Monday, 9 June 2025
รัสเซีย

สหรัฐฯ ทุ่ม $290 ล้าน ตุนยาต้านรังสีนิวเคลียร์ ก่อนไบเดนเตือน 'วันโลกาวินาศ' อาจเกิดขึ้น

รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทุ่มเงิน 290 ล้านดอลลาร์ สั่งซื้อยาต้านรังสีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางคำเตือนของผู้นำรายนี้เกี่ยวกับ 'แนวโน้มของวันโลกาวินาศ' อันมีชนวนเหตุจากท่าทีของผู้กระหายสงคราม วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์

กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (HSS) ยืนยันว่าการจัดซื้อจัดหายา Nplate (เอ็นเพลท) ครั้งใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่กำลังดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว สำหรับยกระดับเตรียมพร้อมปกป้องชีวิตประชาชนจากสถานการณ์ฉุกเฉินทางรังสีและนิวเคลียร์

ยาตัวนี้ ซึ่งสามารถใช้ได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ได้รับอนุมัติให้ใช้รักษาอาการบาดเจ็บทางเม็ดเลือด ที่เกิดพร้อมกับความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (Acute Radiation Syndrome, ARS) ในคนไข้ผู้ใหญ่และเด็ก ถ้อยแถลงของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ระบุ

อาการป่วยจากรังสีลักษณะดังกล่าว "เกิดขึ้นเมื่อทั้งร่างกายของบุคคลรายหนึ่งๆ สัมผัสกับรังสีทะลุทะลวงในปริมาณที่สูงมาก เข้าถึงอวัยวะภายในภายในเวลาไม่กี่วินาที" คำเตือนของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ "อาการบาดเจ็บของการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน ในนั้นรวมถึงเลือดไม่แข็งตัวตามปกติ ผลจากปริมาณเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดภาวะเลือดออกไม่หยุุดไม่สามารถควบคุมได้และเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต"

ยา Nplate ผลิตโดยบริษัทเอ็มเจน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย จะทำหน้าที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตเกล็ดเลือด เพื่อลดภาวะเลือดออกอันมีต้นตอจากรังสี

งบประมาณ 290 ล้านดอลลาร์ มาจากโครงการป้องกันอาวุธชีวภาพ Project BioShield กฎหมายปี 2004 ที่มอบเงินลงทุนสนับสนุนบริษัทต่างๆ สำหรับพัฒนามาตรการตอบโต้ทางการแพทย์ที่มีความสำคัญยิ่งกับความมั่นคงของชาติ

อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะมีการแจกจ่ายยาต้านรังสีนี้อย่างไรหรือที่ไหน

โฆษกรายหนึ่งของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมทางนิวเคลียร์ที่ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว และไม่ได้เร่งรัดขึ้นสืบเนื่องจากสถานการณ์ในยูเครน

สหรัฐฯ อาจดัน THAAD ระบบป้องกันภัยทางอากาศล้ำสมัย หลังรัสเซียโชว์ถล่มยูเครนตอบโต้ระเบิดสะพานที่ไครเมีย

เพจ The World Echo ได้โพสต์ข้อความการตอบโต้ยูเครนแบบจัดหนักจากรัสเซีย พร้อมโอกาสในการขายอาวุธชุดสำคัญจากสหรัฐฯ ระบุว่า...

โหดสัสรัสเซียที่แท้ทรู

ฝ่ายยูเครนเพิ่งแลบลิ้นปลิ้นตาใส่รัสเซีย พลางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเย้ยเรื่องสะพานเชื่อมไครเมียระเบิดตูมไปหมาดๆ ส่วนหมีขาวนั้นกัดกรามกรอดๆ ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้ ยกเว้นเมีย ตดยังไม่ทันหายเหม็น ความโหดสัสรัสเซียก็ปรากฏให้โลกร้อง อั้ยหยา...

เฮียปูตินทุบโต๊ะชี้นิ้วใส่ยูเครนว่า ไอ้การที่ยูระเบิดสะพานที่ไครเมียถือเป็นการก่อการร้ายโว้ย แล้วระบายอารมณ์ด้วยการยิงจรวดใส่อาคารในเมืองซาปอริซเซีย 

ชาวโลกจับตามองว่าไอ้หมีขาวจะทำยังไงต่อ เช้าวันจันทร์ตามเวลายูเครน คือตั้งแต่หกโมงเช้ามาเลย ปูตินก็ยิงจรวดแทนคำทักทาย ปูพรมถล่มเคียฟประมาณ 75 ลูก เล่นเอาชาวเคียฟแตกตื่นหนีเอาตัวรอดกันสุดชีวิต 

รัสเซียถล่มตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเที่ยง แต่ความเสียหายในเคียฟนั้นเรียกได้ 'บรรลัย' ตายไป 5 ราย บาดเจ็บอีก 12 ราย ไฟดับทั้งเมือง ระบบประปาและก๊าซให้ความร้อนได้รับความเสียหายหนัก ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะหนาวขนาดไหน ตอนนี้เริ่มหนาวแล้วด้วยในซีกโลกฝั่งนั้น

เปลี่ยนแม่ทัพปุ๊บโหดปั๊บ แถมปูตินยังโผล่หน้ามาในช่วงบ่าย ขู่ว่า ถ้าเคียฟไม่หยุด พี่ปูตินจะหยุดเคียฟเอง จากนั้นก็ร่ายยาวว่าได้ออกคำสั่งให้โจมตีจากระยะไกล ชนิดที่เรียกว่าอภิมหามหึมาใส่เป้าหมายต่างๆ ทั้งทางด้านพลังงาน, หน่วยสั่งการบังคับบัญชา, และการสื่อสารของยูเครน โดยใช้ขีปนาวุธซึ่งมีทั้งที่ยิงจากทางอากาศ, ทางทะเล, และภาคพื้นดิน 

สรุปง่ายๆ สั้นๆ คือมีเท่าไหร่ถวายประเคนหมด  ระดมยิงปูพรมถล่มเมืองเคียฟนั่นแหละ ทั้งนี้เพื่อตอบโต้การโจมตีแบบผู้ก่อการร้ายของยูเครนที่เพิ่งระเบิดสะพานไปหมาดๆ ในไครเมีย

รู้จัก ‘Talgat Musabayev’ วีรบุรุษแห่งรัสเซีย-คาซัคสถาน ผู้ท่องอวกาศมากถึง 3 ครั้ง รวมระยะเวลา 341 วัน

วุฒิสมาชิก Talgat Musabayev บนสถานีอวกาศ Mir ของสหพันธรัฐ Russia

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนมีโอกาสได้ร่วมต้อนรับวุฒิสมาชิก Talgat Musabayev แห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan ซึ่งมาเยือนประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการ จึงเกิดไอเดียอยากแชร์เรื่องราวของวุฒิสมาชิก Talgat Musabayev แห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan ขอบอกเลยว่า เรื่องราวน่าสนใจมากๆ แต่จะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันครับ

วุฒิสมาชิก Talgat Amangeldyuly Musabayev เกิดเมื่อ 7 มกราคม ค.ศ. 1951 เป็นนักบินทดสอบของอดีตสหภาพโซเวียต สหพันธรัฐ Russia และสาธารณรัฐ Kazakhstan และเป็นอดีตนักบินอวกาศซึ่งได้เดินทางไปในอวกาศถึงสามครั้ง 

โดยการเดินทางไปในอวกาศสองครั้งแรกเป็นการประจำการระยะยาวบนสถานีอวกาศ Mir ของสหพันธรัฐ Russia ส่วนการบินในอวกาศครั้งที่สามเป็นภารกิจนำ Dennis Tito นักท่องเที่ยวอวกาศรายแรกของโลกไปเยี่ยมเยียนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นระยะเวลาสั้นๆ 

วุฒิสมาชิก Musabayev เกษียณจากอาชีพนักบินอวกาศในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2003 และในปี ค.ศ. 2007 วุฒิสมาชิก Musabayev ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการ KazCosmos สำนักงานงานอวกาศแห่งชาติของสาธารณรัฐ Kazakhstan 

สามนักบินอวกาศชาว Kazakhstan

วุฒิสมาชิก Musabayev สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิศวกรการบินพลเรือน Riga (สาธารณรัฐ Latvia ในปัจจุบัน) ในปี ค.ศ. 1974 จากนั้นในปี ค.ศ. 1983 สำเร็จการศึกษาจาก Higher Military Aviation School ใน Akhtubinsk โดยได้รับประกาศนียบัตรวิศวกรรมศาสตร์ วุฒิสมาชิก Musabayev ได้รับรางวัลมากมายหลายรางวัลในฐานะนักบินผาดโผน และได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1990 ในปี ค.ศ. 1991 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนาวากาศตรี และย้ายไปประจำกลุ่มงานนักบินอวกาศของกองทัพอากาศสหภาพโซเวียต ซึ่งต่อมากลายเป็นสหพันธรัฐ Russia 

วุฒิสมาชิก Talgat Musabayev กับทีมนักบินอวกาศของภารกิจในอวกาศครั้งแรก Mir EO-16

ภารกิจในอวกาศครั้งแรกของวุฒิสมาชิก Musabayev ในฐานะสมาชิกลูกเรือของภารกิจระยะยาว Mir EO-16 เดินทางโดยยานอวกาศ Soyuz TM-19 ซึ่ง วุฒิสมาชิก Musabayev ได้รับมอบหมายให้เป็นวิศวกรการบิน ภารกิจดำเนินไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994 รวมระยะเวลา ๑๒๕ วัน ๒๒ ชั่วโมง ๕๓ นาที ได้ทำ Spacewalk สองครั้ง ระยะเวลารวม ๑๑ ชั่วโมง ๗ นาที 

ต่อมาภารกิจในอวกาศครั้งที่สอง วุฒิสมาชิก Musabayev ได้ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการของการสำรวจระยะยาว Mir EO-25 ซึ่งเดินทางโดยยานอวกาศ Soyuz TM-27 ภารกิจมีระยะเวลาตั้งแต่ 29 มกราคม ถึง 25 สิงหาคม ค.ศ. 1998 รวมระยะเวลา ๒๐๗ วัน ๑๒ ชั่วโมง ๕๑ นาที ๒ วินาที ได้ทำ Spacewalk ห้าครั้ง รวมระยะเวลา ๓๐ ชั่วโมง ๘ นาที

