Monday, 9 June 2025
ทุเรียน

โล่งใจ!! 'ทุเรียนไทย' ยังอร่อย-ครองใจชาวจีนเสมอ  แม้มีข่าวกุ 'ทุเรียนเหงียน' ถูก-ดี ไทยซื้อต่อมาส่งจีน

ไม่นานมานี้ นายตฤณ วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทยและเคยทำงานในมูลนิธิแจ๊คหม่า อาลีบาบา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'วันนี้คุณได้มีส่วนช่วย ดิสเครดิต ประเทศตัวเองรึยัง?' ระบุว่า...

สืบเนื่องจากประชุมออนไลน์กับทีม สภาการค้าจีน มีประเด็นที่ผมโดนถามว่า ทุเรียนไทยที่ส่งออกมาให้จีน เอาของเวียดนามมาสวมจริงไหม 

ผมก็ตอบว่าไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่คิดว่ามีใน % น้อย เพราะปกติเราเคยนำเข้าทุเรียนจากเพื่อนบ้านมาทั้งแปรรูป และบริโภค ในภาวะฝนแล้ง อยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจจะนำเข้ามามากหน่อย แต่ส่วนใหญ่กว่า 95% ทุเรียนที่ส่งให้จีน จะเป็นของไทยซะส่วนมาก

สืบได้ความว่า สื่อต่างชาติปล่อยข้อมูล ให้สื่อไทยงับ คนไทยแชร์ และเอามาแปลต่อเป็นจีน เพื่อดิสเครดิต และทิ้งทวนว่า ครั้งหน้าคนจีนควรซื้อทุเรียนเวียดนามไปเลยจะได้ราคาดีกว่า เพราะคุณภาพไม่แตกต่างกัน

... พอจบประชุม เพื่อน ๆ ในออนไลน์ฝั่งจีน ก็บอกว่า อย่าคิดมากไป ของไทยอร่อยกว่ามาก แต่จะทำยังไงให้คนจีนที่เหลือเชื่อ ก็คงต้องรอให้กระแสข่าวนี้ตกไปก่อน... 

สงสารชาวสวนทุเรียนปีนี้ โดนภัยแล้ง และโดนคนไทยด้วยกัน ดิสเครดิต โดยไม่รู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมการค้าเพื่อนบ้าน

‘ตาวัย 80 ปี’ เจ้าของแพมาลัย ปลูก 'ทุเรียนลอยน้ำ' ต้นแรกของโลก นายอำเภอ ลุยนำไปทดสอบ หวังพัฒนาต่อยอดคุณภาพต่อไป

(10 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้นทุเรียนสายพันธุ์หมอนทองที่ลอยน้ำได้มีต้นเดียวในโลก และกำลังติดลูกพร้อมตัด 3 ลูก อยู่ที่ ‘แพมาลัย’ บ้านโบอ่อง ต.ปิล็อค อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยมีตาปี๊ด สินเธาว์ อายุ 80 ปี เจ้าของแพและเจ้าของต้นทุเรียนลอยน้ำ โดยเดินทางไปที่แพมาลัยต้องนั่งเรือจากฝั่งท่าแพไปใช้เวลาประมาณ 25 นาที

โดยแพมาลัยตั้งอยู่กลางเขื่อนเขาวชิราลงกรณ์ เป็นแพที่เป็นสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยว เมื่อมาถึงแพมาลัย พบกับต้นทุเรียนสายพันธุ์หมอนทอง ที่ถูกปลูกอยู่บนแพลอยน้ำ กำลังติดลูกอยู่ 3 ลูก

ด้าน นายศุภวัฒน์ มุรินทร์ บอกว่า ตนเป็นผู้จุดประกายทุเรียนลอยน้ำ และเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับทุเรียนต้นนี้ตั้งแต่แรก บ้านตนอยู่ไม่ห่างจากแพมาลัยของตาปี๊ดกับยายบำรุง เมื่อช่วงปี 2527 คุณตาและคุณยายได้มาตั้งหลักทำแพอาศัยอยู่ที่นี่ ประกอบอาชีพหาปลาและขายของชำทั่วไป

ภายหลังได้สร้างแพพักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวขึ้น โดยเอาชื่อลูกสาวคนโต มาตั้งเป็นชื่อว่าแพมาลัย ซึ่งคุณตาและคุณยายเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีตนจึงสนิทสนมกันมาก และตนมักแวะเวียนมาเยี่ยม พูดคุยกับคุณตาคุณยายอยู่บ่อยครั้ง

