด้านเพื่อประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติต่อไป”

จากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้คณะแพทยศาสตร์ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจและผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์กรต่างๆระดับนานาชาติ ได้แก่ รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ Thailand Quality Class+ (TQC+customer 2024)  The Best Quality Leadership Award 2024 จากองค์กร European Society for Quality Research ,รางวัล Certificate of Merit in Faculty Development 2024 , รางวัลนวัตกรรมการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ปี 2023และ2024 , Thailand Social Award 2024 , รางวัลสถานศึกษาปลอดภัย ประจำปี 2567 ระดับดีเด่น , การรับรองมาตรฐาน HAIT level 2 ,การรับรองมาตรฐานสากล ด้านความ มั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO/IEC และ Nursing Quality Assessment Award (NQA Award) 2024 โดยการได้รับรางวัลดังกล่าว เป็นหลักฐานสร้างความมั่นใจ ในการเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจ ของคณะแพทยศาสตร์ มช. 

รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า “จากจำนวนผู้รับบริการของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในปี 2567 โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ปรับปรุงพื้นที่ให้บริการของโรงพยาบาล โดยได้ปรับปรุงอาคารสุจิณฺโณ อาคารผู้ป่วยและอาคารที่เกี่ยวข้องได้แก่ หอผู้ป่วยสามัญ ชั้น 3,4,5,6,7,8,9,11 และหอผู้ป่วยพิเศษ ชั้น 12,13,14 อาคารสุจิณฺโณ , ห้องประชุมชั้น 15 สุจิณฺโณ , พิพิธภัณฑ์หลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” , โถงชั้น 1 สุจิณฺโณ , ห้อง ICU ออร์โทปิดิกส์ ชั้น 4 , ศูนย์โรคทางเดินอาหาร ชั้น 2 , ห้องพิเศษ Palliative Care ชั้น 3 , ห้องผ่าตัดศัลยกรรมชั้น 2 อาคารผ่าตัด , ห้องผ่าตัดสูตินรีเวช ชั้น 3 , ห้องฉุกเฉิน One Stop Service , ห้องสวนหัวใจและหลอดเลือดและห้องเอ็มอาร์ไอหัวใจ , ปรับปรุงท่อแนวดิ่ง-ส่วนอาคารห้องงานระบบไฟฟ้า ดับเพลิง และห้องเก็บก๊าซทางการแพทย์และท่อลมขนส่ง 105 สถานี ทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มุ่งเน้นการเป็นโรงพยาบาลในดวงใจ เพื่อคุณภาพและการให้บริการที่เป็นเลิศระดับมาตรฐานสากล

ด้านศูนย์ศรีพัฒน์ โดย ผศ.นพ. กสิสิน กลั่นกลิ่น รองผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ ผู้แทน ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ เปิดเผยว่า “การให้บริการที่เพิ่มขึ้น ของปี 2567 ที่ผ่านมา ได้แก่การเพิ่มบริการคลินิกสูตินรีเวช เพิ่มบริการ O-shot PRP เพื่อฟื้นฟูสุขภาพและความมั่นใจของผู้หญิงด้วยเทคโนโลยี PRP (Platelet Rich Plasma) ,Wound Center เพิ่มบริการรักษาบาดแผลเรื้อรังด้วยเทคโนโลยี Vacuum Dressing ที่ช่วยเร่งกระบวนการหายของบาดแผล , Sleep Clinic เริ่มให้บริการ Home Sleep Test ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจการนอนหลับที่สามารถใช้งานได้ที่บ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วย 

สำหรับแผนการเพิ่มบริการใหม่ในปี 2568  ห้องผ่าตัด (Operating Room - OR) นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยลดความเสี่ยงระหว่างการผ่าตัด เช่น ระบบนำทางผ่าตัด (Surgical Navigation) หรือเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง ,Wellness Center เพิ่มบริการที่ตอบโจทย์การดูแลรูปร่างและสุขภาพ ได้แก่ เทคโนโลยีกระชับสัดส่วน การฟื้นฟูภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ,Resuscitation Unit วางแผนขยายพื้นที่ให้บริการสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน และจัดตั้ง ทีมฉุกเฉินเคลื่อนที่เร็ว เพื่อตอบสนองกรณีฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แผนดังกล่าวมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ป่วยด้วยการใช้เทคโนโลยีและการบริการที่ทันสมัย”

รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ เปิดเผยว่า “ผลงานตลอดการดำเนินงานระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 – 2568 ภายใต้การนำทีมบริหาร โดยการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ 4 ข้อ ได้แก่ ความเป็นเลิศด้านสุขภาพ การวิจัยและนวัตกรรม ความเป็นเลิศด้านบริการวิชาการ และความเป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรและผลลัพธ์ สำหรับด้านความเป็นเลิศด้านสุขภาพ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการโดยที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นสำคัญ และยกระดับการให้บริการให้มีมาตรฐานตามมาตรฐานสากล ตั้งศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุมีปริมาณผู้รับบริการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ไม่ทั่วถึง มีระยะเวลาการรอตรวจนาน  มีปัญหาตามจุดบริการต่างๆ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์จึงจัดตั้งศูนย์บริการผู้ป่วย หรือ Customer Service Center ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆแบบครบวงจร ซึ่งภายในศูนย์บริการผู้ป่วยประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่เวชระเบียน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ และพยาบาลวิชาชีพ โดยจะทำหน้าที่ให้ข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ ลงทะเบียนตรวจ ออกใบนัดตรวจ รับข้อร้องเรียนการให้บริการ ประสานงานเรื่องในกรณีคนไข้ที่ไม่สะดวกเดินทางมาโรงพยาบาล เช่น ส่งยาทางไปรษณีย์ เจาะเลือดที่บ้าน (Mobile LAB) และเยี่ยมคนไข้ที่บ้าน (Home visit)  รวมไปถึงคัดกรองอาการของผู้รับบริการเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับการดูแลที่ทั่วถึง สะดวกสบาย รวดเร็วและเข้าถึงการบริการมากยิ่งขึ้น สามารถทำการติดต่อสอบถามได้ทั้งโทรศัพท์ ข้อความเฟสบุ๊ค และแอปพลิเคชันไลน์ ยกระดับการให้บริการให้มีมาตรฐานสากลผ่านการรับรองมาตราฐาน HA ขั้น 3 อาคารเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ,ผ่านการรับรองจาก สรพ. โปรแกรมการดูแลภาวะทางเดินหายใจ การอุดกั้นขณะหลับ (OSA) (ศูนย์วิเคราะห์สุขภาพการนอนหลับ) ,ผ่านการรับรองการพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาลเฉพาะโรค หรือเฉพาะระบบคลินิคเบาหวานครบวงจรสําหรับผู้สูงอายุ (PDSC DM)  ,ผ่านการรับรองมาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร SAN Plus “สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน” มาตรฐานสุขาภิบาลอาหารภายใต้วิถีใหม่แบบยกระดับรับรองโดยสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่ ,ห้องปฏิบัติการผ่านการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO 15190: 2020 และ ISO 15190: 2003จากสำนักมาตรฐาน ห้องปฏิบัติการ กระทรวงสาธารณสุข ,ผ่านการเยี่ยมสำรวจขององค์กรวิชาชีพเภสัชกรรมโรงพยาบาล ระบบยาและงานเภสัชกรรม จากสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย)

คณแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ในการผลิตบัณฑิตแพทย์ สร้างสรรค์งานวิจัย และดูแลผู้ป่วยด้วยมาตรฐานสากล ตลอด 65 ปี เรามุ่งมั่นในการเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจ เพื่อยกระดับสุขภาวะของมวลมนุษยชาติด้วยความเป็นเลิศทั้งการศึกษา การวิจัย และการบริการ ภายใต้เกณฑ์รางวัลคุณภาพระดับมาตรฐานสากล

เชียงใหม่-มอบเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท ให้แก่ ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ ตามโครงการ “ทำดีมีรางวัล” 

วันที่ 1 มกราคม 2568 เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เป็นตัวแทนมอบเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท ให้แก่ ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ ตามโครงการ “ทำดีมีรางวัล” ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนและเสียสละ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือให้แก่องค์กรตำรวจ

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 เวลา 00.30 น. ร.ต.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ใจ รอง สว.(ป.) สภ.เมืองเชียงใหม่ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่กำลังจะปล่อยโคมลอยบริเวณประตูท่าแพ จึงเข้าประชาสัมพันธ์ข้อห้าม แต่เกิดความเข้าใจผิดจนมีการโต้เถียงกัน

ภายหลังประสานล่ามช่วยสื่อสาร นักท่องเที่ยวเข้าใจและแสดงความเสียใจที่ไม่ทราบข้อห้ามมาก่อน เจ้าหน้าที่เห็นว่าไม่มีเจตนาละเมิดกฎหมาย จึงไม่ดำเนินคดี และเหตุการณ์จบลงด้วยความเข้าใจ ไม่มีผู้บาดเจ็บ

เชียงใหม่-สภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ตำรวจ ตม.เชียงใหม่ บูรณาการกำลัง ติดตามนักท่องเที่ยวเหตุปล่อยโคมลอยลานท่าแพ 

ตามข่าวที่ปรากฎตามสื่อโซเชี่ยล เหตุนักท่องเที่ยวต่างชาติได้พยายามปล่อยโคมลอยในพื้นที่บริเวณลานประตูท่าแพ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ห้ามปล่อยโคมลอยเนื่องจากอาจจะเกิดเพลิงไหม้ บ้านเรือนประชาชนซึ่งพักอาศัยอยู่จำนวนมาก ในเขตพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่