วุฒิสมาชิก Talgat Musabayev กับภารกิจในอวกาศครั้งที่สาม ISS EP-1

ภารกิจที่สามอันเป็นภารกิจครั้งสุดท้ายในอวกาศของวุฒิสมาชิก Musabayev คือการเป็นผู้บัญชาการของ ISS EP-1 ซึ่งเป็นภารกิจเยือนสถานีอวกาศนานาชาติ เดินทางโดยยานอวกาศ Soyuz TM-32 และกลับสู่พื้นโลกโดยยานอวกาศ Soyuz TM-31 ระหว่างวันที่ 30 เมษายน ถึง 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2001 รวมระยะเวลา ๗ วัน ๒๒ ชั่วโมง ๔ นาที ภารกิจเยี่ยมเยียนครั้งนี้มีความพิเศษคือ การพา Dennis Tito นักท่องอวกาศคนแรกของโลกที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองไปในอวกาศ (ค่าใช้จ่ายในขณะนั้นราว US$20,000,000 แต่ค่าใช้จ่ายในปัจจุบันวุฒิสมาชิก Musabayev คาดว่า น่าจะราว ๆ US$50,000,000) ในปี ค.ศ. 2007 วุฒิสมาชิก Musabayev ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน ๓๐ นักบินอวกาศที่ใช้เวลาอยู่ในอวกาศมากที่สุดคือ ๓๔๑ วัน 

วุฒิสมาชิก Musabayev ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานอวกาศแห่งชาติของสาธารณรัฐ Kazakhstan หรือ KazCosmos

วุฒิสมาชิก Musabayev เกษียณจากการเป็นนักบินอวกาศในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2003 และดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถาบันวิศวกรรม Zhukovsky กองทัพอากาศสหพันธรัฐ Russia และได้รับแต่งตั้งให้เป็นพลตรีในเดือนกันยายน ค.ศ. 2003 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 ถึง ค.ศ. 2007 

นอกจากนี้ยังได้เป็นผู้อำนวยการของ ‘Bayterek Corp.’ ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่าง Kazakhstan-Russia สำหรับการสร้าง Baiterek space complex ที่ ฐานปล่อยจรวด Baikonur ต่อมา 11 เมษายน ค.ศ. 2007 วุฒิสมาชิก Musabayev ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานอวกาศแห่งชาติของสาธารณรัฐ Kazakhstan หรือ KazCosmos ตามมติของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan 

วุฒิสมาชิก Musabayev ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan ด้านการบินพลเรือนและกิจกรรมอวกาศตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan ลงวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2014 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการการบินและอวกาศของสาธารณรัฐ Kazakhstan ตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนและการพัฒนาแห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan ลงวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2014 

ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2016 ตามคำสั่งของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan และได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 โดยคำสั่งของประมุขแห่งรัฐ 

ปัจจุบันวุฒิสมาชิก Musabayev ยังเป็นกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ กลาโหม และความมั่นคงของวุฒิสภาแห่งสาธารณรัฐ Kazakhstan อีกด้วย

วุฒิสมาชิก Musabayev กับ Nursultan Nazarbayev ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐ Kazakhstan 

นอกจากนี้แล้ววุฒิสมาชิก Musabayev ยังเป็นศาสตราจารย์ในสาขาวิชา จรวดและ เทคโนโลยีอวกาศ echnology เป็นสมาชิก : the National Academy of Sciences สาธารณรัฐ Kazakhstan, the National Engineering Academy สาธารณรัฐ Kazakhstan, the International Academy of Astronautics, the International Academy of Informatization, Tsiolkovsky Russian Cosmonautics Academy, Russian Academy of Natural Sciences

สตรีผู้ทรงอิทธิพล!! รู้จัก ‘Valentina Matviyenko’ หญิงเหล็กแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย สตรีผู้ได้รับฉายา ‘สตรี...ผู้เป็นมือขวาของประธานาธิบดีปูติน’

หากเอ่ยถึงประเทศรัสเซีย ทุกคนต้องนึกถึงหน้าตาของประธานาธิบดีปูตินเป็นแน่ เพราะชายผู้นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลของโลกใบนี้ แต่รู้หรือไม่ว่ามีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนสนิทของประธานาธิบดีปูตินและมีอิทธิพลมากๆ ในรัฐเซีย ถ้าอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร…ตามอ่านมาได้เลย

สาเหตุที่ทำให้ Valentina Matviyenko เป็นหญิงเหล็ก...สตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพราะเธอเป็นพันธมิตรทางการเมืองที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี Vladimir Putin มายาวนานมาก จึงเป็นสตรีที่ประธานาธิบดีปูตินไว้วางใจมากที่สุด โดยเธอดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาสมาพันธรัฐแห่งชาติของสหพันธรัฐรัสเซีย และบรรดาสื่อตะวันตกได้ให้ฉายาเธอว่า ‘สตรี...ผู้เป็นมือขวาของประธานาธิบดี Putin’

Sergey Matviyenko บุตรชายคนเดียวของ Valentina Matviyenko

Valentina Matviyenko เกิดเมื่อ 7 เมษายน ค.ศ. 1949 เกิดที่เมือง Shepetivka เขต Khmelnytskyi ของ ยูเครนตะวันตก สหภาพโซเวียต (ปัจจุบันอยู่ในประเทศ Ukraine) Valentina สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเคมีและเภสัชแห่งเลนินกราด ในปี ค.ศ. 1972 ที่ซึ่งเธอได้พบกับสามีของเธอ Vladimir Vasilyevich Matviyenko พวกเขาแต่งงาน และมี Sergey บุตรชายคนเดียวในปี ค.ศ. 1973 

