Wednesday, 23 April 2025
อาวุธชีวภาพ

สหรัฐฯ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซีย ยันไม่มีแล็บอาวุธชีวภาพในยูเครน

Reuters รายงานว่า สหรัฐฯ ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของรัสเซียที่ว่าสหรัฐมีห้องวิจัยอาวุธชีวภาพกว่า 30 แห่งซุกซ่อนอยู่ในยูเครน โดยบอกว่าข้อกล่าวหาดังกล่าว “น่าหัวเราะ” และบอกว่ารัสเซียอาจกำลังวางแผนใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในยูเครน

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากรัสเซียตอกย้ำข้อกล่าวหาที่มีมาเป็นเวลาหลายปีอีกครั้งว่าสหรัฐฯ ร่วมกับยูเครนพัฒนาอาวุธชีวภาพเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า “ข้อกล่าวหาของรัสเซียนั้นไร้สาระ น่าหัวเราะ...มันไม่มีอะไรเลย มันเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่คลาสสิกของรัสเซีย”

ขณะที่ เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า รัสเซียกำลังสร้างหลักฐานเท็จเพื่อหาความชอบธรรมให้กับการกระทำของตัวเองในยูเครน

WHO แนะยูเครน ทำลายเชื้อโรคในแล็บ ป้องกันรัสเซียโจมตีแล้วเชื้อรั่วไหล

อนามัยโลกแนะนำยูเครน ให้ทำลายเชื้อก่อโรคต่างๆ ในแล็บของประเทศ เช่น โควิด-19 เพื่อป้องกันการรั่วไหลหากแล็บถูกโจมตี

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ยูเครนทำลายเชื้อโรคที่มีภัยคุกคามสูงซึ่งอยู่ในห้องปฏิบัติการด้านสาธารณสุขของประเทศ เพื่อป้องกัน “การรั่วไหลที่อาจเกิดขึ้น” จากผลพวงการโจมตีของรัสเซีย

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางชีวภาพกล่าวว่า การเคลื่อนพลของรัสเซียเข้าไปในยูเครนและการทิ้งระเบิดในเมืองต่างๆ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เชื้อก่อโรคต่างๆ หลุดรอดออกมา หากห้องปฏิบัติการเหล่านั้นได้รับความเสียหาย

เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ยูเครนมีห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็บด้านสาธารณสุขที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับวิธีบรรเทาการคุกคามของโรคอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสัตว์และมนุษย์ รวมถึงล่าสุดคือโควิด-19 ห้องปฏิบัติการในยูเครนได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และองค์การอนามัยโลก

'ไบเดน' เชื่อ!! 'ผู้นำรัสเซีย' กำลังหลังชนฝา จนอาจอ้างใช้อาวุธชีวภาพกับยูเครน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศว่า “แน่ชัดแล้ว” ว่ารัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพกับยูเครน พร้อมเตือนว่า หากรัสเซียทำจริง จะเผชิญการตอบโต้อย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ปราศรัยต่อบรรดาผู้นำธุรกิจในกรุงวอชิงตัน ดีซี ว่า ตอนนี้ ประธานาธิบดีรัสเซีย “กำลังหลังชนกำแพง” พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซียว่า สหรัฐฯ ครอบครองอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในยูเครน

ไบเดนมองว่า ข้อกล่าวหาของปูติน แสดงให้เห็นว่า “ปูตินกำลังพิจารณาใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในยูเครน” ดังนั้น สหรัฐฯ ควรจับตาว่ารัสเซียจะใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านี้จริงหรือไม่ หรือจัดฉากเพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้อาวุธเหล่านี้ พร้อมเตือนว่า ถ้ารัสเซียกระทำจริง จะเผชิญกับการตอบโต้อย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก
 

‘รัสเซีย’ แฉ!! 30 แล็บลับสหรัฐฯ ในยูเครน มุ่งพัฒนา 'อาวุธเชื้อโรค' ด้าน สหรัฐฯ ยัน!! มีจริง แต่ถูกกฎหมาย และไม่ได้พัฒนาเพื่อรบ

สหรัฐฯ ยังคงปฏิบัติการห้องปฏิบัติการทางชีวภาพ 30 แห่งในดินแดนยูเครน ส่วนหนึ่งในโครงการชีวภาพทางทหารที่ผิดกฎหมาย จากการเปิดเผยของ ‘เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเนเธอร์แลนด์’ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

“เป็นที่ทราบกันดีมานานแล้วว่ามีห้องปฏิบัติการของอเมริกาจำนวนหนึ่งในดินแดนยูเครน” วลาดิมีร์ ทาราบริน ซึ่งเป็นผู้แทนถาวรของรัสเซีย ประจำองค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons) อีกตำแหน่ง ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อิซเวสเตียเมื่อวันอาทิตย์ (24 มี.ค.)

