Monday, 9 June 2025
ประเทศไทย

‘ดร.สุวินัย’ ชี้!! ‘ชนชั้นปกครอง’ เดินเกม ‘พาไทยให้รอดจากศึกช้างชนกัน’ มองการเมืองโลกในความเป็นจริง ละทิ้ง ‘ความรัก-ความชัง’ มุ่งพาชาติพ้นภัย

(20 ส.ค. 67) รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ การจับมือกันเพื่อดำเนินยุทธศาสตร์ ‘เอาไทยให้รอดจากช้างชนกัน’ ระบุว่า…

ถ้ามองหมากทั้งกระดานจากสายตาของ ผู้คุมเกม ไม่มีเรื่องราวใดสำคัญไปกว่าความอยู่รอดของบ้านเมือง ท่ามกลางบริบทของสงครามใหญ่ (ช้างชนกัน) หรือ ‘สงครามโลกครั้งที่ 3’ ที่เริ่มต้นแล้วในทางพฤตินัย จากสงครามยูเครน (NATO) กับรัสเซีย และสงครามในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและฝ่ายต่อต้านที่มีอิหร่านเป็นแกนนำ

ตอนนี้ดูเหมือนว่าในระดับชนชั้นปกครอง ได้มีการ ‘แบ่งงาน’ และ ‘แบ่งอำนาจ’ กันระหว่างทหารกับทักษิณและอนุทิน อย่างค่อนข้างชัดเจนและลงตัวแล้ว

'ทหาร' สร้างสัมพันธ์อันดีกับทางจีน รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย

'ทักษิณ' สร้างสัมพันธ์อันดีแบบแน่นปึ้กกับทางตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา

'อนุทิน' รับงานทำหน้าที่ปรับสมดุลแห่งสมการทางอำนาจ ปิดทางทักษิณจับมือกับธนาธร

นี่คือความเป็นจริงของ Real Politics ที่นักยุทธศาสตร์และนักกลยุทธ์ทั้งหลายไม่ว่าสังกัดค่ายพรรคใด จะต้องก้าวข้ามอคติความเกลียดชังส่วนบุคคลที่มีต่อทหาร หรือต่อทักษิณให้จงได้

เพราะเกมยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมืองท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ช้างกำลังชนกัน ... เกมมันต้องเดินทรงนี้ทรงเดียวเท่านั้น เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของคนไทยทั้งประเทศ

การที่ทักษิณหวนกลับมาสู่สมการอำนาจไทยอย่างเท่ ๆ ได้อีกครั้ง มันย่อมมีราคาที่ทักษิณต้องจ่ายหรือต้องเสี่ยงเช่นกัน

สั้น ๆ 'ทักษิณ' ยังเป็นหมากที่มีคุณค่าสำหรับชนชั้นปกครองไทย ในยุทธศาสตร์ ‘เอาไทยให้รอดจากช้างชนกัน’

ทั้งทหาร ทักษิณ และอนุทินต้องอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างยุทธศาสตร์เอาตัวรอดจากช้างชนกัน

ฝ่ายหนึ่งกุมจุดอ่อนของอีกฝ่ายหนึ่งเอาไว้เพื่อต่อรองและป้องกันการหักหลัง แล้วจึงปล่อยให้เจ้าตัวสนุกกับการเล่นเกมบนเวทีอำนาจอีกครั้งในช่วงบั้นปลายชีวิต ขณะที่อีกฝ่ายซุ่มซ่อนตัวอยู่หลังฉากในฐานะที่เป็นรัฐพันลึก (deep state)

ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ปี ค.ศ. 2030 หรืออีกหกปีข้างหน้า โลกจะดำดิ่งเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) และสงครามใหญ่ที่เป็นสงครามโลกครั้งที่สาม

อนาคตอันรุ่งโรจน์ของไทยย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถของชนชั้นปกครองไทยในการนำพาบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยยุทธศาสตร์ ‘เอาไทยให้รอดจากช้างชนกัน’ ที่กำลังดำเนินอยู่ผ่านหมากทหาร หมากทักษิณ และหมากอนุทิน

ตราบใดที่มวลชนไม่ว่าสังกัดค่ายพรรคสีใด ยังมอง ‘การเมืองในโลกแห่งความเป็นจริง’ ด้วยสายตารักหรือชังอยู่ ตราบนั้นพวกเขาก็คงไม่สามารถมองเกมแห่งอำนาจให้ทะลุอย่างมองเห็นหมากทั้งกระดานได้

หากยังทำใจให้มองความเป็นจริงอย่างเยือกเย็นและไร้อารมณ์ไม่ได้ ก็จงเตรียมตัวให้พร้อมด้วยความไม่ประมาท เพื่อเอาตัวรอดให้ได้จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำยืดเยื้อและสงครามใหญ่ต่อจากนี้เถิด

...เพราะมันมาแน่และเกิดขึ้นแน่

ด้วยความปรารถนาดี

~ สุวินัย ภรณวลัย

'หนุ่มกะเหรี่ยง' ตะโกนลั่นตลาดบางบอนหยามหญิงไทย เข้ามอบตัวแล้ว อ้าง!! ถูกตีความผิด ไม่ได้ไลฟ์สดชวนพรรคพวกมานอนกับสาวไทย

