Saturday, 7 June 2025
สีจิ้นผิง

‘สี จิ้นผิง-ปูติน’ เตรียมร่วมหารือเชิงยุทธศาสตร์กลางพิธีรำลึกสงครามโลก ท่ามกลางคำขู่ของ ‘เซเลนสกี’ ลั่นชาติตะวันตก…คิดให้ดีก่อนร่วมงานที่รัสเซีย

(6 พ.ค. 68) สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ทำเนียบเครมลินประกาศผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตรียมหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ถึงการกระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ พร้อมลงนามในเอกสารสำคัญหลายฉบับในช่วงงานรำลึกวันแห่งชัยชนะของรัสเซีย

สำหรับเนื้อหาการหารือจะครอบคลุมทั้งความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์และสถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีผู้นำจากหลายประเทศ เช่น บราซิล เซอร์เบีย และสโลวาเกีย เดินทางไปร่วมงานรำลึก ซึ่งตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม รำลึกการที่สหภาพโซเวียตสามารถขับไล่นาซีกลับไปเบอร์ลินได้ในสงครามโลกครั้งที่ 2

ด้านประธานาธิบดีปูตินเสนอหยุดยิงกับยูเครนเป็นเวลา 3 วันในช่วงวันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ปฏิเสธแนวคิดนี้ พร้อมยืนยันว่า “การหยุดยิงที่ไม่มีเงื่อนไข” ควรมีระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน เพื่อให้มีผลอย่างแท้จริง โดยระบุว่า “ในเวลาเพียง 3 วัน 5 วัน หรือ 7 วัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้มันมีความหมายอะไรขึ้นมา”

เซเลนสกียังเตือนผู้นำต่างชาติที่วางแผนเดินทางไปรัสเซียในช่วงวันงานว่า “สำหรับทุกประเทศที่วางแผนจะเดินทางไปรัสเซียในวันที่ 9 พฤษภาคม เราไม่สามารถรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนของรัสเซียได้” โดยเป็นถ้อยแถลงระหว่างการแถลงข่าวตามรายงานของอินเตอร์แฟกซ์-ยูเครน

‘สี จิ้นผิง’ ประกาศยุทธศาสตร์ ‘เอเชียบริหารเอเชีย’ หวังลดบทบาทสหรัฐฯ ในภูมิภาค พร้อมประกาศแผนสร้างเสถียรภาพใหม่

(6 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้เปิดตัวยุทธศาสตร์ความมั่นคงใหม่ที่มุ่งเน้นการลดบทบาทของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมประกาศ “เอเชียบริหารเอเชีย” โดยระบุว่า “เรื่องของเอเชีย คนเอเชียต้องจัดการเอง” ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ว่าอาจถึงเวลาที่จะลดอิทธิพลในภูมิภาคนี้และเปิดทางให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเสถียรภาพ

ยุทธศาสตร์นี้ได้รับการขยายผลทันทีในการเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา โดยสี จิ้นผิงใช้โอกาสนี้เน้นย้ำการเป็น “เพื่อน” ของจีนในภูมิภาคและเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันต่อต้านแรงกดดันจากภายนอก ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการตอบโต้การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจในเอเชีย

การผลักดันแนวคิด “เอเชียบริหารเอเชีย” นั้นมีรากฐานมาจาก “Asian Security Concept” ที่จีนเคยประกาศไว้ในปี 2014 ซึ่งเสนอทางเลือกใหม่ให้กับประเทศในเอเชียในการรักษาความมั่นคงโดยไม่พึ่งพาการแทรกแซงจากสหรัฐฯ หรือประเทศตะวันตก โดยสีจิ้นผิงเชื่อว่าภูมิภาคเอเชียสามารถจัดการปัญหาภายในได้ด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำหรับจีนยังคงมีอยู่ เนื่องจากความขัดแย้งในทะเลจีนใต้และความไม่ไว้วางใจจากบางประเทศในภูมิภาคที่ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับเจตนาของจีนในระยะยาว แม้จะมีการเสนอแนวทางการร่วมมือ แต่หลายฝ่ายยังคงจับตาดูว่าใครจะเป็นผู้ที่มีอำนาจในการบริหารเอเชียในที่สุด