นายศุภวัฒน์ บอกต่อว่า ต้นทุเรียนต้นนี้ ตาปลูกอยู่บนบวบไม้ไผ่ผุ ๆ ซึ่งในแพยังปลูกผลไม้อย่างอื่น เช่น ต้นมะม่วง และต้นโพธิ์ต้นไทร ที่เกิดขึ้นเองก็เจริญเติบโตอยู่บนแพลอยน้ำที่มีความลึกประมาณ 30 เมตร ตอนแรกตนไม่ได้สนใจอะไรกับต้นทุเรียนต้นนี้

แต่ในระยะ 2-3 ปีมานี้ เห็นต้นทุเรียนเริ่มมีดอกแต่ไม่เคยมีลูก ประกอบกับช่วงนั้นตนมีความสนใจในการทำทุเรียนอย่างจริงจัง จึงไปนั่งดูปัญหา และพบว่าที่ไม่ติดลูกเพราะรากของต้นทุเรียนแช่น้ำมากเกินไปจึงจ้างคนตัดไม้ไผ่มาหนุนใต้แพ ดันโคนต้นทุเรียนสูงจากผิวน้ำมาเกือบเมตร แล้วเอาดินมาเพิ่มรอบ ๆ โคนต้น

ปรากฏว่าได้ผล ต้นทุเรียนเริ่มติดลูกเล็ก ๆ แล้วก็ติดหลายลูก แต่ค่อย ๆ หลุดร่วงไป จนเหลือเพียง 3 ลูกตามที่เห็น ซึ่งนับจากวันที่ดอกบานจนถึงแก่จัดตัดได้อายุ 130 วัน

นายศุภวัฒน์ บอกอีกว่า ตาปี๊ด รู้สึกภูมิใจ เมื่อมีคนถามว่าคิดอย่างไรถึงเอาทุเรียนมาปลูกลอยน้ำ ตาปี๊ดบอกว่าอยากทดลองดูว่ามันจะออกลูกได้หรือเปล่า อีกทั้งตาปี๊ดเป็นคนชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว อยากลองปลูกทุเรียนดูบ้าง เพราะเห็นมีคนปลูกกันเยอะ เวลาคนมากินข้าวที่แพก็ได้ยินพูดกันบ่อย ซึ่งในฝั่งผืนดิน ที่อยู่ห่างไม่ไกลกับแพมีการปลูกทุเรียนกันเยอะ ซึ่งตาปี๊ดไม่มีที่ดินผืนใหญ่ และเวลาส่วนมากจะอาศัยอยู่บนแพก็เลยนำมาปลูกบนแพ

ล่าสุด ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี มอบหมายให้ นายชาคริต ตันติพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ร่วมตัดทุเรียนลอยน้ำของลุงปี๊ด มอบให้หัวหน้าสำนักงานจังหวัด นำมามอบให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อได้ชิมรสชาติ

ส่วนลูกที่ 2 ท่านนายอำเภอทองผาภูมิ ตัดแล้วมอบให้เกษตรจังหวัดกาญจนบุรี นำมาทดสอบรสชาติความหวานเพื่อเป็นข้อมูลทางวิชาการในการพัฒนาต่อยอดคุณภาพทุเรียนลอยน้ำต่อไป

โดยการตัดในครั้งนี้ ท่านนายอำเภอทองผาภูมิ มอบเงินค่าทุเรียนลอยน้ำให้กับลุงปี๊ด 5,000 บาท เพื่อให้ลุงปี๊ดมีกำลังใจในการผลิตทุเรียนลอยน้ำในฤดูกาลต่อไป

‘เวียดนาม’ ผงาด!! อันดับ 2 ส่งออก ‘ทุเรียน’ สู่ตลาดจีน ชี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 91 ไล่หลัง ‘ทุเรียนไทย’ มาติดๆ

เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สื่อท้องถิ่นเวียดนามรายงานว่า เวียดนามกลายเป็นผู้ส่งออกทุเรียนสู่จีนรายใหญ่อันดับสอง ตามหลังไทยเพียงเล็กน้อย

