Friday, 28 June 2024
ทักษิณ

เปิดราคาที่แท้ทรู ‘ทักษิณ’ ณ จันทร์ส่องหล้า ผู้บัญชาการตัวจริง ‘ชิงกระแส-หยุดก้าวไกล’

แทบจะเป็นไปตามความคาดหมายทุกประการ…‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้รับการพักโทษวันที่ 18 ก.พ.2567 และเดินทางออกจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ ตอน06.09น.

สายตาเก็บอาการไม่โศกเศร้าดีใจ ที่โดดเด่นคือมีเฝือกคอและห้อยแขนให้พอรู้ว่าเป็นคนป่วย...

แต่กิริยาอาการตอนนั่งรถครึ่งชั่วโมงไปบ้านจันทร์ส่องหล้า และตอนสายออกมานั่งชิลๆ ริมสระน้ำรับแดดให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ลูกสาวคนโปรดถ่ายภาพโพสต์นั้น ชัดเจนว่าไม่ใช่ผู้ป่วยหนักอย่างที่ออกข่าวกันก่อนหน้านี้...

เชื่อ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เถอะว่า กรณีป่วยจริงหรือป่วยทิพย์...เรื่องนี้จะมีการตรวจสอบร้องเรียนกันเป็นเรื่องเป็นราว  เช่นเดียวกับกรณีอื่นๆ...อย่างแน่นอน

ไหนๆ ก็ไหนๆ เอาเป็นว่ากรณีปม ‘นักโทษเทวดา’ ที่ว่าๆ กัน...สุดท้ายจะมีการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และต่อศาลอาญาคดีทุจริตหรือ ‘ศาลปราบโกง’...บุคคลที่อยู่ในข่ายจะถูกร้องไล่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีจนถึงอดีตแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ 

‘เล็ก เลียบด่วน’ นั่งนับนิ้วดูแล้วมีประมาณสิบคน...ซึ่งอยู่หน่วยงานไหนบ้างท่านผู้อ่านก็พอจะเดาๆ กันได้...

กลับมาโฟกัสกันที่ทิศทางของทักษิณและครอบครัวชินวัตร...จากนี้ไปบ้านจันทร์ส่องหล้าก็จะเป็นรัฐบาลนอกทำเนียบหรือทำเนียบรัฐบาล 2 เพราะศูนย์อำนาจตัวจริงอยู่ที่นี่...เหตุที่ใช้บ้านจันทร์ส่องหล้าก็เพราะไม่พร้อมที่จะเปิดพื้นที่อื่นหรือบ้านอื่นเอิกเกริกวุ่นวาย...โดยเฉพาะอาณาจักรชินวัตรย่านนวมินทร์...

สำหรับอาณาจักรย่านนวมินทร์...วันที่ 20 ก.พ.ได้มีการดวลแข้งกระชับมิตรระหว่างนักการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลกับสื่อมวลชนที่สนามอัลไพน์ ฟุตบอล แคมป์ เทรนนิ่ง กรุงเทพฯ ของ ‘โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร’ ซึ่งเป็นมุมหนึ่งในอาณาจักร...

ไม่แน่ว่า..แต่เดิมอาจจะวางโปรแกรมเอาไว้ให้ ‘นายใหญ่’ มาปรากฏตัวที่สนามแห่งนี้ด้วยหรือไม่? แต่สำหรับวันนี้สถานการณ์คงไม่เอื้ออำนวยซะแล้ว...

กล่าวกันถึงที่สุด...ราคาและความสำคัญของทักษิณในนาทีนี้ก็คือ ความเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง...พรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำของรัฐบาลผสมกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมหรือกลุ่มอำนาจเดิม...จนสื่อและสังคมหยวนๆ เรียกขานกันวันนี้ว่า...พรรคเพื่อไทยเป็นหัวขบวนของกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่...

การหยุดและตรึงแนวรบก้าวไกล...นี่คือ ราคา-ความสำคัญของทักษิณ คือที่มาของ ‘ดีลลับ’ คือการกลับบ้านอย่างเท่ๆ ของทักษิณ...ไม่ติดคุกไม่นอนคุกแม้แต่วันเดียว...เป็นบาดแผลของกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่...

เป็นราคาที่สังคมประเทศต้องจ่าย...