Valentina Matviyenko เริ่มงานทางการเมืองของเธอในช่วงทศวรรษ 1980 ในนครเลนินกราด (ปัจจุบันคือ นคร Saint Petersburg) โดยดำรงตำแหน่งบริหารหลายตำแหน่งของ Komsomol (องค์กรเยาวชนของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต) จนถึงปี ค.ศ. 1984 เธอกลายเป็นเลขาธิการคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์เขต  Krasnogvardeysky ของนครแห่งนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 ถึง 1986 

Valentina Matviyenko กับ Guido de Marco อดีตประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ Malta

ในปี ค.ศ. 1990 เธอได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครรัฐทูตรัสเซียประจำมอลตา (ค.ศ. 1991-1995) และกรีซ (ค.ศ. 1997-1998) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 ถึง 2003 เธอเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านสวัสดิการ และดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนประธานาธิบดีสำหรับเขตสหพันธรัฐทางตะวันตกเฉียงเหนือ ในปี ค.ศ. 2003 ด้วยความที่เธอเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับประธานาธิบดี Vladimir Putin ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ทำให้เธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าการนคร Saint Petersburg อันเป็นบ้านเกิดของประธานาธิบดีปูติน

Valentina Matviyenko ขณะเป็นผู้ว่าการหญิงคนแรกของนคร Saint Petersburg กับ Jacques Chirac อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส และ Gerhard Schroeder อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในพิธีเฉลิมฉลองครบ ๓๐๐ ปีของนคร Saint Petersburg เมื่อปี ค.ศ. 2003

Valentina กลายเป็นผู้ว่าการหญิงคนแรกของนคร Saint Petersburg ตั้งแต่เธอเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ว่าการ เงินภาษีจำนวนมากถูกโอนจากงบประมาณของรัฐบาลกลางไปยังงบประมาณท้องถิ่น และทำให้เศรษฐกิจของนคร Saint Petersburg เฟื่องฟู ทำให้เกิดการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนทั้งมาตรฐานการครองชีพในนคร Saint Petersburg ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้เธอยังสามารถทำให้ระดับรายได้เฉลี่ยของประชากรใกล้เคียงกับประชากรในกรุง Moscow และเหนือกว่าเมืองสำคัญอื่น ๆ ของสหพันธรัฐรัสเซีย

เขื่อน Saint Petersburg ซึ่งสร้างแล้วเสร็จในยุคที่ Valentina Matviyenko ผู้ว่าการฯ 
โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอุทกภัยซ้ำซากของนคร Saint Petersburg

ผลงานในการพัฒนานคร Saint Petersburg ของเธอทำให้นครแห่งนี้มีความโดดเด่นเพิ่มมากขึ้น โดยมีการย้ายศาลรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐรัสเซียจากกรุง Moscow ในปี ค.ศ. 2008 เธอได้ทำการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่จำนวนมากทั้งในด้านที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างถนนวงแหวน Saint Petersburg ซึ่งรวมถึง สะพานใหญ่ Obukhovsky (สะพานข้ามแม่น้ำ Neva เพียงแห่งเดียวในนครแห่งนี้) สร้างเขื่อน Saint Petersburg จนแล้วเสร็จ โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอุทกภัยซ้ำซากของนคร Saint Petersburg 

เธอเปิดใช้เส้นทางรถไฟใต้ดินสาย 5 ของรถไฟใต้ดินของนคร Saint Petersburg และเริ่มต้นการถมที่ดินในบริเวณ Neva Bay สำหรับสร้างโครงการพัฒนาริมน้ำแห่งใหม่ของนครแห่งนี้ โดยเป็นโครงการพัฒนาริมน้ำที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งมีท่าเรือโดยสารของ St. Petersburg อยู่ด้วย

สถานีรถไฟใต้ดิน Obvodny ของรถไฟใต้ดินสาย Frunzensko–Primorskaya ของนคร Saint Petersburg

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่หลายแห่งถูกดึงดูดไปยังนคร Saint Petersburg และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึง Toyota, General Motors, Nissan, Hyundai Motor, Suzuki, Magna International, Scania และ MAN SE (ทั้งหมดมีโรงงานอยู่ในเขตอุตสาหกรรม Shushary) ส่งผลให้นคร Saint Petersburg กลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญของสหพันธรัฐรัสเซีย 

การพัฒนาที่สำคัญของ Valentina ในฐานะของผู้ว่าการนคร Saint Petersburg อีกด้านหนึ่งคือ การท่องเที่ยว ภายในปี ค.ศ. 2010 จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนนคร Saint Petersburg เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและสูงถึง 5.2 ล้านคน ซึ่งทำให้นคร Saint Petersburg อยู่ในกลุ่มศูนย์กลางการท่องเที่ยวห้าอันดับแรกของยุโรป

Valentina Matviyenko ประธานสภาสมาพันธรัฐแห่งชาติของสหพันธรัฐรัสเซีย กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

วันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ไม่นานหลังจากสร้างเขื่อน Saint Petersburg และถนนวงแหวน Saint Petersburg แล้วเสร็จ Valentina Matviyenko ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการนคร Saint Petersburg โดย Georgy Poltavchenko ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการตำแหน่งผู้ว่าการนคร Saint Petersburg แทนเธอ 