โดยหน่วยงานการนำเข้าและส่งออก สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม ระบุว่า การส่งออกทุเรียนของเวียดนามไปยังจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 91 เมื่อเทียบปีต่อปีในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ของปี 2024

การส่งออกทุเรียนของเวียดนามกำลังขยายตัวเนื่องจากมีราคาที่แข่งขันได้ โดยราคาทุเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 4,662 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 171,000 บาท) ต่อตันในช่วงสี่เดือนแรกปีนี้ เทียบกับราคานำเข้าเฉลี่ยของจีนที่ 5,395 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 198,000 บาท)

หน่วยงานฯ เปิดเผยว่า ทุเรียนสดใหม่จากเวียดนามถูกส่งไปยังจีนด้วยราคาที่สมเหตุสมผล มีการขนส่งที่รวดเร็ว และมีฤดูกาลเก็บเกี่ยวตลอดทั้งปี

อนึ่ง เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีน 14 รายการ อาทิ ทุเรียน รังนก มันเทศ แก้วมังกร ลำไย มะม่วง ขนุน แตงโม กล้วย มังคุด ลิ้นจี่ และเสาวรส

‘สส.รวมไทยสร้างชาติ’ วอน!! รัฐช่วยเหลือเกษตรกร ‘สวนทุเรียน’ ภาคใต้ หลังเผชิญปัญหาภัยแล้ง เพราะหากเสียหายต้องปลูกใหม่นาน 7-8 ปี

(20 มิ.ย.67) นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส. จังหวัดชุมพร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ร่วมอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ว่า ก่อนอื่นขอชื่นชมการจัดสรรงบประมาณไปสู่กระทรวงต่าง ๆ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน แต่ทั้งนี้ ตนอยากจะย้ำเตือนในเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้งทั่วประเทศ โดยเฉพาะในโซนภาคใต้ พื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างทุเรียนอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทว่าเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดดังกล่าวต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก

แต่ทั้งนี้ ต้องขอชื่นชม ท่านนายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรียน แต่อย่างไรก็ดี ขอเรียนไปถึงท่านรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ช่วยจัดสรรงบประมาณเพื่อดูแลและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับเกษตรกรอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่

นายวิชัย กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดชุมพร มีการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มมากขึ้นทุกปี เพราะถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจอันดับหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากที่สุด ซึ่งจากข้อมูลการส่งออกทุเรียนของจังหวัดชุมพรในปี 2566 ที่ผ่านมา พบว่า มีสูงถึง 223,140 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 37,200 ล้านบาท สูงกว่าพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ และยังมีส่วนช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนต่าง ๆ ทั้งการจ่ายค่าแรงงาน ค่าปุ๋ย และอุปกรณ์ทางการเกษตรต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยอมรับว่า ทุเรียนนั้นเป็นพืชที่ต้องการน้ำในการหล่อเลี้ยง หากในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ย่อมทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องลงมาดูแลและแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรียน อย่าปล่อยให้ทุเรียนของเขาได้รับความเสียหาย แล้วต้องกลับมาเริ่มต้นการปลูกใหม่อีก 7 - 8  ปี ถึงจะได้รับผลผลิตอีกครั้ง 

“จากการเก็บข้อมูลและลงพื้นที่พบพี่น้องเกษตรกร ได้รับเสียงสะท้อนมาว่า ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ชุมพรและจังหวัดใกล้เคียง เผชิญปัญหาภัยแล้งมาตั้งแต่ปี 2566 ที่รุนแรงต่อเนื่องประมาณ 5 - 6 เดือน แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาจากนั้นในปี 2567 ก็มีปัญหาอีก 4 - 5 เดือน และผมเชื่อว่าในปี 2568 ปัญหาเหล่านี้ก็จะกลับมาอีกเช่นเคย ดังนั้น จึงอยากจะฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะกระทรวงหลัก ๆ อย่าง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่รับผิดชอบกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ให้ช่วยเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการเจียดเงินงบประมาณ 2,000 - 3,000 ล้านบาท จากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวสวนทุเรียน ซึ่งไม่เพียงแค่จังหวัดชุมพรและภาคใต้เท่านั้น แต่รวมไปถึงชาวสวนทุเรียนในภาคตะวันออก ที่รอการช่วยเหลืออยู่เช่นกัน”

