Tuesday, 22 April 2025
ลาว

'ลาว' สร้างกระแส “บ่เอาเงินบาท” ชู!! 1 บาทแลกได้ 250 กีบ อาจทำให้ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ-ส่งผลการท่องเที่ยวพัง

(12 ก.ค.67) จากเพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ร้านค้าลาวหลายแห่ง เริ่มปฏิเสธการรับเงินบาทและกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท เท่ากับ 250 กีบ (ซึ่งไม่มีการแลกเปลี่ยนจริง) อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในลาวอย่างมาก เพราะการกระทำเช่นนี้อาจทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไม่มั่นใจในการใช้จ่ายและทำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังลาว ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมที่กำลังประสบปัญหาอยู่แล้ว ว่า...

แคมเปญ เซฟเงินกีบ ลาว 🇱🇦

น่าจะทำให้ลาวเอง ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ และเสียโอกาส ดึงนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะ ผู้ที่ถือเงินบาท / ดอลลาร์

>> เหตุผล...

1. ร้านค้าจำนวนมาก ประกาศให้เรท 1 บาท / 250 กีบ เพราะอัตราแลกจริง 1 บาท / 700 กีบ โดยประมาณ 

2. ภาครัฐลาว ต้องการเงินตราต่างประเทศ ใช้นำเข้าน้ำมัน อาหาร ฯลฯ และใช้หนี้ต่างประเทศ ซึ่งล้วนแต่ต้องการเงินตราต่างประเทศ เพราะรายได้หลักคือส่งออกและท่องเที่ยว รวมทั้งแรงงานที่ส่งเงินกลับบ้าน 

**จากข้อ 1 นักท่องเที่ยวถือ 'เงินบาท-ดอลลาร์' ไม่กล้าซื้อของ (ซื้อเท่าที่แลกเงินไป) เสียโอกาสการขาย 

**จากแคมเปญระยะยาวถือเป็นเรื่องปลูกจิตสำนึก กระตุ้นการใช้เงินกีบ แต่ไม่ใช่ระยะสั้น และตั้งค่าเงินเอง...?

แน่นอนว่าเหตุผลของแคมเปญ คือ ลดอัตราเงินเฟ้อ และหยุดการอ่อนค่าเงินกีบ (ประเด็น : หากมองญี่ปุ่นเงินเยนอ่อน ยิ่งดึงนักท่องเที่ยวได้มากจนล้น ยิ่งส่งออกได้มาก) 

จากไวรัลหลายร้านค้า ออกมาประกาศ 1 บาทแลกได้ 250 กีบ ซึ่งไม่สอดคล้องอัตราแลกเปลี่ยนจริง น่าจะมีผลต่อการซื้อขาย และความสะดวกในการซื้อ เสียการขาย และเสียนักท่องเที่ยว

‘อดีตทูตไทย’ ชี้ ‘ลาว’ รณรงค์ให้ใช้เงินกีบ ถือเป็นเรื่องกิจการภายใน แนะ!! ไม่ควรวิจารณ์กันมาก เกรงกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 

(14 ก.ค.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ‘Fuangrabil Narisroj’ เกี่ยวกับ ประเทศลาว โดยได้ระบุว่า 

เรื่องลาวเขารณรงค์ให้ใช้เงินกีบในประเทศของเขา เป็นเรื่องกิจการภายในของประเทศเขา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกประเทศที่ต้องให้ความสำคัญกับสกุลเงินของตัวเองเป็นสำคัญ 

รัฐบาลลาวเขาพยายามทุกวิถีทางในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ค่าเงินกีบตกต่ำ ก็เป็นวิถีทางปกติของรัฐบาลทุกประเทศที่ต้องทำเช่นนั้น 

ส่วนจะทำสำเร็จแค่ไหนเราก็ต้องคอยดูกันต่อไป ซึ่งหากลาวเกิดวิกฤติทางการเงินหนัก เราก็จะได้รับผลกระทบเช่นกันทั้งทางตรงและทางอ้อม 

ส่วนพ่อค้าแม่ค้าในลาวเขากำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแบบกด โดยไม่อิงอัตราแท้จริงในตลาดโลก ก็เป็นเรื่องที่เขาทำกันเอง ซึ่งถ้าเราไม่ชอบก็แนะนำได้อย่างเดียวว่าก็อย่าเพิ่งไปเที่ยว 