(20 ส.ค. 67) ที่สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน จากกรณีที่หนุ่มชาวกะเหรี่ยงได้ไลฟ์สดผ่าน TIKTOK กลางตลาดบางบอน กรุงเทพมหานคร ชักชวนให้พรรคพวกเพื่อนฝูงมาจีบสาวไทย ว่า ชวนไปหลับนอนด้วยไม่ยาก จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ว่า เป็นการไม่ให้เกียรติคนไทย หากปล่อยคนที่มีแนวคิดและพฤติกรรมเช่นนี้ไว้ อาจเป็นภัยในอนาคตได้ อยากให้ตำรวจไปดำเนินการกับหนุ่มกะเหรี่ยงคนนี้

ต่อมาหนุ่มกะเหรี่ยงคนดังกล่าว คือ นาย ซอ ตวน ตวน วิน อายุ 25 ปี ก็ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.บางขุนเทียน โดยมีตำรวจสืบสวนนครบาล 9 และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมสอบปากคำด้วย โดยมีล่ามชาวเมียนมามาช่วยแปลภาษาระหว่างการสอบปากคำ

นาย ซอ ตวน ตวน วิน กล่าวขอโทษคนไทย ว่า ไม่ได้มีเจตนาพูดไม่ให้เกียรติผู้หญิงไทยแต่อย่างใด แต่เป็นการใช้คำที่ไม่สุภาพขณะไลฟ์สด จนทำให้ถูกนำไปแปลความหมายในทางที่ผิด

นาย ซาน มิน อู ล่ามชาวเมียนมา ก็ได้อธิบายให้ผู้สื่อข่าวทราบว่า เนื้อหาที่ นายซอ ตวน ตวน วินไลฟ์สดนั้น ไม่ได้เป็นการเชิญชวนให้พรรคพวกมาพาสาวไทยไปหลับนอนแต่อย่างใด แต่มีคำพูดอยู่ช่วงหนึ่งที่พูดว่า “อยากได้อวัยวะเพศหญิง” จึงทำให้ถูกตีความไปในทางที่ผิด ซึ่งจากการกระทำดังกล่าว ก็ส่งผลทำให้แรงงานชาวเมียนมาเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย จึงอยากอธิบายให้ประชาชนชาวไทยได้เข้าใจ

ด้าน พันตำรวจเอก กฤติเดช จันทร์เพชร ผู้กำกับการ สน.บางขุนเทียน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเรื่องทางตำรวจก็ได้เร่งไปติดตามตัว นายซอ ตวน ตวน วิน เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนกระทั่ง นาย ซอ ตวน ตวน วิน มามอบตัว ซึ่งเมื่อตรวจสอบพิสูจน์ทราบก็พบว่าเป็นการแปลภาษาผิด จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบ นาย ซอ ตวน ตวน วิน ไม่พบเอกสารการเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง จึงดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง โดยจะส่งตัวให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไปดำเนินการต่อ เพื่อผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

สำหรับปมดรามาดังกล่าว เกิดจาก เพจ 'LOOK Myanmar' ได้โพสต์คลิปหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินไลฟ์ในตลาดบางบอนที่พูดภาษากะเหรี่ยง และถ่ายกล้องไปที่สาวไทย ซึ่งกำลังเดินผ่านไปผ่านมา โดยความหมายในถ้อยคำของชายในคลิปนั้น สื่อถึงว่า "อยากมีอะไรกับผู้หญิงไทย" นั่นเอง 

ทั้งนี้ ทางเพจได้โพสต์ข้อความประกอบด้วยว่า...

“คนบางคนคิดว่าตูอยู่ไทย เดินตลาดพม่าในไทย ไลฟ์ถ้าไม่พูดพม่าไม่มีใครจับได้ ก็เผอิญเนี่ย แอดมินเพจนี้เนี่ย รู้จักคนเยอะ สมัครพรรคพวกชาวกะเหรี่ยงที่เป็นคนดี ๆ เค้าเลยแปลให้ เค้าบอกว่า มันพูดภาษากะเหรี่ยงสายหนึ่งละกัน ไม่ใช่กะเหรี่ยงฝั่งแม่สอด มันบอกมันอยากเฮ๊ดกีสาวไทย แถมชักชวนพวกขี้กลากแบบมันให้เข้ามาเฮ๊ดกีสาวไทยด้วย นี้ให้สมัครพรรคพวกช่วยกันแปล ถามตำรวจไทยหรือ ตม. ไทย ว่าทำอะไรคนแบบนี้ได้บ้างหรือต้องให้มีเหยื่อจากภัยสังคมแบบมันก่อนถึงจะทำ พิกัด : ตลาดบางบอน”

เลื่อนจนเลิก!! 'เอเชียนอินดอร์เกมส์' สร้างแรงเสื่อมเสียต่อความเชื่อมั่น ทลายเกียรติภูมิทางด้านกีฬาของไทยที่สะสมมาอย่างยาวนาน

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘TNP Sports’ รายงานว่า หลังจากที่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) มีหนังสือยกเลิกสิทธิ์ จัดการจัดการแข่งขันกีฬา เอเชียน อินดอร์ และ มาร์ เชียลอาร์ตเกมส์ ของประเทศไทย จากปัญหาเรื่องงบประมาณที่ล่าช้า และกระชั้นชิดเกินไปสำหรับการจะจัดการแข่งขันในเดือน พ.ย.นี้

