Tuesday, 22 April 2025
สงขลา

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ!! ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ชาวสงขลา เลือกหนุน ‘สุพิศ’ นั่งนายกฯ อบจ.

เมื่อวานนี้ (19 ม.ค. 68) ‘นิด้าโพล’ ทำการสำรวจความคิดเห็นของชาวสงขลาต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.) ซึ่งมีผู้ลงสมัครมากถึง 9 คน

ผลการสำรวจพบว่า ชาวสงขลา 26.36% เชื่อว่านายสุพิศ พิทักษ์ธรรม จากกลุ่มสงขลาพลังใหม่น่าจะมีโอกาสได้รับเลือก ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าทุกคน

ตามด้วยนายนิรันดร์ จินดานาค จากพรรคประชาชน 16.44% ซึ่งห่างจากนายสุพิศถึง 10%

นายประสงค์ บริรักษ์ นายกแบน จากทีมสงขลาเข้มแข็ง ได้แค่ 14.13%

ส่วนคนอื่นๆคะแนนอยู่ที่ 1-5% เท่านั้น แต่ยังมีอึก 25.54% ที่ยังไม่ตัดใจว่าจะเลือกใคร

มีเวลาเหลือสำหรับการหาเสียงแค่ 12 วัน เพราะจะมีการหย่อนบัตรลงคะแนนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง กินขนมเชื่อก่อนได้เลยว่า นายสุพิศน่าจะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯอบจ.สงขลา เว้นเสียแต่ว่า นายสุพิศสดุดขาตัวเอง ซึ่งในทางการเมืองวันเดียวก็มีโอกาสพลิกได้ ถ้าผิดพลาด กระแสจะไปเร็วมาก

ในสถานการณ์นี้นายสุพิศต้องประคองสถานการณ์ให้ได้ รักษาระดับเอาไว้ และสร้างกระแสดีดตัวเองให้พุ่งนำไว้เรื่อยๆ จนถึงวันหย่อนบัตร ก็เรียก ‘นายกฯสุพิศ’ ไว้ก่อนได้เลย

สงขลา-เลือกนายก อบจ.สงขลา “เงินไม่มากามาเป็น” ชาวบ้านขู่  “นายทุน” เงินอยู่กับใคร ให้คนนั้นไปลงคะแนน 

(20 ม.ค. 68) แถม “ลดราคา” จากเสียงละ 500 เป็น 300 ในการเลือกตั้ง ลดราคาการ”ขนคน” ไปฟังการปรายศรัย” จาก 300 เป็น 200 และ 100 ตามสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

ผู้สื่อข่าว ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของการเมืองท้องถิ่น การหาเสียงของ ผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. หรือ สจ. ในแต่ละเขตเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้เหลือเพียง 10 วันสุดท้าย ก็ที่จะมีการ เข้าคูหาหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ 2568 พบว่า ยังคงเป็นการแข่งขันของ 3 ทีมใหญ่ คือ ทีมพรรคประชาชน ที่มี นายนิรันดร์ จินดานาค เป็น ผู้สมัคร นายก อบจ. หมายเลข 2 นายประสงค์ บริรักษ์ หมายเลข 3 และ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม หมายเลข 5 ซึ่งก่อนหน้านี้ นิดาโพล ได้มีการสำรวจ พบว่า คะแนนของหมายเลข 5 ยังนำหมายเลข 2 และ 3 อยู่ เล็กน้อย แต่ที่น่าสังเกตคืนยังมีผู้ที่ไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครอีกเกือบ ร้อยละ 30 ที่ยังเป็น ตัวแปร ในการเลือกตั้ง นายก อบจ.ในครั้งนี้