ส่วนตลาดการค้าระหว่างประเทศยังไงๆก็ต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่อิงกับตลาดโลกอยู่แล้ว เลี่ยงไม่ได้

อย่าลืมว่า ลาว เขาเป็นประเทศ การปกครองก็มีระบอบที่แตกต่างจากเรา เขาไม่ใช่จังหวัดนึงของไทย 

อย่าวิจารณ์แบบเลยเถิดเลยครับ มันจะกระทบมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปโดยไม่เกิดผลดีใดๆ

'ชาวลาว' เรียกร้องความเป็นธรรมให้ 'หนุ่มไทย' หลังถูกวัยรุ่นอายุ 17 ขับรถเฟอร์รารี่ชนดับ

(28 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'Joseph Akaravong' ได้ออกมาโพสต์เรื่องร้องเรียน หลังมีหนุ่มชาวไทยที่ไปอาศัยอยู่ที่สปป.ลาว ถูกหนุ่มวัย 17 ปี ขับรถหรูชนจนเสียชีวิต ทำให้ชาวสปป.ลาว ไม่พอใจเป็นอย่างมากออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้หนุ่มไทยคนนี้ โดยระบุข้อความในโพสต์ว่า... 

"รถที่ชนคนตายคือคันนี้ ผู้ที่เสียชีวิตคือคนไทยที่อาศัยอยู่ในลาว FuFu Idol Indy คนขับรถฝั่งญาติ อ้างคนเกี่ยวข้องไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อายุเพิ่ง 17 ปี"

ภาพที่ผู้ร้องเรียนโพสต์นั้นเป็นภาพรถซูเปอร์คาร์เฟอร์รารี่ สีขาว สภาพด้านหน้าพังยับเยินจากอุบัติเหตุดังกล่าว พร้อมโพสต์ภาพของหนุ่มไทยที่เสียชีวิต นอกจากนี้ชาวเน็ตได้ออกมาแสดงความอาลัย รวมทั้งเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นจำนวนมาก

ซึ่งพบว่าทางโซเชียลมีเดียของทางสปป.ลาว ได้ติดแฮ็ชแท็ก #ຂໍຄວາມເປັນທຳໃຫ້ອ້າຍຟູ ที่แปลได้ว่า #ขอความเป็นให้อ้ายฟู ทั้งนี้ยังพบว่าชาวไทยผู้เสียชีวิตนั้นเป็นช่างภาพคนดังในโลกออนไลน์ และมีคนสปป.ลาวติดตามเป็นจำนวนมาก เมื่อไปดูเฟซบุ๊ก 'FuFu Idol Indy' ของผู้เสียชีวิตนั้นพบว่ามีชาวลาวเข้ามาแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก

‘ลาว’ เตือน!! น้ำท่วม หลัง ‘แม่น้ำโขง’ เพิ่มสูง พื้นที่ลุ่มต่ำเตรียมขนย้ายของไปยังที่ปลอดภัย

(13 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยว่า หน่วยงานสภาพอากาศของลาว ได้ประกาศเตือนน้ำท่วมเนื่องจากระดับน้ำของแม่น้ำโขง และแม่น้ำสาขาสายหลักยังคงเพิ่มขึ้นตามฝนที่ตกหนักหลายวันทั่วลาว พร้อมเตือนสาธารณชนในพื้นที่ลุ่มต่ำเตรียมขนย้ายสิ่งของไปยังที่ปลอดภัย

สำนักอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยา สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของลาว ระบุว่าระดับน้ำของแม่น้ำโขงที่แขวงหลวงพระบางในวันพฤหัสบดี (12 ก.ย.67) อยู่ที่ 19.02 เมตร ซึ่งสูงเกินระดับอันตรายที่กำหนดไว้ 18 เมตร

ขณะระดับน้ำของแม่น้ำโขงในแขวงอุดมไซอยู่ที่ 29.90 เมตร ซึ่งสูงเกินเกณฑ์เตือนภัยที่กำหนดไว้ 29 เมตร และเกือบแตะระดับอันตรายที่กำหนดไว้ 30 เมตร ส่วนระดับน้ำของแม่น้ำโขงในแขวงไชยบุรีอยู่ที่ 13.95 เมตร ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์เตือนภัย (15 เมตร) และระดับอันตราย (16 เมตร)

