(10 ธ.ค. 67) การได้เกิดมาเป็นคนไทย เติบโตมาจนปี พ.ศ. นี้ ก็ต้องพบกับความอดสูหัวใจอย่างที่สุด ใครจะคิดว่าเรามี ‘รัฐบาลไทย’ แต่กลับมีใจให้ ‘คนชาติเขมร’ คอยวิ่งเต้นคิดค้นวิธีสารพัดที่จะเอาผลประโยชน์ทางทะเลมหาศาลที่ไทยเราเป็นเจ้าของอย่างชอบธรรมมาตั้งแต่อดีต แบ่งปันให้กับกัมพูชา ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานว่าอาณาเขตทางทะเลส่วนนี้เป็นของคนไทยตามหลักสากล
นั่นเพราะทรัพย์ใต้ทะเลลึกรอบบริเวณเกาะกูดที่เป็นเรื่องเป็นราวนั้นมีมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาทเป็นอย่างน้อย ด้วยมีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่อุดมไปด้วยแหล่งน้ำมันดิบมากถึง 300 ล้านบาเรล ก๊าซธรรมชาติอีก 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ประเทศใดได้ไปครอบครองก็จะมีอันจะกินไปอีกยาวนาน เขมรหัวหมอจึงหวานปาก ใช้ความสนิทสนมกับ “นักโทษหนีคดี” ดีลลับส่วนตัว ขอแบ่งสมบัติทางทะเลหน้าตาเฉย เพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่ต้องเป็นคนฉลาดก็จะทราบว่าผลประโยชน์ที่จะได้กลับมาก็จบอยู่ที่ ‘ตระกูลชั้น 14’ หาใช่คนไทยส่วนรวมไม่
จึงถือเป็น “รัฐบาลไทยหัวใจกัมพูชา” อย่างไม่ต้องสงสัย
เดินหน้าทำทุกอย่างโดยไม่แคร์เสียงท้วงติงของประชาชน ลุ เหลิงต่ออำนาจ มัวเมาในความโลภ มุ่งแต่จะตัดเฉือนสมบัติชาติของคนไทยทุกคนให้กับชนชาติอื่น ถ้าเป็นสมัยก่อนโทษของคนขายชาติก็ต้องโดนตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรสถานเดียว
เมื่อมีรัฐบาลจ้องจะขายชาติ เราก็หวังพึ่งฝ่ายค้านไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะธงของฝ่ายค้านของเรา ก็ปักไว้อย่างโดดเด่นถึงการทรยศคนร่วมชาติไม่แพ้กัน นั่นคือการคิดแต่จะล้มสถาบันยังไงให้สำเร็จเพื่อประเทศตะวันตกที่ขี่คอฝ่ายค้านของเราอยู่ตลอดเวลา
ทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้านของไทยเรา ต่างมี ‘พฤติกรรมเลว’ ที่กินกันไม่ลง ยากมากที่ประเทศชาติจะพัฒนาไปได้ไกลเพราะนักการเมืองสายพันธุ์ขี้หมาแบบนี้
เป็นฝ่ายค้านทีเคยชูว่าจะกำจัดความเหลื่อมล้ำ และกวาดทิ้งนักการเมืองคอร์รัปชั่นให้สิ้นซาก แต่กลับไม่เคยกล้าแตะพฤติกรรมชั่ว ๆ ของ ‘นักโทษชั้น 14’ ที่เป็น ‘หัวหน้าใหญ่ตัวจริงของรัฐบาล’ เริ่มตั้งแต่การไม่นอนคุก กระทั่งดีลลับการขายสมบัติชาติทางทะเล ดีแต่โชว์วาทกรรมโง่ ๆ หลอกต้ม ‘คนที่โง่กว่า’ ไปวัน ๆ
ถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากความกล้าหน้าด้านที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน