Saturday, 7 June 2025
นราธิวาส

นราธิวาส - ตัวแทนเยาวชนชาวนราธิวาส แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ต่อต้านอิสราเอล ก่อนเยียบธงอิสราเอล ประท้วงก่ออาชญกรรมสงคราม

วันที่ 5 เม.ย.2567 ที่บริเวณหน้ามัสยิดประจำจังหวัดนราธิวาส หลังละหมาดวันศุกร์ ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม ได้กลุ่มตัวแทนเยาวชน กลุ่มเยาวชนนราธิวาสรักสันติฯ ได้ร่วมตัว พร้อมด้วยรถยนต์ติดธงชาติ ของประเทศปาเลสไตน์ และนำป้ายไวนิว ซึ่งมีข้อความภาพ ที่แสดงถึงอิสราเอลใช้อาวุธสงคราม ยิง บอมบ์  ต่อพลเรือน ทำให้ ประชาชนไร้ที่อยู่ บ้านพักอาคาร และประชาชน เด็กๆคนชรา และหญิง บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ในข้อความไวนิว ระบุ ความอยุติธรรม ไม่ว่าเกิดที่ใด ยอมเป็นภัยต่อความยุติธรรมทุกที่, ปลดปล่อยปาเลสไตน์ ปลดปล่อยโลก, ในส่วนกิจกรรมประมาณ  25 นาที ทางกลุ่ม ได้นำธงชาติอิสราเอล  และใช้เท้าเหยียบธงชาติอิสรามเอลบนพื้นที่ พร้อมตะโกน ผู้ก่อเหตุอาชญกรโลกที่ต้องประณาม ก่อนจะนำธงชาติอิสราเอล ฉีกเป็นชิ้น เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ และประท้วงอิสราเอล ที่กระทำรุกรานอันเหี้ยมโหด ความรุนแรง ต่อประชาชนปาเลสไตน์ ดังกล่าว

สำหรับคำแถลงการณ์ ดังนี้..ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตาปรานี ผู้ทรงกรุณายิ่งเสมอ การเดินขบวนประท้วงเพื่อสิทธิชาวปาเลสไตน์ ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันจำเริญ ที่เราจัดขึ้นมานี้ คือ การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการกดขี่ที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกปิดล้อม และถูกบังคับพลัดถิ่น อย่างอยุติธรรม เป็นการเรียกร้องเพื่อปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระจากการยึดครองที่เหยียดเชื้อชาติ และอาชญากรรมที่สั่งสมมา ยาวนานกว่า 75 ปี ของระบอบไซออนิสต์อิสราเอลผู้แย่งชิง โดยในช่วงประวัติศาสตร์อันมืดมน ตั้งแต่ที่มีการดำรงอยู่ของอิสราเอล ระบอบไซออนิสต์ได้ก่อเหตุสังหารหมู่ ดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติประเภทต่างๆ การดำรงอยู่ของระบอบอิสราเอล ไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์อื่นใดในแผ่นดินแห่งนั้น นอกจากการต้องอพยพชนพื้นเมืองหลายล้านคนให้กลายเป็นผู้พลัดถิ่น การกักขังพวกเขาอย่างไร้มนุษยธรรม ทั้งโดยการปิดล้อมฉนวนกาซ่า กระทั่งมันได้ถูกขนานนามโดยสหประชาชาติ ในฐานะ “คุกเปิดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก” รวมถึงการคุมขังชาวปาเลสไตน์ ไม่ละเว้นผู้หญิงและเด็กๆ อีกหลายพันกรณีในเรือนจำ อย่างอยุติธรรม และโดยปราศจากข้อกล่าวหา การทรมานผู้บริสุทธิ์ ที่ได้ทิ้งไว้ซึ่งบาดแผลทางจิตใจ และกายภาพ เด็กชาวปาเลสไตน์ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า และเผชิญผลกระทบจากสงครามจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งหมดล้วนจุดชนวนไปสู่ความไม่มั่นคงในระดับภูมิภาค และเป็นภัยคุกคาม ต่อสันติภาพโลกระบอบการปกครองไซออนิสต์มีรายการอาชญากรรม และการเคลื่อนไหวต่อต้านสิทธิมนุษยชนในประวัติศาสต์ของมัน อาทิ การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ การใช้ความพยายามอย่างเป็นระบบในการยึดครองอัลกุดส์อย่างแข็งขัน การทำลายอัตลักษณ์