ล่าสุด คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย แถลงระบุเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเป็นการเสื่อมเสียต่อความเชื่อมั่น เกียรติภูมิทางด้านกีฬาของไทยที่สะสมมาอย่างยาวนาน
ตามที่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ได้ยกเลิกสิทธิ์ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอินดอร์มาเชียลอาร์ตเกมส์ ระหว่างวันที่ 21 - 30 พฤศจิกายน 2567 หลังเลื่อนการแข่งขันฯ ตั้งแต่ปี 2021 รวม 4 ครั้ง จนเหลือระยะเวลาอีกไม่ถึง 3 เดือน คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ยังไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขที่ OCA กำหนดได้จนเป็นเหตุให้ต้องถอนสิทธิ์ ประเทศไทย นั้น

ในส่วนของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาได้เป็นตัวกลางในการช่วยประสานงานระหว่างคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ กับสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ในการดำเนินการ ตลอดจนการขอเลื่อนการแข่งขันมาโดยตลอด เพื่อรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงและเกียรติภูมิทางด้านกีฬาของประเทศไทย

กระทั่งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา OCA ได้จัดประชุมพิเศษคณะผู้บริหาร OCA เกี่ยวกับการถอนสิทธิ์ของประเทศไทย คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ จึงได้มีหนังสือลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ถึงสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ขอให้ชะลอการพิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากจะมีการประชุมคณะกรรมการ จัดการแข่งขันของไทย เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 นี้ ซึ่งสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ได้ยินดีที่จะปฏิบัติตามคำร้องขอจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และ สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) มีหนังสือถึง คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ว่าจะรอความคืบหน้าทางฝั่งไทย จนถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2567 เวลา 17:00 น. โดยมีเงื่อนไขว่าทางไทย ต้องมีความชัดเจนใน 9 ประเด็น ประกอบด้วย

- เรื่องงบประมาณที่มีหลักฐานว่าคณะกรรมการจัดการแข่งขันมีงบประมาณเรียบร้อยแล้ว
- เรื่องสัญญาการจ่ายเงินในการเช่าสถานที่แข่งขันต่าง ๆ
- เรื่องการวางมัดจำโรงแรมที่พักและหลักฐานการจ่ายเงิน
- เรื่องการจ่ายเงินจัดจ้างระบบขนส่งต่าง ๆ
- การดำเนินการด้านสารต้องห้าม
- การจัดจ้างอาสาสมัครและการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในการดำเนินงาน
- เรื่องการจัดจ้างบริษัทฯ ที่รับผิดชอบระบบ IT ของการแข่งขัน
- เรื่องของการจัดซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขัน
- สัญญาการจัดจ้างบริษัทจะจะปรับปรุงสนามแข่ง

'ดร.สันติธาร' วิเคราะห์!! '6 แม่น้ำ + 1 ต้นน้ำ' ชนวนปัญหาสินค้าจีนราคาถูกทะลักไทย

(22 ส.ค.67) ดร.สันติธาร เสถียรไทย หรือ ต้นสน นักเศรษฐศาสตร์ การเงิน ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซชื่อดัง บุตรชาย นายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเหตุผลที่สินค้าจีนราคาถูกทะลักเข้าไทยในปัจจุบัน ว่า...

หากเปรียบปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูกทะลักเข้าไทยเสมือน ‘ปัญหาน้ำท่วม’ การจะแก้ปัญหาอาจต้องเริ่มจากการเข้าใจว่าทำไม ‘น้ำ’ (สินค้าจากจีน) ถึงล้นและ น้ำเหล่านี้ไหลผ่าน ‘แม่น้ำ’ (ช่องทางการขาย) สายไหนบ้างมาที่ไทย 

ในฐานะคนที่เคยทำงานในธุรกิจแพลตฟอร์มและวิเคราะห์การค้า-การลงทุนระหว่างประเทศมานาน วันนี้ อยากชวนแกะประเด็นใหญ่ของประเทศนี้ที่ผมคิดว่ามีความซับซ้อนสูง เพราะมีหลายปัญหาถูกมัดรวมอยู่ด้วยกัน 

เริ่มจาก 6 แม่น้ำที่เป็นเส้นทางสำคัญที่สินค้าไหลเข้าประเทศ...

1) Trader คนไทย (Offline/Online) - ผู้ขายไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อขายในร้านค้าทั่วไปในไทยหรือ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee Lazada และ Tiktok เพื่อขายให้ผู้บริโภคไทย

ผลกระทบ: อาจมีผลเสียต่อผู้ผลิตในประเทศ เพราะต้องแข่งกับสินค้านำเข้าราคาถูก แต่อย่างน้อยรายได้ยังอยู่กับคนไทยที่นำสินค้าเข้ามาขาย 

2) Crossborder sellers - ผู้ขายในต่างประเทศใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ เพื่อขายตรงให้กับผู้บริโภคไทยโดยไม่ต้องจดทะเบียนในประเทศ

ผลกระทบ: เพราะผู้ขายไม่ได้อยู่ในประเทศอาจสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายและภาษีไทย ทำให้ได้เปรียบผู้ขายในประเทศ

3) Trader ต่างชาติแปลงตัวเป็นไทย - ผู้ขายต่างชาติ เปิดธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ในไทย แต่ส่วนใหญ่ขายสินค้านำเข้าจากจีน 

ผลกระทบ: ผู้ขายต่างชาติในร่างไทยเหล่านี้ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายและมักหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้เกิดความได้เปรียบเหนือธุรกิจในท้องถิ่นในหลายมิติ (และปัญหานี้ก็ไม่ได้อยู่แต่ในภาคการค้าเท่านั้น แต่กระทบหลายอุตสาหกรรมเลย)