ผู้สื่อข่าว ที่ เกาะติด ความเคลื่อนไหวของ การเลือกตั้งในพื้นที่รายงานว่า ทีมของผู้สมัครเริ่มจัดให้มีเวทีการหาเสียง ในอำเภอรอบนอกของจังหวัดสงขลา เช่น อ.สิงหนคร .สทิงพระ .จะนะ ,นาทวี เพื่อ หาเสียง กับประชาชน โดยบอกถึง นโยบาย ที่จะบริหารท้องถิ่น หากได้รับการเลือกตั้ง  โดย บางทีมยังใช้วิธีการเดิมๆ นั้นคือให้ ผู้สมัคร สจ. ในพื้นที่ ขนคนมาฟังการปราศรัย เพื่อให้เห็นว่ามีประชาชนให้การสนับสนุนจำนวนมาก มีการจ่ายเงินให้ผู้มาฟังปราศรัย ตั้งแต่ หัวละ 100 บาท 200 บาท และ 300 บาท ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า การจ่ายเงินให้คนมาฟังการปราศรัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ น้อยกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งจะอยู่ที่หัวละ 300 บาท ส่วน หัวคะแนน ที่นำคนมาร่วมเวลาจะได้ค่าตอบแทนหัวละ 200 บาท แต่ถึงจะจ่ายไม่มาก ประชาชน ส่วนหนึ่ง ก็ยังคงมาร่วมเวที เพราะสภาพของความยากจน ที่เงิน 100 หรือ 200 บาท ก็มีความหมาย

หัวคะแนน ของทีมใหญ่รายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า มีการ เก็บรายชื่อ ของผู้มีสิทธิ์ในการลงคะแนนแล้ว โดยมีการ บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ  โดยการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของรายชื่อ และมีการแจ้งให้เจ้าของรายชื่อทราบว่าจะมีการ ซื้อเสียงๆละ 500 บาท หลังจากที่มีการตรวจสอบรายชื่อแล้ว โดยประชาชนส่วนหนึ่ง ยอมที่จะรับ 500 บาท ในการไปใช้สิทธิ์ให้กับ ผู้สมัครที่เป็น หัวหน้าทีม แต่มีส่วนหนึ่งมีการต่อรองว่า ถ้าจ่าย หัวละ 500 บาท จะเลือกผู้ที่สมัคร สจ. ที่เป็นคนในพื้นที่ ที่ชาวบ้านรู้จัก แต่จะไม่เลือก หัวหน้าทีม ที่ตนเองไม่รู้จัก ถ้าจะให้เลือกทั้ง ผู้สมัครนายก อบจ. และผู้สมัคร สจ. ต้องจ่าย 1,000 บาท ในขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีเพียง ทีมเดียว ที่ หัวคะแนน มาเก็บรายชื่อเพื่อ ซื้อเสียง ส่วนทีมอื่นๆ ยังไม่มีการมาติดต่อ ดังนั้นต้องรอก่อนว่าทีมไหนให้ มากกว่า ก็จะเลือกทีมนั้น 

ในขณะเดียวกัน ก็มีการปล่อยข่าวว่า  นายทุนได้นำเงินไปให้กับ ผู้นำท้องถิ่น และ ผู้นำท้องที่ เพื่อใช้ในการซื้อเสียงจากผู้มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง ทำให้ ประชาชน ในพื้นที่ ที่ทราบข่าวว่า และ เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้าเงินที่ให้ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ไม่ถึงมือชาวบ้าน ก็ให้ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ไปเลือก เจ้าของเงินแทน ส่วนชาวบ้านจะไม่ไปเลือก

และจากการติดตาม ข่าวสารในโซเชียล พบว่า มีการต่อรองว่า ถ้าไม่ได้เสียงละ 1,000 บาท จะไม่ไปใช้สิทธิ์ และหากให้ดีในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำต้องมีการจ่ายให้ประชาชนเสียงละ 2,000 บาท ซึ่งสร้างความฮือฮาในหมู่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นยังพบว่ามีการลงในโซเซียล ว่าจะไป โนโวต เพราะไม่เชื่อมั้นในผู้สมัครว่าจะทำตามนโยบายที่นำเสนอต่อประชาชน