ด้านระดับน้ำของแม่น้ำโขงในเมืองปากซันของแขวงบอลิคำไซอยู่ที่ 11.15 เมตร ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์เตือนภัย (13.50 เมตร) และระดับอันตราย (14.50 เมตร) ส่วนระดับน้ำของแม่น้ำโขงในนครหลวงเวียงจันทน์อยู่ที่ 11.45 เมตร ซึ่งเกือบแตะเกณฑ์เตือนภัย (11.50 เมตร) และระดับอันตราย (12.50 เมตร)

ทั้งนี้ ภาคเหนือของลาวกำลังเผชิญน้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี หลังจากพายุโซนร้อนยางิทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องจนแม่น้ำหลายสายมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นและเอ่อล้นตลิ่ง โดยบรรดาหน่วยงานรัฐบาลลาวเร่งจัดสรรยานพาหนะและความช่วยเหลืออื่นๆ เข้าช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของและปศุสัตว์

‘อุ๊งอิ๊ง’ พาไทยผงาด ในเวทีประชุม ‘สุดยอดผู้นำอาเซียน’ ลั่น!! พร้อมเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมแก้ปัญหา ในเมียนมา

(12 ต.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ‘เสียงจากใจ…ไทยคู่ฟ้า’ ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย  สรุปภาพรวมภารกิจของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางเยือนสปป.ลาว ในช่วงระหว่างวันที่ 8-11 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และกำลังจะมีสมาชิกใหม่คือ ติมอร์เลสเต การเดินทางครั้งนี้ มีส่วนราชการ นักธุรกิจไปร่วม การประชุมเพื่อรวมประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม700ล้านคน จะทำให้มีพลังและอำนาจต่อรอง โดยการประชุมได้พูดคุยกรอบร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์ น้ำท่วม หมอกควัน PM2.5 โดยในวันแรกเป็นการเยือนสปป.ลาว ในฐานะแขกของสปป.ลาว อย่างเป็นทางการ ได้รับการต้อนรับจากนายกรัฐมนตรีลาว และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลลาวอย่างสมเกียรติ และที่ประชุมหารือปัญหาสำคัญของประเทศไทย-ลาว ที่ได้ร่วมกันจับมือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ปัญหาหมอกควันและยาเสพติดระหว่างชาติ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาแม่น้ำโขงเพื่อป้องกันอุทกภัยระหว่างกันในอนาคต

จากนั้นในวันที่ 9-11 ต.ค.นายกฯได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44-45 และการประชุมอื่น รวมทั้งการพบปะผู้นำแต่ละชาติที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้นกว่า20การประชุม อาทิ การประชุมแบบเต็มคณะ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนอกจากนี้ยังมีการประชุมครั้งที่ 45 ซึ่งเป็นการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน ซึ่งผลของการประชุมเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจาอย่างยิ่ง การประชถมอาเซียนบวกสาม

นายจิรายุ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีความหลากหลาย อาทิการประชุมสุดยอดอาเซียน - จีน ครั้งที่ 27 และการประชุมสุดยอดอาเซียน - เกาหลีใต้ ครั้งที่ 25 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียน กับเกาหลีใต้และการประชุมสุดยอดอาเซียน - ญี่ปุ่น ครั้งที่ 27 และการประชุมสุดยอดอาเซียน - อินเดีย ครั้งที่ 21 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 19  นอกจากนี้นายกฯ ของไทย ได้หารือทวิภาคีเพื่อแนะนำตัว และสร้างความคุ้นเคยกับผู้นำ 12 ประเทศ ได้แก่ บรูไนฯ กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา รวมทั้ง  รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯและนาย Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร WEF ที่เชิญนายกรัฐมนตรีไปร่วมการประชุม WEF ที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี2568 รวมถึงพูดคุยกับนายกฯแคนาดา 

นายจิรายุ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ถือว่าประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการนำเสนอและผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน รวมทั้งการส่งเสริมความเชื่อมโยง ซึ่งนายกฯ ได้หยิบยกเรื่องการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างกัน และการขยายระยะเวลาการยกเว้นวีซ่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน 