4) Factory2consumer โมเดล - แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเช่น Temu อาจช่วยให้โรงงานในจีนสามารถ bypass ร้านค้า ขายตรงให้กับผู้บริโภคไทย ถือเป็นรูปแบบใหม่ล่าสุด

ผลกระทบ: เพราะผู้ขายไม่ได้อยู่ในประเทศ อาจสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายและภาษีไทย ทำให้ได้เปรียบผู้ขายในประเทศ และสามารถขายได้ในราคาถูกมาก นอกจากนี้การควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการอาจยากยิ่งขึ้นเพราะไม่มี 'ผู้ขาย' ชัดเจน 

โจทย์สำคัญ: จะสังเกตได้ว่าปัญหาสำคัญของช่องทาง 2-4 คือการไม่บังคับใช้กฎกติกาที่มีของไทย ทั้งเรื่องมาตรฐานสินค้า ภาษีต่าง ๆ ฯลฯ กับคนขายต่างชาติ ทั้งที่อยู่ในประเทศและนอกประเทศ (Crossborder) กลายเป็นว่าทำให้กฎกติกาของไทยทำให้คนไทยเสียเปรียบเสียเอง 

หัวใจคือ อย่างน้อยควรสร้าง Level playing field ทางกฎกติกา ด้วยการบังคับใช้กฎหมายของไทยที่มีอยู่แล้วกับธุรกิจและคนขายต่างชาติที่อยู่ในและนอกประเทศทั้งการคุ้มครองผู้บริโภค, ภาษี และพรบ.ธุรกิจต่างด้าว 

เท่าที่ผมเข้าใจบางส่วนเป็นปัญหาเรื่องช่องโหว่ทางกฎหมายที่ต้องมีการอุดรอยรั่ว แต่บางส่วนเป็นแค่เรื่องการบังคับใช้กฎที่มีอยู่แล้ว แต่ขอยังไม่ลงรายละเอียดตรงนี้

5) China +1 โมเดล - สงครามการค้า ทำให้บริษัทข้ามชาติเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากที่เคยส่งออกจากโรงงานในจีนไปอเมริกาตรง เปลี่ยนเป็นส่งจากจีนมาไทยก่อนแล้วค่อยไปอเมริกา ในกรณีนี้ไทยนำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้ากึ่งสำเร็จรูปจากจีน เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ 

ผลกระทบ: การนำเข้าประเภทนี้ ส่งผลให้เกิดการขาดดุลการค้ากับจีนก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นการส่งออกไปยังตลาดอื่น ๆ อาจทำให้เกินดุลกับประเทศอื่น ๆ มากขึ้น (เช่น สหรัฐฯ) จึงไม่ควรดูแต่ดุลการค้าไทย-จีนเท่านั้น อาจได้ภาพไม่ครบ และหากกีดกันสินค้าประเภทนี้ อาจมีต้นทุนกับผู้ผลิตในประเทศไทยสูง

โจทย์สำคัญ: ในอนาคตต้องพยายามดึงการผลิตให้มาอยู่ในประเทศให้มากที่สุดและพัฒนาศักยภาพแรงงาน ให้สร้าง Value added ได้มากขึ้น จะได้ลดการนำเข้า, เพิ่มมูลค่าให้การส่งออก, สร้างงาน-รายได้ในประเทศ (เช่น อุตสาหกรรมนิกเกิลในอินโดนีเซีย) 

6) แพลตฟอร์มต่างชาติ - แพลตฟอร์มเป็นของคนสัญชาติใด จดทะเบียนในไทยหรือไม่?

เรื่องนี้ชอบถูกผสมเข้าไปกับประเด็นที่ว่าคนขายเป็นคนไทยหรือเปล่า และ ผู้ผลิตสินค้าอยู่ในไทยหรือเปล่า ซึ่งล้วนแต่เป็นคนละประเด็นกัน 

โจทย์สำคัญ: ความจริงประเด็นอาจไม่ได้อยู่ที่แพลตฟอร์มเป็นสัญชาติไหน เพราะแพลตฟอร์มไทยก็อาจนำสินค้าเข้าจากจีนหากต้นทุนถูกกว่าผลิตเอง และแพลตฟอร์มต่างชาติก็มีคนขายสัญชาติไทย 

หัวใจ คือไม่ว่าเป็นแพลตฟอร์มสัญชาติไหนหากมีธุรกิจในไทยก็ควร

- ปฏิบัติตามกฎหมายไทย
- จ่ายภาษีในไทย 
- และจะให้ดีต้องช่วยพัฒนา SME ไทยด้วย 

โดยเราควรเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ใช้แพลตฟอร์มต่างชาติที่มีสาขาในหลายประเทศเป็นช่องทางช่วยส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทย พัฒนา SME ให้กลายเป็น Exporter ได้เจาะตลาดใหม่ ๆ อย่างที่หลายประเทศก็ทำมาแล้ว 

แต่ประเด็นที่แก้ยากที่สุดและเป็น 'ต้นน้ำ' ของปัญหาก็คือ สภาวะกำลังผลิตเกินในประเทศจีน (Oversupply/Overcapacity) - ทำให้ต้องระบายส่งออกสินค้าในราคาถูกสู่โลก ซึ่งทำให้ไปแข่งกับสินค้าส่งออกไทยในตลาดอื่นอีกด้วย

เสมือนน้ำที่ล้นเขื่อน ต่อให้เราพยายามกั้นแม่น้ำต่างๆ สุดท้ายน้ำก็จะไหลมาอยู่ดีในช่องทางใหม่ ๆ ต่อให้ปิดรูรั่วทางกฎหมายที่ไม่เท่าเทียม ก็ต้องยอมรับว่าหลายสินค้าจากจีน ก็อาจจะต้นทุนถูกกว่าไทยอยู่ดี

เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับโลกที่ไม่ได้แก้ได้ง่าย ๆ หลายธุรกิจหาตลาดส่งออกใหม่, สร้างแบรนด์, และ ขยับขึ้น Value Chain เพื่อไม่ต้องแข่งกับสินค้าราคาถูกโดยตรง แต่แน่นอนไม่ใช่ทุกคนทำได้ ส่วนบางประเทศเลือกใช้กำแพงภาษีหรือมาตรการป้องกันการทุ่มตลาดในบางสินค้า แต่ก็ต้องระวัง เพราะหากทำผิดพลาดอาจเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ธุรกิจในประเทศและทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นอีก

ขอส่งท้ายว่าในบทความสั้น ๆ คงไม่สามารถพูดถึงการแก้ปัญหาอย่างลงลึก แต่ที่แน่ ๆ นี่คงไม่ใช่ปัญหาที่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งจะแก้ได้ แต่ต้องร่วมมือกันหลายหน่วยงานและมียุทธศาสตร์ระดับประเทศที่ชัดเจน

ปล.บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะกล่าวโทษประเทศใดเป็นพิเศษเพราะปัญหานี้อาจมาจากประเทศไหนก็ได้ และหลายข้อก็เป็นปัญหาที่ประเทศเราต้องรีบแก้ไขที่ตัวเราเอง

‘Biotherm’ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ประกาศปิดเคาน์เตอร์ในห้างฯ อำลาตั้งแต่ 1 ต.ค.67 พร้อมขายออนไลน์วันสุดท้ายสิ้นปีนี้

(23 ส.ค.67) เพจ ‘Biotherm’ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชื่อดัง ได้ประกาศโดยระบุข้อความว่า “เรียน ลูกค้าไบโอเธิร์มที่น่ารักทุกท่าน เรามีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่จะแจ้งให้ทราบว่า แบรนด์ไบโอเธิร์ม ประเทศไทยจะปิดให้บริการในช่องทางห้างสรรพสินค้าเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไปเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก

สำหรับลูกค้าที่ยังคงต้องการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา ช่องทางจัดจำหน่ายออนไลน์ใน Lazada และ Line Official Biotherm Thailand จะยังเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

แบรนด์ไบโอเธิร์ม ประเทศไทย มีความซาบซึ้งในความรักและความผูกพัน ที่ลูกค้าทุกท่านมีให้กับแบรนด์ รวมถึงการสนับสนุนแบรนด์ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราขอใช้โอกาสนี้ในการกล่าวขอบคุณทุกท่านจากใจ

สุดท้ายนี้ แบรนด์ไบโอเธิร์ม ประเทศไทย ขอลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน มีสุขภาพที่ดีและมีสุขภาพผิวที่ดีตลอดไป ด้วยรักและเคารพ ไบโอเธิร์ม ประเทศไทย”

‘ทักษิณ’ กับปรากฏการณ์ 4 จบ บาดลึก ‘เนวิน-หญิงหน่อย-ลุงป้อม-ชวน’

ในปี 2551 มีวลีฮิตทางการเมือง “มันจบแล้วครับนาย” รับทราบกันว่าเป็นคำพูดคำจาจาก...ครูใหญ่เนวิน ถึงนายใหญ่ทักษิณ ก่อนแยกกันทางเดิน เป็น 16 ปีแห่งความหลัง

ถึงพ.ศ.นี้ 2567 ไม่น่าเชื่อ.. ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ข้ามผ่านกาลเวลาจากคนหนีคุกโทษ 10 ปี เหลือ 8 ปี เพราะคดีที่ดินรัชดา (2 ปี) หมดอายุความ และปี 2566 ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ก่อนสุดท้าย 17 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา..ได้พ้นโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลับมาเป็น ‘ศูนย์กลางอำนาจ’ ทางการเมือง

ทักษิณผลักดันลูกสาวเป็นนายกฯ ได้สำเร็จ แคนดิเดตนายกฯ อย่างอนุทิน ชาญวีรกูล ลูกศิษย์ครูใหญ่เนวินยังต้องหลีกทางให้ตามปฏิญญาเขาใหญ่…

“มันจบแล้วครับเน...” บางทีวลีนี้อาจเป็นวลีที่ทักษิณ ชินวัตร ร้องดัง ๆ อยู่ในใจด้วยความสะใจ...

ไม่เพียง “มันจบแล้วครับเน..” จากปรากฏการณ์การจัดตั้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊งรอบนี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณคือ ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ตัวจริง ยังได้ปฏิบัติการอีก 3 จบ...

“มันจบแล้วครับหน่อย..” อันหมายถึงกรณีที่ 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย พรรคฝ่ายค้าน ที่คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแม่ทัพได้พร้อมใจกันโหวตสนับสนุนแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ฉีกหน้าหญิงหน่อย..!!