นายวิชัย กล่าวย้ำว่า อยากจะขอให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ช่วยไปศึกษาและช่วยหาแนวทางในเรื่องการนำน้ำจากใต้ดินขึ้นมาใช้ให้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกร และขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องบูรณาการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในโซนที่มีปัญหาเรื่องภัยแล้งทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน

'ส่งออก' ติดสปีด!! พ.ค.โต 7.2% แรงหนุนจากสินค้าเกษตร ชวนจับตา 'ทุเรียน' โตแรง!! มั่นใจครองแชมป์ตลาดจีน

(22 มิ.ย.67) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน พ.ค.2567 มีมูลค่า 26,219.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.2% โดยมูลค่าสูงสุดในรอบ 14 เดือน และขยายตัวเป็นบวก 2 เดือนติดต่อกัน คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 960,220 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 25,563.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.7% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 947,007 ล้านบาท เกินดุลการค้า 656.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 13,214 ล้านบาท รวม 5 เดือน ของปี 2567 (ม.ค.-พ.ค.) การส่งออก มูลค่า 120,954.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 4,298,248 ล้านบาท การนำเข้า มูลค่า 125,954.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 4,542,224 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 5,460.7 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 243,976 ล้านบาท

สำหรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 19.4% โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 36.5% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 0.8 สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ยางพารา อาหารสัตว์เลี้ยง ไก่แปรรูป ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร นมและผลิตภัณฑ์นม ส่วนสินค้าที่ลดลง เช่น ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ทั้งนี้ 5 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 4.7%

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 4.6% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทองแดงและของทำด้วยทองแดง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ 5 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 2.4%

ทางด้านตลาดส่งออก ตลาดหลัก เพิ่ม 8% โดยสหรัฐฯ เพิ่ม 9.1% CLMV เพิ่ม 9.6% จีน เพิ่ม 31.2% แต่อาเซียน (5) ลด 0.6% และสหภาพยุโรป (27) ลด 5.4% ญี่ปุ่น ลด 1% ตลาดรอง เพิ่ม 5.1% โดยเอเชียใต้ เพิ่ม 22.4% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 14.8% รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 2.7% แต่ทวีปออสเตรเลีย ลด 1.4% ตะวันออกกลาง ลด 8.1% แอฟริกา ลด 19% สหราชอาณาจักร ลด 1.5% ตลาดอื่น ๆ เพิ่ม 11.5% อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 28.1%

นายพูนพงษ์กล่าวว่า เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้ พลิกกลับมาเป็นบวกสูงถึง 128% โดยในนี้เป็นการส่งออก ทุเรียน 83,059.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% แสดงให้เห็นว่า ทุเรียนของไทยยังส่งออกได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีน หลังจากที่ลดลงช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้า เพราะผลผลิตปีนี้ออกล่าช้า แต่พอเดือน พ.ค. ผลผลิตมีเต็มที่ ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น และคาดว่าเดือนต่อ ๆ ไปก็จะส่งออกได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีทุเรียนภาคใต้ ที่จะเข้ามาเสริม ทำให้มั่นใจว่าไทยยังคงเป็นแชมป์ส่งออกไปจีนเหนือคู่แข่งแน่นอน

สำหรับแนวโน้มการส่งออกเดือน มิ.ย.2567 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง และยังเป็นบวก แม้ว่าฐานเดือนเดียวกันของปี 2566 จะอยู่ในระดับสูงที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลขครึ่งปี เป็นบวกแน่นอน ส่วนครึ่งปีหลัง การส่งออกยังจะเติบโตได้ดี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลก ปัญหาเงินเฟ้อที่เบาบางลง ธนาคารกลางของแต่ละประเทศมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ค่าระวางเรือ ที่เป็นผลลบต่อการส่งออก แต่ตัวเลขทั้งปียังมั่นใจจะขยายตัว 1-2%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกยังคงเติบโตได้ดี แต่ภาคเอกชนมีความกังวลในเรื่องค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยค่าระวางเรือไปยุโรป เพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และเส้นทางไปสหรัฐฯ ก็เพิ่ม 2 เท่าเช่นเดียวกัน ทำให้เป็นต้นทุน แต่ยังประเมินส่งออกครึ่งปี 2567 น่าจะบวกได้ 2%

‘ดอยคำ’ เปิดตัว ‘น้ำทุเรียนหมอนทอง 100%’ บรรจุซอง ‘เนื้อเนียน-หวานมัน’ เหมาะซื้อเป็นของฝากในราคา 95 บาท