รายงานจากแหล่งข่าว ที่ใกล้ชิดกับผู้สมัครแจ้งว่า มีการจ่ายเงินให้ สจ.เขตในทีมๆละ 2 ล้านบาท เพื่อใช้เป็น ปัจจัย ในการ หาเสียงในแต่ละเขตเลือกตั้ง ทั้งในส่วนของ นายก อบจ. และของ สจ. ซึ่งมีการจ่ายไปแล้ว 1 ล้าน ส่วนอีก 1 ล้าน จะจ่ายก่อนสัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ในขณะที่ ผู้สมัคร สจ. ในบางอำเภอ อยู่ระหว่างการ เก็บรายชื่อของประชาชนผู้มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง ซึ่งต้องมีการ ซื้อเสียง ตั้งแต่ 10,000 ถึง 13,000 คน  ถ้าต้องจ่ายเสียงละ 1,000 ต่อหัว ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่าเขตละ 5 ล้านบาทขึ้นไป จึงมีการต่อรองกับ หัวคะแนน ให้เหลือเสียงละ 500 และ 300 บาท ในบางพื้นที่ เพื่อที่จะไม่ต้องใช้เงินถึง 5 ล้านบาท ในการ เลือกตั้งครั้งนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า บางทีมที่ไม่ใช้เงินในการขนคนมาฟังการปราศรัย จะมีคนมาร่วมเวทีครั้งละ 500 คนขึ้นไป แต่เป็น ประชาชน ที่ตั้งใจมา ส่วนทีมที่มีการ จ่ายเงิน ให้ประชาชนมาร่วมฟังการหาเสียง จะมี ประชาชน มาร่วมฟังการหาเสียง ตั้งแต่ 5,000 -7,000 คน ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่า ทุกคนที่มา จะเลือกทีมของผู้มาหาเสียงหรือไม่

ที่น่าสังเกตคือมี 2 ทีมของผู้สมัคร ที่ใช้เครื่องมือของ “โซเชียลมีเดีย” ในการ หาเสียง และมีการ สำรวจคะแนนนิยมเป็นระยะๆ เพื่อการวางแผน ในการ เข้าถึงประชาชน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งโดยภาพรวมการ จัดเวทีปราศรัย ทำให้มีเงินสะพัดในแต่ละพื้นที่ ส่วน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ก็ได้รับ อานิสงส์ ในการมีส่วน บริหาร จัดการ การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ และ สุดท้าย เงินจะสะพัดด้วยการ จ่ายซื้อเสียงใน 3 วันสุดท้าย ก่อนวันลงคะแนนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์

แหล่งข่าว กล่าวว่า เงินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการ “ซื้อเสียง” มาจาก ธุรกิจบ่อนออนไลน์ ที่เป็นธุรกิจผิดกฎหมาย และมี นายทุน และ ผู้สมัคร บางคน ที่อยู่ในธุรกิจดังกล่าว และที่เป็นข่าวฮือฮาการเลือกตั้งครั้งนี้คือ มีนักการเมืองบางคน ประกาศที่จะ ล้ม อดีต สจ.ใน อ.นาหม่อม จ.สงขลา เพื่อให้แพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้ ทั้งหมดคือภาพรวมของการ เลือกตั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดในครั้งนี้ ซึ่ง ประชาชน ส่วนหนึ่งใน จังหวัดสงขลา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อยากให้ กกต.จังหวัดสงขลา ส่ง เจ้าหน้าที่ ออกติดตาม การ ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ที่เกิดขึ้น

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นายหัวไทร ลงพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ประเมินแล้ว ขอฟันธง!! เขียนชื่อแปะข้างฝาได้เลย ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ นายกฯ อบจ.สงขลา

(26 ม.ค. 68) เข้าสู่โค้งสุดท้าย ถ้าเป็นมวยก็ยกฟ้าปลายๆแล้วสำหรับศึกชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.สงขลา ที่มีคนหาญกล้าลงชิงมากถึง 9 คนที่ถือเป็นประวัติการณ์ที่มีคนลงสมัครมากถึงขนาดนี้

เกมเดินมาถึงยกสุดท้ายแล้วสำหรับศึกชิงนายกฯ อบจ.สงขลา เริ่มเห็นเค้าเห็นลางว่า ใครจะเดินเข้าสู่ชัยชนะ ใครจะตกสวรรค์บ้าง