ส่วนในหลายเวทีการประชุมและการหารือกับประเทศต่าง ๆ ไทยและประเทศคู่เจรจา ยังตอบรับที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการลักลอบค้ายาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การรับมือภัยพิบัติ การบริหารจัดการน้ำ และการแก้ไขปัญหาหมอกควันและ PM2.5 รวมทั้งการรับมือ การเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศจากทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจา และจะเป็นประโยชน์การส่งเสริมการกินดีอยู่ดี และความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน 

ขณะที่นายกฯกล่าวในเวทีอาเซียนวันสุดท้ายของการประชุมว่า จะส่งเสริมสันติภาพ ในภูมิภาคนี้ซึ่งในส่วนของเมียนมา ไทยเสนอตัวเป็นสถานที่จัดการประชุมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในเดือนธันวาคมปีนี้ เพื่อส่งเสริมความพยายามของอาเซียนในการช่วยกันแก้ไขปัญหาในเมียนมาโดยสันติด้วย 

นายจิรายุ กล่าวสรุปว่าการประชุมทั้ง 4 วันครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามสื่อมวลชนต่างชาติ และประเทศคู่เจรจาให้ความสำคัญกับประเทศไทย และได้นำปัญหาและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน มาพูดคุยกันจนเป็นรูปธรรมเพื่อนำไปสู่ การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของแต่ละประเทศต่อไป โดย โดยในปีหน้าประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียนครั้งที่ 46 ต่อไป

‘เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ’ ยังคึกคัก พร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง แม้เผชิญโควิด-เศรษฐกิจซบ

(30 ต.ค.67) เพจ Biz Laos ได้รายงานความเคลื่อนไหว เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ล่าสุด โดยระบุว่า โครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ดังกล่าวยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2023 - 2024 

การก่อสร้างและพัฒนาโครงการ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญปัญหาทั้งสถานการณ์โควิด ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จนประสบความสำเร็จในหลาย ๆ ส่วนของโครงการ อาทิ 

- โครงการขยายโครงสร้างพื้นฐานและซ่อมแซมถนนภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ แล้วเสร็จ 90%

- โครงการก่อสร้างโรงแรมดอกงิ้วคำ, สนามกอล์ฟ รีสอร์ท พูกิ่วลม, สนามบินนานาชาติบ่อแก้ว, โรงเรียนประถมศึกษาดอกงิ้วคำ (อนุบาล-ทั่วไป), ท่าเรือน้ำลึกสามเหลี่ยมทองคำ เสร็จสมบูรณ์ 100% 

- ท่าเรือขนส่งสินค้า บ้านมอม อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

- โครงการก่อสร้างตลาดน้ำวัฒนธรรมนานาชาติ แล้วเสร็จ 70%

- โครงการก่อสร้างด่านตรวจสากลเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สร้าง และ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงโรงแรมดอกงิ้วคำ ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% 

- การก่อสร้างศูนย์บำบัดน้ำเสีย 80%

- โครงการก่อสร้างสวนสาธารณะแคมของ แล้วเสร็จ 80%, การก่อสร้างสำนักงานรักษาความปลอดภัย

- โครงการก่อสร้างโรงน้ำประปาใหม่ เสร็จสมบูรณ์ 100%

- โครงการก่อสร้างบ้าน และอื่น ๆ 

ปัจจุบันโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วเสร็จและบางโครงการยังอยู่ในช่วงดำเนินการทั้งการตกแต่งภายในและภายนอก ติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด เพื่อเตรียมเปิดทดลองอย่างเป็นทางการ

สำหรับบางโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะดำเนินการต่อเนื่อง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% ภายในสิ้นปี 2567 ตรงตามแผน

‘เหล้าเถื่อน’ ใน ‘ลาว’ กำลังระบาดหนัก ‘ออสเตรเลีย’ เตือน!! นักท่องเที่ยวให้ระวัง

เมื่อวานนี้ (22 พ.ย. 67) ออสเตรเลียเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการดื่มสุราปนเปื้อนเมทานอลในสปป.ลาว หลังวัยรุ่นออสเตรเลีย 1 รายเสียชีวิต หลังดื่มสุราปนเปื้อนที่วังเวียง เป็นชาวต่างชาติรายที่ 4 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีส ของออสเตรเลีย แถลงว่า บิอังกา โจนส์ วัยรุ่นออสเตรเลียวัย 19 ปี เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดี) หลังจากดื่มเหล้าผสมเมทานอลในสปป.ลาว ซึ่งถือเป็นชาวต่างชาติรายที่ 4 แล้วที่สงสัยเสียชีวิตในเหตุการณ์ดื่มเหล้าเถื่อนในลาว 