อย่างไรก็ตามว่ากันว่า..ถ้าทักษิณกลับใจสู่ฟากฝั่งจริงๆ สะกดคำว่าทุจริตเชิงนโยบาย หรือคำว่าธุรกิจการเมืองไม่เป็น...หันมาชูธงอนุรักษ์นิยมทันสมัยแต่ปกป้องสถาบัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสร้างความปรองดองสมานฉันท์ นิรโทษกรรมคดีชุมนุมทางการเมืองที่กำลังศึกษากันอยู่...ก็จะเป็นอานิสงส์กับตัวเองและสังคม...

พูดกันตรงๆ ถ้าทักษิณสำนึกและปฏิบัติการล้างบาปความผิดพลาดของตัวเอง ให้อภัยกับคู่กรณีคู่ขัดแย้งกันแบบเห็นๆ ทักษิณก็อาจจะพลิกกลับเป็นวีรบุรุษได้ในพริบตา และจะเป็นกระดานหก ส่งผลเชิงบวกให้กับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ที่เป็นแคนดิเดทนายกฯ ได้ไม่น้อย..

‘เล็ก เลียบด่วน’ ขออนุญาตมองโลกสวยบนพื้นฐานการวิเคราะห์ข่าวสักเล็กน้อยว่า...อีกไม่นานจนเกินรอ  เมื่อถอดเฝือกออกจากคอและแขนได้ ทักษิณจะได้เวลาแสดงออกถึงความจงรักภักดีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง...และถ้าภาพนั้นเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นภาพมงคล ส่งผลให้เรื่องร้อนสงบเย็นลงได้พอประมาณ...

สาธุ!!

‘พิธา’ รับ!! ตั้งใจเยือน ‘เชียงใหม่’ ไม่ได้มาปาดหน้า ‘ทักษิณ’ แถมก้าวไกลได้รับความไว้วางใจอันดับ 1 ต้องช่วยกันทำงาน

(12 เม.ย.67) ที่เทศบาลตำบลอุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ หลังถูกตั้งคำถามว่าเป็นนักปาด โดยยืนยันว่า ตนไม่ได้มาตามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่มาตามว่าผู้สมัคร อบจ.และพี่น้องประชาชน มาใช้วันสุดท้ายก่อนปิดยาวช่วงสงกรานต์ให้เป็นประโยชน์

อยากใช้โอกาสนี้เชิญชวนประชาชนไปเลือกตั้ง อบจ.ให้เยอะ ให้ความสำคัญเท่ากับการเลือกตั้งระดับชาติ อยากให้มาใช้สิทธิ์ เพราะหากคนมาใช้สิทธิ์น้อย ก็ไม่ตรงตามหลักประชาธิปไตยและเสียดายงบประมาณเลือกตั้งด้วย

เมื่อถามถึงเดินทางมาช่วงเดียวกับนายทักษิณ ซ้ำถึง 2 ครั้งแล้ว อาจถูกเชื่อมโยงได้ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่ความบังเอิญ ครั้งนั้นมาเรียนรู้การดับไฟป่า และเป็นช่วงที่เชียงใหม่ประสบปัญหาสภาวะทางอากาศสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ตนมี สส. 7 คน จาก 10 คน และได้รับคะแนนความไว้วางใจเป็นอันดับ 1 ก็ต้องลงมาช่วย สส.ทำงาน และกลับไปจะได้อภิปรายได้ถูกต้อง

ไม่ใช่ความบังเอิญ ตนตั้งใจมาจริง ๆ และไม่ได้ต้องการมาเพื่อการเมือง แต่ต้องการทำหน้าที่อดีตหัวหน้าพรรค หากมีโอกาสอยากเข้าโรงพยาบาลดูแลผู้ป่วย เรื่องทางเดินหายใจว่าหนักขึ้นจริงหรือไม่

“ผมคิดว่านักการเมือง ถ้ายึดโยงกับประชาชนก็ขึ้นมาทั้งนั้น รมว.สาธารณสุข รมว.มหาดไทย ก็เพิ่งลงพื้นที่ เราเป็นฝ่ายค้านก็ต้องมาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ต้องขึ้นมาปกติอยู่แล้ว ไม่มีนัยยะทางการเมือง” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่ากระแสของพรรคก้าวไกล ไป จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางเจ้าถิ่นอย่างพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า “ผมไม่ได้คิดว่าพรรคไหนเป็นเจ้าถิ่นของใคร ประชาชนไม่ใช่สมบัติ ของนักการเมืองท่านไหน แต่ผมมีความรับผิดชอบกับเชียงใหม่ เพราะเขาเลือกผมมาถล่มทลาย มาเป็นอันดับ 1 ของเชียงใหม่และจำนวน สส. ที่มีอยู่ และพื้นที่ที่มีไฟป่าเยอะก็เป็นเขตของพวกผมทั้งนั้น เพียงแต่พอเป็นสส.แล้ว ไม่มีงบประมาณ ทำได้แค่ตรวจสอบรัฐบาลหรือเสนอแนะ ก็ต้องลงพื้นที่เพื่อให้ สส.ทำงานได้ เพราะ 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น”