สำหรับ #นายหัวไทร ที่เฝ้าติดตามข้อมูลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนสมัครรับเลือกตั้ง หลังสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งเดินทางลงพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ก็พอประเมินออกว่า ใครจะเข้าวิน

วินาทีฟันธงได้เลยครับว่า ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เด็กบ้านปะโอ อ.สิงหนคร น่าจะได้รับความไว้วางใจจากชาวสงขลาให้เป็นนายกฯอบจ.คนต่อไป ต่อจาก ‘ไพเจน มากสุวรรณ์’ ที่ตัดสินใจไม่ไปต่อ

ไม่ใช่นั่งชี้นอนชี้แต่มีเหตุผลในการฟันธง ประการแรก คือความพร้อมของสุพิศเอง ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจสูงมากในการเปลี่ยนแปลงเมืองสงขลาบ้านเกิด ยอมเสียสละหน้าที่ราชการในตำแหน่งอธิบดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไต่เต้าจาก ซี 1 จนได้ ซี 10 กับอายุราชการที่ยังมีอีกหลายปี โอกาสคว้าเก้าอี้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ยังมีอยู่ แต่สุพิศ ก้าวกระโดดออกมาเสี่ยงลงชิงเก้าอี้นายกฯ อบจ.

ประการต่อมาสุพิศมีความพร้อมด้านทุนทรัพย์ ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรับช่วงต่อมาจากพ่อ ได้ทำงานรับเหมาใหญ่หลายงาน ทั้งงานในกรมชลประทาน และงานอื่นๆ จนถือว่าเป็นคนร่ำรวยคนหนึ่งของสงขลา

ประการที่สาม ด้วยหน้าที่การงาน และฐานะ ยอมสร้างบารมีขึ้นมาได้ เป็นที่ยอมรับของแวดวงราชการ และธุรกิจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการมีบริวารแวดล้อม เครือข่ายมากมายที่พร้อมสนับสนุนผลักดัน

ประการที่สี่ ต้องยอมรับความจริงว่า สุพิศลงสมัครได้รับการสนับสนุนด้วยดีจาก ‘นายกฯชาย เดชอิศม์ ขาวทอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รมช.สาธารณะสุข แม้จะอยู่ห่างๆสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เป็นการห่างในเชิงยุทธวิธี เช่นเดียวกับ ‘พี่จ่า-นิพนธ์ บุญญามณี’ อดีต รมช.มหาดไทย อดีตนายกฯอบจ.สงขลา ที่รักษาระยะห่าง แต่การเมืองมันกรี๊งกร้างกันได้ แต่มีสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ออกหน้าในพื้นที่อยู่แล้ว

ประการที่ห้า นโยบายบางอย่างถือว่าโดดเด่นในการสร้างเมือง เช่น ถนน อบจ.ต้องไม่เป็นหลุมเป็นบ่อแม้แต่หลุมเดียว และต้องชื่นชมในการหยิบนโยบายบางเรื่องของนายกฯไพเจนมาทำต่อ สานต่อ เมื่อเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดี เช่น พลิกนาร้างเป็นสวนปาล์ม เป็นต้น

แม้อาจจะขัดใจอยู่บ้างในช่วงแรกสำหรับการใช้สื่อโซเชี่ยลหาเสียงเข้าถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เข้าใจว่าเป็นช่วงการปรับตัว แต่ช่วงหลังใช้สื่อมากขึ้น กระแสดีขึ้น

สำหรับผู้สมัครคนอื่นๆ ผมเชื่อตาม ‘นิด้าโพล’

นิด้าโพล สำรวจพบ ‘สุพิศ’ มีคะแนนนิยมสูงสุด ตามด้วย ‘นิรันดร์’ นายกฯแบบมาอันดับ 3

นิด้าโพลทำการสำรวจความคิดเห็นของชาวสงขลาต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.) ซึ่งมีผู้ลงสมัครมากถึง 9 คน

ผลการสำรวจพบว่า ชาวสงขลา 26.36% เชื่อว่านายสุพิศ พิทักษ์ธรรม จากกลุ่มสงขลาพลังใหม่น่าจะมีโอกาสได้รับเลือก ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าทุกคน