นักการทูตรายนี้ยังได้เท้าความถึงคำพูดของ พล.ท.อิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ เคมีและชีวภาพของรัสเซีย ที่เคยอ้างในเดือนมีนาคม 2022 ว่ามีห้องแล็บดังกล่าวอยู่ราว 30 แห่ง 

“กองกำลังของเราพบเอกสารต่าง ๆ ที่ยืนยันว่ามีโครงการชีวภาพทางทหารอย่างกว้างขวางของสหรัฐฯ และบรรดาประเทศสมาชิกนาโต ในดินแดนของยูเครน และสาธารณรัฐต่างๆ ที่เป็นอดีตสหภาพโซเวียต” ทาราบริน กล่าว

แม้ รัฐบาลเคียฟ จะกล่าวว่า พวกเขาเริ่มทำลายเชื้อโรคอันตรายในห้องปฏิบัติการต่าง ๆ และระงับการวิจัยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครน แต่ทาง ทาราบริน กล่าวอ้างว่า โครงการต่างๆ เหล่านั้นได้กลับมาปฏิบัติการอีกรอบ เพียงแต่มีการเปลี่ยนชื่อเท่านั้น

เมื่อถูกถามว่า ห้องปฏิบัติการชีวภาพของสหรัฐฯ ในยูเครน ยังมีจำนวนที่ 30 แห่งใช่หรือไม่? ทางเอกอัครราชทูตรายนี้ตอบว่า “จากข้อมูลของเรา คือ ใช่” พร้อมกล่าวเสริมด้วยว่า...

“มันไม่น่าประหลาดใจเลยที่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมานั้น ทำไมวอชิงตันถึงพยายามขัดขวางความคิดริเริ่มของรัสเซีย กับเป้าหมายเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธชีวภาพ (Biological Weapons Convention-BWC) และสร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพสำหรับตรวจสอบประเทศผู้เข้าร่วมทั้งหมด ว่าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติต่าง ๆ ของอนุสัญญานี้หรือไม่”

ทั้งนี้ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มอสโกได้หยิบยกความกังวลขึ้นมาซ้ำ ๆ ในเรื่องคำกล่าวหาเกี่ยวกับโครงข่ายห้องปฏิบัติการลับในยูเครน ที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ โดยมอสโกได้เผยแพร่เอกสารต่าง ๆ ที่ยึดมาได้จากเจ้าหน้าที่เคียฟ ซึ่งกล่าวอ้างว่ามีความเชื่อมโยงกับปฏิบัติการของห้องปฏิบัติการเหล่านั้น

เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว พล.ท.อิกอร์ คิริลลอฟ บอกว่า “รัสเซียไม่มีข้อสงสัยเลยว่า สหรัฐฯ ได้สวมหน้ากากในการรับประกันความมั่นคงทางชีวภาพโลกไว้ให้ชาวโลกเห็น แต่กลับกันพวกเขาได้ทำการวิจัย 2 ทาง (เพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์) ซึ่งในนั้นได้รวมถึง การสร้างองค์ประกอบของอาวุธชีวภาพใกล้ชายแดนรัสเซีย”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยืนยันเกี่ยวกับการมีอยู่ของห้องปฏิบัติการวิจัยทางชีวภาพในยูเครนจริง แต่ยืนยันว่ามันถูกกฎหมายทั้งหมด และไม่มีเจตนาสำหรับจุดประสงค์ด้านการทหาร แม้ส่วนใหญ่แล้วมันได้เงินทุนผ่านกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) ขณะที่วอชิงตันปฏิเสธคำกล่าวอ้างของมอสโก ที่ว่าห้องปฏิบัติการเหล่านี้ถูกใช้ทำงานสร้างอาวุธชีวภาพ โดยบอกว่ามันเป็นยุทธการบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายรัสเซีย

ออสเตรเลียตามหาด่วน ไวรัส 323 หลอด หายจากแล็บ หวั่นถูกใช้ทำอาวุธชีวภาพ

(11 ธ.ค.67) ทางการรัฐควีนส์แลนด์เปิดเผยว่า หลอดบรรจุไวรัสชนิดร้ายแรงจำนวน 323 หลอดได้หายไปจากห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาของหน่วยงานด้านสาธารณสุข ส่งผลให้รัฐบาลออสเตรเลียสั่งการให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐควีนส์แลนด์ดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์นี้ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นการละเมิดมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพครั้งใหญ่ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 แต่ได้รับการยืนยันเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าหลอดบรรจุไวรัสอาจหายไปหลังจากตู้แช่ไวรัสเกิดความเสียหาย

รายงานระบุว่า รัฐบาลรัฐควีนส์แลนด์ได้เริ่มการสอบสวนอย่างเป็นทางการ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าหลอดบรรจุไวรัสที่หายไปนั้น ถูกขโมยหรือถูกทำลายแล้ว นอกจากนี้ ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงหรืออันตรายต่อประชาชน 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชี้ว่า ไวรัสที่อันตรายเหล่านี้จะตายอย่างรวดเร็วเมื่อนอกตู้แช่และไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อ โดยทางการยืนยันว่าแม้ตัวอย่างไวรัสเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้ในการผลิตอาวุธชีวภาพได้ แต่ต้องอาศัยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสูง โดยไวรัสที่หายไปประกอบด้วย

ไวรัสเฮนดรา (Hendra virus) เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน พบเฉพาะในออสเตรเลียและมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 57% ไวรัสนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2537 หลังเกิดการระบาดในม้าแข่ง 21 ตัวและมนุษย์ 2 คน ที่เมืองเฮนดรา ชานเมืองบริสเบน องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าไวรัสชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากค้างคาวผลไม้

ไวรัสฮันตา (Hantavirus) เป็นไวรัสที่แพร่จากสัตว์สู่คน มีต้นกำเนิดจากหนูและแพร่ผ่านมูล ปัสสาวะ และน้ำลายของหนู เมื่อติดเชื้อจะทำให้เกิดโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฮันตา อาการทั่วไปได้แก่ ไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ ท้องเสีย และของเหลวในปอด ศูนย์ป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่าไวรัสชนิดนี้มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 38%

ลิสซาไวรัส (Lyssavirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคพิษสุนัขบ้า ติดต่อได้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ประมาณ 59,000 คนทั่วโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top