ทางประวัติศาสตร์และอารยธรรมของอัลกุดส์อันศักดิ์สิทธิ์ การขยายขอบเขตการตั้งถิ่นฐานของชาวยิว ในเขตเวสต์แบงก์ โดยผิดกฎหมาย, การบังคับอพยพผู้อยู่อาศัยที่ไม่ใช่ชาวยิว, การกีดกันชาวปาเลสไตน์ในการเข้าถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์, การริบ ทรัพย์สินที่ดินของพวกเขาอย่างไม่ชอบธรรม, การบังคับใช้แรงกดดันที่ไร้มนุษยธรรมอย่างรุนแรงต่อประชาชนในฉนวนกาซ่า และการปฏิเสธไม่ให้พวกเขาเข้าถึงอาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรค และสุขอนามัยขั้นพื้นฐานสถานการณ์ปัจจุบันในฉนวนกาซ่า ทำให้มีความจำเป็นมากขึ้นสำหรับประชาคมโลก โดยเฉพาะชาวมุสลิม ที่จะต้องคำนึงถึงการแสดงออกซึ่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อต่อต้านระบอบไซออนิสต์ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันได้แสดงให้เห็นอย่าง

ชัดเจนแล้วว่า แผนสันติภาพ หรือความคิดริเริ่มใดๆ ที่เพิกเฉยต่อสิทธิของผู้ถูกกดขี่ในปาเลสไตน์ จะไม่นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างสันติที่ยั่งยืน เรายังเชื่อว่า ความสงบสุขและสันติภาพจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในโลกนี้ นอกเสียจากว่า สิทธิของประชาชาติปาเลสไตน์ผู้ถูกกดขี่ จะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ โดยทางออกเดียวที่เป็นไปได้ คือ การทำให้ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดกลับคืนถิ่น และการจัดให้มีการลงประชามติระดับชาติ โดยการมีส่วนร่วมของชาวปาเลสไตน์ดั้งเดิมทั้งหมด รวมถึงชาวมุสลิม ชาวคริสต์ และชาวยิว โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในหลักการที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ หลักการประชาธิปไตย และสิทธิขั้นพื้นฐานที่ละเมิดไม่ได้ ที่มีอยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ

ในวันนี้ เราในนามของ******* ขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของปาเลสไตน์ ในฐานะปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ของโลก เราขอเรียกร้องให้มวลมุสลิมทุกคน ตลอดจนเพื่อนร่วมชาติชาวไทยจากทุกสาขาอาชีพ ที่แสวงหาเสรีภาพ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการชุมนุม ในวันศุกร์ หรือ ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันจำเริญนี้ ณ มัสยิดประจำจังหวัดนราธิวาส ช่วงเวลาหลังละหมาดญุมอัต หรือละหมาดวันศุกร์  และเมื่อเสร็จสิ้นคำแถลงการณ์กิจกรรม ทางกลุ่มให้เหตุผลการชุมนุม ยึดหลักอย่างสงบสันติวิธี ก่อนแยกย้ายกลับเป็นปกติ

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส มอบรองผู้ว่าฯ นราธิวาส เป็นผู้แทนพิธีรดน้ำศพอาสาสมัครทหารพราน ทั้ง 2 นาย ซึ่งเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (9 เม.ย.67)  ที่ วัดบางนรา อ.เมืองนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้ นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้แทนในพิธีรดน้ำศพอาสาสมัครทหารพราน วิทยา ปวงงาม และอาสาสมัครทหารพราน ประคอง  สุทนัง เจ้าหน้าที่ร้อยทหารพราน 4613 โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีฯ เพื่อร่วมแสดงความอาลัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