ตามด้วยนายนิรันดร์ จินดานาค จากพรรคประชาชน 16.44% ซึ่งห่างจากนายสุพิศถึง 10%

นายประสงค์ บริรักษ์ นายกแบน จากทีมสงขลาเข้มแข็ง ได้แค่ 14.13%

ส่วนคนอื่นๆคะแนนอยู่ที่ 1-5% เท่านั้น แต่ยังมีอึก 25.54% ที่ยังไม่ตัดใจว่าจะเลือกใคร

วันนี้วันที่ 19 แล้ว มีเวลาเหลือสำหรับการหาเสียงแค่ 12 วัน เพราะจะมีการหย่อนบัตรลงคะแนนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง กินขนมเชื่อก่อนได้เลยว่า นายสุพิศน่าจะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ อบจ.สงขลา เว้นเสียแต่ว่า นายสุพิศสดุดขาตัวเอง ซึ่งในทางการเมืองวันเดียวก็มีโอกาสพลิกได้ ถ้าผิดพลาด กระแสจะไปเร็วมาก

ในสถานการณ์นี้นายสุพิศต้องประคองสถานการณ์ให้ได้ รักษาระดับเอาไว้ และสร้างกระแสดีดตัวเองให้พุ่งนำไว้เรื่อยๆ จนถึงวันหย่อนบัตร ก็เรียก ‘นายกฯ สุพิศ’ไว้ก่อนได้เลย

สงขลา-ทัพเรือภาคที่ 2 โดยเรือ ต.995 จับกุมเรือประมงเวียดนามคราดปลิงทะเล 1 ลำ ลูกเรือ 5 คน ลุกล้ำน่านน้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย บริเวณพื้นที่ชายฝั่งอำเภอระโนด 

เมื่อวานนี้ ( 26 ม.ค. 68 )ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 2 ได้รับการประสานจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 รวมทั้งข่าวสารจากพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ ว่ามีเรือประมงต่างชาติเข้ามาลักลอบทำการประมงในบริเวณทิศตะวันออกของชายฝั่งอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ระยะทางประมาณ 69 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในน่านน้ำไทย

พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูลผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 /ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 จึงได้สั่งการให้ เรือ ต.995 ร่วมกับเครื่องบินลาดตระเวน (ดอร์เนียร์ 228) ซึ่งลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบทำการค้นหาและพิสูจน์ทราบ

จนกระทั่งเมื่อเวลา 16.28 น. ของวันเดียวกัน กำลังดังกล่าวได้ตรวจพบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จำนวน 1 ลำ ผู้ควบคุมพร้อมลูกเรือ จำนวน 5 คนกำลังทำการประมงอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้เข้าทำการจับกุม และควบคุมเรือของกลางพร้อมลูกเรือทั้งหมด กลับมายังท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม และส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป การจับกุมเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาทำการประมงในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 1 เดือน โดยก่อนหน้านี้ ทัพเรือภาคที่ 2 และ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 ได้มีการจับกุมเรือประมงเวียดนามที่ลักลอบเข้ามาทำการประมงไปแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 และวันที่13 มกราคม 2568 สามารถยึดของกลางเป็นเรือประมง จำนวน 3 ลำ ผู้ต้องหารวม 15 คน เมื่อรวมในครั้งนี้ ทำให้มีเรือที่ถูกจับกุมแล้ว รวม 3 ลำ ผู้ต้องหารวม 15 คน

และตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 จนถึงปัจจุบัน มีเรือประมงต่างชาติที่ถูกจับกุมแล้วรวม 16 ลำ ผู้ต้องหา รวม 80 คน ทั้งนี้ เรือประมงที่ถูกจับกุมแต่ละลำ มีมูลค่าเรือกว่า 1 ล้านบาท ทัพเรือภาคที่ 2 และ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2จะยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทางทะเลซึ่งรวมถึงการลักลอบเข้ามาทำประมงผิดกฎหมายของเรือประมงต่างชาติ อย่างเข้มงวดและเด็ดขาด เพื่อให้ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของประเทศไทยคงอยู่กับพี่น้องคนไทยอย่างแท้จริงและยั่งยืนสืบไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