เรียกว่าช่วงนี้ของประเทศไทย ถือเป็นฤดูแห่งทุเรียนก็ว่าได้ และคนไทยเราก็ขึ้นชื่อเรื่องความไปเรื่อยแบบสร้างสรรค์สุด ๆ กินทุเรียนปกติมันไม่จึ้งพอ ก็สรรหาทำ ข้าวเหนียวทุเรียน ไอศกรีมทุเรียน นมเม็ดทุเรียน ลูกอมทุเรียน ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด เรียกได้ว่า สารพัดเมนูทุเรียนจริง ๆ

ล่าสุด (3 ก.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ดอยคำ-Doi Kham ได้โพสต์สินค้าตัวใหม่ ระบุว่า…

“ใหม่ น้ำทุเรียน 100% จากดอยคำ ผลิตจากทุเรียนพันธุ์หมอนทอง เนื้อเนียน หวานมัน เข้มข้นเต็มรสทุเรียน”

“คงความสดในซอง รังสรรค์เมนูได้หลากหลาย พกพาสะดวก เหมาะเป็นของฝากชาวไทย และชาวต่างชาติ ราคา 95 บาท ทุเรียนเลิฟเวอร์ห้ามพลาด ซื้อได้แล้ววันนี้ที่ ร้านดอยคำ และ คิงพาวเวอร์ ทุกสาขา”

'เวียดนาม' เอาจริง!! รุกสร้างแบรนด์แข่งไทย ยกระดับ 'ทุเรียน' เป็นผลิตภัณฑ์ประจำชาติ

(23 ส.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สื่อเวียดนามอ้างอิงคำกล่าวของเล มินห์ ฮวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม ระบุว่า เวียดนามควรผลักดันให้ทุเรียนขึ้นแท่นเป็นผลิตภัณฑ์ประจำชาติ ด้วยการกำหนดมาตรฐานคุณภาพและสร้างแบรนด์เพื่อแข่งขันกับผู้ส่งออกรายใหญ่ เช่น ไทย และมาเลเซีย

เล มินห์ ฮวนเผยว่า การผลักดันให้ทุเรียนเป็นผลิตภัณฑ์ประจำชาตินั้น จำเป็นต้องอาศัยนโยบายการเกษตรที่ครอบคลุมและต้องมีการให้ความรู้แก่เกษตรกรและภาคธุรกิจ สิ่งนี้มีความสำคัญเนื่องจากปัจจุบันเวียดนามตามหลังไทยและมาเลเซียในการส่งออกผลไม้ไปยังจีน ขณะที่การผลิตในเวียดนามยังกระจัดกระจายและมีขนาดเล็ก

สินค้าแต่ละชนิดจะต้องผ่านเกณฑ์หลายประการเพื่อให้มีคุณสมบัติเป็นผลิตภัณฑ์ประจำชาติ เช่น ขนาดการผลิต ขีดความสามารถการแข่งขันด้านการส่งออก การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และศักยภาพในการครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา 

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นคาดว่า การส่งออกทุเรียนของเวียดนามจะสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 แสนล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้ เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เวียดนามทำรายได้จากการส่งออกทุเรียนอยู่ที่ราว 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.84 หมื่นล้านบาท) ระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม โดยจีนเป็นผู้นำเข้าทุเรียนเวียดนามรายใหญ่ที่สุด

ด่านจีน-เวียดนาม ใช้ระบบอัจฉริยะลดเวลาพิธีศุลกากรเหลือไม่ถึง 3 ชั่วโมง เชื่อ หนุน! เพิ่มการส่งออกสินค้าทางการเกษตรไปยังประเทศจีน

(4 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 67 ซึ่งเป็นวันแรกของช่วงหยุดยาววันชาติจีน ระยะ 1 สัปดาห์ (1-7 ต.ค.) ด่านโหย่วอี้หรือด่านมิตรภาพบนชายแดนจีน-เวียดนาม ในเมืองผิงเสียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ได้รับรองรถบรรทุกขนส่งทุเรียนไทยคันหนึ่งที่วิ่งผ่านเวียดนามมายังด่านโหย่วอี้ของจีน