สำหรับ อาสาสมัครทหารพราน ทั้ง 2 นาย ได้เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธไม่ทราบชนิดและขนาด ซุ่มยิง ขณะเดินทางด้วยรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน ซึ่งกลับจากการปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมการจัดทำซุ้มประตู เหตุเกิดพื้นที่บ้านบลูกาฮีเล หมู่ที่ 6 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อกลางดึกของวันที่ 7 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต จำนวน 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 9 นาย  

โดยหลังเสร็จพิธีรดน้ำฯ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ กรณีเสียชีวิต รายละ 5,000 บาท และอีกหลายหน่วยงานร่วมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตฯ ด้วย

นราธิวาส-ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เยียวยา เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบฯ

นายรอมดอน หะยีอาแว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เยียวยา เดินทางไปยัง โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ทหารพราน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 22.40 น. เกิดเหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 4613 ขณะปฏิบัติหน้าที่ เหตุเกิดบริเวณถนนหน้ากูโบร์บ้านลูกาฮีเล หมู่ที่ 6 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยนายรอมดอน หะยีอาแว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้พูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าในนามเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย ดังนี้

1) ร้อยเอก ชัยยุทธ สุกบู อายุ 49 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
2) สิบเอก สุรเดช สังขวงศ์ อายุ 31 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณศรีษะ 
3) อาสาสมัครทหารพราน สามะแอ ดือมาสิ อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
4) อาสาสมัครทหารพราน สมาน ลีอาแด อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
5) อาสาสมัครทหารพราน อาดนัย สุหลง อายุ อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

จากนั้นผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่เยียวยา เดินทางไปยัง  โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทหารพราน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เดียวกัน โดย ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้พูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าในนามเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 นาย ดังนี้

1) จ่าสิบเอก ศักดิ์รพี เพชรเรือนทอง อายุ 41 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาซ้าย
2) อาสาสมัครทหารพราน อนันต์ บือราเฮง อายุ 40 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณขา และแขน
3) อาสาสมัครทหารพราน มะกอเส อูมา อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาซ้าย
4) อาสาสมัครทหารพราน เปาซี เจ๊ะเต๊ะ อายุ 41 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณซี่โครงซ้าย

พร้อมกันนี้  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้เข้าเยี่ยม สิบโท อดิศัย สุขศิริวัฒน์ อายุ 28 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 เวลา 16.35 น. คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้องร้อยทหารพรานที่ 4402 ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ด้วยการเดินเท้า ได้เหยียบกับระเบิด เหตุเกิดในพื้นที่ หมู่ที่ 2 บ้านบือราแง ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด มีแผลฉีกขาดบริเวณเท้าข้างขวา ในการนี้  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้พูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าในนามเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

'นปพ.นราธิวาส' เจ็บเล็กน้อย 4 ราย หลังถูกคนร้ายลอบจู่โจม โชคดี!! รถหุ้มเกราะช่วยไว้ เซฟชีวิตจากทั้ง 'ระเบิด-กระสุน'

(29 เม.ย.67) เวลาประมาณ 24.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงปะทะเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) นราธิวาส 33 บริเวณบ้านกวาลอซีรา หมู่ 7ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ อินทร์ประพันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า เหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ นปพ.นราธิวาส 33 จำนวน 4 นาย เตรียมเดินทางไปเข้าเวรที่จุดตรวจในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบนถนนใหญ่ ห่างจากฐานปฏิบัติการ นปพ.นราธิวาส 33 ประมาณ 200 เมตร คนร้ายได้กดระเบิดทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย โชคดีที่เจ้าหน้าที่ใช้รถหุ้มเกราะจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายได้ลงจากรถและยิงปะทะกับคนร้ายที่มีการดักซุ่มยิงระยะไกลจากถนนฝั่งตรงข้าม

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าวว่า ในห้วงเวลาดังกล่าวคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบบนถนนใกล้จุดเกิดเหตุ และเผายางรถหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดนราธิวาส สาขาสุไหงโก-ลก เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่จากภายนอกเข้าไปให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ประสบเหตุ ซึ่งหลังเหตุปะทะสงบลงพบว่าเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากสะเก็ดระเบิด