ซึ่งหลังจากเป็นเหตุเกิดขึ้น จนท.ตำรวจ ได้ติดตามนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว จนทราบตัวว่าเป็นใคร จึงได้ประสานติดต่อและเชิญตัวมายัง สภ.เมืองเชียงใหม่ 

ทราบชื่อว่า นายฮิราโนะ อายุ 31 ปี สัญชาติญี่ปุ่น จากการสอบสวน นายโทโมะ ได้เดินทางมาเที่ยวกับครอบครัวเพื่อร่วมงาน Count down 2025 ณ ลานท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ โดยเข้ามาเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 68

ซึ่งตนตั้งใจเดินทาง มางานดังกล่าวกับครอบครัว หลังงานเค้าดาวน์ เสร็จ เวลาประมาณ 00.30 น. ตนจึงได้นำโคมลอยมาจุด บริเวณด้านข้างลานท่าแพเพราะเข้าใจว่า เขตห้ามปล่อยคือบนลานเท่านั้นแต่ขณะกำลังจะปล่อย ได้มี หมวดทวีศักดิ์ฯ มาตรวจพบและห้ามปราม แต่ตนติดว่าจุดนี้ปล่อยได้ จึงได้เกิดอารมณ์โมโหและแสดงกริยาที่ไม่ดีออกไป ตามที่เป็นข่าว หลังจากนั้นได้มีล่ามเข้ามาอธิบายให้ฟัง ตนจึงเข้าใจว่าเป็นเขตพื้นที่ห้ามปล่อยโคม จึงได้กล่าวขอโทษ ผู้หมวดทวีศักดิ์ฯ และได้แยกย้ายจากจุดเกิดเหตุในคืนดังกล่าว

ต่อมา จนท.ตำรวจ ได้ติดต่อตนเข้ามาและนายฮิราโนะ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยากเข้าพบและขอโทษ หมวดทวีศักดิ์ฯ ด้วยตนเองอีกครั้ง จึงได้ติดต่อเดินทางเข้ามา พบ พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อขอพบผู้หมวดทวีศักดิ์ฯ ในเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันเดียวกันนี้ 

โดย ผู้หมวดทวีศักดิ์ฯ ได้ยอมมาพบและรับคำขอโทษ และไม่ได้ติดใจเอาความ นายฮิราโนะ แต่อย่างใด 

แต่ความผิดอาญา อีกส่วนหนึ่ง จนท.ตำรวจ พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของนายฮิราโนะฯ มีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติตามหน้าที่ 

จนท.ตำรวจ จึงได้อธิบายให้นายฮิราโนะฯ ทราบถึงข้อหาความผิดดังกล่าว ซึ่งนายฮิราโนะฯ เข้าใจและให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวน จึงทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวน 3,000 บาท 

นายฮิราโนะฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าตนขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับผิดตามกฏหมาย และหากมีโอกาสจะกลับมาเที่ยวประเทศไทย อีกแน่นอน เพราะชอบแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย และรับปากว่าไม่แสดงพฤติกรรมแบบนี้อีกเด็ดขาด

เชียงใหม่-ช่างฟ้อนกว่า 500 คน ฟ้อนเล็บ“อัตลักษณ์แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี”ถ่ายทำ VTR

การถ่ายทำ VTR ฟ้อนเล็บ“แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ” ในครั้งนี้มี แม่ครู ผู้นำหน่วยงาน ช่างฟ้อน และประชาชนเข้าร่วมการถ่ายทำกว่า 500 คน เพื่อประชาสัมพันธ์งานเฉลิมฉลอง สมโภชเชียงใหม่ อายุ 729 ปี 

วันเสาร์ที่ (4 ม.ค. 68) สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ โดยคุณวรัญญา เลิศวรกิจพิพัฒน์ นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยดร.พิทักษ์ กาวีวน รองศึกษาธิการ จ.เชียงใหม่ เจ้าวันเพ็ญ ณ เชียงใหม่ ตัวแทนสภาวัฒนธรรม จ.เชียงใหม่ นายภูธาดล ธีรอธิยุต รองผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ แถลงข่าว ภายหลังเสร็จสิ้นการถ่ายทำ VTR งานฟ้อนเล็บอัตลักษณ์ สมโภช 729 ปี เชียงใหม่ โครงการ สมโภชเชียงใหม่ 729 ปี “นครเชียงใหม่เมืองแห่งความสุขด้วยวิถีวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน” ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่

คุณวรัญญา เลิศวรกิจพิพัฒน์ นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่  กล่าวว่า สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ ,องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ,วัฒนธรรม ,สภาวัฒนธรรม,ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ,องค์กรเครือข่ายวัฒนธรรมอำเภอทุกอำเภอจังหวัดเชียงใหม่ และ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ได้ถ่ายทำวิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์  ฟ้อนเล็บอัตลักษณ์แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี โดยในครั้งนี้มีแม่ครู ผู้นำหน่วยงาน ช่างฟ้อน และประชาชน เข้าร่วมการถ่ายทำกว่า 500 คน เพื่อประชาสัมพันธ์งานเฉลิมฉลอง สมโภชเชียงใหม่ อายุ 729 ปี ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ 