รายงานระบุว่ารถบรรทุกทุเรียนไทยคันนี้ได้ผ่านพิธีการศุลกากรแบบไร้กระดาษและการตรวจสอบเชิงอัจฉริยะอย่างราบรื่นภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง ทำให้สามารถกระจายสินค้าทุเรียนไทยอันเป็นที่โปรดปรานของผู้บริโภคชาวจีนสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว

อนึ่ง ด่านโหย่วอี้เป็นด่านบกขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับการขนส่งผลไม้ไทยเข้าสู่จีน โดยข้อมูลศุลกากรของด่านโหย่วอี้ระบุว่ามูลค่าการนำเข้าทุเรียนไทยผ่านด่านแห่งนี้ ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2024 สูงถึง 5.88 พันล้านหยวน (ราว 2.76 หมื่นล้านบาท)

ด่านโหย่วอี้ได้ปรับปรุงพิธีการศุลกากรและกระบวนการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความรวดเร็วของการขนส่งสินค้าเกษตรนำเข้าที่ต้องรักษาความสดใหม่ เช่น ผลไม้สดจากไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน

สยงฉู่โจว เจ้าหน้าที่ด่านโหย่วอี้ เผยว่ามีการใช้ระบบตรวจสอบยานพาหนะขาเข้า-ขาออก เวอร์ชัน 2.0 พร้อมทดลองระบบแจ้งยานพาหนะเข้า-ออกล่วงหน้าทางออนไลน์ ทำให้เกิดพิธีการศุลกากรแบบไร้กระดาษ โดยบูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ การยืนยันตัวตนผ่านข้อมูลชีวภาพ และการโต้ตอบเชิงอัจฉริยะ

ด่านโหย่วอี้ได้ดำเนินการตรวจสอบยานพาหนะข้ามพรมแดนจีน-เวียดนามในปีนี้สูงถึง 5.38 แสนคัน เมื่อนับถึงวันที่ 23 ก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เมื่อเทียบปีต่อปี และครองอันดับหนึ่งในภูมิภาคกว่างซีติดต่อกัน 5 ปี

ไช่เจิ้นอวี่ ผู้จัดการทั่วไปของกว่างซี โอวเหิง อินเตอร์เนชันแนล โลจิสติกส์ จำกัด เผยว่าบริษัทนำเข้าทุเรียนผ่านด่านโหย่วอี้มากกว่า 2,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทุเรียนไทย ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2024 โดยความรวดเร็วในการดำเนินพิธีการศุลกากรของด่านโหย่วอี้ช่วยรับประกันความสดของทุเรียนและส่งสินค้าถึงผู้บริโภคได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จีนและเวียดนามเริ่มต้นก่อสร้าง 'กิโลเมตรที่ 0' ของช่องทางขนส่งสินค้าที่ด่านโหย่วอี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการด่านบกอัจฉริยะจีน-เวียดนาม ที่เป็นโครงการด่านบกอัจฉริยะข้ามพรมแดนแห่งแรกของจีน โดยโครงการนี้มุ่งกระชับขั้นตอน ลดการใช้กระดาษ ทุ่นแรงงานมนุษย์ ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพ

โครงการด่านบกอัจฉริยะจีน-เวียดนาม ประยุกต์ใช้ระบบนำทางผ่านดาวเทียมและสัญญาณ 5G เพื่อสร้างแพลตฟอร์มอัจฉริยะสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน การเดินรถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไร้คนขับ การใช้อุปกรณ์ยกย้ายอัตโนมัติ การตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์เชิงอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการดำเนินพิธีการศุลกากรได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เวียดนาม-มาเลเซีย เร่งสปีดส่งออก ไทยเสี่ยงเสียแชมป์ทุเรียนตลาดจีน

(7 ก.พ.68) รายงานการวิจัยความเสี่ยงของประเทศและอุตสาหกรรมของบีเอ็มไอ (BMI Country Risk and Industry Research) หน่วยงานในเครือสถาบันวิจัยฟิทช์ (Fitch) คาดการณ์ว่าความต้องการทุเรียนที่เพิ่มมากขึ้นในจีนจะผลักดันการส่งออกทุเรียนของผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโต

สถาบันฯ คาดว่าการแข่งขันในตลาดทุเรียนจะดุเดือดมากขึ้น โดยการส่งออกจากเวียดนามและมาเลเซียจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน่าจะท้าทายสถานะของไทยในการเป็นผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ที่สุดในโลกมากยิ่งขึ้น