ทั่วโลกจับตา ‘วันแห่งชัยชนะ’ ที่เครมลิน เมื่อผู้นำโลกหลายประเทศตอบรับเข้าร่วมตามคำเชิญของ ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’

(7 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง มีกำหนดเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 7–10 พฤษภาคมนี้ เพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี “วันแห่งชัยชนะเหนือนาซีเยอรมัน" โดยระหว่างการเยือน ผู้นำจีนจะพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อกระชับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและรัสเซีย รวมถึงลงนามในข้อตกลงทวิภาคีหลายฉบับ ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดระดับโลกที่ยังคงดำเนินอยู่

งานเฉลิมฉลองครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงชัยชนะของกองทัพโซเวียตเหนือกองกำลังนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งรัสเซียให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยสหภาพโซเวียตในขณะนั้นสูญเสียประชาชนกว่า 27 ล้านคน ซึ่งนอกจาก สี จิ้นผิง แล้วสำนักข่าว Sputnik ยังรายงานว่าผู้นำโลกหลายประเทศจะร่วมงาน รวมถึงผู้นำจากบราซิล เซอร์เบีย และสโลวาเกีย เพื่อแสดงจุดยืนทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้

‘สี จิ้นผิง’ ชี้ ‘ไต้หวัน’ เป็นส่วนหนึ่งของผลแห่งชัยชนะสงครามโลก ย้ำไม่มีใครหยุดการรวมชาติได้ พร้อมขอบคุณรัสเซียที่หนุนหลัง

(7 พ.ค. 68) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เผยแพร่บทความลงนามผ่านหนังสือพิมพ์ “กาเซตต์” ของรัสเซีย ก่อนเดินทางเยือนมอสโกเพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 80 ปี “ชัยชนะแห่งมหาสงครามผู้รักชาติ” โดยระบุว่า การรวมชาติของจีน โดยเฉพาะการฟื้นฟูไต้หวัน คือกระแสธารทางประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้

สีจิ้นผิงชี้ว่า ปี 2025 จะตรงกับวาระ 80 ปีแห่งการฟื้นฟูไต้หวัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของผลลัพธ์จากชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอ้างถึงเอกสารระหว่างประเทศสำคัญอย่างปฏิญญาไคโรและแถลงการณ์พอตส์ดัมที่ยืนยันอธิปไตยเหนือไต้หวันของจีน ซึ่งได้รับการรับรองโดยมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หมายเลข 2758

เขาระบุว่า ไม่ว่าสถานการณ์ภายในไต้หวันจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร หรือมีแรงกดดันจากกองกำลังภายนอกเพียงใด ก็ไม่อาจขัดขวางเป้าหมายสูงสุดของจีนในการรวมชาติได้ พร้อมเน้นว่าข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และกฎหมายเป็นสิ่งที่ “ไม่อาจโต้แย้งได้”

ผู้นำจีนยังกล่าวชื่นชมรัสเซียที่ยืนหยัดสนับสนุนหลักการจีนเดียวและการต่อต้านการแบ่งแยกไต้หวัน โดยมอสโกยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ออกจากจีน และสนับสนุนทุกมาตรการของรัฐบาลจีนในการบรรลุการรวมชาติ ซึ่งจีนให้ความสำคัญและขอบคุณต่อจุดยืนที่ชัดเจนของรัสเซีย

การแถลงของผู้นำจีนในครั้งนี้ตอกย้ำจุดยืนอันแข็งกร้าวของปักกิ่งต่อไต้หวัน และสะท้อนการประสานสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับรัสเซียในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นที่ถือเป็นผลประโยชน์หลักร่วมกันของทั้งสองประเทศ