การถ่ายทำวิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี"นครเชียงใหม่เมืองแห่งความสุขด้วยวิถีวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน" ที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 18-20 เมษายน 2568 ณ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และบริเวณรอบคูเมืองด้านใน ได้แก่ ประตูช้างเผือก ประตูท่าแพ ประตูเชียงใหม่ ประตูสวนปรุง ประตูสวนดอก 

นอกจากนี้ ในวันที่ 19 เมษายน 2568 ยังมีการจัดพิธีมหามงคลบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายบูรพกษัตริย์ และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ร่วมทำบุญตักบาตร พระภิกษุสงฆ์สามเณร 729 รูป พิธีบวงสรวงถวายบูรพกษัตริย์ และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ตามแบบประเพณีล้านนา พิธีถวายสักการะโดยจัดขบวนแห่เครื่องราชสักการะตามแบบประเพณีล้านนา รวมถึงขบวนฟ้อนเล็บอัตลักษณ์ แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เพื่อถวายและเฉลิมฉลองเมืองเชียงใหม่ เป้าหมาย ผู้เข้าร่วมฟ้อนเล็บอัตลักษณ์เชียงใหม่ จำนวน 19,901 คน จากประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ สู่บริเวณพิธี

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดนิทรรศการ และการแสดงเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ล้านนาระหว่าง วันที่ 18-20 เมษายน 2568

นภาพร/เชียงใหม่

‘พิธา’ บุก!! ตลาดบ้านเกิด ‘ทักษิณ’ ช่วยหาเสียง นายกฯ อบจ.เชียงใหม่ เชื่อ!! ฐานเสียงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย ขอปชช.ช่วยทำครอบครัวส้มใหญ่ขึ้น

(12 ม.ค. 68) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ลงพื้นที่ช่วยนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ช่วงเช้าไปหาเสียงที่ตลาดอุ๊ยทา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายพิธา เดินตลาดพบปะพี่น้องประชาชน ถือโทรโข่งปลุกใจด้วยการขานเบอร์ผู้สมัครเสียงดัง พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องชาวสันกำแพงที่ไม่เคยลืมพวกเรา พวกเราจะไม่ลืมชาวสันกำแพงแน่นอน

จากนั้น นายพิธา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ต้องมาที่นี่ เพราะเป็นเขต สส. พรรคเรา ตนยังนึกถึงความไว้วางใจที่พี่น้องชาวสันกำแพงมอบให้มา ยังจำได้อยู่ ภาพที่เห็นก็เป็นครอบครัวก้าวไกล-ประชาชน เป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น

“ครอบครัวในเชียงใหม่เราก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นความตั้งใจที่จะมาชวนพี่น้องชาวเชียงใหม่ให้ความไว้วางใจอีกครั้ง เพื่อจะให้ครอบครัวของเราขยายมากขึ้นจะได้ดูแลพวกท่าน หากครอบครัวของพวกเราใหญ่ขึ้น นั่นหมายความว่าการเมืองในสภา การแก้กฎหมายสำคัญ การแก้ไขปัญหาพื้นที่รวมถึงงบประมาณที่จะนำมาใช้ อบจ. ก็มีหน้าที่โดยตรง เราจะได้ทำงานอย่างไร้รอยต่อกับท้องถิ่น” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับนายทักษิณ ในงานฉลองมงคลสมรส สส.พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ว่า ไม่ได้มีอะไร วันนั้นก็ทักทายตามปกติ พอเสร็จงานตนก็แพ็คของมาลงพื้นที่หาเสียงลำพูน เชียงใหม่ต่อ ตนเชื่อว่า ประชาชนต้องการการแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้นตรงไปตรงมาทำงาน เพื่อให้เขาสามารถมีความเชื่อถือและเชื่อมั่นได้ว่าความเป็นไปของเชียงใหม่ที่จับต้องได้

“มันก็ผ่านมา 25 ปีแล้วนะ แกก็คงอยากจะเห็นว่าเชียงใหม่เปลี่ยนแปลงอะไร เจอโควิด ที่เรียกว่าเป็นเมืองปราบเซียนแล้ว ปราบเซียนเข้าไปใหญ่ เจอทั้งโควิดเจอทั้งฝุ่น เจอทั้งฝน ทั้งน้ำท่วม ดังนั้น ต้องมีคนรุ่นใหม่เข้าไปบริหารจัดการ” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า ตนมาเชียงใหม่ครั้งนี้ ยังอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับการต้อนรับอย่างฝาคั่ง เชื่อว่าเป็นเพราะนโยบายที่ตอบโจทย์และโดนใจ