ส่วนมาตรการของฝ่ายความมั่นคงได้มีการประสานหน่วยกำลังของทุกชุดปฏิบัติการตามแผนรักษาความปลอดภัยเมือง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดเส้นทางฝั่งขาเข้าเมืองสุไหงโก-ลก ทั้ง 3 ด่าน ประกอบด้วย ด่านน้ำตก ด่านบุญลาภนฤมิตร ด่านบ้านน้ำขาว และปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก พร้อมทั้งมีการลาดตระเวนเส้นทางตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียงทั้งหมด อีกทั้งได้มีการใช้โดรนสำรวจในพื้นที่เกิดเหตุด้วย

“ดังนั้น สำหรับประชาชนขอให้งดการเดินทางออกจากบ้าน รวมทั้งการใช้เส้นทางในพื้นที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะเส้นทางสุไหงโก-ลก-มูโนะ ที่จำเป็นต้องเคลียร์รถยนต์ต้องสงสัย ตะปูเรือใบ และการเผายางรถในพื้นที่ รวมทั้งตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติมหวั่นการก่อเหตุซ้ำ” พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าว

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าวว่า จากเดิม นปพ.นราธิวาส 33 มีรถยนต์หุ้มเกราะ จำนวน 1 คัน แต่เนื่องจากห้วงที่ผ่านมาได้รับความเสียหายขณะเข้าตรวจค้นจับกุมเหตุผู้ต้องหาพร้อมของกลางคดียาบ้าล็อตใหญ่ โดยรถยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม จึงได้สั่งการให้นำรถหุ้มเกราะของ สภ.สุไหงโก-ลกไปใช้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง จึงทำให้เรารักษาชีวิตของเจ้าหน้าที่ นปพ.นราธิวาส 33 ที่ประสบเหตุไว้ได้

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุคนร้ายรอบวางระเบิด กลางเมือง จ.นราธิวาส บริเวณรินเขื่อนท่าพระยาสาย

พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบครอบคลุมพื้นที่  และกำชับให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลเรื่องสิทธิต่างๆแก่ผู้เสียหาย โดยด่วน จากเหตุการณ์คนร้ายได้วางระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งติดตั้งในรถจักรยานยนต์ และจอดไว้บริเวณหน้าเขื่อนท่าพระยาสาย ถนนภูผาภักดี ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส เมื่อคืนของวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เวลา 21.30 น. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาที่พี่น้องประชาชนใช้พื้นที่ดังกล่าวพาบุตรหลานมาพักผ่อน และออกกำลังกาย ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 ราย เจ้าหน้าที่ อส. 2 ราย ประชาชนเพศหญิง 3 ราย, ประชาชนเพศชาย 3 ราย และประชาชนเพศหญิง สัญชาติมาเลเซีย 2 ราย

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบและควบคุมพื้นที่ รวมทั้งได้ทำการปิดกั้นการจราจรโดยประสานชุดหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด เคลียร์พื้นที่ พร้อมกับชุดพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อขยายผลติดตามต่อคนร้านมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังคงปิดกั้นการจราจรไม่ให้พี่น้องประชาชนใช้เส้นทางในการสัญจร เพื่อความปลอดภัย ซึ่งพื้นที่โดยรอบยังคงมีร้านค้าของพี่น้องประชาชนที่เปิดให้บริการ ยังคงเปิดทิ้งไว้ไม่มีการเก็บร้านเพราะตกใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

