Saturday, 7 June 2025
ญี่ปุ่น

‘Kirin Holdings’ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘ช้อนสร้างความเค็มไฟฟ้า’ ชี้!! ช่วยลดการบริโภคเกลือ ด้วยการ ‘สร้างความรู้สึกเค็ม’ ขึ้นมาแทน 

(2 มิ.ย.67) บริษัทเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่น Kirin Holdings ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือ ‘ช้อนสร้างความเค็มไฟฟ้า’ ซึ่งนักวิจัยบอกว่า ‘ช้อนสร้างรสเกลือ’ นี้ จะช่วยลดการบริโภคเกลือด้วยการสร้างความรู้สึกเค็มขึ้นมาแทน และดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ช้อนดังกล่าว ผลิตจากพลาสติก และขึ้นรูปจากเหล็ก น้ำหนักรวม 60 กรัม ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีลิเธียมแบบชาร์จไฟซ้ำได้ เป็นการพัฒนาโดยศาสตราจารย์ ดร. Homei Miyashita แห่งมหาวิทยาลัย Meiji ซึ่งเคยพัฒนา ‘TV เลียชิมรส’ และ ‘ตะเกียบเติมเค็ม’ ตัวต้นแบบมาก่อน

‘ช้อนไฟฟ้า’ ชิ้นนี้ ได้รับรางวัล Ig Nobel 2023 สาขาโภชนาการเมื่อปีกลาย ซึ่งกำเนิดจากความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ออกมาจากช้อน เพื่อกระตุ้นโมเลกุลโซเดียมไอออนที่ปลายลิ้น ทำให้เกิดการรับรู้รสเค็มของอาหารมากขึ้น

Kirin Holdings ระบุว่า เทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชาวญี่ปุ่นซึ่งนิยมรับประทานอาหารรสเค็ม

เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ชาวญี่ปุ่นวัยผู้ใหญ่จะบริโภคเกลือราว 10 กรัมต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึงสองเท่า (5 กรัมต่อวัน) ซึ่งการรับประทานเกลือมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และอาการป่วยอื่นๆ ที่ต่อเนื่องกันยาวเป็นลูกโซ่ได้

ในเบื้องต้นนี้ Kirin Holdings จะผลิต ‘ช้อนสร้างรสเกลือ’ ออกขายทั้งหมด 200 อัน ในราคาอันละ 19,800 เยน หรือราว 4,500 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนนี้ และจะวางขายตลาดต่างประเทศในปีหน้า โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มยอดขายได้มากถึง 1 ล้านอัน ภายใน 5 ปีข้างหน้า

แผ่นดินไหว 5.9 แมกนิจูด เขย่าภาคกลาง ‘ญี่ปุ่น’  ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์’ ปลอดภัย ไม่มีเตือนภัยสึนามิ

(3 มิ.ย.67) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) เปิดเผยว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 แมกนิจูดบริเวณคาบสมุทรโนโตะ จังหวัดอิชิคาวะทางตอนกลางฝั่งตะวันตกของประเทศ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (3 มิ.ย.) รายงานระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.31 น.ตามเวลาท้องถิ่น และความรุนแรงของแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับ 5 จากทั้งหมด 7 ระดับ ซึ่งระดับ 7 เป็นระดับรุนแรงที่สุด และตามมาด้วยแผ่นดินไหวอีกครั้งขนาด 4.8 แมกนิจูด เมื่อเวลา 06.40 น.ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ดีไม่มีการเตือนภัยสึนามิ และไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

บริษัทโตเกียว อิเล็กทริกพาวเวอร์คอมพานี หรือ เทปโก (TEPCO) กล่าวว่า ไม่พบความผิดปกติใดๆ ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คาชิวาซากิ-คาริวะ ในจังหวัดนีงาตะ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง

‘ญี่ปุ่น’ พบ ‘5 ค่ายรถชื่อดัง’ บิดเบือนผลทดสอบความปลอดภัย ลั่น!! การกระทำนี้เป็นบ่อนทำลายความไว้วางใจผู้ใช้บริการ

(4 มิ.ย. 67) กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ 4 ราย และผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ 1 ราย ของญี่ปุ่นยอมรับมีความผิดปกติในการทดสอบความปลอดภัย ส่งผลให้โตโยต้า มอเตอร์, มาสด้า มอเตอร์ และยามาฮ่า มอเตอร์ ต้องระงับชั่วคราวในการจัดส่งรถยนต์ทั้งหมด 6 รุ่น โดยระบุว่าอีก 2 บริษัทที่รายงานว่ามีปัญหาในเรื่องนี้ ได้แก่ ฮอนด้า มอเตอร์ และซูซูกิ มอเตอร์