‘สุพิศ’ ปราศรัยทิ้งทวนชิงเก้าอี้ นายกอบจ. สงขลา ลั่น ดันหาดใหญ่ศูนย์กลาง ศก.ภาคใต้ - เร่งสร้างรายได้ให้ชาวสงขลา

สงขลา – ‘สุพิศ’ ปราศรัยเวทีสุดท้ายทิ้งทวนประกาศกร้าวดันหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซียเพิ่มเม็ดเงินสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชาวสงขลาจัดเทศกาลท่องเที่ยวทุกอำเภอ หากชาวสงขลาเชื่อมั่นจะทำให้เห็นภายใน 4 ปีแน่นอน

เมื่อวันที่ (30 ม.ค.68) ที่สี่แยกสะพานดำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ทีมสงขลาพลังใหม่ พร้อม นายสมพร ใช้บางยาง ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายอับดลรอหมาน กาเหย็มและทีมบริหาร ผู้สมัครสมาชิก อบจ.ทีมสงขลาพลังใหม่  ขณะที่มวลชนนับหมื่นหลั่งไหลมาให้กำลังใจเวทีสุดท้ายของการเลือกตั้งในครั้งนี้ 

โดยนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม กล่าวบางช่วงบนเวทีว่า วันนี้ตนมีความตั้งใจมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมาสร้างเมืองสงขลาอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจของภาคใต้ก็ว่าได้ วันนี้เราอยากดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสงขลาโดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหาดใหญ่เพื่อกระจายเม็ดเงินให้ทั่วทุกพื้นที่สร้างรายได้ให้ภาคธุรกิจทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ขับเคลื่อนเรื่องการจัดงานเทศกาลเฟสติวัลตลอดทั้งปี ดึงนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดเข้าสงขลาให้มากที่สุด และการส่งเสริมการลงทุนสร้างงาน สร้างรายได้ ให้ประชาชน นอกจากนี้เราจะให้ความสำคัญกับเรื่องการจัดการขยะ ลดมลพิษอากาศ นำสายไฟฟ้าลงดิน

นอกจากนี้นายสุพิศ  พิทักษ์ธรรม ยังกล่าวเปิดใจบนเวทีอีกว่า วันนี้ตนเองลาออกจากอธิบดีกรมฝนหลวงการบินเกษตรเพื่อมาลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ก็เพื่ออยากใช้ความรู้ความสามารถที่สั่งสมมาตลอดช่วงที่ผ่านมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับสงขลาบ้านเกิดจริง ๆ ไม่เคยมีอะไรแอบแฝงขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นในตัวผม 

ขณะที่ในวันที่ 31 ม.ค. จะเป็นวันหาเสียงวันสุดท้ายเหล่าบรรดาผู้สมัครจากทั้ง 9 ทีมก็จะมีกำหนดการขึ้นรถแห่เพื่อเชิญชวนประชาชนชาวสงขลาออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้ได้มากที่สุด….

‘สุพิศ’ ผู้สมัครเบอร์ 5 คว้าชัย!! นายกฯ อบจ.สงขลา ยัน!! พร้อมทำงานทันที หลัง ‘กกต.’ ประกาศรับรอง

(2 ก.พ. 68) ที่จ.สงขลา สำหรับผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ปรากฏว่า ผู้ที่มีคะแนนนำสูงสุด คือ นายสุพิศ  พิทักษ์ธรรม ผู้สมัครเบอร์ 5 ที่ได้รับการสนับสนุน จากสองแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ คือนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มท.  และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สธ. ผู้ที่มีคะแนนอันดับ 2 คือ นายประสงค์  บริรักษ์  ผู้สมัครเบอร์ 3 และอันดับ 3 คือนายนิรันดร์  จินดานาค ผู้สมัครจากพรรคประชาชน เบอร์ 2  