เธอได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดี Dmitry Medvedev ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานสภาสมาพันธรัฐแห่งชาติของสหพันธรัฐรัสเซีย (วุฒิสภาของสหพันธรัฐรัสเซีย) โดยที่ Sergey Mironov ประธานคนก่อนของสภาสมาพันธรัฐแห่งชาติของสหพันธรัฐรัสเซียถูกถอดถอนในเดือนพฤษภาคม Valentina ในฐานะสมาชิกของพรรค United Russia Party ของประธานาธิบดีปูติน ในวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2011 เธอได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาสมาพันธรัฐแห่งชาติของสหพันธรัฐรัสเซีย ด้วยคะแนนเสียง 140 เสียง โดยงดออกเสียงหนึ่งครั้ง และไม่มีเสียงคัดค้าน โดยเป็นประธานที่ได้รับคะแนนจากการเลือกตั้งสูงสุดเป็นอันดับสามของประเทศ

Valentina Matviyenko ประธานสภาสมาพันธรัฐแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
รับเครื่องอิสริยาภรณ์จากประธานาธิบดี Vladimir Putin แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย

เนื่องจากบทบาทของเธอในการลงประชามติเกี่ยวกับสถานะของดินแดนไครเมีย Valentina จึงกลายเป็นหนึ่งในบุคคลกลุ่มแรกๆ ที่ถูกคว่ำบาตรจากประธานาธิบดี Barak Obama แห่งสหรัฐอเมริกา มาตรการคว่ำบาตรอายัดทรัพย์สินของเธอในสหรัฐอเมริกา และห้ามไม่ให้เธอเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา 

‘รัฐบาลสหรัฐฯ’ พร้อมหนุน ‘ยูเครน’ สู้รัสเซียสุดกำลัง แต่ ‘กองทัพสหรัฐฯ’ อยากให้เจรจายุติสงคราม

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Thailand Vision’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และกองทัพสหรัฐฯ โดยระบุข้อความว่า…

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 สำนักข่าว CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กับกองทัพสหรัฐฯ กำลังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันสุดขั้ว ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศกับยูเครน โดยคณะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงประจำเทียบขาว และกระทรวงต่างประเทศ ต้องการสนับสนุนให้ยูเครนสู้รบกับรัสเซียต่อไป ในขณะที่กองทัพสหรัฐฯ มองว่าควรผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงคราม

กองทัพสหรัฐฯ นำโดย พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ (Gen. Mark Milley) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสหรัฐฯ ได้พยายามเสนอนโยบายการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งผบ.สส.สหรัฐฯ ท่านนี้ พยายามผลักดันนโยบายดังกล่าวมาตลอดเกือบทั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

‘กลุ่มนาโต้’ สัญญาจัดหาอาวุธส่งให้ยูเครน ด้านรัสเซีย เตือน ถ้าส่ง ‘แพทริออต’ ได้เจอดีแน่

ในวันอังคาร (29 พ.ย.) พันธมิตรนาโต้สัญญาจัดหาอาวุธเพิ่มเติมและอุปกรณ์ สำหรับช่วยกู้ไฟฟ้าและความร้อนแก่ยูเครน หลังโครงข่ายทางพลังงานได้รับความเสียหายร้ายแรงจากปฏิบัติการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงร้องขอของเคียฟเกี่ยวกับระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออต อย่างไรก็ตามมันกระตุ้นเสียงเตือนจากมอสโก ที่บอกว่าเหล่านั้นจะกลายเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรมของพวกเขาในทันที

เสียงไซเรนเตือนการถูกโจมตีทางอากาศดังระงมทั่วยูเครนเป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้ กระตุ้นให้ประชาชนหลบหนีออกจากท้องถนนไปหาที่กำบัง ทั้งนี้ แม้ต่อมาได้มีการยกเลิกคำเตือนและปิดเสียงไซเรนทั่วประเทศ แต่มีรายงานว่าในแคว้นโดเนตส์ก ทางภาคตะวันออก กองกำลังรัสเซียได้ยิงถล่มเป้าหมายต่างๆ ของยูเครนด้วยปืนใหญ่ ปืนครกและรถถัง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศจากพันธมิตรนาโต้ ในนั้นรวมถึง แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มการประชุม 2 วันในบูคาเรสต์ ในความพยายามหาหนทางช่วยมอบความปลอดภัยและความอบอุ่นแก่ประชาชนชาวยูเครน รวมไปถึงสนับสนุนกองทัพเคียฟ ให้ผ่านพ้นสงครามฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน

ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน บอกกับผู้สื่อข่าวรอบนอกการประชุมนาโต้ พาดพิงถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ของตะวันตก "เราต้องการการป้องกันภัยทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็น ไอริส ฮอว์ก และแพทริออต และเราต้องการหม้อแปลงสำหรับความจำเป็นทางพลังงานของเรา" เขากล่าว "โดยสรุปแล้ว แพทริออตและหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ยูเครนต้องการมากที่สุด"

คำขอดังกล่าวกระตุ้นเสียงตอบโต้จาก ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ออกมาเตือนนาโต้ต่อการมอบระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออตแก่ยูเครน และตำหนิพันธมิตรทหารข้ามแอตแลนติกแห่งนี้ว่าเป็น ‘องค์กรอาชญากรรม’ สำหรับป้อนอาวุธแก่สิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ยูเครนผู้บ้าคลั่ง’