‘สี จิ้นผิง’ ถึงมอสโกร่วมเฉลิมฉลอง ‘วันแห่งชัยชนะ’ ครบรอบ 80 ปี ย้ำสัมพันธ์ ‘จีน-รัสเซีย’ คือแบบอย่างเพื่อนบ้านในศตวรรษใหม่

(8 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแห่งจีน เดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤษภาคม เพื่อเข้าร่วมพิธีครบรอบ 80 ปี 'วันแห่งชัยชนะ' ของรัสเซีย โดยออกแถลงการณ์ย้ำว่าจีนและรัสเซียได้ค้นพบแนวทางที่ถูกต้องในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหญ่ที่เป็นเพื่อนบ้าน ผ่านมิตรภาพถาวรและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้ง

ผู้นำจีนระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียเป็นแบบอย่างของความร่วมมือที่เติบโตอย่างมั่นคงและเป็นอิสระ ซึ่งไม่เพียงนำประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่ยังส่งเสริมเสถียรภาพระดับโลกและระเบียบโลกแบบพหุขั้วที่เท่าเทียม ขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสรำลึกถึงชัยชนะสงครามต่อต้านฟาสซิสต์และการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติในปี 1945

จีนและรัสเซียยืนยันจะร่วมกันปกป้องหลักการระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง ต่อต้านการเมืองเชิงอำนาจ และส่งเสริมระบบธรรมาภิบาลโลกที่ยุติธรรม โดยสีจิ้นผิงเตรียมหารือเชิงลึกกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับความร่วมมือในประเด็นทวิภาคีและระหว่างประเทศที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจร่วมกัน

การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเข้าร่วมพิธีวันแห่งชัยชนะของรัสเซียในรอบทศวรรษของผู้นำจีน โดยมีพิธีต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ท่าอากาศยานวนูโคโวในกรุงมอสโก พร้อมการคุ้มกันทางอากาศโดยกองทัพรัสเซีย แสดงถึงระดับความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ

‘สี จิ้นผิง’ ยกหูคุย ‘มาครง’ ถกด่วนภาษี–สงคราม–การค้าโลก ย้ำจีนพร้อมร่วมมือกับอียู รับมือความปั่นป่วนจากสหรัฐ

(25 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการร่วมมือด้านการค้าโลก พร้อมเคลียร์ข้อพิพาทภาษีนำเข้าบรั่นดีฝรั่งเศสในจีน ขณะเดียวกัน ผู้นำจีนเรียกร้องให้ฝรั่งเศสร่วมกันปกป้องกฎเกณฑ์การค้าโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากภัยคุกคามของภาษีสหรัฐฯ

สี จิ้นผิง ระบุว่า จีนและฝรั่งเศสในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ควรเป็นกำลังสำคัญในการธำรงระเบียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และยึดมั่นในพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริง โดยย้ำว่าจีนมองยุโรปเป็นขั้วอำนาจอิสระที่ควรมีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก พร้อมจับมือรับมือกับความท้าทายระดับโลก

การพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนเริ่มสอบสวนการทุ่มตลาดบรั่นดีจากอียู ขณะที่ฝรั่งเศส ซึ่งส่งออกคอนญัก (บรั่นดีที่ผลิตจากไวน์องุ่นในเขตคอนญัคของฝรั่งเศส) ไปจีนกว่า 1.4 พันล้านยูโรต่อปี ได้รับผลกระทบรุนแรง คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 50 ล้านยูโรต่อเดือน โดยมาครงระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงจะเร่งคลี่คลายประเด็นนี้โดยเร็ว เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตฝรั่งเศส

นอกจากนี้ ทั้งสองผู้นำยังหารือเรื่องสงครามยูเครน โดยมาครงระบุว่าทั้งคู่เห็นพ้องในเป้าหมาย “สันติภาพที่ยั่งยืนและมั่นคง” ซึ่งต้องเริ่มจากการหยุดยิงทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข รวมถึงยังจะร่วมมือกันเตรียมการประชุมว่าด้วยทางออกแบบสองรัฐในตะวันออกกลางที่กำหนดจัดขึ้นที่นิวยอร์กในเดือนมิถุนายนนี้ โดยฝรั่งเศสร่วมเป็นเจ้าภาพกับซาอุดีอาระเบีย