สถาบันฯ มองว่ามาเลเซียจะกลายเป็นผู้ส่งออกทุเรียนสดป้อนตลาดจีนที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องมาจากข้อตกลงเมื่อปี 2024 ที่รัฐบาลจีนบรรลุข้อตกลงกับมาเลเซียในการอนุญาตการส่งออกทุเรียนสดเข้าสู่จีน โดยในช่วงเวลานั้นมาเลเซียได้ส่งออกทุเรียนแช่แข็งทั้งเปลือกและเนื้อทุเรียนแช่แข็งไปยังจีนอยู่แล้ว

ส่วนการผลิตและการส่งออกทุเรียนของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหลักบางประการที่ผลักดันการเติบโต ส่วนใหญ่คือสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในไทยที่กระทบการส่งออก และข้อตกลงที่กระทรวงเกษตรของเวียดนามและสำนักบริหารศุลกากรทั่วไปจีนบรรลุร่วมกันในปี 2022 ซึ่งอนุญาตการส่งออกทุเรียนสดไปยังจีน

นอกจากนี้ เวียดนามยังได้รับประโยชน์จากการมีพรมแดนทางบกติดกับจีน และการผลิตทุเรียนนอกฤดูกาล สิ่งนี้เป็นพัฒนาการสำคัญที่จะเพิ่มรายได้จากการส่งออกของเวียดนาม ควบคู่กับการเพิ่มการแปรรูปและลดแรงกดดันในการเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล

ด้านรัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเร่งทำงานเพื่อให้สามารถส่งออกทุเรียนสดไปยังจีน ขณะที่ลาวเป็นอีกประเทศหนึ่งที่สถาบันฯ คาดว่าจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในห่วงโซ่อุปทานทุเรียน

สถาบันวิจัยฟิทช์เผยว่าจีนนำเข้าทุเรียนสดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสิบปีมานี้ พร้อมคาดการณ์ว่าความต้องการทุเรียนจากจีนจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยคาดว่าในระยะสั้นถึงระยะกลางจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในภาคส่วนนี้

บีเอ็มไอคาดว่าการเติบโตจะดำเนินต่อไปในระยะกลางถึงยาว เนื่องจากตลาดยังคงห่างจากช่วงอิ่มตัว และผลไม้ชนิดนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ทุเรียนเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีราคาแพงที่สุด และมักถูกมองว่าเป็นสินค้าแปลกใหม่ที่มักรับประทานในโอกาสพิเศษ บีเอ็มไอจึงเชื่อว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่จะมีศักยภาพทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงในแง่อำนาจซื้อของผู้บริโภค

นายกฯ เตรียมไลฟ์ขายทุเรียน ส่งตรงจากจันทบุรี หวังดัน Soft Power เกษตรไทย-ช่วยชาวสวนในพื้นที่

(16 พ.ค. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมร่วมไลฟ์สดขายทุเรียนกับกลุ่ม Young Smart Farmer ณ สวนรักตะวัน จ.จันทบุรี วันที่ 17 พฤษภาคมนี้ เพื่อส่งเสริมผลไม้ไทยและกระตุ้นการตลาดช่วงฤดูทุเรียน พร้อมรณรงค์การบริโภคผลไม้ตามฤดูกาล และชมบูธร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมาย Thai SELECT

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะรับฟังปัญหาของเกษตรกรภาคตะวันออกทั้งเรื่องต้นทุน การผลิต และการส่งออก พร้อมให้นโยบายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการสนับสนุนภาคเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องร่วมคณะลงพื้นที่ด้วย

โดยในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเยี่ยมชมขั้นตอนการส่งออกผลไม้ ณ บริษัท ดรากอน เฟรช ฟรุท อ.มะขาม จ.จันทบุรี และชมการคัดแยก แพ็กกิ้งทุเรียนมังคุด รวมถึงโมเดลความร่วมมือกับสายการบินแอร์เอเชีย ในการนำเมนูผลไม้ขึ้นให้บริการบนเครื่องบิน

ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันเดินหน้าสนับสนุนการส่งออกผลไม้ไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในฤดูทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร กระจายตลาดสู่เมืองหลัก-เมืองรอง และผลักดันให้ 'ผลไม้ไทย' เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่คนทั่วโลกต้องรู้จักและจดจำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top