นายสุพิศ  พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงฯพร้อมทีมบริหารได้กล่าว ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนชาวสงขลามอบให้ และไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้นายก อบจ.สงขลาและทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ทีมผู้สมัครส.อบจ.ของทีมเราทุกคะแนนโดยทันทีที่ กกต.ประกาศรับรองก็จะเดินหน้าทำงานทันทีตามแนวทางที่ได้เคยประกาศไว้ขอบคุณครอบครัวและทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

โดยในวันนี้ (2 ก.พ.) ‘ทีมสงขลาพลังใหม่’ มีกำหนดการขึ้นรถแห่ขอบคุณชาวสงขลาโดยเริ่มจากอำเภอหาดใหญ่และอำเภอเมืองสงขลาและอำเภออื่นๆ

‘นิพนธ์’ เสนอ ‘นายกฯ-ครม.’ เร่งผลักดันงบ ‘Hatyai Monorail’ หวั่นล่าช้า ทำต้นทุนพุ่ง ชี้!! เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของหาดใหญ่

(16 ก.พ. 68) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 8 สมัย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เร่งผลักดันโครงการ Hatyai Monorail พร้อมเร่งรัดการพิจารณางบประมาณโดยสำนักงบประมาณ เพื่อให้โครงการเกิดขึ้นโดยเร็ว ลดต้นทุนที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต  

นายนิพนธ์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ซึ่งจะจัดขึ้นที่จังหวัดสงขลา ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นี้ เป็นโอกาสสำคัญที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนโครงการระบบขนส่งสาธารณะของอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเชื่อมต่อ สถานีคลองหวะ – สถานีรถตู้ โดยโครงการดังกล่าวผ่านการศึกษาความเป็นไปได้แล้ว และมีศักยภาพสูงในการพัฒนา  

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้โครงการต้องรอการพิจารณาจากสำนักงบประมาณ ว่า จะจัดสรรงบประมาณให้เท่าใด ซึ่งหากกระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็ว จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ ลดปัญหาการจราจร และสามารถควบคุมต้นทุนโครงการได้ แต่หากล่าช้า ต้นทุนก่อสร้างจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความคุ้มค่าและความเป็นไปได้ของโครงการ  

“Hatyai Monorail ไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของหาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการจราจร รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเป็นตัวแบบของความร่วมมือระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่น โดยอบจ. สงขลาได้ศึกษาความเป็นไปได้และออกแบบพร้อมศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้วรอการพิจารณาอนุมัติงบประมาณ จากสำนักงบฯ พร้อมเป็นการกระตุ้นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลาง กับท้องถิ่น และภาคเอกชน  ซึ่งการดำเนินโครงการที่รวดเร็วจะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็วที่สุด” นายนิพนธ์ กล่าว  

นายนิพนธ์ ย้ำว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับโครงการนี้ และพิจารณาจัดสรรงบประมาณโดยเร็ว เพื่อให้โครงการเกิดขึ้นจริง รองรับการขยายตัวของเมืองหาดใหญ่ และปริมณฑลและเป็นต้นแบบของระบบขนส่งสาธารณะในภูมิภาคอื่นของประเทศต่อไป

ทอ.ทดสอบนำเครื่องขับไล่ Gripen บินขึ้นลงถนนหลวง 26 - 27 กุมภาพันธ์นี้

กองบิน 56 แจ้งว่า จะมีการทดสอบการขึ้นลงของเครื่องบิน Gripen บนถนนทางหลวงในจังหวัดสงขลาในวันที่ 26 และ 27 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจะมีการปิดถนนบางช่วงเพื่อการฝึกซ้อมในกิจกรรมสำคัญด้านความมั่นคงดังกล่าว

ตามประกาศจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ Hi Songkhla ระบุว่าในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 (วันซ้อม) จะมีการทดสอบการลงของเครื่องบิน Gripen บนถนนหน้า ภาค 9 ตั้งแต่เวลา 10:00-11:00 น. ซึ่งจะทำให้มีการปิดถนนในช่วงเวลาดังกล่าว