จีนชูแผนใหม่ ‘Made in China’ ดันชิป-อุตสาหกรรมขั้นสูง ย้ำจุดยืนพึ่งพาการผลิต ไม่ยอมตามเกมสหรัฐอเมริกา

(27 พ.ค. 68) รัฐบาลประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อยู่ระหว่างพิจารณาแผนแม่บทใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงต่อยอดจากโครงการ 'Made in China 2025' ซึ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ผลิตชิปและเทคโนโลยีสำคัญ โดยมีเป้าหมายรักษาความแข็งแกร่งในภาคการผลิต ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะย้ายโรงงานกลับประเทศ

ขณะเดียวกัน จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ที่จะเริ่มในปี 2026 โดยพยายามรักษาสัดส่วนภาคการผลิตในระบบเศรษฐกิจให้คงที่ในระยะยาว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บางส่วนยังไม่สนับสนุนการกำหนดเป้าหมายการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากยังไม่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

การหารือล่าสุดสะท้อนว่า จีนอาจยังคงกลยุทธ์เดิม แม้จะเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ และยุโรปที่ต้องการให้จีนลดการพึ่งพาภาคการผลิต โดยสหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีควบคุมการส่งออก และแยกตัวเชิงยุทธศาสตร์ในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ชิปและยา เพื่อผลักดันการพึ่งพาตนเอง

อย่างไรก็ตาม จีนยังยืนกรานรักษามาตรการควบคุมแร่หายาก และผลักดันการบริโภคภายในประเทศแทนการพึ่งพาการส่งออกที่อาจลดลงจากผลกระทบของนโยบายสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ได้ระบุว่า 'การกระตุ้นการบริโภค' เป็นภารกิจหลักของรัฐบาลในปีนี้

‘ทรัมป์’ ตอบตกลงเยือนจีน ตามคำเชิญ ‘สี จิ้นผิง’ ถกการค้า-ลดภาษี หลังโทรคุยกันในรอบหลายเดือน

(6 มิ.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเตรียมเยือนประเทศจีน หลังได้รับคำเชิญจาก สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ที่เน้นเรื่องการค้าเป็นหลัก ทั้งสองฝ่ายยังเชิญกันไปเยือนประเทศของอีกฝ่ายด้วย

การสนทนาในวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568 ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้งสองประเทศพูดคุยโดยตรง นับตั้งแต่เริ่มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยสำนักข่าวซินหัวของจีนระบุว่า การพูดคุยนี้เกิดขึ้นตามคำขอของฝ่ายสหรัฐฯ

ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่าการพูดคุยเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งเน้นเรื่องการค้าและมีผลลัพธ์เชิงบวกสำหรับทั้งสองประเทศ พร้อมระบุว่าเขาจะเดินทางไปจีนพร้อมสุภาพสตรีหมายเลข 1 และเชิญสี จิ้นผิง เยือนทำเนียบขาวเช่นกัน

ซินหัวรายงานว่า สี จิ้นผิง เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการด้านลบที่กระทำต่อจีน และเน้นย้ำว่าจีนจะรักษาข้อตกลงลดกำแพงภาษีซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ กับจีนจะลดภาษีสินค้านำเข้าลง 15% เป็นเวลา 90 วัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวหาจีนละเมิดข้อตกลงลดภาษีและหยุดส่งแร่ธาตุหายาก ขณะที่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหา และในวันเดียวกัน ทรัมป์ยืนยันว่านักศึกษาจีนสามารถเดินทางมาเรียนในสหรัฐฯ ได้ แต่จะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ขณะที่สี จิ้นผิง เตือนให้สหรัฐฯ ระมัดระวังเรื่องไต้หวันอย่างรอบคอบในบริบทความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top