"ตามที่ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ พูดเป็นนัย ถ้านาโต้มอบระบบแพทริออตแก่ยูเครนผู้บ้าคลั่ง เช่นเดียวกับบุคลากรของนาโต้ พวกมันจะกลายเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรมสำหรับกองกำลังของเราในทันที" เมดเวเดฟเขียนบนเทเลแกรม

สโตลเทนเบิร์ก กล่าวก่อนหน้านี้ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ‘กำลังพยายามใช้อากาศอันหนาวเหน็บเป็นอาวุธแห่งสงคราม’ หลังจากกองทัพรัสเซียประสบความปราชัยในสมรภูมิรบ

ในถ้อยแถลงฉบับหนึ่ง บรรดารัฐมนตรีของนาโต้ประณามรัสเซียต่อการโจมตีอย่างไม่ลดละและไร้สามัญสำนึก เล็งเป้าเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนและพลังงานของยูเครน และยืนยันการตัดสินใจในปี 2008 ที่ว่า ท้ายที่สุดแล้วยูเครนจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของพันธมิตรทหารแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ระบุถึงมาตรการที่เป็นรูปเป็นร่างหรือกรอบเวลาที่ชัดเจนใดๆ

พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และยุโรปเผยว่าบรรดารัฐมนตรีนาโต้ จะมุ่งเน้นพูดคุยกันในเรื่องความช่วยเหลือที่ไม่ใช่อาวุธสังหาร เช่น ด้านเชื้อเพลิง เสบียงทางการแทพย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในฤดูหนาว เช่นเดียวกับความช่วยเหลือด้านการทหาร ในขณะที่วอชิงตัน ระบุว่าจะมอบเงิน 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับซื้ออุปกรณ์โครงข่ายไฟฟ้า

รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้องให้สมาชิกนาโต้ ตัดสินใจทางการเมือง จัดหารถถังประจัญบานทันสมัยแก่เคียฟ เพื่อความได้เปรียบด้านการทหารเหนือกองกำลังรัสเซีย แต่ดูเหมือนมหาอำนาจตะวันตกลังเลที่จะทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ด้วยความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย

รัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศขนานใหญ่เล็งเป้าหมายถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและความร้อนของยูเครน เกือบทุกสัปดาห์มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ในสิ่งที่เคียฟและพันธมิตรบอกว่า เป็นการโจมตีที่จงใจทำร้ายพลเรือน ซึ่งเท่ากับเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม

มอสโกอ้างว่าพวกเขาไม่ได้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือน แต่ระบุความทุกข์ทรมานของประชาชนจะจบลงก็ต่อเมื่อเคียฟยอมรับข้อเรียกร้องของพวกเขา ซึ่งไม่ได้บอกว่าคืออะไร ทั้งนี้ แม้เคียฟสอยร่วงขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามาได้เป็นส่วนใหญ่ แต่มันก่อความเสียหายสะสมและผลกระทบของการโจมตีแต่ละครั้งก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

‘อียู’ เสนอยึดทรัพย์รัสเซียที่ถูกอายัด ชดเชยความเสียหายแก่ยูเครน

(1 ธ.ค. 65) สำนักข่าวซินหัว เผยว่าเมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอแผนการยึดทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด เพื่อชดเชยความเสียหายแก่ยูเครนที่เกิดจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน

แถลงการณ์จากอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดจะถูกมอบให้ยูเครน ‘เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดกับประเทศ’ ซึ่งมีการประเมินอยู่ที่ราว 6 แสนล้านยูโร (ประมาณ 21.87 ล้านล้านบาท)

ฟอน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ปิดกั้นเงินสำรองของธนาคารกลางรัสเซีย จำนวน 3 แสนล้านยูโร (ราว 10.93 ล้านล้านบาท) และอายัดเงินของอภิมหาเศรษฐีรัสเซีย จำนวน 1.9 หมื่นล้านยูโร (ราว 6.92 แสนล้านบาท)

ชาวอังกฤษ 85% อาการหนัก หลังรัฐยังหนุนยูเครนไม่เลิก ‘ค่าครองชีพพุ่ง-เริ่มกินอาหารสัตว์เลี้ยง-เทียนไขทำอาหาร’

(4 ธ.ค. 65) World Update เผยว่า ภายหลังรัฐบาลสหราชอาณาจักร เดินตามแนวทางของสหรัฐฯ ร่วมคว่ำบาตรพลังงานราคาถูกจากรัสเซีย...ผ่านมา 9 เดือน ผลปรากฏเศรษฐกิจเละ เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 3 คนพร้อมคณะรัฐมนตรีอีก 300 ตำแหน่ง (ครม.อังกฤษมี 100 ตำแหน่ง/ชุด)

อัตราเงินเฟ้อทะยานอวกาศเป็น 11.1% เศรษฐกิจตกต่ำที่สุดในรอบ 41 ปี เกิดม็อบสหภาพแรงงานต่าง ๆ นัดหยุดงานประท้วงไม่เว้นแต่ละวัน เมืองใหญ่คราคร่ำไปด้วยม็อบเผาบิลค่าไฟฟ้าที่แพงจัดจนจ่ายไม่ไหว กลายเป็นฝันร้ายสำหรับคนนับล้าน