เพื่อตอบสนองต่อปัญหาก่อนหน้านี้ที่ Daihatsu Motor และ Toyota Industries กระทรวงฯ ได้สั่งให้บริษัท 85 แห่งในอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และอุปกรณ์ ตรวจสอบว่ามีความผิดปกติใด ๆ ในการสมัครขอใบรับรองรุ่นของตนหรือไม่ ในแถลงการณ์ กระทรวงเรียกความผิดปกติดังกล่าวว่า “การกระทำที่บ่อนทำลายความไว้วางใจของผู้ใช้ และสั่นคลอนรากฐานของระบบการรับรองยานยนต์ ระดับชาติ

กระทรวงจะดำเนินการตรวจสอบสถานที่ของโตโยต้าในวันอังคาร การตรวจสอบของบริษัทอื่น ๆ อีก 4 แห่งจะตามมา

ตามรายงานของกระทรวงฯ โตโยต้า มาสด้า และยามาฮ่า ยืนยันว่า การบิดเบือนการทดสอบได้เกิดขึ้นในการผลิตรถยนต์ที่ยังคงดำเนินการอยู่ กระทรวงสั่งให้บริษัทเหล่านี้ระงับการจัดส่งรุ่นเฉพาะจนกว่าจะยืนยันว่าเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ

โตโยต้าประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ได้หยุดการจัดส่งและจำหน่ายในประเทศของโคโรลล่า ฟิลเดอร์, โคโรลลา แอ็กซิโอ และยาริส ครอส โดยกล่าวว่าการสมัครขอใบรับรองรุ่นเหล่านี้มี ‘ข้อมูลไม่เพียงพอในการทดสอบการป้องกันคนเดินเท้าและผู้โดยสาร’

อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงรุ่นอื่น ๆ อีก 4 รุ่นที่ไม่ได้ผลิตอีกต่อไปในประกาศของ Toyota ได้แก่ Crown, Isis, Sienta และ RX ซึ่งพบ ‘ข้อผิดพลาดในการทดสอบการชนและวิธีการทดสอบอื่น ๆ’

คำแถลงดังกล่าวต่อไปว่า “เรารับประกันได้ว่าไม่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพที่ขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับ” โตโยต้ากล่าวว่าได้ตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการภายในแล้ว และ “ไม่จำเป็นต้องหยุดใช้ยานพาหนะที่ได้รับผลกระทบ”

“ผมอยากจะขอโทษอย่างจริงใจต่อลูกค้า ผู้ชื่นชอบรถยนต์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย” อากิโอะ โตโยดะ ประธานบริษัทโตโยต้า กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์

ตามที่บริษัทระบุ บริษัทใช้ข้อมูลที่รวบรวมในกระบวนการพัฒนา ซึ่งบริษัทกล่าวว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดกว่าข้อกำหนดของกระทรวง และเป็นผลให้ไม่ตรงกับข้อกำหนดอย่างถูกต้อง มีแผนที่จะส่งรายงานฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อกระทรวงภายในสิ้นเดือนนี้

ความผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มบริษัท Hino Motors, Daihatsu Motor และ Toyota Industries รายงานปัญหาที่คล้ายกัน

“ผมมีความรู้สึกที่โชคร้ายมาก” ประธานกล่าว “โตโยต้า ไม่ใช่บริษัทที่สมบูรณ์แบบ เราทราบดีว่ายังมีช่องว่างให้ปรับปรุงอีกมาก” บริษัทกล่าวว่าได้เริ่มปรับปรุงกระบวนการทดสอบความปลอดภัยแล้ว

ไดฮัทสุ หน่วยรถยนต์ขนาดเล็กของโตโยต้า เปิดเผยการบิดเบือนผลการทดสอบผลิตภัณฑ์อย่างกว้างขวางในปี 2566 ส่งผลให้โรงงานทั้งหมดในญี่ปุ่นต้องปิดชั่วคราว Toyota Industries และ Hino ยังรายงานการประพฤติมิชอบเกี่ยวกับการรับรองเครื่องยนต์ในเดือนมกราคมและเดือนมีนาคม 2022 ตามลำดับ