ส่วนในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 (วันจริง) การปิดถนนจะเกิดขึ้นในช่วงเวลา 09:00-12:00 น. โดยการจราจรจะได้รับผลกระทบที่ถนนเพชรเกษม (เส้น 4287) บางช่วง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ทุ่งตำเสาจะเป็นผู้รับผิดชอบการปิดถนนชั่วคราว โดยมีเส้นทางการอ้อมดังนี้

ผู้ที่ต้องการเดินทางไปสตูล จะต้องเลี้ยวซ้ายที่แยกไฟแดงหูแร่ แล้วตรงไป จากนั้นเลี้ยวขวาก่อนถึงโรงเรียนบ้านนาแสน มุ่งหน้าตรงไปจนออกบ้านฉลุง

ผู้ที่ต้องการเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ จะต้องเลี้ยวขวาที่แยกทางเข้าบ้านฉลุง มุ่งหน้าตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก่อนถึงโรงเรียนบ้านนาแสน จากนั้นเลี้ยวขวาที่แยกไฟแดงหูแร่

ตลอดเส้นทางจะมีป้ายเตือนและเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในการจราจรให้กับผู้ใช้เส้นทาง

ประชาชนและผู้เดินทางในพื้นที่ควรติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและเตรียมตัวเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากการฝึกซ้อมดังกล่าว

‘สรรเพชญ’ ชี้ เหตุตึกสตง. ถล่ม เป็นบทเรียนราคาแพง ลั่น การใช้งบประมาณ ต้องคุ้มค่า - ปลอดภัย

เมื่อวันที่ (10 เม.ย.68) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา ในฐานะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีวาระสำคัญในการติดตามความคืบหน้าและตรวจสอบการใช้งบประมาณในโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ที่เกิดเหตุพังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568

การประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน อาทิ ผู้แทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายกสภาวิศวกร นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

นายสรรเพชญ ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า 'ความคุ้มค่า' จากการใช้งบประมาณ ต้องไม่ละเลย 'ความปลอดภัย' ในทุกขั้นตอนของกระบวนการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การควบคุมมาตรฐานทางวิศวกรรม การตรวจสอบคุณภาพวัสดุ การควบคุมผู้รับจ้าง รวมถึงการบริหารจัดการโครงการโดยรวม ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อความมั่นคงของโครงสร้างและความปลอดภัยของประชาชน

“บทเรียนจากการใช้งบประมาณครั้งนี้ คือเสียงเตือนสำคัญถึงทุกภาคส่วนว่า ความคุ้มค่าและความปลอดภัย ต้องเดินเคียงข้างกันเสมอ ตนในฐานะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่าจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน และผลักดันให้เกิดการปรับปรุงแนวทางการบริหารโครงการภาครัฐในอนาคต โดยให้ความสำคัญกับทั้งประสิทธิภาพของงบประมาณและมาตรการความปลอดภัยอย่างแท้จริง” นายสรรเพชญกล่าว

‘คณะสมาชิกสภาจังหวัดสงขลา – ผู้บริหารท้องถิ่น’ ร่วมรดน้ำขอพร ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ เผย!! เป็นผู้ใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนาท้องถิ่น พัฒนา จ.สงขลา ดูแลประชาชน

เมื่อวานนี้ (19 เม.ย. 68) คณะสมาชิกสภาจังหวัดสงขลา ผู้บริหารท้องถิ่น นักการเมือง และผู้นำชุมชนจากหลายอำเภอ ร่วมแสดงมุทิตาจิต และรดน้ำขอพรนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตนายก อบจ.สงขลา และอดีต สส. 8 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ณ ร้านแสงทองโภชนา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  

บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง มีการร่วมรับประทานอาหาร พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน และมีการรดน้ำดำหัว เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่น

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ตนขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาวัฒนธรรม ความรัก ความสามัคคี และจิตสำนึกต่อส่วนรวม และขอฝากกำลังใจถึงผู้นำรุ่นใหม่ให้ร่วมกันขับเคลื่อนบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์ และเสียสละเพื่อพัฒนาสงขลาต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top