เมื่อถามว่ากังวลเรื่องฐานเสียงหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การที่จะเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 อย่าง 42% เลือกเรา เดินไป 10 คน เลือกเราพรรคเดียว จะให้เป็นคนรุ่นใหม่อย่างเดียว มันไม่ใช่ มีคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ด้วย คราวนี้ พอเป็นเรื่อง อบจ. มันดูแลได้ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงคนสูงอายุ คงไม่ได้เลือกว่าจบเป็นคนรุ่นใหม่อย่างเดียว

นายพิธา ยังเชิญชวนให้คนกลับมาเลือกตั้ง ว่า ตนเข้าใจว่าเพิ่งกลับบ้านเมื่อช่วงปีใหม่ เดือนเดียวต้องกลับมาอีกแล้ว คนที่หาเช้ากินค่ำก็เดินทาง ลางานได้ลำบาก ดังนั้นใครที่อยู่ในพื้นที่ขอให้ไปใช้สิทธิ์ให้เต็มที่

นายพิธา ระบุว่า พรรคเก่าที่ผ่านมาชอบที่จะแข่งขันและเน้นการแข่งขันกับตัวเอง เราก็จะโฟกัสกับปัจจัยที่เราพยายามควบคุมให้ได้มากที่สุด แล้วไปเทียบกับอดีตว่าทำได้ดีขึ้นมากหรือไม่

“เชื่อว่าพี่น้องเชียงใหม่ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ก็จะให้โอกาสคนที่ตอบโจทย์กับยุคสมัยเราต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังวังชาและเจอกับความท้าทายใหม่ๆของเชียงใหม่”

ภายหลังการให้สัมภาษณ์นายพิธาได้เดินทางไปพักรับประทานอาหารที่ร้านเสน่ห์แม่วง อำเภอดอยสะเก็ดต่อ ก่อนมีกำหนดการปราศรัยในช่วงเย็น

เชียงใหม่-งานวันเด็กแห่งชาติ กองบิน 41 ประจำปี 2568 

วันเสาร์ที่ (11 ม.ค. 68) นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก จตุรงค์ รักสุภาพ รองผู้บังคับการกองบิน 41 ประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ กองบิน 41 ประจำปี 2568 โดยมี เสนาธิการกองบิน 41, หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองบิน 41, ชมรมแม่บ้านทหารอากาศ กองบิน 41, หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานเอกชน รวมถึงวงดุริยางค์ จากโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ ร่วมพิธีในครั้งนี้ ณ บริเวณลานจอดอากาศยาน ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41
     

ทั้งนี้ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กองบิน 41 ได้เห็นความสำคัญของเด็กเป็นอนาคตของชาติจึงจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ นอกจากเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กแล้วยังเป็นการ เสริมสร้างจิตสำนึกในด้านความเสียสละ ความรัก ความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย เพื่อเด็กจะได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและพัฒนาชาติต่อไป

สำหรับกิจกรรมภายในงานต่างๆ  อาทิ การแสดงจากโรงเรียนขาลสุวรรณอนุสรณ์, การแสดงเครื่องบินบังคับวิทยุ RC, การแสดงมอเตอร์ไซค์จิ๋ว, การแสดงของท่าอากาศยานเชียงใหม่และวิทยุการบิน การแสดงภาคพื้น ได้แก่ การแสดงความสามารถของสุนัขทหาร และการแสดงยิงปืนฉับพลัน จากกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 การแสดงการยิงต่อสู้อากาศยาน รวมถึงการแสดงภาคอากาศ ได้แก่ การแสดงสมรรถนะของเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 11 (EC-725) การแสดงสมรรถนะของเครื่องบิน AT-6TH การแสดงสมรรถนะของเครื่องบินขับไล่แบบที่ 19/ก (F-16) การแสดงการโจมตีทางอากาศ และการบินค้นหาและช่วยผู้ประสบภัยทางอากาศ อีกทั้งได้จัดให้มีการสัมผัสยุทโธปกรณ์ทางทหารอย่างใกล้ชิด และพบกับนักบินตัวจริง เส้นทางสู่ฝันอาชีพนักบิน ถ่ายรูปกับเครื่องบิน และยุทโธปกรณ์

นอกจากนี้ยังมีบูธต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุก อีกทั้งยังมีการเล่นกิจกรรม เล่นเกมส์ ตอบคำถาม ร้องเพลง และแจกของรางวัล ณ เวทีกลางงานวันเด็กจากพี่ๆข้าราชการและวงโยธวาทิตที่4 กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 ให้เด็กๆได้สนุกสนาน ได้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องบินที่ได้นำมาแสดงให้รับชม และที่สำคัญเพื่อสร้างความรู้ให้เด็กๆอีกด้วย

นภาพร/เชียงใหม่

เชียงใหม่- ททท.จัดกิจกรรมการเตรียมความพร้อมส่งเสริมการขาย ภูมิภาคภาคเหนือ ผ่านสื่อออนไลน์