ตามรายงานของกระทรวง มาสด้ารายงานความผิดปกติในรถยนต์ 5 รุ่น รวมถึง 2 รุ่นที่ยังคงอยู่ในการผลิต Yamaha Motor มีโมเดลสามรุ่นที่ค้นพบความผิดปกติ โดยรุ่นหนึ่งยังคงอยู่ในการผลิต

ฮอนด้ารายงาน 22 รุ่นและซูซูกิ 1 รุ่น ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ในการผลิตมาสด้ากล่าวว่าพบว่าการประมวลผลรถยนต์ทดสอบไม่สม่ำเสมอในการทดสอบการชนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ 3 รุ่นที่ไม่มีการผลิตอีกต่อไป บริษัทกล่าวว่าการตรวจสอบทางเทคนิคภายในและการทดสอบซ้ำ “ยืนยันว่าโมเดลเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่ตรงตามมาตรฐานทางกฎหมายสำหรับประสิทธิภาพการปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชนกันทางด้านหน้า”

ฮอนด้า ยามาฮ่า และซูซูกิยังได้ออกแถลงการณ์เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่จะไม่มีปัญหากับสมรรถนะของรถ

'เครือสหพัฒน์' ผนึกกำลัง 'fufu' ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น ผุด 100 สาขา เจาะตลาดทำสีผมแฟชั่น และกลุ่มสูงวัยปิดผมขาว

(4 มิ.ย. 67) คุณธีรดา อำพันวงษ์ คณะกรรมการในเครือสหพัฒน์ เผยถึงความร่วมมือกับพันธมิตร ‘ฟาสต์ บิวตี้’ จากประเทศญี่ปุ่น ขยายธุรกิจร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย ว่า เพราะคนไทยมีความสนใจเรื่องความงามคล้ายกับคนญี่ปุ่น ปัจจุบันประเทศไทยมีกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นอีกโอกาสของตลาดทำสีผมทั้งปิดผมขาวและสีแฟชั่น

ร้านทำสีผม ‘fufu’ ที่จะเข้ามาเปิดตลาดในไทย เป็นการทำสีผมที่แตกต่างจากเดิม คือตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงวัย โดยการนำเทคโนโลยีและระบบ CRM มาให้บริการ เพื่อวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า และใช้ AI เสนอทางเลือกที่เหมาะกับให้ลูกค้า ตั้งเป้าเปิดให้บริการในประเทศไทย 100 สาขา สำหรับสาขาแรกเปิดในทำเลทองหล่อ

มร.ยูกิฮิโระ ฮิกาชิคุโบะ ประธานบริษัทและผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟาสต์บิวตี้ จำกัด กล่าวว่า 'ฟาสต์ บิวตี้' ดำเนินธุรกิจร้านทำสีผม fufu ที่มีกว่า 130 สาขา และเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจร้านทำสีผมในประเทศญี่ปุ่น โดยให้บริการเฉพาะการทําสีผม ในราคาคุ้มค่าและรวดเร็ว ปัจจุบันมีลูกค้ามาใช้บริการกว่า 4.15 ล้านคนต่อปี

นอกจากให้บริการทำสีผมแล้ว ฟาสต์ บิวตี้ ยังเป็นผู้จําหน่ายผลิตภัณฑ์ความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผ่านทางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซด้วย

สำหรับร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย ให้บริการลูกค้าครบวงจร ทั้งบริการทําสีผมแฟชั่น สําหรับกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และบริการทำสีผมเพื่อปกปิดผมขาว สำหรับกลุ่มคนสูงวัย โดยจะลงนามความร่วมมือขยายธุรกิจร่วมกันในงาน สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2567

‘กฟผ.’ จับมือ ‘มิตซูบิชิฯ’ พัฒนาไฮโดรเจนผลิตไฟฟ้าร่วมก๊าซธรรมชาติ หวังเดินหน้าสู่พลังงานสะอาด - ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ปี 2065

เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.67) นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายนรินทร์ เผ่าวณิช รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมประชุมหารือความร่วมมือทวิภาคีด้านพลังงานระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทย ครั้งที่ 6 (The 6th Japan-Thailand Energy Policy Dialogue : 6th JTEPD) ณ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างภาครัฐและเอกชน พร้อมติดตามความก้าวหน้าของความร่วมมือ และนำเสนอโครงการ แนวทางนโยบาย แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์พลังงาน โดยมุ่งเน้นพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน เทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานในอนาคต

ทั้งนี้ ในงานประชุมครั้งนี้ กฟผ.ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ เพื่อร่วมศึกษาศักยภาพและพัฒนาการนำไฮโดรเจนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมกับก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าสำหรับกังหันก๊าซ (Gas Turbine) โดยมีเป้าหมายส่งเสริมการเปลี่ยนด้านพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมายก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2065

ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศ ในการเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดตามแผนพัฒนาพลังงานและแนวทางส่งเสริมการใช้ไฮโดรเจนของประเทศไทย ที่ริเริ่มนำเชื้อเพลิงทางเลือกและเชื้อเพลิงสะอาดมาประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ของญี่ปุ่น เพื่อผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีที่จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางเทคโนโลยีและแผนพัฒนาโครงการไฮโดรเจนตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) กับบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น นำไปสู่การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

‘ชิบุยะ’ จ่อคุมเวลา ‘ห้ามดื่มแอลกอฮอล์’ ในที่สาธารณะ หลัง ‘นักดื่ม’ ทำเมืองเละเทะ คาด!! เริ่มบังคับใช้ตุลาคมนี้

(7 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘ชิบุยะ’ ย่านท่องเที่ยวยอดนิยมของโตเกียวเตรียมประกาศควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ คาดเริ่มใช้เดือนตุลาคมนี้

โดยมาตรการกำหนดว่าห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามท้องถนนหรือสถานที่สาธารณะในเขตชิบูย่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 5.00 น. ทุกวัน และอายุการดื่มที่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่นคือ ผู้มีอายุ 20 ปี

ชิบุยะ เป็นเขตปกครองตนเองในโตเกียว จึงสามารถออกกฎระเบียบท้องถิ่นโดยเฉพาะได้ โดยนายกเทศมนตรี ‘เคน ฮาเซเบะ’ เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ‘ได้เพิ่มการตรวจตราและความพยายามอื่นๆ ในปีที่ผ่านมา และเราอยากให้ผู้คนเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มในร้านอาหารมากกว่า’

ทั้งนี้ ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ชิบุยะ เคยมีคำสั่งห้ามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวันฮาโลวีน โดยอ้างว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งห้ามดังกล่าว รวมถึงการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกบาร์ และร้านอาหาร ซึ่งธุรกิจในท้องถิ่นต่างสนับสนุนกฎระเบียบดังกล่าวในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และผลักดันให้กฎดังกล่าวประกาศใช้อย่างถาวร

‘จำนวนนักท่องเที่ยวปริมาณล้นเมืองกลายเป็นเรื่องร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดจากการดื่มตามท้องถนน การทะเลาะวิวาทกับคนท้องถิ่น การทิ้งกระป๋องและขวดเปล่าของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมาก’ เป็นข้อความที่ระบุในแถลงการณ์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ชิบุยะ เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งในโตเกียว เช่น ศาลเจ้าเมจิ สวนสาธารณะโยโยหงิ และ บริเวณทางข้ามถนนชิบุยะ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในทางแยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลก

‘บ.ญี่ปุ่น’ ยอมถอย!! จ่อรื้อถอน ‘คอนโดฯ’ สร้างใกล้เสร็จ หลังโดนคนท้องถิ่นร้องเรียน บดบังความงามของ ‘ฟูจิ’

เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นรายงานแผนการรื้อถอนคอนโดมิเนียม ความสูง 10 ชั้น ที่ก่อสร้างใกล้เสร็จสิ้นในพื้นที่ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว หลังจากผู้อยู่อาศัยท้องถิ่นร้องเรียนว่ามันบดบังวิวความสวยงามของแลนด์มาร์กชื่อดังอย่างภูเขาไฟฟูจิ

รายงานระบุว่า อาคารหลังดังกล่าว (Gurandomezon Kunitachi Fujimi-dori) ตั้งอยู่ที่เขตนากาของเมืองคุนิตาจิ ซึ่งถูกประชาสัมพันธ์ทางการตลาดว่าเป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกบนถนนฟูจิมิ-โดริ ที่เปิดจำหน่ายในรอบทศวรรษ แต่จะไม่เสร็จสมบูรณ์เนื่องด้วยกระแสคัดค้านจากคนท้องถิ่น