“มันจบแล้วครับลุง..” หรือ “มันจบแล้วครับป้อม..” กรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกผ่าเป็นสองซีก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ประกาศอิสรภาพ ปลดแอกแยกทางกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ หัวหน้าพรรค แบบไม่ไว้หน้า...แม้ฝ่ายบิ๊กป้อมจะงัดเอาระเบียบข้อบังคับพรรคมาใช้แต่ก็ไร้ผล เพราะประมุขบ้านจันทร์ส่องหล้าเคาะมาหลายเพลาแล้วว่า รอบนี้ไม่มีป้อม พปชร. แต่จะมี ปชป. มาเสียบแทน…

“มันจบแล้วครับนายหัวชวน..” นี่ก็น่าจะเป็นอีก 1 กรณีที่สถานการณ์เข้าทางทักษิณในการเอาคืนชวน  หลีกภัย เจ้าของวลี “ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่” วลีที่กล่าวเตือนทักษิณเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน…และเป็นที่รู้กันว่ากว่า 20 ปีที่พรรคประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยเป็นคู่ต่อสู้หลักทางการเมืองกันมา...20 กว่าปีที่พรรคทักษิณแจ้งเกิด สส.ภาคใต้ได้เพียง 1 ที่นั่งหลังเหตุการณ์สึนามิ (สส.กฤษณ์ ศรีฟ้า) นอกจากนั้นผุดเกิดไม่ได้เพราะนายหัวชวนกับพลพรรคสะกดมนต์...

แต่การเมืองรอบนี้ทักษิณเปิดทาง 25 เสียง ปชป. ให้เข้าร่วมรัฐบาล...ว่ากันว่านี่คือเป็นการเชือดสยองพรรคการเมืองที่มีอายุ 78 ปี อย่างปชป. ที่แกนนำพรรคขณะนี้พยายามอธิบายการเข้าร่วมรัฐบาลแบบไม่กลัวปลาหมอคางดำว่า…เราไม่จมอยู่กับอดีต..!!??  

อีกไม่กี่เพลา...โฉมหน้าครม.นายกฯ อิ๊งก็จะปรากฏเป็นทางการ…ในแง่บวกอานิสงส์จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่อง ‘มาตรฐานทางจริยธรรม’ กรณี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ก็ทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติ ครม. เข้มข้นขึ้น นักการเมืองสีเทาบางรายต้องเสียสละพักรบ...เพื่อเซฟตี้คัทให้นายกฯ อิ๊ง...

แต่ขณะเดียวกันตัวนายกฯ อิ๊ง ก็คงกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย เพราะบรรดานักร้องได้จองกฐินที่จะยื่นคำร้อง…อันเนื่องจากคุณสมบัติที่อาจจะโยงใยกับมาตรฐานจริยธรรม…โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีถือหุ้นในบริษัทอัลไพน์ฯ 30% อันเป็นบริษัทที่โยงใยการใช้ที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์…

แต่เชื่อว่าทีมงานนายกฯ คงจะจัดระบบ ‘เซฟตี้ คัท’ ไว้หมดแล้ว…จากนี้ไปหลัก ๆ ก็คือรอฟังปฏิกิริยาประชาชนต่อหน้าตาของ ครม. และนโยบายที่แถลงหลังการถวายสัตย์ฯ ในเดือนก.ย.

22 ส.ค.ที่ผ่านมาคุณพ่อทักษิณไปปาฐกถา ‘VISION FOR THAILAND’ เสนอนโยบาย-มาตรการ 13-14 เรื่องสำคัญ ๆ ตั้งแต่ปรับรูปแบบดิจิทัล วอลเล็ต, เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ยันรีบเอาพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา มาใช้...ก็คาดว่าอย่างน้อย 60 % ที่คุณพ่อพูด คุณลูกในฐานะนายกฯ ก็คงนำมาใช้เป็นนโยบายรัฐบาล…

เชื่อพ่อครึ่งหนึ่งคงไม่เท่าไหร่...แต่ถ้าเชื่อทุกเรื่อง ตามใจทุกอย่างนายกฯ อิ๊งอาจจะปิดฉากเร็วอย่างที่ใครต่อใครเขาเป็นห่วง...!!

'วัยรุ่นพม่า' ซุ่มตั้ง 3 ก๊วนใหญ่ในไทย 'ชาวเน็ต' จี้!! ฝ่ายมั่นคงทลายแก๊ง

(26 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่โลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปของกลุ่ม RUK Gang ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นชาวพม่า ที่ได้นัดรวมตัวกันที่ สวนหลวง ร.9 จนทำให้ชาวเน็ตต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันต่าง ๆ นานา ที่สำคัญหลายคนสงสัยว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไม่มีการชี้แจง หรือจัดการอะไรกับกลุ่มคนพวกนี้ กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำเอาคนไทยส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก 

ต่อมา วัยรุ่นชาย หนึ่งใน แก๊ง RUK GANG ได้ออกมาอัดคลิปขอโทษคนไทย ที่ไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่สวนหลวง ร.9 พร้อมอธิบายสาเหตุที่รวมตัวกันในวันดังกล่าว

ล่าสุด เพจ Look Myanmar ได้แชร์ข้อมูลจากเพจมุมมองเพื่อนบ้าน พร้อมระบุว่า...