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ขณะนี้เกิดการแข่งขันกันหลายกลุ่มทั้ง พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และกลุ่มนางทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นายพิธา กล่าวต่อว่า เป็นสีสันทางการเมือง การแข่งขัน ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ตนคิดว่ายังเร็วเกินไป หลังจากนี้จะมีเรื่องนโยบายและไดนามิคทางการเมือง ช่วงนี้ตนขอสื่อสารให้คนมาเลือกตั้งอบจ.ให้เยอะก่อน อยากให้รู้ว่าการเลือกตั้ง อบจ.มีศักดิ์มีศรีไม่แพ้ สส. 

‘เทพไท’ ฟาด ‘อุ๊งอิ๊ง’ ตระบัดสัตย์-หักหลังปชช. ภาคภูมิใจกับดีลลับ ‘ทักษิณ’ ยก!! ‘ชวน-อภิสิทธิ์’ เป็นตัวอย่าง ให้ความสำคัญ ‘สัจจะวาจา’ มากกว่าอำนาจ

(4 พ.ค.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า

จงภูมิใจกับการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วต่อไป

เมื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ‘อุ๊งอิ๊ง’ กล่าวในงานอีเวนต์  ‘10เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม10’ ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม บอกลูกพรรคอย่าสนวากรรมทำให้ เหมือนผิดคำสัญญาประชาชน นั้น ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้าสู่อำนาจรัฐให้ได้ โดยมีการดีลลับกัน ระหว่างนายทักษิณกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม จนสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย หรือที่เรียกกันว่า ฮั้วอำนาจทางการเมืองกันลงตัว

เมื่อต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ก็เหมือนกับคุณอุ๊งอิ๊งบอกว่า ตัดสินใจถูกต้องแล้ว และไม่สนคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่า จะไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรค2ลุง ซึ่งเป็นการประกาศบนเวทีหาเสียง จากปากคุณอุ๊งอิ๊ง นายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค เป็นการตระบัดสัตย์และหักหลังประชาชน

ถ้ามั่นใจว่าประชาชนลืมง่าย และสามารถนำผลงานมาเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนได้ ก็ขอให้รอดูผลการเลือกตั้งในครั้งต่อไปก็แล้วกัน เพราะคำพูดของนักการเมือง มีความสำคัญเป็นสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชน เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ประชาชนก็จะเสื่อมศรัทธาและจะลงโทษเอง อยากให้ดูการรักษาสัจจะของนักการเมืองอย่างน้อย 2 คน คือ

1.นายชวน หลีกภัย ซึ่งเคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อันดับ1 ก็จะไม่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคความหวังใหม่ 2 เสียง จากเหตุไฟฟ้าดับตอนนับคะแนนที่จังหวัดปทุมธานี นายชวนก็เปิดโอกาสให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่จัดตั้งรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีทันที

2.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้ประกาศไว้ในการ หาเสียง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่า จะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ มีมติด้วยเสียงข้างมาก ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ก็แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ลาออกจากการเป็นส.ส.ในทันที ทั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงการขานชื่อ สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยการรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายอภิสิทธิ์ ยึดหลักบาป 7 ประการ ของมหาตมะ คานธี คือ
1.เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ
2.หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด
3.ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน
4.มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี
5.ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม
6.วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์
7.บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ

ขอให้พรรคเพื่อไทย จงภูมิใจกับการเป็นรัฐบาลต่อไปเถิด ถ้าคิดว่าผลงานช่วงเป็นรัฐบาล 4 ปีนี้สามารถเรียกคะแนนนิยมคืนได้ 10 เต็ม ตามที่ประกาศไว้ ถือเป็นความโชคดีไป ขอให้ยืนยันและภูมิใจในการตัดสินใจหักหลังประชาชน กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

จะตัดสินใจถูกหรือผิดในการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้ม อย่าคิดเอง เออเอง รอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ในการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า

‘นิพิฏฐ์’ ชี้ ‘แบงก์ชาติ’ ต้องไม่มีการเมือง มาแทรกแซง หนุน!! ผู้ว่าฯ อย่าเพิ่งถอดใจ ปชช. ยังต้องการให้เป็น ‘วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต’