 

เมื่อวันที่ (15 ม.ค.68) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภูมิภาคภาคเหนือผ่านสื่อออนไลน์ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวผ่านการตลาดออนไลน์ โดยมีนายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเปิดการประชุม ณ ห้องประชุมพุดตาน โรงแรมพะเยาเกทเวย์ จังหวัดพะเยา

นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. จัดกิจกรรม การเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภูมิภาคภาคเหนือ (ผ่านสี่ออนไลน์) ระหว่างวันที่ 15-16 มกราคม 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมส่งเสริมการขายภูมิภาคภาคเหนือ (ผ่านสื่อออนไลน์) เพื่อสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการในภาคเหนือในการใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและกระตุ้นยอดการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืนในอนาคตต่อไป

หัวข้อการประชุม ได้แก่ กิจกรรมเติมและเสริมเขี้ยวเล็บ IT ทีม Admin ภาคเหนือ และพันธมิตรเครือข่าย เทคนิค/เคล็ด (ไม่) ลับเขียนข่าว ให้คลิ๊ก,เขียน Content ให้ถูกใจสร้างยอดขาย ,ทำ Ads. ประกอบการเขียนข่าว ,ถ่ายภาพ ถ่ายคลิปด้วยมือถือ, ตัดต่อคลิปด้วยมือถือ TikTok (ปั้นดาว TikTok) ,การใช้ Chat GPT สร้าง Content ,ถ่ายทำและตัดต่อคลิปจากโทรศัพท์ (Workshop) และ Stream Yard การส่งเสริมการขายผ่าน Zoom และ Line OA การสร้างเมนูย่อยใน Line OA และการจัดการระบบห้าง ททท.

โดยวิทยากร ได้แก่ ดร.นิรมล พรมนิล อาจารย์ประจำสาขาวิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรมมหาวิทยาลัยพะเยา พร้อมด้วย อาจารย์กมลพงศ์ รัตนสงวนวงศ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาการตลาดดิจิทัลคณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์ และคุณณรงค์ วงค์ไชย นักประชาสัมพันธ์ กองกลาง จากมหาวิทยาลัยพะเยา และคุณกิตติ จันทรประเสริฐ CRETIVE DIRECTOR บริษัท ฟลอด เอฟโวลูชั่น จำกัด มีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นบุคลากร จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 17จังหวัด ภาคเหนือ ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน

‘วีระศักดิ์’ ร่วมประชุมหารือ!! เรื่องฝุ่น ในระดับนานาชาติ ภายใต้!! โครงการปรับปรุงคุณภาพอากาศ ในภูมิภาคอาเซียน

(25 ม.ค. 68) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้โพสต์ข้อความ โดยได้ระบุว่า ... 

วันนี้ผมมาในนาม ‘สภาลมหายใจกรุงเทพฯ’ เพื่อร่วมประชุมกับกลุ่มนักวิชาการนานาชาติที่ทำงานเรื่องฝุ่น ที่ศาลาการจังหวัดเชียงใหม่ทั้งวัน

ภายใต้ ‘โครงการปรับปรุงคุณภาพอากาศในภูมิภาคอาเซียน : แนวทางสู่อนาคต’

กิจกรรมนี้เป็นการประชุม work shop แบ่งปันประสบการณ์ และความร่วมมือเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน จัดโดยความร่วมมือระหว่าง สำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส AFD สถานทูตฝรั่งเศส และจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเป็นประธานเปิด มีรองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กรมควบคุมมลพิษ สภาลมหายใจเชียงใหม่ สภาลมหายใจกรุงเทพฯ เครือข่ายนักวิชาการในไทย นักวิชาการฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น สกสว. AIT มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น

อัตราลมพัดดีกำลังจะมาถึงในอีกสองสามวันครับ

ต้นอาทิตย์หน้า ค่าฝุ่นควรจะลดลงได้มากครับ

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5. แถลงข่าวสำคัญในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ 3 คดี คดีลักทรัพย์ ค้าประเวณีเด็ก และจับกุมผู้ลักลอบเผา

ตร.ภ.5 แถลงการจับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 3 คดี พร้อมจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น / จับกุมผู้ต้องหาคดีค้าประเวณีเด็ก และผลการปฏิบัติการจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการหยุดฝุ่น PM 2.5 

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ชั้น 2 อาคารตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 แถลงข่าว จับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 3 คดี จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น / จับกุมผู้ต้องหาคดีค้าประเวณีเด็ก และผลการปฏิบัติการจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการหยุดฝุ่น PM 2.5 

คดีที่ 1 จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 ก.พ.68 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวนสภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการจับกุมตัวนายวงค์ตะวัน หรือหนึ่ง อายุ 35 ปี บ้านอยู่ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในข้อหา "วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปและเพื่อให้พ้นการจับกุม"