ตามที่เพจมุมมองเพื่อนบ้านนำเสนอ ตอนนี้เหมือนจะมีแก๊งพม่าในไทยใหญ่ ๆ อยู่ 3 แก๊ง ประกอบด้วย แก๊ง RUK แก๊ง BAD BOY และแก๊ง 037 คงต้องจับตาดูกัน เพราะดูเหมือนมีกิจกรรมรวมตัวกันอยู่

ซึ่งหลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันเป็นจำนวนมาก เช่น…

- เชื่อไหมว่า อย่างน้อยครึ่งหนึ่งเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ไม่ก็ลักลอบทำอาชีพสงวน

- ขึงขัง หน้าตึง กันทุกแก๊งเลย น่าจะกลับไปช่วยชาติบ้าง ชาติกำลังต้องการทหาร หนีมาไทยทำไมไม่รู้

- ระเบิดเวลา ภัยความมั่นคง

เปิดวลีล่าสุดของฝ่ายฟอกขาวต่างด้าวพม่า เพื่อสร้างความชอบธรรมให้อยู่ต่อ ทั้งที่นานวันคนกลุ่มนี้ มีแต่ทวีการกระทำที่ผิดกฎหมาย กระทบเจ้าของประเทศ

- กองทัพพม่าจ้างอินฟลูไทยสร้างความเกลียดชังเพื่อส่งคนพม่ากลับไปเป็นทหาร?
- แรงงานพม่าสร้างชาติไทย?

เชื่อไหมคะว่าครั้งแรกที่ เอย่า ได้ยินประโยคและคำเหล่านี้ก็เฉย ๆ แต่พอผ่านไปสักพักก็เริ่มมีเสียงอื้ออึงกับคำ ๆ เดิมนี้ที่หนาหูมากขึ้น จนต้องขอใช้พื้นที่ในฐานะสื่อมาชี้แจงทำความเข้าใจกันสักหน่อย

ตอนนี้มี 2 ประโยคในหมู่พวกคนพม่าที่เป็นคนใช้แรงงานพูดกันแทบจะเรียกว่าออกมาจากบล็อกแม่พิมพ์เดียวกันเลยก็ได้

ประโยคแรกที่หนาหูตามโซเชียลคือ 'แรงงานพม่า - สร้างชาติไทย' คือ คนไทยเราต้องการแรงงานจริงไหม คำตอบคือ จริงค่ะ แต่เราไม่เคยระบุนะว่า เราต้องการแรงงานพม่า เราต้องการแรงงานประเทศไหนก็ได้ที่ ขยัน อดทน ไม่ขี้เกียจและไม่สร้างปัญหา ดังนั้นควรทำความเข้าใจก่อนนะ

ส่วนอีกประโยคหนึ่งที่มาไม่นานนี้แต่เริ่มหนาหูมากขึ้นคือ มีการกล่าวอ้างว่า 'กองทัพเมียนมาจ้างเพจไทยที่สนับสนุนกองทัพสร้างความเกลียดชังระหว่างคนไทยกับคนพม่าในไทย เพื่อหวังส่งคนพม่ากลับไปเป็นทหารในเมียนมา'  

ข้อนี้ เอย่า ขอเป็นคนอธิบายให้ทราบกันดีกว่านะคะ

1. ถ้าเพจหลายเพจถูกจัดตั้งหรือจัดจ้างมาจริง จะมี Key Word มาให้คะ เพื่อให้เพจที่รับงานมาพยายามโปรโมต Key Word นี้ จนเป็นคนที่เสพเอาไปพูดต่อ 

ไม่ต้องคำว่าอะไรเลย แค่คำว่า 'พม่าสร้างชาติ' เนี่ย เป็นตัวอย่างที่ดีเลย โดยการนี้เชื่อว่ามีกลุ่มบางกลุ่มหนุนหลัง เพราะลำพังแรงงานพม่าไม่มาคิดเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ จากที่เราอยู่กับเขามาหลายสิบปี เรารู้ว่าคนเหล่านี้คิดอะไร

2. ตามที่เพจหลายเพจเริ่มออกมาส่งเสียง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพม่าเข้าเมืองผิดกฎหมายก็ดี พม่าทำอาชีพสงวนก็ดี พม่าออกไปชุมนุมในที่สาธารณะโดยไม่ได้ขออนุญาตทางการก็ดี หรือล่าสุดเรื่องหนุ่มพม่าบางบอน แม้หลายเพจจะพยายามออกมาแก้ต่าง แต่ถามว่า ถ้าเขาไม่ผิดจะมามอบตัวกับตำรวจทำไมคะ ก็เหมือนกับคนพม่าที่ฆ่าชาวต่างชาติที่พัทยาแล้วหนีไปมอบตัวกับ ตม. ขอให้ส่งกลับนั่นแหละ ไม่ต่างกัน  

เอาเป็นว่าทั้งหมดทั้งมวล มาจากการทำผิดกฎหมายในประเทศไทยทั้งนั้น พอโดนเขาแฉ โดนส่งกลับ อินฟลูฯ สายคุณก็รีบงับสร้างความชอบว่าเป็นเหยื่อ ถูกกระทำ เอาใหม่นะคะ!! คนที่ถูกกระทำคือ คนไทยและคนบริสุทธิ์ที่อยู่ในประเทศไทยค่ะ 

3. เรื่องเอาไปเป็นทหาร เรื่องนี้ เอย่า ไม่ทราบว่าจริงไหมนะ แต่เอย่ามีข้อมูลจากที่ไปคุยกับเพื่อนที่เป็นทหารมา เขาบอกว่า คนเป็นทหารไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ นะ ถ้าไม่มีใจ ให้ปืน ให้อาวุธไป คนพวกนี้ก็เอาไปให้ศัตรูหมด 

จากจุดนี้ถามว่าระหว่างคนกับปืนในพม่าอะไรมีค่ามากกว่ากัน? 