เมืองวังเวียง แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของลาว ห่างจากกรุงเวียงจันทน์ ไปทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งวัยรุ่นออสเตรเลียหลายคนเดินทางไปเที่ยวก่อนล้มป่วยหนัก  เผยให้เห็นเมืองนี้คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ที่มาร่วมทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ 

โจนส์ ล้มป่วยในวังเวียงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจากนั้นก็ถูกส่งตัวมายังจังหวัดอุดรธานี เพื่อรักษาต่อ ขณะที่ฮอลลี โบวลส์ เพื่อนของเธอในวัย 19 ปีอีกราย ยังรักษาตัวอยู่ที่ไทยเช่นกัน ตามการเปิดเผยของครอบครัวที่ระบุว่าเธอยังอยู่อาการขั้นวิกฤต

ทั้งนี้ เชื่อว่าโจนส์และโบวลส์ ดื่มสุราปนเปื้อนเมทานอล ซึ่งมักใช้เป็นส่วนผสมแทนเอธานอลในราคาที่ถูกกว่า แต่อาจทำให้เกิดอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้ และทางออสเตรเลียออกคำเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการดื่มสุราปนเปื้อนในลาวแล้ว

ทางการไทยยืนยันว่า โจนส์ เสียชีวิตเนื่องจาก ‘ภาวะสมองบวมเพราะมีระดับเมทานอลในระบบร่างกายสูง’

สุราปนเปื้อนเริ่มกลายเป็นประเด็นขึ้นมา หลังจากหญิงออสเตรเลีย 2 รายล้มป่วยเมื่อ 13 พฤศจิกายน หลังออกไปดื่มกับกลุ่มเพื่อนที่นั่น และการเสียชีวิตของโจนส์ ถือเป็นนักท่องเที่ยวรายที่ 4 ที่เสียชีวิตเพราะดื่มสุราปนเปื้อนในวังเวียง

ทางการออสเตรเลีย ระบุว่า ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายราย’ ต่างเป็นเหยื่อของสุราปนเปื้อนเมทานอลนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันแล้วว่ามีชาวอเมริกัน 1 รายเสียชีวิตที่วังเวียง และกระทรวงต่างประเทศเดนมาร์ก ยืนยันว่ามีพลเมือง 2 รายเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้เช่นกัน

นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศนิวซีแลนด์ เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีพลเมือง 1 รายล้มป่วยในลาว และคาดว่าอาจเป็นเหยื่อของสุราปนเปื้อน พร้อมทั้งออกคำเตือนการเดินทางของพลเมืองนิวซีแลนด์ที่ไปเยือนลาวให้ระมัดระวังในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนเมทานอลในลาวด้วยเช่นกัน

ตร.ลาวรวบ 8 เวียดนาม ต้องสงสัยเอี่ยวเหล้าเถื่อนโฮสเทลวังเวียง หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตต่อเนื่อง 6 ศพ

ตำรวจลาวรวบแล้ว 8 ราย ฐานเอี่ยวเหล้าเถื่อนคร่าชีวิตนักท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ (25 พ.ย.67) เว็บไซต์ The Laotian Times รายงานว่า ตำรวจเมืองวังเวียงได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 8 ราย ซึ่งเป็นพนักงานของ Nana Backpackers Hostel ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยทั้งหมดเป็นชาวเวียดนาม อายุระหว่าง 23-44 ปี  

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตรวม 6 ราย ได้แก่ ชาวอเมริกัน 1 ราย, ชาวเดนมาร์ก 2 ราย, ชาวออสเตรเลีย 2 ราย และชาวอังกฤษ 1 ราย สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มปนเปื้อนเมทานอล  

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เมืองวังเวียง ร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งสืบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม  

มีรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 12 คนในพื้นที่ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังดื่มเครื่องดื่มปนเปื้อนจากโฮสเทลเดียวกัน โดยพบเมทานอลในเหล้าและเบียร์  

สถานทูตของเดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ กำลังดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศ ขณะที่คณะทำงานเฉพาะกิจยังคงสอบสวนขอบเขตของเหตุการณ์นี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่าอาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน

รัสเซียเผยอีก 20 ชาติขอเข้ากลุ่ม กัมพูชา ลาว เมียนมา ขอร่วมวงด้วย

(25 ธ.ค. 67) ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า นอกเหนือจากประเทศพันธมิตรที่ได้รับการคัดเลือกก่อนหน้านี้ ยังมีอีกกว่า 20 ประเทศที่แสดงความสนใจเข้าร่วมการหารืออย่างเป็นระบบกับกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่  

อูชาคอฟระบุว่า BRICS ยังคงเปิดกว้างสำหรับประเทศที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน โดยรายชื่อประเทศที่แสดงความสนใจเข้าร่วมกลุ่มเพิ่มอีก 20 ชาติ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บาห์เรน บังกลาเทศ บูร์กินาฟาโซ กัมพูชา ชาด โคลอมเบีย สาธารณรัฐคองโก อิเควทอเรียลกินี ฮอนดูรัส ลาว คูเวต โมร็อกโก เมียนมา นิการากัว ปากีสถาน ปาเลสไตน์ เซเนกัล เซาท์ซูดาน ศรีลังกา ซีเรีย เวเนซุเอลา และซิมบับเว นอกจากนี้ เอริเทรียยังแสดงความกระตือรือร้นที่จะร่วมงานกับ BRICS เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม อูชาคอฟเน้นย้ำว่า การขยายกลุ่มต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยกล่าวว่า “การขยายกลุ่มอย่างไร้การควบคุมอาจทำลายโครงสร้างที่มีอยู่ เราจึงต้องดำเนินการทีละขั้นตอนอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสอดคล้องกับแนวทางที่เราใช้มาตลอด”

หลายพื้นที่อุณหภูมิเลขตัวเดียว น้ำค้างแข็งโผล่ทั่วแขวงหัวพันและเชียงขวาง

(13 ม.ค. 68) สภาพอากาศหนาวเย็นที่ประเทศไทยกำลังเผชิญในช่วงนี้ ยังส่งผลกระทบถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ซึ่งกำลังประสบกับอากาศหนาวจัดในรอบหลายปีเช่นกัน โดยในหลายพื้นที่ของลาว อุณหภูมิลดลงจนเหลือเพียงเลขตัวเดียว

เพจข่าว ກະເເສຂ່າວ (กระแสข่าว) รายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 13 มกราคม ระบุว่า แขวงหัวพันมีอุณหภูมิต่ำสุดเพียง 3 องศา ขณะที่แขวงหลวงน้ำทา แขวงหลวงพระบาง และแขวงบอลิคำไซ มีอุณหภูมิอยู่ที่ 8 องศา ส่วนแขวงสะหวันนะเขดวัดได้ 11 องศา และแขวงอัตตาปืออยู่ที่ 12 องศา ส่วนนครหลวงเวียงจันทน์อุณหภูมิลดลงเหลือ 10 องศา

ในแขวงเชียงขวาง เพจข่าวท้องถิ่นรายงานว่า คืนวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา อุณหภูมิลดต่ำสุดถึง 2 องศา ส่งผลให้ชาวบ้านต้องนำผ้าห่มมาคลุมวัวควายเพื่อช่วยคลายความหนาว

ขณะเดียวกัน เพจ TARGET Magazine รายงานว่าที่ซำเหนือ เมืองเอกของแขวงหัวพัน น้ำค้างแข็งได้ปกคลุมทุ่งหญ้าเป็นบริเวณกว้าง

นอกจากผลกระทบต่อคนและสัตว์เลี้ยงแล้ว อากาศเย็นจัดยังสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเกษตรกรในแขวงจำปาสัก เพจ ຂ່າວເສດຖະກິດ-ການຄ້າ Lao Economic Daily ระบุว่าสวนกาแฟของเกษตรกรในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ต้นกาแฟนับพันต้นแห้งตายจากสภาพอากาศหนาวเย็น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top