ขณะที่ในวันนี้ 7 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.30 น. ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9  พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส  นาวาเอกสันติ  เกตุศรีพงศ์ษา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ได้ให้การต้อนรับ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  ได้ลงตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุ ณ  บริเวณริมเขื่อนท่าพระยาสาย ถนนภูผาภักดี ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า “จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แม่ทัพภาคที่ 4, ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส และส่วนที่เกี่ยวข้องได้พูดคุยและประเมินต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยได้เน้นย้ำส่วนที่เกี่ยวข้องทุกส่วนให้เพิ่มการดูแล และคุมเข้มในพื้นที่ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เน้นย้ำเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยช่วงนี้จังหวัดนราธิวาสได้มีการจัดงานประจำปี ทางเจ้าหน้าที่เลยเน้นหนักและมีการคุมเข้มในส่วนของสถานที่จัดงาน ซึ่งมีพี่น้องประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดช่องว่างของการก่อเหตุและเกิดเหตุขึ้นครั้งนี้ หลังจากนี้คงต้องกลับไปวิเคราะห์สถานการณ์ และคุมเข้มให้มากกว่าเดิม จุดไหนที่มีช่องว่างให้ปิดช่องว่างในทุกจุด

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน คงต้องมีการตรวจตราเรื่องยานพาหนะอย่างเข้มงวดมากกว่าเดิม อาจมีผลกระทบเรื่องความล่าช้าในการเดินทางบ้าง แต่อยากขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนเข้าใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย” นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้กำชับให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลเรื่องสิทธิต่างๆ และการรักษาเป็นการด่วน ตลอดจนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ และตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้ในการหลบหนี พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในทุกจุด โดยประสานการทำงานร่วมกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น เพื่อติดตามคนร้ายให้ได้โดยเร็ว สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบเห็นเบาะแสของกลุ่มคนร้ายสามารถแจ้งได้ที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประจำพื้นที่ หรือหมายเลขสายด่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือ หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 061-1732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทุกเบาะแสที่แจ้งเข้ามาจะถูกปิดเป็นความลับ

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส 

นราธิวาส-มท.1 ลงใต้ เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จ.นราธิวาส ยืนยัน!! 'รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง' พร้อมหนุนทุกภารกิจ เพื่อความปลอดภัยและความสงบสุขของพื้นที่

(10 พ.ค.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดนพร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในสังกัดกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนราธิวาส  โดยจุดแรกได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชุดคุ้มครองตำบลลำภู อำเภอเมือง และมอบสิ่งของบำรุงขวัญกำลังใจจำนวน 49 ชุด และชุดยังชีพให้แก่กำลังพลในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ จำนวน 1,000 ชุด 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ในช่วงนี้ที่มีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งรัฐบาลเอง ก็รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรู้สึกห่วงใยเป็นอย่างมาก โดยจะต้องหาแนวทางมาตราการต่างๆ ในการป้องกันเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองและประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียหรือได้รับความเสียหายขึ้นอีก และจะต้องทำให้รู้สึกว่ารัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง โดยจะมีการบูรณาการกันหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองเพื่อร่วมกันทำให้เกิดความสงบสุขโดยเร็ว 

รองนายกรัฐมนตรี ฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีนโยบายจะให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนมีความใกล้ชิดกับชาวบ้านในท้องที่ให้เข้ามารักษาสถานการณ์ เพื่อให้กำลังทหารปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศได้อย่างเต็มที่ ก็จะมีการฝึกร่วมกัน ประสานการทำงาน ทั้งนี้ขอให้เชื่อมั่นว่ากระทรวงมหาดไทยและทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะศอ.บต. กอ.รมน.ภาค 4 สน. ซึ่งมีความร่วมมือและตั้งใจร่วมกันในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้บรรลุทุกๆภารกิจ และมีความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ทุกคนต่อไป 

จากนั้นช่วงบ่ายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ฯ ได้เดินทางไปยังบก.ฉก. นราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา อำเภอเมือง เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และร่วมหาแนวทางมาตรการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยมีพลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยพันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พลตรี ศานติ ศกุนตนาค เเม่ทัพภาค 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม 

นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ฯ ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมการฝึกเสริมสร้างผู้นำสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2567 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 10 พฤษภาคม 2567 ณ ที่ว่าการอำเภอสุคิริน

 

นราธิวาส-ผบ.ทบ. เยี่ยมให้กำลังใจ และติดตามการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนนราธิวาส

วันนี้ ( 11 พฤษภาคม 2567 ) เวลา 09.00 น. พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก/ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมด้วย คณะผู้บังคับบัญชา ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล พร้อมติดตามการปฏิบัติภารกิจของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ที่ 33 อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส  และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของหน่วย และมอบแนวทางการปฏิบัติงานแก่กำลังพล โดยมี พลโท ศานติ  ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมคณะตรวจเยี่ยม และ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ภาคใต้ , ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือที่ 33 ,หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

พร้อมกันนี้ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ และคณะฯ ได้ลงนามในสมุดตรวจเยี่ยม พร้อมพบปะให้กำลังใจแก่กำลัง และสอบถามปัญหา ความเป็นอยู่ ข้อขัดข้อง เพื่อร่วมหาวิธีพัฒนาการปฏิบัติภารกิจ ทั้งการป้องกันตนเอง การป้องกันฐานปฏิบัติการ เพื่อการดูแลประชาชนให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และได้มอบเครื่องอุปโภค บริโภคแก่หน่วยงานในพื้นที่ เพื่อแทนคำขอบคุณและกำลังใจแก่กำลังพลที่ปฎิบัติภารกิจในพื้นที่อีกด้วย

โอกาสนี้ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ระบุว่า กองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อส.จชต. ) ในทุกตำบลของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่ง นายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน โดยกระทรวงมหาดไทย ได้ประสานให้หน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ  ดำเนินการฝึกและเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำเสริมสร้างสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ เป็นกำลังหลักในการดูแลพื้นที่และพิทักษ์ประชาชน มีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานตามหลักยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา พร้อมระบุว่า Marine คือ ทหารนาวิกโยธิน สำหรับเมืองไทย Marine คือ กองพลที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกองทัพเรือ พร้อมชื่นชมกำลังพลทหารนาวิกโยธินทุกนาย เป็นผู้มีความรู้ มีความสามารถ เทียบเท่าทหารอเมริกัน  เห็นได้จากการดูแลพื้นที่ให้มีมั่นคง เป็นที่เชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทั้งงานด้านยุทธการเป็นงานยุทธศาสตร์ ด้านการพบปะกับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการควบคู่การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ให้พื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่แห่งนี้ คือ อำเภอสุไหงโก-ลก และ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีความเจริญและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง พร้อมย้ำว่าผู้บังคับบัญชาทุกระดับ มีความห่วงใย และขอส่งกำลังใจมายังกำลังพลทุกนาย ขอให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่อย่างมีสติ ไม่ประมาท หมั่นซักซ้อมการปฏิบัติให้พร้อมรับมือต่อสภานการณ์ฉุกเฉินและทุกเหตุการณ์อย่างทันท่วงที 

รวมทั้งกล่าวขอบคุณที่ทุกท่านทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ และขออำนวยพร สวดมนต์ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ฃหลายอันเป็นมงคลยิ่งให้การปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ และปกป้องอันตราย ตลอดจนนำไปสู่ครอบครัวของทุกคน ยืนยันได้เห็นแววตาความมุ่งมั่น ทุ่มเท ตั้งใจจริง ของทุกคน ที่เป็นผู้มีวินัย มีความเข้มแข็งของชายชาติทหาร แม้ในอนาคตเราจะไม่ได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่แห่งนี้แล้วก็ตาม  ขอเป็นกำลังใจ และเชื่อมั่นว่า ทุกคนทำงานที่ตั้งใจ อย่างมีความสุขและปลอดภัย ขอบคุณที่เสียสละเพื่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ นำพาความผาสุข มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อย่างแท้จริง

นราธิวาส-รอง มทภ.4 ตรวจเยี่ยม ฉก.ทพ.49 เน้นย้ำติดตามสถานการณ์ เพิ่มความเข้มงวด ระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) เวลา 13.00 น. พลตรี ไพศาล  หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมคณะฯ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ตำบลซากอ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมประชุมและรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง รวมทั้งมอบแนวทางการปฏิบัติงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมี พันเอก กำธร  ศรีเกตุ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะนราธิวาส, พันเอก ภาณุวัฒน์  สุคชเดช ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49, พันเอก ชาญฤทธิ์  ฮันสราช รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49, ผู้บังคับกองร้อยฯ และกำลังพลร่วมให้การต้อนรับและร่วมประชุม

สำหรับการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ เป็นการติดตามการปฏิบัติงานและรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง รวมทั้งหารือแนวทางแก้ไขของห้วงที่ผ่านมาของหน่วย พร้อมกำชับให้ปรับแผนการปฏิบัติให้มีความรัดกุม ทั้งเชิงรุก เชิงรับ และปฏิบัติด้วยความจริงใจ อีกทั้งได้นำนโยบายการปฏิบัติ 5 งานสำคัญตามนโยบาย แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เพื่อยึดถือและปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้  รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เน้นย้ำพร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่มีความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ และเฝ้าติดตามด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด รวมถึงฐานปฏิบัติการทุกฐานเพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ตลอดจนฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลพื้นที่ชุมชน

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส 

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส ร่วมให้การต้อนรับ มท.1 และคณะ ในโอกาสเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

เยี่ยม อส. และตำรวจ ที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ฯ  พร้อมเยี่ยมชมการฝึกหลักสูตรผู้นำสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และร่วมการประชุมหารือข้อราชการร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครองกับฝ่ายความมั่นคง

ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครองกับฝ่ายความมั่นคง และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงที่ผ่านมา พร้อมมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาล ให้กับบุคลากรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลเอก เจริญชัย หินเธาว์  ผู้บัญชาการทหารบก   พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมประชุม

จากนั้นเวลา 14.30 น. นายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะฯ เดินทางไปยังศูนย์ฝึกอบรมกองกำลังประจำถิ่นท่าสาป ตำบลท่าสาป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ได้ตรวจเยี่ยมและตรวจแถวกองเกียรติยศ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในพื้นที่จังหวัดยะลา และตรวจเยี่ยมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ที่เข้าอบรมหลักสูตรผู้นำ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2567 ในโครงการฝึกเสริมสร้างขีดความสามารถสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายผู้เข้ารับการฝึก จำนวน 1,266 นาย ได้ฝึกอบรมระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2567 โดยมี ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการฝึกในครั้งนี้ โดยก่อนจะลงปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงเช้า เวลา 09.15 น. นายกองใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะฯ ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมกับมอบของเยี่ยมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ผู้ปฏิบัติงานและได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา.

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ ลงตรวจสอบแรงงานต่างด้าว ขับเคลื่อนนโยบายการป้องกันแก้ไขปัญหาการลักลอบทำงานของคนต่างด้าว และการค้ามนุษย์

วันนี้ 5 มิ.ย.67 เวลา 08.00 น. ว่าที่ร้อยตรี  ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายและปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าว ประจำปี 2567 โดยรับนโยบายจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ถ่ายทอดสดทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ Facebook Live และดำเนินการตามนโยบาย ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ให้นายจ้าง สถานประกอบการ มีกำลังแรงงานในการขับเคลื่อนกิจการ ให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมป้องกัน แก้ไขปัญหาการลักลอบทำงานของคนต่างด้าว การค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานทางความมั่นคงในพื้นที่ จ.นราธิวาส ร่วมบูรณาการความร่วมมือกันขับเคลื่อนนโยบายฯ โดยครั้งนี้มีหัวหน้าส่วนในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าว ร่วมในพิธีฯ

สำหรับในภาพรวมจังหวัดนราธิวาส มีคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานถูกต้องตามกฎหมาย จำนวนทั้งสิ้น 1,975 คน ซึ่งมีทั้งคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย (ชั่วคราว) และคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี (คนต่างด้าว 3 สัญชาติ กัมพูชา ลาว และเมียนมา) โดยจะเห็นได้ว่าผลการดำเนินการ
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ดำเนินการไปแล้วคิดเป็นร้อยละ 87.13

ซึ่งจังหวัดนราธิวาส นับเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีแรงงานต่างด้าวทำงานในพื้นที่ จึงต้องบังคับใช้กฎหมายตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 จะต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าว รวมทั้งปราบปราม จับกุม  และดำเนินคดีกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนสถานประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top