เมื่อวันอังคาร (4 มิ.ย.) บริษัท เซกิซุย เฮาส์ จำกัด ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมแห่งนี้ แจ้งเจ้าหน้าที่เมืองคุนิตาจิว่าบริษัทฯ ตัดสินใจไม่ดำเนินโครงการนี้ต่อไปเพราะไม่ได้พิจารณาผลกระทบต่อพื้นที่และภูมิทัศน์โดยรอบอย่างถี่ถ้วน และกำลังอธิบายสถานการณ์แก่ผู้ซื้อในอนาคตและผู้อยู่อาศัยท้องถิ่น

อนึ่ง กระแสการคัดค้านเกิดขึ้นหลังการก่อสร้างเริ่มต้นได้เพียงไม่นาน โดยผู้อยู่อาศัยท้องถิ่นแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากตัวอาคารต่อทิวทัศน์ภูเขาไฟฟูจิและแสงอาทิตย์ที่ส่องถึงบ้านเรือนใกล้เคียง

สภาการพัฒนาเมืองสรุปว่าโครงการคอนโดมิเนียมแห่งนี้จะบดบังทิวทัศน์ภูเขาไฟฟูจิจากถนนฟูจิมิ-โดริ และชี้แนะให้ทำการเปลี่ยนแปลง เมื่อเดือนมิถุนายน 2021

แม้เซกิซุย เฮาส์ ลดจำนวนชั้นของอาคารจาก 11 เหลือ 10 ชั้น แต่ผู้อยู่อาศัยท้องถิ่นยังต้องการให้ลดจำนวนชั้นเหลือ 4 ชั้น และขนาดโดยรวมเล็กลงอีก ซึ่งเซกิซุย เฮาส์ ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความสามารถทำกำไรของโครงการ นำสู่การตัดสินใจรื้อถอนในท้ายที่สุด

‘รมว.ปุ้ย’ หารือ ‘เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น’ ย้ำความร่วมมืออุตฯ ‘ไทย-ญี่ปุ่น’ ยืนยัน!! พร้อมหนุนรถยนต์สันดาปภายใน ช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่รถ EV

(12 มิ.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้การต้อนรับนายโอตากะ มาซาโตะ (H.E. Mr. OTAKA Masato) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นภาพรวมและโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมระหว่างไทย-ญี่ปุ่นในอนาคต

รวมถึงนโยบายด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย และนโยบายด้านการจัดการซากรถยนต์ในอนาคต (Future End of Life Vehicle Policy) เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567

โดยมีนายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางศิริเพ็ญ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และนางสาวนลินี กาญจนามัย รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย ณ ห้องรับรอง 1 ชั้น 2 อาคาร สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

นางสาวพิมพ์ภัทรากล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ๆ ที่มาลงทุนและสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้รับความร่วมมือที่ดีจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) และองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) เข้าพบเพื่อรายงานสรุปผลแนวโน้มทางเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย

“สำหรับความร่วมมือในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างประเทศไทยให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์อีวี เพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน แต่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน ก็มีนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และพร้อมสนับสนุนยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า

ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กำลังรวบรวมข้อมูลผู้ประกอบการ เพื่อประเมินทิศทางของอุตสาหกรรมต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีแผนการตั้งนิคมอุตสาหกรรม Circular บนพื้นที่ 5,000 ไร่ เพื่อรองรับการจัดการกากของเสียต่าง ๆ ในอนาคตด้วย”

ด้านนายโอตากะกล่าวว่า วันนี้ยินดีที่ได้มีโอกาสได้พูดคุยหารือถึงการขยายการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นที่มาลงทุนในประเทศไทย รู้สึกยินดีที่ทราบว่ารัฐบาลไทยจะยังคงให้การสนับสนุนยานยนต์ ICE และไฮบริด และทางญี่ปุ่นเองก็พร้อมสนับสนุน และที่สำคัญยังมีความยินดีที่จะให้คำปรึกษาเรื่องนิคมอุตสาหกรรม Circular การจัดการพลังงาน รวมถึงเรื่องกากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้

‘ญี่ปุ่น’ พบ!! วัยทำงาน 60% ‘ขาดแรงจูงใจ’ ช่วงหน้าฝน ทำให้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ ‘การทำงาน’ ที่ลดลง

เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทอาหารรายใหญ่ของญี่ปุ่น พบว่าประชาชนคนวัยทำงานในญี่ปุ่นราวร้อยละ 60 รู้สึกขาดแรงจูงใจยามประเทศเข้าสู่ช่วงฤดูฝน