(4 พ.ค.67) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า สายเลือดพ่อ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า “ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ” ถือเป็นคำกล่าวที่รุนแรงต่อสถาบันการเงินหลักของประเทศ ทุกประเทศในโลกเขาให้ธนาคารชาติของเขาเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งสิ้น

-มีครั้งหนึ่ง หลวงตามหาบัว ได้ตำหนิคุณทักษิณ และหลวงตาได้ระดมทองคำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ธนาคาร ตามโครงการ 'ทองคำช่วยชาติ'

-รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงโทษธปท. ถึงกับประกาศว่า ธปท.เป็นอุปสรรคของประเทศ

-หลายคนโทรมาคุยกับผมในเรื่องนี้

-ผมได้แต่ฟัง และบอกว่า “เป็นเช่นนี้”

-เมื่อเราได้รัฐบาลเช่นนี้ ทุกอย่างก็จะ “เป็นเช่นนี้แหละ”

-อย่าแปลกใจเลย อุ๊งอิ๊ง ก็มีสายเลือดพ่อเต็มเปี่ยม และกำลังเดินตามรอยเท้าพ่อ จากนี้ ประเทศก็จะเป็นดังอดีตที่พ่อเคยทำ เริ่มจากต้องนำยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาแบบไร้รอยขีดข่วน

-ใครติดปีกให้คุณทักษิณ หากบ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องยอมรับชะตากรรม

-ผมไม่กลัว และ ไม่แคร์ตระกูลชินวัตร คุณจะมั่งมีศรีสุข มีอำนาจล้นฟ้า ก็มีไป ผมขอเพียงพื้นที่เล็กๆให้ผมได้เหยียบเดินแบบ “เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน”

-ขอให้กำลังใจผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ท่านอยู่ต่อไป หากท่านถอดใจลาออก ประชาชนส่วนหนึ่งน่าจะเสียขวัญและกำลังใจ

-วีรบุรุษ มี 2 ประเภท คือ วีรบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่ กับ วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว

-ประชาชนต้องการให้ท่านผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เป็น “วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต มากกว่า วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว” ครับ

‘สว.วันชัย’ โพสต์เฟซบุ๊กฟาด ‘พวกหากินกับความขัดแย้ง’ ชี้!! เห็นคนรัก ‘ทักษิณ’ แล้วใจสั่น จิตใจเต็มไปด้วย ‘อคติ’

(1 มิ.ย.67) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ ‘มนุษย์ที่หากินกับความขัดแย้ง จะเป็นจะตายกับความสงบ’ ระบุถึงอาการของคนประเภทหนึ่งที่สนุกสนานกับการทะเลาะเบาะแว้งของคนในสังคม ดังนี้ มนุษย์ที่หากินกับความขัดแย้ง จะเป็นจะตายกับความสงบ

เท่าที่ผมสังเกต มันมีคนอยู่ประเภทหนึ่ง ที่ทำมาหากินอยู่กับความขัดแย้งในสังคมไทย พวกนี้จะมีความสุขสนุกสนานและความมัน กับการทะเลาะเบาะแว้งของคนในสังคม ถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย คนพวกนี้จะเป็นโรคซึมเศร้าเหงาหงอย กระเสาะกระแสะหมดเรี่ยวหมดแรง

อาการที่ปรากฏของคนพวกนี้คือ 

1.เป็นพวกอคติ มีความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงเข้ากระดูกดำ 

2.เป็นพวกจินตนาการเพ้อฝัน ดันทุรังอยู่กับอดีต

3.หาเรื่องปรุงแต่งไปเรื่อย ฟุ้งซ่าน ไปวัน ๆ เอาแต่ด่า ด่า ด่า 

4.จับแพะชนแกะ โยงไปโยงมา หาเรื่องให้วุ่นวาย 

5.ยิ่งเห็นคุณทักษิณ ไปโน่นมานี่ มีคนแห่แหน จะมีอาการเนื้อเต้นเส้นกระตุก หัวใจสั่น หูหนาตาแดง ปัสสาวะฉุนขุ่นเหลือง

ก็ไม่รู้จะเยียวยาอย่างไร สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไปสงบจิตสงบใจ ไหว้หลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชค วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน บ้างก็ดี