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากช่วงหัวค่ำวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวญี่ปุ่น อายุ 63 ปี กำลังเดินท่องเที่ยวชมเมืองในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นมีคนร้ายขับรถจยย.มาประกบแล้วกระชากกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น จนล้มได้รับบาดเจ็บก่อนชิงเอากระเป๋าที่มีเงินสดจำนวน 1,500 บาท เอกสารสำคัญหลายอย่างและโทรศัพท์มือถือก่อนหลบหนีไป หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสามารถตามจับนายวงค์ตะวัน ได้ที่บ้าน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตกงาน ไม่มีเงินจึงก่อเหตุขึ้น โดยในอดีตคนร้ายเคยมีประวัติ ลักทรัพย์ และยาเสพติดติดคุกเข้าออกหลายครั้ง

คดีที่ 2 จับกุมผู้ต้องหาคดีค้าประเวณีเด็กพล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5  พร้อมชุดสืบสวนภาค5 ได้แถลงทลายเครือข่ายลักลอบขายประเวณีเด็ก โดยทางชุดสืบสวนภาค5 ได้รับแจ้งในโลกออนไลน์ว่ามีการโพสต์ว่ามีเด็กรับงานnv  ซึ่งหมายความว่ารับงานดูแลและจบที่การมีเพศสัมพันธ์ รับงานในเชียงใหม่คนละ 3,500 บาท ทางเจ้าหน้าจึงปลอมตัวเข้าไปติดต่อ ล่อชื้อ จำนวน 3 คนที่โรงแรมม่านรูดในพื้นที่อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ต่อมาได้มีเด็กสาว อายุ 14 สองคน และอายุ 16 หนึ่งคน เข้าที่โรงแรมม่านรูดพร้อมขอรับเงินค่างาน ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมทั้งหมดไว้ ก่อนนำตัวมาให้สหวิชาขีพสอบสวน 

โดยกลุ่มเด็กทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าทำงานแบบนี้มานานมีลูกค้าทั้งข้าราชการ นักท่องเที่ยวมากมายที่เคยมาร่วมหลับนอน สาเหตุที่ทำเพื่อหาเงินไว้กินเที่ยวตอนกลางคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลการจับกุมไปถึงกลุ่มคนชื้อบริการเพื่อขยายผลการกระทำผิดต่อผู้มาใช้บริการกับเด็กต่อไป

คดีที่ 3 ผลการปฏิบัติการจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการหยุดฝุ่น PM 2.5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่าจากนโยบายของรัฐบาลในการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบเผาหาของป่า ที่เป็นจุดเริ่มของปัญหา โดยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้มีการดำเนินนโยบาย ตรวจสอบยานพาหนะที่ปล่อยควันดำ การตรวจสอบโรงงานและสถานที่ก่อสร้าง การควบคุมการเผา 

ในพื้นที่ภาค 5 ได้มีการเร่งดำเนินการทุกข้อสั่งการโดยผลการดำเนินการได้มีการตรวจสอบยานพาหนะมลพิษควันดำ ตรวจสอบยานพาหนะจำนวน 2,684 ครั้งโดยแบ่งเป็นรถขนส่ง 279 ครั้ง รถโดยสาร 244 ครั้ง รถยนต์ 985 ครั้งและรถจักยานยนต์อีก 1,156 ครั้ง 

ด้านการลักลอบเผามีการจับกุมจำนวน 47 ครั้งในห้วง 4 วันที่ผ่านมานี้ และให้ตำรวจทุกพื้นที่ออกให้คำแนะนำประชาชนอยู่สม่ำเสมอ ด้านโรงงานต่างๆได้มีการออกตรวจสอบไม่ให้มีการปล่อยมลพิษอยู่เป็นประจำ ซึ่งทุกมาตราการจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปัญหามลพิษในปีนี้ให้ได้

ซึ่งพื้นที่เชียงรายประกาศห้ามเผา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 จนถึงวันที่ 31 พ.ค.68 เชียงราย 1 มี.ค.-31 พ.ค.68,เชียงใหม่ 1 ม.ค.จนถึง 15 พ.ค.68, น่าน 15 มี.ค.จนถึง 30 เม.ย.68, พะเยา 20 ก.พ.จนถึง 20 เม.ย.68, แพร่ 15 ก.พ.จนถึง 30 เม.ย.68, แม่ฮ่องสอน 1 ก.พ. จนถึง 30 เม.ย.68, ลำปาง 1 ม.ค. จนถึง 15 พ.ค.68 และลำพูน 1 มี.ค.จนถึง 30 เม.ย.68 จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ในพื้นที่งดเผาตามห้วงการประกาศห้ามเผาข้างต้น 

ตำรวจภูธรรภาค 5 มีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน และยังคงเน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ทั้งนี้หากพบเห็นอาชญากรรม หรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ line@police5 (ผบช.ก.5 ) และ Application Police i lert U ได้ตลอด 24 ชม. ในการดำเนินการปราบปรามจับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนโดยรวม

เชียงใหม่-งานเลี้ยงขันโตก จักรดาว - บานเย็น เด่นงามสัมพันธ์ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.68) ณ สนามหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธีเปิดงานประเพณีเลี้ยงขันโตก "จักรดาว - บานเย็น เด่นงามสัมพันธ์ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568 โดยมี พลเอก โกศล ประทุมชาติ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วยผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร, ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย คณะผู้บังคับบัญชา, คณะผู้บริหาร, คณาจารย์, คณะครู, ข้าราชการ,นักเรียนเตรียมทหาร, นักเรียนยุพราชวิทยาลัย และผู้มีเกียรติร่วมงาน 

พลเอก โกศล ประทุมชาติ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต้อนรับในงานเลี้ยงขันโตก จักรดาว - บานเย็น เด่นงามสัมพันธ์ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568 ในนามของผู้บริหาร คณะครู บุคลากร ผู้ปกครองนักเรียน และภาคีเครือข่ายโรงเรียน ยุพราชวิทยาลัย มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสจัดงานเลี้ยงขันโตก ต้อนรับผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร คณะผู้บังคับบัญชา คณาจารย์ ข้าราชการและนักเรียนเตรียมทหาร ในโอกาสเดินทางมาทัศนศึกษาในเขตพื้นที่ภาคเหนือ และร่วมกิจกรรมการแข่งขันกีฬาประเพณีเตรียมทหาร - ยุพราชฯ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาของรัฐบาลที่จัดการศึกษาได้อย่าง มีคุณภาพเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นโรงเรียนที่ได้รับการอุปถัมภ์ชุบเลี้ยง กิจการต่าง ๆ ของโรงเรียนจากพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ รวมถึงเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และเจ้านายฝ่ายเหนือ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงเรียนมาจนถึง ปัจจุบัน 

ดังนั้น ผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนยุพราชวิทยาลัยทุกคน จึงถูกปลูกฝังให้เป็นผู้มีความจงรักภักดี กตัญญูกตเวที่ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่อพระผู้ทรงมีคุณูปการต่อโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยมิเสื่อมคลายเฉกเช่นเดียวกับโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ได้ปลูกฝังนักเรียนเตรียมทหารให้มีพื้นฐานความเป็นนายทหารในอนาคต ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะปกป้องราชบัลลังก์แห่งองค์พระมหากษัตริย์เจ้า จากอริราชศัตรู และภยันตรายทั้งปวง ที่อาจจะล่วงล้ำเข้ามาในพระราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของเหล่าทหารหาญทุกเหล่าทัพ ตำรวจทุกนาย และเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยทุกคนอีกด้วย

คืนนี้จึงเป็นคืนแห่งความงดงาม เป็นคืนแห่งการรวมใจ ในท่ามกลางงานเลี้ยง ขันโตก ของคณะผู้บังคับบัญชา คณะผู้บริหาร คณาจารย์ คณะครู และนักเรียนทั้งสองสถาบันอันเป็นสถาบันการศึกษาหลักที่เพาะบ่มความรักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนให้แก่เยาวชนที่จะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองในทางที่ถูกต้องได้อย่างยั่งยืน ต่อไปในอนาคต

นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า งานเลี้ยง ขันโตก "จักรดาว - บานเย็น เด่นงามสัมพันธ์ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2568 ทราบว่าจัดขึ้นเพื่อต้อนรับคณะผู้บังคับบัญชา คณาจารย์ข้าราชการ และนักเรียนจากโรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศในโอกาสที่ได้มาทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีในเขตจังหวัดภาคเหนือ เพื่อประกอบการศึกษาตามหลักสูตร ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีการศึกษา และได้ใช้โอกาสนี้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาประเพณีเตรียมทหาร - ยุพราชฯ ซึ่งเป็นประเพณีที่ดีงามของทั้งสองสถาบัน โดยได้จัดสืบเนื่องมาอย่างยาวนานทุกปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 34 แล้วของการจัดงาน

สัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นมาอย่างยาวนานได้สร้างมิตรภาพอันงดงามของทั้งสองสถาบัน โดยได้ก่อให้เกิดคุณูปการที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักเรียนและบุคลากรของทั้งสองสถาบัน ที่จะได้มีการสานสัมพันธ์สามัคคีกีฬาประเพณีและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ ทั้งยังเป็นโอกาสอันดี ที่คณะผู้บังคับบัญชา คณาจารย์ และนักเรียนเตรียมทหารจะได้ใช้โอกาสนี้ ทัศนศึกษาตามแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่นและท่องเที่ยวอย่างมีความสุขใน เมืองแห่งความงดงาม มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เนื่องด้วยเชียงใหม่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนามาแต่โบราณ มี "คำเมือง" เป็นภาษาท้องถิ่น มีประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามหลายแห่งอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top