มีการคาดว่าอัตราเงินเฟ้ออังกฤษแท้จริงคือ 13.8% ไปแล้วแต่เมื่อรัฐบาล เยียวยาบางส่วนจึงอยู่ที่ 11.1% ส่งผลให้ลักลั่นกับค่าครองชีพที่ทะยานโด่งลิ่วไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นนายกรัฐมนตรี ริชี ซูแน็ก แห่งอังกฤษ ก็ยังคงสานต่อนโยบายรัฐบาลชุดเดิม คือ คว่ำบาตรพลังงานราคาถูกรัสเซีย น้ำเข้าราคาแพงจากสหรัฐฯ และเป็นปฏิปักษ์จีน ด้วยการประกาศว่าความสัมพันธ์ยุคทองระหว่างอังกฤษกับจีนได้จบลงแล้ว เนื่องจากจีนมีบทบาทสำคัญในเวทีโลกล้ำหน้าอังกฤษเกินไป

นอกจากนี้อังกฤษ ยังคงยื้อความขัดแย้งสงครามในยูเครนต่อไป เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นผู้ให้เงินช่วยเหลือ (เงินกู้) ค่าอาวุธรายใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน รองจากสหรัฐฯ มูลค่า 2,300 ล้านปอนด์ (99,568 ล้านบาท)

ขณะที่ปัจจัยค่าพลังงานแพง ซ้ำเติมด้วยเงินคลังไหลออกติดหล่มสงครามที่ไม่รู้จะได้เงินคืนเมื่อใด ยิ่งซ้ำเติมให้เงินหมุนเวียนภายในชาติหดหายลงไปอีก 

ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ ได้ประเมินว่าครัวเรือนต้องจ่ายค่าเครื่องทำความร้อนและแสงสว่างสูงกว่าปีที่แล้วถึง 88.9% 

และภายในสิ้นปีนี้ จะมีค่าใช้จ่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตเฉลี่ย 4,960 ปอนด์/ครอบครัว ซึ่งมากกว่าปีก่อนถึง 380 ปอนด์

โพลสำรวจความคิดเห็นยังระบุอึกว่า ชาวอังกฤษมากถึง 85% หรือเกือบทั้งประเทศ วิตกกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในชีวิตความเป็นอยู่ 

ชาวอังกฤษทั่วประเทศต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาสปีนี้ และมีการขาดแคลนไก่งวงและนกในฤดูหนาว อาหารค่ำวันคริสต์มาสกลายเป็นภาระที่น่าเป็นห่วงสำหรับครอบครัวชาวอังกฤษจำนวนมาก

โพลระบุอีกว่า 20% ของครอบครัวในอังกฤษ จะขอให้แขกมาบ้านช่วยจ่ายค่าอาหารค่ำวันคริสต์มาส รวมถึงวางแผนที่จะใช้จ่ายของขวัญในปีนี้น้อยลงมากกว่า 36.3% และไม่สามารถจ่ายเงินฟุ่มเฟือยได้เหมือนที่ผ่านมา 33%

หากย้อนไปในเดือนที่ผ่านมา ราคาวัตถุดิบในครัวเรือน เช่น นม, เนย, ชีส, เนื้อ และขนมปัง เพิ่มขึ้นสูงถึง 42% ทำให้ชาวอังกฤษต้องพึ่งพาธนาคารอาหารบริจาคมากขึ้นกว่าเดิม

จากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแพง และอาหาร ที่พุ่งสูงขึ้นเป็นสาเหตุหลักของภาระค่าครองชีพที่สูงเป็นประวัติการณ์ ชาวอังกฤษกำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด ผลกระทบต่อหลายพื้นที่ของเวลส์อย่างหนัก 

ชาวเวลล์บางส่วนไม่ได้รับค่าจ้างมากพอที่จะซื้อสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดวิกฤตค่าครองชีพที่ไม่สามารถจ่ายไหว ต้องใช้ชีวิตมาตรฐานระดับต่ำสุดเพื่อเลี้ยงครอบครัว

ชุมชนที่ยากไร้มากที่สุด 6 แห่งของเวลส์อยู่ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ครอบครัวจำนวนมากขาดสิ่งจำเป็นพื้นฐานปัจจัย 4 ในการดำรงชีพ คือ 'อาหาร'

'สหรัฐฯ' ปราม 'ยูเครน' ไม่หนุนโจมตีภายในแผ่นดินรัสเซีย หลังฐานทัพเขตชั้นในรัสเซียถูกถล่ม คาดฝีมือเคียฟ

เมื่อวันอังคาร (6 ธ.ค.) ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ระบุไม่สนับสนุนยูเครน ในการโจมตีเข้าใส่ดินแดนรัสเซีย หลังเกิดเหตุยิงถล่มฐานทัพหลายแห่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ชั้นในของรัสเซียลึกเข้าไปจากชายแดนหลายร้อยกิโลเมตร และถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นฝีมือของเคียฟ

"เราทั้งไม่สนับสนุนและไม่ได้เปิดทางให้ยูเครนโจมตีภายใต้ดินแดนของรัสเซีย" แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าว "แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่ายูเครน ใช้ชีวิตผ่านพ้นไปทุกๆ วันกับการรุกรานของรัสเซีย" เขากล่าว โดยกล่าวหารัสเซียกำลังใช้ฤดูหนาวเป็นอาวุธ ผ่านการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน

บลิงเคน ประกาศว่า "เรามีความมุ่งมั่นสร้างความมั่นใจว่าพวกเขา เช่นเดียวกับพันธมิตรอื่น ๆ มากมายทั่วโลก จะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับป้องกันตนเองอยู่ในมือ เพื่อปกป้องดินแดนของพวกเขา เพื่อปกป้องเสรีภาพของพวกเขา"

พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ายูเครนเจาะน่านฟ้าของรัสเซียด้วยโดรนดั้งเดิมยุคสมัยสหภาพโซเวียต ไม่ใช่อาวุธใด ๆ จากความช่วยเหลือด้านการทหารหลายพันล้านดอลลาร์ที่ได้รับมอบจากตะวันตก นับตั้งแต่ถูกมอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์

ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับ บลิงเคน หลังพูดคุยหารือกับบรรดารัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย ว่าวอชิงตันจะไม่ห้ามยูเครนจากการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลด้วยตนเอง "คำตอบสั้น ๆ คือ ไม่ แน่นอนว่าเราจะไม่ทำเช่นนั้น เราจะไม่หาทางขัดขวางยูเครนจากการพัฒนาศักยภาพของตนเอง"

รัสเซียเผยว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย และเครื่องบินได้รับความเสียหาย 3 ลำในเหตุโจมตีฐานทัพ 3 แห่งที่อยู่ลึกภายในดินแดนของพวกเขาเมื่อวันจันทร์ (5 ธ.ค.)

ก่อนหน้านี้ เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับเหตุโดรนโจมตีในดินแดนรัสเซีย โดยเขาไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ จัดหาโดรนเหล่านั้นแก่ยูเครนหรือไม่ ซึ่งเคียฟเองก็ไม่ได้กล่าวอ้างความรับผิดชอบใด ๆ ต่อเหตุโจมตีดังกล่าว

"เราจัดหาแก่ยูเครน ในสิ่งที่จำเป็นสำหรับใช้ในดินแดนอธิปไตยของพวกเขา ในแผ่นดินยูเครน เพื่อจัดการกับผู้รุกรานรัสเซีย" ไพรซ์กล่าว ขณะเดียวกันเขาก็ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวหนึ่งของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่อ้างว่าอเมริกาปรับแก้ระบบ HIMARS ที่ส่งมอบแก่ยูเครน ระบบจรวดที่ถูกมองว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมในสมรภูมิรบ เพื่อปกป้องไม่ให้เคียฟยิงเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย

ที่ผ่านมา ประธานาธบดีโจ ไบเดน พูดต่อสาธารณะว่าวอชิงตันจะไม่มอบขีปนาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครน ด้วยกังวลว่ามันอาจทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย และผลักให้สหรัฐฯ เผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซียมากยิ่งขึ้น

ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ มีขึ้นในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เดินทางไปตรวจเยี่ยมทหารที่อยู่ใกล้แนวหน้าทางตะวันออกของประเทศในวันอังคาร (6 ธ.ค.) พร้อมแสดงความขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับความพยายามสู้รบต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย เนื่องในวันกองทัพของประเทศ

หลังจากนั้น เซเลนสกี ได้กล่าวปราศรัยถึงกำลังพล จากทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงเคียฟ โดยเผยว่าเขาใช้เวลาร่วมกับบรรดาทหารในดอนบาส สมรภูมิที่มีการสู้รบหนักหน่วงที่สุด และในแคว้นคาร์คิฟ พื้นที่ที่ยูเครนสามารถทวงดินแดนอย่างกว้างขวางคืนมาจากกองกำลังผู้รุกรานยูเครน

เขากล่าวว่า "ชาวยูเครนหลายพันคนเสียสละชีวิตตนเองเพื่อให้วันนั้นมาถึง วันที่จะไม่เหลือทหารผู้รุกรานในดินแดนของเราแม้แต่คนเดียว และวันที่ประชาชนของเราทั้งหมดจะได้รับการปลดปล่อย" เซเลนสกี ระบุ

‘อิหร่าน’ สวน!! ไม่เคยส่งออกโดรนพลีชีพไปยังรัสเซีย หลังยูเครนอ้าง แต่ไม่เผยหลักฐานที่รัสเซียใช้งาน

เมื่อ (13 ธ.ค. 65) สำนักข่าวแทสนิม (Tasnim) อ้างอิงโมฮัมหมัดเรซา อัชเตียนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิหร่าน ระบุว่ายูเครนไม่ได้แสดงหลักฐานอันใด สำหรับสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ารัสเซียใช้โดรนทางทหารของอิหร่านในสงครามยูเครน

อัชเตียนี ระบุว่า คณะผู้เชี่ยวชาญจากอิหร่านและยูเครนจัดการประชุม เพื่อหารือถึงข้อกล่าวหาดังกล่าวเมื่อไม่นานนี้ โดยในการประชุมทางเทคนิค ฝ่ายยูเครนไม่ได้เสนอเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวพันกับกรณีดังกล่าว

นอกจากนั้นอัชเตียนี ยังปฏิเสธกรณีชาติตะวันตกกล่าวหาอิหร่านในประเด็นนี้ว่าเป็น “ข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง” พร้อมชี้ว่าความร่วมมือทางทหารของอิหร่านและรัสเซียนั้นดำเนินมาอย่างช้านานและอยู่นอกเหนือวัตถุประสงค์เฉพาะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top