วิเคราะห์ 'เมียนมา' ปิดด่านพญาโตงซู กระทบส่งออกไทยนับร้อยล้าน อาจเพราะ 'โทนี่' ออกหน้าแทนฝ่ายต่อต้านฯ-อาวุธหลุดข้ามชายแดนถี่

มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวในเมียนมา ว่ามีการปิดด่านพญาโตงซู ในฝั่งเมียนมา ทำให้สินค้าจากไทยไม่สามารถขนผ่านด่านนี้ได้ และเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

อนึ่งจากเหตุการณ์ที่ KTLA บุกยึดเมียวดี และทางกองทัพเมียนมาเลือกใช้วิธีปิดด่านชายแดน ส่งผลให้นักธุรกิจชายแดน ต้องมุ่งเป้าหาเส้นทางใหม่ ๆ ในการขนส่งสินค้าจากไทยเข้าสู่เมียนมาและเส้นทางที่นิยมกันรองจากเมียวดีคือ เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี

หลังจากการปิดด่านเมียวดี เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์ก็เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าด้วยเหตุที่ว่า หากเทียบในการขนสินค้าจากเมียวดีไปเมืองเมาละแหม่ง ใช้เวลา ประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 75 ไมล์ ในขณะที่เส้นด่านเจดีย์ 3 องค์ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น กินระยะทาง 111 ไมล์จากด่านพญาโตงซูในฝั่งเมียนมา

การปิดด่านพญาโตงซู ในฝั่งเมียนมา โดยไม่อนุญาตให้รถขนส่งจากไทยข้ามไปฝั่งเมียนมา มีหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงเหตุการณ์นี้ว่า ทำไมฝ่ายเมียนมาจึงตัดสินใจแบบนี้?

ข่าวลือแรก ในพื้นที่ออกมา ว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ด่านนี้มีการรับส่วย จึงถูกจับเปลี่ยนยกชุด เพราะเรื่องรู้ไปถึงส่วนกลางที่เนปิดอว์ ... ซึ่งข่าวนี้ไม่นับว่ามีน้ำหนักสักเท่าไร เพราะหากมีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เพราะทุจริตจริง ทางการเมียนมาต้องส่งเจ้าหน้าที่ชุดใหม่มาปฏิบัติงานแทนแล้ว

ข่าวต่อมา ระบุว่า ปิดเพราะมีการจับการขนส่งอาวุธได้เป็นประจำที่จุดนี้ ... เรื่องนี้พอมีเค้ามูลอยู่บ้างโดยเฉพาะช่วงหลังการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลังกะเหรี่ยงกับ PDF พุ่งเป้ามาบริเวณนี้มากขึ้น

สุดท้าย คือ เรื่องที่มีข่าวว่ากลุ่มต่อต้านเข้าหารือกับทางการไทย โดยเฉพาะที่เป็นข่าวออกมาว่านายทักษิณ ชินวัตร จะออกหน้าแทนฝ่ายต่อต้านมาเจรจากับกองทัพเมียนมา ซึ่งนั่นน่าจะสร้างความไม่พอใจกับทางการเมียนมาอยู่มิใช่น้อย รวมถึงการที่ฝั่งกองทัพเมียนมารู้สึกไม่พอใจกับท่าทีของไทยในการจัดการปัญหาชายแดนระหว่างกันให้เด็ดขาด รวมถึงปล่อยปละละเลยให้ทางเมียนมาตรวจจับอาวุธที่ส่งมาจากไทยได้บ่อยครั้ง ทั้งหมดน่าจะเป็นส่วนผสมที่ทำให้เกิดการปิดด่านครั้งนี้

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาตอนนี้ ด่านเมียวดียังปกติ มีการส่งออกจากไทยอยู่ประมาณ 7 พันล้านบาทต่อเดือน พอเข้าเดือนเมษายนที่มีเหตุการณ์ยึดเมียวดี ยอดส่งออกตกลงมาเหลือ 4.5 พันล้านบาท 

แน่นอนว่าด่านเจดีย์ 3 องค์ เป็นด่านหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์จากการปิดด่านเมียวดีในครั้งนั้นจนถึงวันนี้ ดังนั้นการแก้ปัญหาคงไม่ใช่แค่ให้ฝ่ายพาณิชย์แก้ไขเพียงฝ่ายเดียว ต้องดูถึงปัจจัยแวดล้อมว่าอะไรคือต้นเหตุที่นำพามาให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

ไม่ว่าเหตุผลของการปิดด่านคืออะไร ก็หวังว่าทางการไทยจะรับรู้และช่วยกันผลักดันให้ด่านเปิดเป็นปกติอีกครั้ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top