การสำรวจนี้ที่มุ่งเน้นผลกระทบจากรูปแบบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ระบุว่าผู้คนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากความกดอากาศที่ผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะฤดูฝนที่มาช้าในหลายภูมิภาคอย่างคิวชู

เมื่อถามถึงสุขภาพในช่วงฤดูฝน ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.6 ตอบว่า ‘ขาดแรงจูงใจ’ ตามด้วยปัญหาอย่าง ‘ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกไม่สบายตัวอย่างไร’, ‘รู้สึกไม่สบาย’ และ ‘ประสิทธิภาพการทำงานลดลง’

นอกจากนั้น การสำรวจนี้ที่มุ่งเน้นการจัดการสุขภาพและมีผู้ตอบแบบสอบถามทางออนไลน์ อายุ 20-60 ปี จำนวน 2,000 คน ระหว่างวันที่ 26-28 เม.ย. ยังตรวจสอบผลกระทบจากการทำงานระยะไกลต่อสุขภาพด้วย

ผู้ตอบแบบสอบถามราวหนึ่งในสี่ที่ทำงานระยะไกลอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ เผยว่ามีแรงจูงใจลดลงและแนวโน้มทำงานต่อไปแม้รู้สึกไม่สบายตัว โดยภาวะนี้พบมากเป็นพิเศษในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามอายุ 20-29 ปี หรือคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 50

ขณะเดียวกันผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 71 ยอมรับว่าปกปิดปัญหาสุขภาพของตนเองและยังคงทำงานต่อไป โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 30-39 ปี ที่คิดเป็นอัตราสูงสุดถึงร้อยละ 81.2

‘ญี่ปุ่น’ สวนกระแสสังคมไร้เงินสด เริ่มใช้ ‘ธนบัตรรุ่นใหม่’ ในรอบ 20 ปี พิมพ์ด้วยเทคโนโลยีโฮโลแกรมล้ำสมัย ป้องกันการปลอมแปลง

(3 ก.ค. 67) ญี่ปุ่นเริ่มใช้ธนบัตรหมุนเวียนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในรอบ 20 ปี โดยใช้เทคโนโลยีโฮโลแกรมที่ทำให้เห็นหน้าบุคคลสำคัญบนธนบัตรแบบสามมิติ เพื่อป้องกันการปลอมแปลง นับเป็นครั้งแรกในโลกที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวบนธนบัตร

ธนบัตรแบบใหม่นี้มี 3 ราคา ได้แก่ ธนบัตร 10,000 เยน ที่มีภาพของ ‘เออิจิ ชิบูซาวะ’ ผู้ก่อตั้งธนาคารและตลาดหลักทรัพย์แห่งแรก เป็นที่รู้จักกันในนาม ‘บิดาแห่งทุนนิยมญี่ปุ่น’ มีชีวิตอยู่ระหว่างปี พ.ศ.2383-2474

ส่วนธนบัตร 5,000 เยน มีภาพของ ‘อุเมโกะ สึด’ ผู้ก่อตั้งหนึ่งในมหาวิทยาลัยสตรีแห่งแรกในญี่ปุ่น มีชีวิตระหว่างปี 2407-2472 และธนบัตร 1,000 เยน มีภาพของ ‘ชิบาซาบูโระ คิตะซาโตะ’ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์รุ่นบุกเบิกที่มีชีวิตอยู่ในระหว่างปี 2396-2474

โรงพิมพ์ธนบัตรของญี่ปุ่นวางแผนจะพิมพ์ธนบัตรรุ่นใหม่ประมาณ 7.5 พันล้านใบ ภายในสิ้นปีงบประมาณปัจจุบัน และจะพิมพ์ธนบัตรจำนวน 1.85 หมื่นล้านใบ มูลค่า 125 ล้านล้านเยนที่หมุนเวียนอยู่นับถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ธนบัตรที่ยังใช้กันอยู่ในปัจจุบันยังคงใช้ต่อไปได้ ในขณะที่รัฐบาลผลักดันให้ผู้บริโภคและธุรกิจต่าง ๆ ใช้เงินสดน้อยลง เพื่อเปลี่ยนเศรษฐกิจให้เป็นดิจิทัล

‘คาซูโอะ อุเอดะ’ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในพิธีฉลองการใช้ธนบัตรรุ่นใหม่ว่า เงินสดเป็นวิธีการชำระเงินที่ปลอดภัย ซึ่งทุกคนสามารถใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา และจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไป แม้ว่าจะมีวิธีชำระเงินแบบอื่นก็ตาม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top