ข้อนี้ เอย่า ขอยกคำกล่าวพี่ทหารกะเหรี่ยงคนหนึ่งให้ฟังว่า ในกะเหรี่ยงนี่ ชีวิตคนมีค่าถูกกว่ากระสุนปืน ดังนั้นจึงมีคลิปหลุดออกมาอย่างเช่น PDF ที่หนีออกจากค่ายถูกฆ่าปาดคอ เพราะกระสุนปืนมันแพงกว่าชีวิตของ PDF พวกนี้ไงละคะ  

ฉะนั้น เอย่า คิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครเอาคนที่ไม่มีใจจะไปรบ ไปเป็นทหารหรอกค่ะ ไหนจะเปลืองค่าฝึก ค่าข้าว และสุดท้ายอาวุธที่เอาให้ไปรบก็จะไปอยู่ในมือศัตรูได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นกัน 

4. สภาพการณ์ในเมียนมาปัจจุบันนี้ ไม่ได้มีเงินถุงเงินไทย ถ้าใครเสพข่าวฝั่งเมียนมาจะรู้ว่าสภาพการณ์ในเมียนมา ณ วันนี้เริ่มเหมือน Failure State คือ ขาดแคลนเงินคงคลังภาครัฐ 

ถามว่าถ้าผู้นำอย่าง มินอ่องหล่าย จะจ่ายค่า IO ให้อินฟลูฯ ไทยจริง ต้องจ่ายกันเท่าไร เอาเป็นว่าเท่าที่แอดรู้คือ IO ของอดีตพรรคการเมืองที่เพิ่งถูกยุบพรรคไป มีเงินเข้ามานับล้านบาทต่อเดือน คิดว่ารัฐบาลเมียนมามีปัญญาจ่ายไหม ถ้าเขาจะทำเรื่องนี้จริง เขาทำไปตั้งแต่เขายึดอำนาจแล้ว ไม่รอมาทำจนมีวลีว่าจ้างอินฟลูฯ ไทยให้ฝั่งไทยจับพวกพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองส่งกลับพม่าหรอก

5. สุดท้ายการเข้าเมืองผิดกฎหมาย มันเป็นความผิดระหว่างประเทศอยู่แล้ว การที่ทางการไทยจับคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและผลักดันกลับประเทศนั้นไม่ได้ทำแค่ฝั่งพม่าอย่างเดียว ลาว, กัมพูชา รวมถึงประเทศอื่น ๆ ก็ทำ มันคือหน้าที่ของตำรวจไทย รวมถึงการที่ต่างด้าวทำผิดกฎหมายไทย และคำว่าต่างด้าวก็ไม่ใช่แค่ พม่า, ลาว หรือ กัมพูชา แต่รวมถึงทุกชาติที่ไม่ใช่คนไทย

การที่อินฟลูฯ สายต่อต้านกองทัพเมียนมาที่อยู่ดี ๆ ก็ออกมาสร้างวาทกรรมนี้ ถามว่าพวกคุณนับสิบเพจคิดออกพร้อม ๆ กันได้เลยเหรอ ขนาดอินฟลูฯ สายสนับสนุน เขายังไม่ได้ออกมาโจมตีประเด็นเดียวพร้อม ๆ กันเลย 

เอาที่ เอย่า ดูเหมือนแต่ละเพจ แต่ละคน ก็จะมีประเด็นแตกต่างกันไป ซึ่งแตกต่างจากฝ่ายต่อต้านที่ออกมารับลูกประเด็นเดียวกัน แบบนี้ใครควรถูกเรียกว่า IO ดีคะ

สุดท้ายก็คงต้องฝากทางการไทยในการสอดส่องดูแลนะคะ ว่าสุดท้ายรัฐบาลจะแคร์อะไรระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มเปราะบาง หรือคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่จะได้รับผลกระทบจากคนเหล่านี้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

‘ปรีดี พนมยงค์’ ยอมรับ ขาดความเจนจัดในการก่อตั้งพรรคอภิวัฒน์ และเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ในปี ค.ศ. 1925 เมื่อเราเริ่มตั้งกลุ่มแกนกลางของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้ว และได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี (ของกฎหมายเปรียบเทียบ)...

“ข้าพเจ้าไม่มีความเจนจัด และโดยปราศจากความเจนจัด บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำเอาความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย”

ปรีดี พนมยงค์ ให้สัมภาษณ์ ณ บ้านอองโตนี กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2522

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

‘ฉ้อราษฎร์ บังหลวง’ เป็นโรคร้าย บั่นทอนความมั่นคงของประเทศชาติ

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ฉ้อราษฎร์ บังหลวง เป็นโรคร้าย บั่นทอนความมั่นคงของประเทศชาติ…

“ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โรคนี้แทบจะไม่มี เพราะข้าราชการส่วนใหญ่ละอายใจในการกินสินบน เป็นผู้มีเกียรติอย่างแท้จริง น่าบูชาน่าสรรเสริญ ครูอาจารย์เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ศิษย์ ข้าราชการชั้นสูง ขนาดเสนาบดี อธิบดี เป็นอย่างสวยงาม…

“แต่น่าเสียดาย เสียใจที่จะกล่าวว่าเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 แล้วประมาณ 2 ปี การฉ้อราษฎร์บังหลวงเริ่มบทบาทในวงราชการ โดยเฉพาะในหมู่พวกกุมอำนาจก่อน มือใครยาวสาวได้สาวเอาเข้ากระเป๋าตนเอง มิได้คำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชน คณะเผด็จการเริ่มสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว แผ่ปกคลุมสังคม เมืองและประเทศ เพื่อให้ประชาชนเกรงกลัวอำนาจ”

ร.อ.สำรวจ กาญจนสิทธิ์ นายทหารคนสนิทคนสุดท้ายของ พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2523

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top